ผมขับรถจาก กรุงเทพ ใช้เส้น จันทบุรี-ตราด ขับสบายๆเรื่อย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชม. ก็จะถึงสำนักงานต้อนรับ จะอยู่ที่ท่าเรือแหลมศอก สังเกตุได้ง่ายจากหลังคาสูงที่ทำจากหญ้าคาเลย เห็นว่าเร็วๆ นี้ทางรีสอร์ทจะทำป้ายบอกทางตั้งไว้ริมถนนเพิ่ม
ที่จอดรถเป็นแบบในร่ม มีรปภ.เฝ้าตลอดครับรับรองปลอดภัย และบริการฟรี และ ทางรีสอร์ทก็จะมีบริการไปส่ง ขึ้นเรือด้วยรถคันนี้ครับ



ทางนั้นทางรีสอร์ท ก็พาพวกเรา ไปขึ้นเรือ Speed Boat ส่วนตัวของรีสอร์ท ปกติ ต้องไปขึ้นที่ท่าเรือ Coral Beach แต่วันนี้คลื่นค่อนข้างแรง เลยต้องมาขึ้นที่ท่าเรือแหลมศอกแทน




เรือค่อนข้างเป็นส่วนตัว และ นั่งสบายมากๆ เพราะให้บริการเฉพาะแขกของทางโรงแรม โดยลำที่ผมนั่งไปก็มีแต่เพื่อนที่มหาลัยไปด้วยกัน ทั้งหมด 4 คนครับ


ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง เมื่อมาถึง ก็จะมีพนักงานมารอต้อนรับ



อยู่ด้านหน้าของรีสอร์ท โดยปกติแล้วถ้าคลื่นไม่แรง เรือ Speed Boat สามารถ
จอดที่หน้าหาดได้เลย แต่วันนี้เรือมาจอดที่ท่าเรือในคลองเจ้าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ท มีรถรีสอร์ทมาคอยรับอยู่แล้วใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 5 นาที

จากนั้น พี่พนักงานก็พาเราไปยังห้องพักครับ ระหว่างทางก็แนะนำข้อมูลต่างๆ ภายในรีสอร์ทไปด้วย เพลินเลย ส่วนกระเป๋าไปรอเราที่ห้องแล้วครับ

ที่ High Season Pool Villa & Spa มีสระส่วนตัวที่ห้องทุกหลัง
มีทั้งหมด 42 หลัง ห้องพักแบ่งเป็น 3 แบบ คือ
1. Beachfront Suite Pool Villa จะอยู่ติดกับหน้าหาดเลยมีแค่ 3 หลัง ราคาแพงสุด
2. Grand Pool Villa เป็นแบบหลังเดี่ยวๆ ขนาดจะเล็กกว่าแบบแรก และราคาก็จะรองลงมา
3. เป็นแบบที่เราได้มาพักในครั้งนี้ครับ คือ Deluxe Pool Villa เป็นห้องพักแบบเริ่มต้นของที่นี่


ห้อง Beachfront Suite Pool Villa ครับ สามารถมองเห็นทะเลได้จากห้องเลย ฟินสุดๆ




อีกจุดที่ผมชอบที่นี่ คือ ห้องน้ำใหญ่มากครับ แทบจะนอนได้เลย และอ่างอาบน้ำก็กว้างมากด้วยน่าจะแช่พร้อมกันได้ 2 คนแบบสบายๆ
ที่ห้องนี้ จะสามารถนอนดูดาวได้จากอ่างอาบน้ำเลย เพราะข้างบนน่าจะเป็นแผ่นอะครีลิคใส


มีมุมให้ไปนั่งพักผ่อนชิลๆ ที่เป็นตาข่ายอาบแดดด้วยนะ


ที่รีสอร์ท ดีไซน์ให้อิงกับธรรมชาติสุดๆ สังเกตได้จากเฟอร์นิเจอร์ที่นำมาใช้ตกแต่ง




ต่อมาเป็น ห้อง Grand Pool Villa ราคาจะรองลงมา ห้องถูกแบ่งโซนชัดเจน ระหว่างส่วนของเตียงนอนและส่วนนั่งเล่น



ห้องนี้จะพิเศษ ตรงที่มีโซนอาบน้ำ แบบไทยๆ เติมเข้ามา จากห้องน้ำปกติ ฝรั่งน่าจะชอบนะครับ ส่วนพวกเราคนไทย มาทั้งทีแช่น้ำไว้ก่อน


ห้องแบบสุดท้ายคือ Deluxe Pool Villa จะเป็นห้องพักพวกเราในทริปนี้


เข้ามาถึงก็มี Welcome Drink เย็นๆ ต้อนรับครับ Welcome Drink ของที่นี่ใช้ชื่อว่า Green Island นะครับ ดื่มไปแล้วรู้สึกสดชื่นมาก
หายเหนื่อยจากการเดินทางเลยครับ  มี Vodka แยกด้วย สำหรับคนไม่ดื่ม แอลกอฮอล


สำหรับคืนแรกของการพัก จะมีไวน์ ให้ด้วยครับ แต่ผมและเพื่อนๆไม่มีใครดื่มเลย TT


ห้องกว้างมาก ในห้องจะมีกลิ่นตะไคร้ บางๆ รู้สึกดีนะ


ห้องDeluxe Pool Villa จะมีทั้งเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ครับ เหมาะสำหรับจะมาพักเป็นครอบครัว
เพราะจะมีประตูเปิดหากันได้ระหว่าง 2 ห้อง



โซน ห้องน้ำ ก็กว้างมาก

จุดเด่นของห้องน้ำที่นี่ อีกข้อนึงก็คือทุกหลังจะมีฝักบัวแบบ Rain Shower ที่มีลักษณะเหมือน Open Air ซึ่งก็มีการปิดด้วยแผ่นอะคริลิคใส เพื่อป้องกันแมลงและเศษใบไม้
อ่างอาบน้ำก็มีขนาดใหญ่ และชุดสบู่ที่นี่ผลิตเองจากวัสดุธรรมชาติ เป็นกลิ่นตะไคร้หอม


ที่ High Season Pool Villa & Spa ตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางของหาดคลองเจ้า ซึ่งเป็นหาดที่สวยหาดนึงของเกาะกูดเลย ช่วงที่ไปไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไร เป็นส่วนตัวมาก ชิลกันสุดๆ


มื้อเย็น เรามาทานกันที่ร้านอาหารหลักของรีสอร์ทครับ ชื่อว่า Beach Front Restaurant ที่รีสอร์ท นี้มีร้านอาหารทั้งหมด 4 ร้าน
ได้แก่
1. Beach Front Restaurant เป็นห้องอาหารหลัก มีทั้งอาหารไทยและยุโรปบริการ
2. Italian Restaurant บริการอาหารอิตาเลียน ซึ่งตอนที่ผมไป เขาเพิ่งปรับปรุงเสร็จพอดี ให้บริการแขกนอกที่ไม่ได้พักกับรีสอร์ทด้วย ซึ่งจะตั้งอยู่โซนด้านหน้าของรีสอร์ท
3. Thai Restaurant บริการอาหารไทย ตอนที่ผมไปเขากำลังปรับปรุงกันอยู่ ซึ่งก็จะอยู่โซนหน้าให้บริการแขกนอกด้วยเช่นกัน
4. The Coffee Terrace เป็นร้านกาแฟ และ เบเกอรี่ บริการอยู่ด้านหน้าของรีสอร์ท รับแขกนอกด้วยเช่นกันครับ


สำหรับมื้อเย็นวันนี้

เริ่มต้นที่ ผัดไทยกุ้งสดครับ กุ้งมาตัวใหญ่ๆ เลย

จานที่สองเป็นสเต็กปลากระพง

อันหลังๆ เริ่มจำชื่อไม่ได้ เพราะหิว แต่รสชาติดีครับ




ตรงนี้จะเป็น The Coffee Corner ซึ่งเป็นมุมเครื่องดื่มหลักของรีสอร์ทเลย มีบริการเครื่องดื่มตลอดวัน รวมถึงกาแฟด้วยนะครับ


วันถัดมา ตอนเช้า เราเริ่มมื้อเช้า ด้วยบุฟเฟต์บนชั้น 2 ของ Beach Front Restaurant ซึ่งวิวดีมาก เข้าใจเลยว่าทำไมร้านอาหารนี้ถึงใช้ชื่อนี้ เพราะวิวที่มองเห็นทะเล บรรยากาศดีสุดๆ
เข้าเรื่องอาหารกันต่อ เป็นบุฟเฟต์แบบจัดเต็มมาก มีทั้งอาหารไทย, อาหารยุโรป, ห้องชีส , สลัดบาร์, มุมออมเล็ต ช่วงที่ผมไปไม่ค่อยมีแขกเท่าไร กินคุ้มเลย






กินข้าวเสร็จแล้วก็แวะแอบถ่ายรูปกับห้องที่แพงที่สุดกันหน่อย ตอนนี้ไม่มีลูกค้าพักนะครับ


อากาศร้อนๆ ก็เลยโทรสั่งน้ำส้มเย็นๆ มานั่งดื่มให้ชื่นใจสักหน่อย


The Coffee Terrace ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของทางรีสอร์ท มีกาแฟและเบเกอรี่บริการครับ คนที่ไม่ใช่ลูกค้าของรีสอร์ทก็สามารถมาใช้บริการได้นะครับ เพราะอยู่ริมถนนเลย

ช่วงนี้มีเมนูรับซัมเมอร์คือ Mango Tango ข้างบนจะเป็นมะม่วง ข้างล่างจะเป็นพานาค๊อตต้า ครับ รสชาติดีเลย


ทางรีสอร์ทมีบริการสปา สปาของที่นี่ มีชื่อว่า High Spa ครับ เป็นชุดอาคารหมู่ ออกแบบมาสวยดีครับ มีสระน้ำอยู่ด้านล่าง บรรยากาศผ่อนคลาย
ห้องจะมีทั้งหมด 4 แบบ นะครับ คือ ห้องนวดปกติ, ห้องซาวน่า, ห้องสตรีม, ห้องวิชชี่ครับด้วย พวกเพื่อนผู้หญิงประทับใจมากกกกก ส่วนผมไม่อินเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยชอบนวดครับ






นวดกันเสร็จ ก็ไปนั่งชิวที่ชายหาดสักหน่อย เราสามารถสั่งเครื่องดื่มมา ดริงก์ได้ที่เตียงหน้าหาดก็ได้นะครับ





หาดที่นี่ คนน้อยมากๆ และน้ำก็ใสสุดๆ



บริเวณหน้าหาดจะมีเตียงนวดให้บริการด้วยเป็น Beach Massage ครับ



Beach Bar ช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนเท่าไร



ที่รีสอร์ท มีเรือให้ยืม ไปพายเล่นกันด้วย


ภาพมุมสูง ผมใช้โดรนบินถ่าย รีสอร์ทออกแบบมาให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นหลังคาที่ทำจากหญ้าคา หรือแม้กระทั่งตัวอาคารที่เป็นเหมือนบ้านดิน
เห็นพี่พนักงานบอกว่าที่ใช้สีเหลืองเพราะว่าดินที่เกาะกูดมีสีเหลือง แสดงว่าเจ้าของรีสอร์ทใส่ใจในรายละเอียดมากๆ เลย
ทางเดินภายในรีสอร์ทก็ออกแบบมาให้เหมือนไม้หมอน ได้สัมผัสของธรรมชาติดีครับ
ที่นี่เดิมทีเป็นสวนมะพร้าวเก่าครับ ทำให้มีต้นมะพร้าวเยอะมาก ซึ่งปกติจะใช้คนเก็บลูกมะพร้าวเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้หล่นลงมาอันตรายกับแขก



มาถึงสระว่ายน้ำกันบ้าง สระว่ายน้ำที่นี่มีชื่อว่า Galaxy Pool ครับ เป็นสระเกลือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเกาะกูดเลย น่าว่ายสุดๆ