สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
พุทธสมัยพุทธกาลไม่มีมาสร้างวัดกองอิฐกองปูนอะไรใหญ่โตนะครับ ครองผ้าก็ไม่ใช่ผ้าแบบไทย
ขอข้าวกินก็เอาแค่กันตาย ไม่มีสะสมทรัพใดๆละแล้วซึ่งทางโลกทั้งมวล
พระต้องไปอยู่ในป่าไม่เบียดเบียนประชาชน พุทธมันอยากเป็นศาสนาครับ เพราะถ้าเข้าในเนื้อแก่นแล้วมันเป็นแค่ปรัชญา ไม่มีพิธีกรรมไม่มีสวดมนต์
ไม่มีอ้อนวอนร้องขอต่อสิ่งใดๆ สวดมนต์มันก็มาจากพวกสงฆ์ที่สมัยแรกๆยังไม่มีการจดบันทึกก็ท่องต่อๆกันมา แต่งเติมบ้างเพี้ยนบ้าง
พุทธที่คิดกัน
คือสงฆ์??
คือวัด??
หลักธรรมมันเป็นของสากลที่พิสูจได้มีไม่มีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดเป็นของตาย ถึงไม่มีพระพุทธเจ้าองค์นี้ก็ต้องมีคนคิดได้
มันเป็นเรื่องการรับมือทุกข์สุข เรื่องของสากลโลก
ขอข้าวกินก็เอาแค่กันตาย ไม่มีสะสมทรัพใดๆละแล้วซึ่งทางโลกทั้งมวล
พระต้องไปอยู่ในป่าไม่เบียดเบียนประชาชน พุทธมันอยากเป็นศาสนาครับ เพราะถ้าเข้าในเนื้อแก่นแล้วมันเป็นแค่ปรัชญา ไม่มีพิธีกรรมไม่มีสวดมนต์
ไม่มีอ้อนวอนร้องขอต่อสิ่งใดๆ สวดมนต์มันก็มาจากพวกสงฆ์ที่สมัยแรกๆยังไม่มีการจดบันทึกก็ท่องต่อๆกันมา แต่งเติมบ้างเพี้ยนบ้าง
พุทธที่คิดกัน
คือสงฆ์??
คือวัด??
หลักธรรมมันเป็นของสากลที่พิสูจได้มีไม่มีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดเป็นของตาย ถึงไม่มีพระพุทธเจ้าองค์นี้ก็ต้องมีคนคิดได้
มันเป็นเรื่องการรับมือทุกข์สุข เรื่องของสากลโลก
ความคิดเห็นที่ 12
เรื่องที่แปะน่ะส่วนใหญ่คนไทยที่นับถือพุทธแบบเถรวาทเขียนให้เว่อร์เพื่ออวยศาสนาตัวเองต่างหาก จริงๆแล้ว Jung ศึกษาศาสนาและลัทธิต่างๆมากมายหลายอย่าง และพูดถึงพุทธแค่เป็น allusion เท่านั้น
เช่น
Later, Buddhism underwent the same transformation as Christianity: Buddha became, as it were the image of the development of the self; he became a model for men to imitate, whereas actually he had preached that by overcoming the Nidana-chain every human being could become an illuminate, a Buddha.’
Jung ศึกษา alchemy ด้วย
อย่างเช่น
The archetypes, as Jung conceived them, were a scientific identification of recurring motifs in the mind that had previously been the foundation of religious dogmas. Religious imagery often directly manifested archetypal material which explains why Jung had an intense interest in mandala, which he believed to be pictures representing conscious states of mind. In ‘Psychology and Alchemy’ (pages 128-129) Jung writes;
‘Just as the stupas preserve the relics of the Buddha in their innermost sanctuary, so in the interior of the Lamaic quadrangle, and again in the Chinese earth-square, there is a Holy of Holies with its magical agent, the cosmic source of energy, be it the god Shiva, the Buddha, a bodhisattva, or a great teacher. In China it is Ch’ien – heaven – with the four cosmic effluences radiating from it.’
แหล่งที่มา
http://thesanghakommune.org/2013/04/18/carl-jung-buddhism/
แต่โดยส่วนตัวแล้วเราไม่เชื่อว่าคนที่นับถือพุทธแบบเถรวาท หรือพระที่บวชและปฏิบัติแบบเถรวาท ล้วนๆ จะมีใครคนไหนบรรลุนิพพานได้ เพราะเราก็ศึกษาหลายศาสนาหลายลัทธิเปรียบเทียบกันเหมือนกับ Jung และค้นพบว่า
ปราชญ์ฮินดูที่บรรลุแบบพระพุทธเจ้าก่อนพระพุทธเจ้าเกิดก็มี แต่บรรลุได้ด้วยการฝึก alchemy
นักพรตเต๋าที่บรรลุเป็นเซียน (เซียนของเต๋าเทียบเท่าพระโพธิสัตว์ของพุทธ) ก็บรรลุได้ด้วยการฝึก alchemy
พระอรหันต์ตั๊กม้อผู้ก่อตั้งวัดเส้าหลิน ก็บรรลุได้ด้วยการฝึก alchemy เพราะฝึก alchemy เมื่ออายุ 180 ปีท่านจึงยังกระโดดสูงๆ และออกอาวุธมวยจีนได้รวดเร็วแม่นยำและทรงพลัง
พระธิเบตก็ฝึก alchemy
แต่ในขณะที่พระไทยฝึกแต่พระธรรมวินัย กับแค่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ออกกำลังไม่ได้เพราะวินัยสงฆ์ห้ามออกกำลัง (คนไทยคิดขึ้นเอง พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามพระออกกำลัง) บิณฑบาตรับอาหารที่เต็มไปด้วยสารพิษที่ชาวบ้านนำมาถวาย พระไทยเลยสุขภาพไม่ดีเมื่ออายุมากเข้า กลายเป็นไม่มี vehicle (ยาน) ที่จะนำพาตนเองไปสู่การบรรลุได้แต่อย่างใด
ตอนเด็กๆเราเคยป่วยเป็น panic attack อาการป่วยนี้ทำลายอนาคตเราที่จะเป็นนักกีฬาชั้นนำไปเลย เพราะไปแข่งกีฬาแล้วหัวใจเต้นแรงมือไม้สั่นแข่งไม่ได้ เราศึกษาพุทธแบบเถรวาทเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมทำบุญเพื่อล้างบาปอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ตามที่พุทธแบบเถรวาทสอน (ที่คำสอนส่วนใหญ่คนไทยแต่งขึ้นมาเอง) มันก็ไม่ได้ทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นมาได้เลย
แต่อยู่ดีๆเราอ่านหนังสือพุทธแบบเซนที่นักไอคิโด้ญี่ปุ่นเขียน พออ่านไปถึงบทที่เกี่ยวกับการหายใจอย่างถูกต้องเพื่อให้มีพลังนะ เราอ่านไปเพียงแค่ไม่กี่บรรทัดเอง เราก็เรียนรู้ว่าการหายใจแบบไหนทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นหรือช้าลง จากนั้นเมื่อเราตื่นเต้นมากๆตอนเผชิญกันเหตุการณ์ที่คับขันเราก็ควบคุมตัวเองได้ โดยการหายใจให้หัวใจเราเต้นช้าลง เพื่อขจัดอาการตื่นตระหนกให้หมดไปได้ และตั้งสติรับมือกับสถานการณ์ได้
^
ที่น่าทึ่งก็คือนักไอคิโด้คนนี้เคยป่วยเป็นเยื่อหุ้มปอดอักเสบเพราะเคยเล่นยูโดแล้วโดนทุ่มแรงๆจนป่วยเรื้อรัง เขาเข้าวัดญี่ปุ่นนิกายเซน แล้วพระญี่ปุ่นที่ทำอาหารสุขภาพ (อาหาร macrobiotic) กินเอง (ไม่บิณฑบาต) สอนวิชาเดินลมปราณให้เค้า (วิชาพวกนี้มาจากวัดเส้าหลิน) เค้าฝึกๆไปประมาณเกือบๆปีหนึ่งแล้วอยู่ดีๆอาการป่วยของเค้าก็หายไปได้เอง โดยไม่ต้องทำบุญตักบาตร ไม่ต้องอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรแบบที่พุทธแบบเถรวาทสอน
จากนั้นเราก็กินอาหาร macrobiotic อย่างที่พระญี่ปุ่นกิน แล้วสุขภาพเราก็ดีขึ้น เราจึงเริ่มตระหนักว่าศาสนาพุทธที่แท้จริงสอนเรื่องการดูแลสุขภาพ แต่ศาสนาพุทธแบบเถรวาทไม่สอนเรื่องการดูแลสุขภาพ เราจึงไม่เชื่อว่าพุทธแบบเถรวาทเป็นศาสนาที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก
^
จริงๆแล้วเราคิดไปไกลยิ่งกว่านั้น นั่นก็คือ
*****คำสอนพุทธแบบเถรวาทคนไทยแต่งขึ้นมาเอง พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน*****
เช่น
Later, Buddhism underwent the same transformation as Christianity: Buddha became, as it were the image of the development of the self; he became a model for men to imitate, whereas actually he had preached that by overcoming the Nidana-chain every human being could become an illuminate, a Buddha.’
Jung ศึกษา alchemy ด้วย
อย่างเช่น
The archetypes, as Jung conceived them, were a scientific identification of recurring motifs in the mind that had previously been the foundation of religious dogmas. Religious imagery often directly manifested archetypal material which explains why Jung had an intense interest in mandala, which he believed to be pictures representing conscious states of mind. In ‘Psychology and Alchemy’ (pages 128-129) Jung writes;
‘Just as the stupas preserve the relics of the Buddha in their innermost sanctuary, so in the interior of the Lamaic quadrangle, and again in the Chinese earth-square, there is a Holy of Holies with its magical agent, the cosmic source of energy, be it the god Shiva, the Buddha, a bodhisattva, or a great teacher. In China it is Ch’ien – heaven – with the four cosmic effluences radiating from it.’
แหล่งที่มา
http://thesanghakommune.org/2013/04/18/carl-jung-buddhism/
แต่โดยส่วนตัวแล้วเราไม่เชื่อว่าคนที่นับถือพุทธแบบเถรวาท หรือพระที่บวชและปฏิบัติแบบเถรวาท ล้วนๆ จะมีใครคนไหนบรรลุนิพพานได้ เพราะเราก็ศึกษาหลายศาสนาหลายลัทธิเปรียบเทียบกันเหมือนกับ Jung และค้นพบว่า
ปราชญ์ฮินดูที่บรรลุแบบพระพุทธเจ้าก่อนพระพุทธเจ้าเกิดก็มี แต่บรรลุได้ด้วยการฝึก alchemy
นักพรตเต๋าที่บรรลุเป็นเซียน (เซียนของเต๋าเทียบเท่าพระโพธิสัตว์ของพุทธ) ก็บรรลุได้ด้วยการฝึก alchemy
พระอรหันต์ตั๊กม้อผู้ก่อตั้งวัดเส้าหลิน ก็บรรลุได้ด้วยการฝึก alchemy เพราะฝึก alchemy เมื่ออายุ 180 ปีท่านจึงยังกระโดดสูงๆ และออกอาวุธมวยจีนได้รวดเร็วแม่นยำและทรงพลัง
พระธิเบตก็ฝึก alchemy
แต่ในขณะที่พระไทยฝึกแต่พระธรรมวินัย กับแค่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ออกกำลังไม่ได้เพราะวินัยสงฆ์ห้ามออกกำลัง (คนไทยคิดขึ้นเอง พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามพระออกกำลัง) บิณฑบาตรับอาหารที่เต็มไปด้วยสารพิษที่ชาวบ้านนำมาถวาย พระไทยเลยสุขภาพไม่ดีเมื่ออายุมากเข้า กลายเป็นไม่มี vehicle (ยาน) ที่จะนำพาตนเองไปสู่การบรรลุได้แต่อย่างใด
ตอนเด็กๆเราเคยป่วยเป็น panic attack อาการป่วยนี้ทำลายอนาคตเราที่จะเป็นนักกีฬาชั้นนำไปเลย เพราะไปแข่งกีฬาแล้วหัวใจเต้นแรงมือไม้สั่นแข่งไม่ได้ เราศึกษาพุทธแบบเถรวาทเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมทำบุญเพื่อล้างบาปอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ตามที่พุทธแบบเถรวาทสอน (ที่คำสอนส่วนใหญ่คนไทยแต่งขึ้นมาเอง) มันก็ไม่ได้ทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นมาได้เลย
แต่อยู่ดีๆเราอ่านหนังสือพุทธแบบเซนที่นักไอคิโด้ญี่ปุ่นเขียน พออ่านไปถึงบทที่เกี่ยวกับการหายใจอย่างถูกต้องเพื่อให้มีพลังนะ เราอ่านไปเพียงแค่ไม่กี่บรรทัดเอง เราก็เรียนรู้ว่าการหายใจแบบไหนทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นหรือช้าลง จากนั้นเมื่อเราตื่นเต้นมากๆตอนเผชิญกันเหตุการณ์ที่คับขันเราก็ควบคุมตัวเองได้ โดยการหายใจให้หัวใจเราเต้นช้าลง เพื่อขจัดอาการตื่นตระหนกให้หมดไปได้ และตั้งสติรับมือกับสถานการณ์ได้
^
ที่น่าทึ่งก็คือนักไอคิโด้คนนี้เคยป่วยเป็นเยื่อหุ้มปอดอักเสบเพราะเคยเล่นยูโดแล้วโดนทุ่มแรงๆจนป่วยเรื้อรัง เขาเข้าวัดญี่ปุ่นนิกายเซน แล้วพระญี่ปุ่นที่ทำอาหารสุขภาพ (อาหาร macrobiotic) กินเอง (ไม่บิณฑบาต) สอนวิชาเดินลมปราณให้เค้า (วิชาพวกนี้มาจากวัดเส้าหลิน) เค้าฝึกๆไปประมาณเกือบๆปีหนึ่งแล้วอยู่ดีๆอาการป่วยของเค้าก็หายไปได้เอง โดยไม่ต้องทำบุญตักบาตร ไม่ต้องอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรแบบที่พุทธแบบเถรวาทสอน
จากนั้นเราก็กินอาหาร macrobiotic อย่างที่พระญี่ปุ่นกิน แล้วสุขภาพเราก็ดีขึ้น เราจึงเริ่มตระหนักว่าศาสนาพุทธที่แท้จริงสอนเรื่องการดูแลสุขภาพ แต่ศาสนาพุทธแบบเถรวาทไม่สอนเรื่องการดูแลสุขภาพ เราจึงไม่เชื่อว่าพุทธแบบเถรวาทเป็นศาสนาที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก
^
จริงๆแล้วเราคิดไปไกลยิ่งกว่านั้น นั่นก็คือ
*****คำสอนพุทธแบบเถรวาทคนไทยแต่งขึ้นมาเอง พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน*****
ความคิดเห็นที่ 34
ดิฉันนับถือศาสนาพุทธที่เรียนจิตวิทยา พบว่าคำสอนของทางจิตวิทยา ไม่ว่าเรื่อง แรงจูงใจ กระบวนการรับรู้ อารมณ์ความรู้สึก ความคิด ตัณหา ฯลฯ
ล้วนมีอยู่แล้วในคำสอนของพุทธศาสนา เพียงแต่ใช้ศัพท์ที่ต่างกัน
ตนเองยังคิดว่า ที่เราไปทึ่งทฤษฎีของต่างประเทศนั้น แท้ที่จริงของพุทธก็มี แต่เราไม่เคยศึกษาให้ลึกซื้งเองต่างหาก
คำสอนของพุทธศาสนานั้นลึกซึ้งเหนือวิชาการทางจิตวิทยา
เช่นเรื่องของจิต การดำเนินของจิตจากการปฏิบัติภาวนา (ทั้งสมถะ และวิปัสสนา) นั้น จิตวิทยายังไม่สามารถเข้าถึงได้เหมือนพุทธศาสนา
ที่คาร์ล จุง ยกย่องพุทธศาสนานั้น ดิฉันเห็นด้วยค่ะ
ล้วนมีอยู่แล้วในคำสอนของพุทธศาสนา เพียงแต่ใช้ศัพท์ที่ต่างกัน
ตนเองยังคิดว่า ที่เราไปทึ่งทฤษฎีของต่างประเทศนั้น แท้ที่จริงของพุทธก็มี แต่เราไม่เคยศึกษาให้ลึกซื้งเองต่างหาก
คำสอนของพุทธศาสนานั้นลึกซึ้งเหนือวิชาการทางจิตวิทยา
เช่นเรื่องของจิต การดำเนินของจิตจากการปฏิบัติภาวนา (ทั้งสมถะ และวิปัสสนา) นั้น จิตวิทยายังไม่สามารถเข้าถึงได้เหมือนพุทธศาสนา
ที่คาร์ล จุง ยกย่องพุทธศาสนานั้น ดิฉันเห็นด้วยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมนักจิตวิทยาโลก ยกให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก
เป็นศิษย์เอกของ Sigmund Freund บิดาแห่งจิตวิทยาชาวออสเตรีย และคาร์ล จุง ยังเป็นเพื่อนสนิทของอัลเบิร์ต ไอร์สไตน์ และยังเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงฐานะเป็นผู้บุกเบิกระบบจิตวิเคราะห์(Psychoanalysis)
จะเห็นได้ว่าแม้แต่สายตานักปราชญ์โลก ก็ยังให้ความสนใจในพระพุทธศาสนา ในขณะที่สถานการณ์ตอนนี้กระแสข่าวเกี่ยวกับศาสนามีมามากมายในขณะนี้จะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นข่าวลบๆเสียมากกว่าทั้งๆที่เป็นเมืองพุทธแท้ๆแต่ก็มีการประโคมข่าวเสียๆเยอะเหลือเกิน จนเริ่มจะกลืนกินวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษท่านทำไว้ดีงามอยู่แล้ว พร้อมๆกับการนับถือพุทธศาสนาเป็นหลักครองใจในการดำเนินชีวิต ก็กำลังจะกลายเป็น เพียงนับถือพุทธ ตามสำเนาทะเบียนบ้านเท่านั้น !! หากจะตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับศาสนาพุทธ ก็คงจะไม่ถูกนัก เพราะแม้แต่นักปราชญ์ชาติต่างๆที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็ยังได้กล่าวคำสดุดีและยอมรับนับถือพระพุทธศาสนา เป็นหลักในการดำเนินชีวิต แม้แต่ ศาสตราจารย์คาร์ล กุสตาฟ จุง เองก็ตามยังยกย่องให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่สมบูรณ์มากที่สุดที่โลก
หากไม่เชื่อก็สามารถศึกษาข้อมูล อ่านจากบทความของ ศาสตราจารย์คาร์ล กุสตาฟ จุง เองได้