เขื่อนเชี่ยวหลาน หรือ อุทยานแห่งชาติเขาสก หรือ เขื่อนรัชชประภา นั้นเอง
ที่สุราษฎร์ธานี ดินแดนภาคใต้ของประเทศไทย สวยงามด้วย เขาสามเกลอ และ กุ้ยหลินเมืองไทย
ชวนสมาชิกไปเยอะๆ ค่าใช้จ่ายจะได้ถูกๆ นะคะ
ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
1.ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป- กลับ อุดรธานี – กรุงเทพฯ 1,600 ( **ราคานี้จองล่วงหน้า 1 เดือน Thai Lion Air )
2. .ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป- กลับ กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี 1,700 ( **ราคานี้จองล่วงหน้า 1 เดือน Thai Lion Air )
3.ค่าโดยสารจากสนามบินสุราษฎร์ธานี ไปตลาดเกษตร 100 บาท (** ซื้อได้ที่ทางออกสนามบินสุราษฎร์ธานี เค้าน์เตอร์ Shuttle Bus )
4.ค่าโดยสารจากตลาดเกษตรไปปากทางเข้าเขื่อน 80 บาท (รถตู้ สุราษฎร์ธานี – เขาสก)
5.ค่าโดยสารจากปากทางเข้าเขื่อนจนถึงตัวเขื่อนเชี่ยวหลาน 200 บาท (**ราคานี้เป็นราคาเหมา ต่อ 4 ทาน หากมากกว่า 4 ท่านไม่ควรจะเกิน 300 บาท หรือน้อยกว่า 4 ท่านก็คิดราคา 200 บาทนะคะ)
6.ค่าที่พัก เราเลือกพักที่แพ ภูผาวารี ค่าที่พัก 10,400 บาท/คืน พักได้จำนวน 4 ท่าน ( ห้องพัดลม ** ราคานี้รวม /ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน / ค่าเรือ รับ-ส่ง เรือยังพาเราไปดูพระอาทิตย์ตก และ เป็นเรือส่วนตัวจะรับ-ส่งแค่นักท่องเที่ยว 1 กลุ่มที่เข้าพักไม่ปะปนกะคนอื่นคะ / ค่าอาหาร 3 มื้อ ซึ่งอาหารสามารถเติมได้ตามใจ ยกเว้นผลไม้ที่ไม่สามารถเติมได้ ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่
http://phuphawaree.com/room.asp ) แต่คิดว่าราคาแพงไปสามาไปติดต่อได้ที่ท่าเรือในเขื่อน มีราคาเหมาเรือ แต่อาจไม่คุ้มไม่ส่วนตัวด้วย
อุปกรณ์
หมอนรองคอ / รองเท้าเเตะ / ชุดสบายๆ / แว่นกันแดด / ครีมกันแดด / ลำโพงบูลทูธ/ แบตสำรองสำคัญมาก / ขนมเครื่องดื่มแวะซื้อได้เชเว่นทางเข้าเขื่อน / อย่าลืมกล้องถ่ายรูป ไว้เก็บภาพสวยๆ / ในตัวเขื่อนไม่มีสัญญาณ หากอดทนไม่ไหวแนะนำพกซิม AIS เข้าไปด้วยอาจมีบ้างเล็กน้อย
มาออกเดินกันได้แล้ว……!!!!
ออกเดินทางวันเสาร์ช่วงเย็น จาก อุดรธานี – กรุงเทพฯ 17.10 - 18.10 น. เลือกพักที่ กรุงเทพฯ 1 คืน แนะนำวิธีประหยัดนะ ให้เพื่อนมารับและพักฟรีกับเพื่อน อิอิ
วันอาทิตย์ ช่วงเช้า ออกเดินทาง กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี 06.00 – 07.10 น. เครื่องลงไปซื้อตั๋วที่ Shuttle Bus ด้านหน้าของทางออก ราคา 100 บาท/ท่าน เป็นรถบัส หรือรถตู้ เดินทางไปยังตลาดเกษตร รถโดยสารที่สุราษฎร์ธานี ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ส่วนใหญ่เป็นเครือของบริษัทพันทิพย์ จากนั้นซื้อตั๋วรถต่อไปที่เขาสก ราคา 80บาท/ท่าน ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 20 นาที ลงที่ทางเข้าเขื่อนเดินข้ามถนน
แล้วจะเจอกระท่อม มีป้ายเบอร์โทรติดต่อรถเข้าเขื่อน เป็น รถกระป๋อง ** รถสะอาดมาก ราคา 200 บาท/ 4 ท่าน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-30 นาที ถึงอุทยานเขาสก หรือ เขื่อนนั้นเอง
จากนั้นลงไป ติดต่อที่ทางลงเรือ เราจ่ายค่ามัดจำก่อนไปแล้วครึ่งหนึ่ง ไปจ่ายส่วนที่เหลือที่เขื่อน เมื่อจ่ายครบพนักงานจะไปซื้อตั๋วเข้าไปยังที่พักในเขื่อนให้เราเอง อ่อที่มีแพสยามสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น หล่อมาก..!! จากนั้นคนขับรถก็จะมารับสัมภาระของเราลงไปยังเรือ (เรือไม้) จากนั้นไปในเขื่อนกัน .. ลุย ..// กันเลย
มีบริการเรือ ที่ไม่ใช่ของแพโดยตรง แต่ต้องไปร่วมกับนักท่องเที่ยวท่านอื่น อัตราค่าโดยสารตามนี้
เดินทางจากท่าเรือไปยังที่พักใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ระหว่างทางคนขับเรือจะเล่าประวัติเกี่ยวกับเขื่อน และบรรยายจุดต่างๆตามเขื่อน จอดเรือให้ชม
“ กุ้ยหลินเมืองไทย “ จุดเด่นของที่นี้ และพาไปพักถ่ายรูปที่
“ เขาสามเกลอ “ เป็นสถานที่ ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาเก็บภาพความประทับใจ จากนั้นนั่งเรือชมวิวไปจนถึงที่พัก
ในที่สุดก็มาถึงแล้ว...!!!
เช็คอินเข้าที่พัก ดูห้องพักเก็บสัมภาระ พร้อมทานอาหารกลางวัน
ช่วงประมาณ 17.30 น. เรือจะมารับเราที่หน้าแพเพื่อพาไปชม พระอาทิตย์ตก หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จก็ทำกิจกรรมได้ตามใจ เราเลือกเสพบรรยากาศโดยการถ่ายรูป 555++ จากนั้นเล่นน้ำ โดดน้ำกัน มีเรือประจำที่พัก 1 ลำ/ห้อง หากอยากพายเรือไม้พายไม่ต้องเช่าแต่มีค่ามัดจำจำนวน 500 บาท/1ไม้ มีจักรยานน้ำให้ปั่น 100บาท/ชม. มีที่สำหรับโดดน้ำอยู่ที่แพกลาง และสถานที่ให้อาหารปลา
ช่วงเย็นคนขับเรือมารับไปดูพระอาทิตย์ตก โชคดีได้พี่ขับเรือใจดีและน่ารักมากๆ พาไปชมความอุดมสมบูรณ์ของป่า และพาแวะเกาะ แต่โดยรวมบนเกาะไม่สวยอะไรมากมาย พี่ขับเรือใจดีพาขับไปดูพระอาทิตย์อยู่กลางเขื่อน ช่วงนี้เป็นช่วงที่ส่วนตัวแล้วชอบมากสำหรับ ทริปนี้ มันสวยมากเกินคำบรรยาย มีนกบินหลากหลายชนิดเสียงลมธรรมชาติ ความเย็นของน้ำในเขื่อน และพระอาทิตย์ที่เคลื่อนตัวกำลังจะลับขอบฟ้าตรงหน้าเมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
กลับเข้าที่พักรับประทาอาหาร อาหารที่นี้เป็นอาหารพื้นบ้าน อร่อยทุกอย่าง
จากนั้นเข้าห้องพักอาบน้ำ เปิดเพลงเบาๆ ฟัง นั่งบริเวณหน้าบ้านเอาเท้าจุ่มน้ำ จิบเบียร์เบาๆ บรรยากาศสวยลมเย็น
บางห้องอาจเป็นคนแถวนี้จึงขับรถยนต์มาจอดที่ท่าเรือในเขื่อน ขนของมาพร้อม มีทั้งเบียร์กระป๋อง ขนม ลำโพง กีตาร์ น่าสนุกมาก ดึกสักหน่อย หรือเริ่มได้ที่ เราก็เขานอนกัน เพราะไม่ต้องดื่มเยอะก็เมา แพจะโยกไปโยกมาตลอด บางคนควรเตรียมยาแก้เมาไปด้วย
เช้าวันรุ่งขึ้นมาเก็บของไปรับประทานอาหารเช้าที่แพกลาง และเช็คเอ้าท์ อาหารเช้าเวอร์วังมาก มีทุกอย่าง กาแฟโอวันติน ข้าวต้ม ข้าวผัด ขนมปังปิ้ง ชุด breakfast
ทานข้าวเสร็จ นั่งให้อาหารปลา เดินเก็บบรรยากาศรอบๆแพ ลืมบอกไป ที่นี้เปิดให้ใช่ไฟประมาณช่วง 17.00 น – 09.00 น โดยประมาณ อ่อเราลองใช้เครื่องรีดผมมันใช้ได้ไฟฟ้าไม่ดับ อิอิ สาวๆ สบายใจได้ 08.30 น ขึ้นเรือเดินทางกลับ การเดินทางกลับ ก็เช่นเคยเหมือนเราเดินทางมา
ถ่ายรูปร่วมกันกับพี่คนขับเรือคนใส่เสื้อดำนี้เหละใจดีสุด // เราควรมีน้ำใจให้พี่เขานิดๆหน่อยๆนะคะ พี่ีเขาบริการดี บริการด้วยใจจริงๆ
ทริปเชี่ยวหลานจบแล้ว แต่เรา 3 คน เลือกไปเที่ยวต่อที่สมุย เพราะไหนๆ ก็จ่ายค่าเครื่องมาละ หากชอบทริปนี้เราจะมารีวิวต่อ ทริป สมุย ห้องพักถูกมากขอบอก *** ส่วนเชี่ยวหลานมีทริปที่มากกว่า 1 คืนทางที่พักจะพาเราไปทำกิจกรรมนอกแพ แต่ก็แล้วแต่เพื่อนๆ ชอบนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านรีวิวนะคะ ที่เชี่ยวหลานสวยมากขอบอก คนใต้ใจดี ด้วย
[CR] 2 วัน 1 คืน 3 เรา | เที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน | แพภูผาวารี
ชวนสมาชิกไปเยอะๆ ค่าใช้จ่ายจะได้ถูกๆ นะคะ
ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
1.ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป- กลับ อุดรธานี – กรุงเทพฯ 1,600 ( **ราคานี้จองล่วงหน้า 1 เดือน Thai Lion Air )
2. .ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป- กลับ กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี 1,700 ( **ราคานี้จองล่วงหน้า 1 เดือน Thai Lion Air )
3.ค่าโดยสารจากสนามบินสุราษฎร์ธานี ไปตลาดเกษตร 100 บาท (** ซื้อได้ที่ทางออกสนามบินสุราษฎร์ธานี เค้าน์เตอร์ Shuttle Bus )
4.ค่าโดยสารจากตลาดเกษตรไปปากทางเข้าเขื่อน 80 บาท (รถตู้ สุราษฎร์ธานี – เขาสก)
5.ค่าโดยสารจากปากทางเข้าเขื่อนจนถึงตัวเขื่อนเชี่ยวหลาน 200 บาท (**ราคานี้เป็นราคาเหมา ต่อ 4 ทาน หากมากกว่า 4 ท่านไม่ควรจะเกิน 300 บาท หรือน้อยกว่า 4 ท่านก็คิดราคา 200 บาทนะคะ)
6.ค่าที่พัก เราเลือกพักที่แพ ภูผาวารี ค่าที่พัก 10,400 บาท/คืน พักได้จำนวน 4 ท่าน ( ห้องพัดลม ** ราคานี้รวม /ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน / ค่าเรือ รับ-ส่ง เรือยังพาเราไปดูพระอาทิตย์ตก และ เป็นเรือส่วนตัวจะรับ-ส่งแค่นักท่องเที่ยว 1 กลุ่มที่เข้าพักไม่ปะปนกะคนอื่นคะ / ค่าอาหาร 3 มื้อ ซึ่งอาหารสามารถเติมได้ตามใจ ยกเว้นผลไม้ที่ไม่สามารถเติมได้ ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ http://phuphawaree.com/room.asp ) แต่คิดว่าราคาแพงไปสามาไปติดต่อได้ที่ท่าเรือในเขื่อน มีราคาเหมาเรือ แต่อาจไม่คุ้มไม่ส่วนตัวด้วย
อุปกรณ์
หมอนรองคอ / รองเท้าเเตะ / ชุดสบายๆ / แว่นกันแดด / ครีมกันแดด / ลำโพงบูลทูธ/ แบตสำรองสำคัญมาก / ขนมเครื่องดื่มแวะซื้อได้เชเว่นทางเข้าเขื่อน / อย่าลืมกล้องถ่ายรูป ไว้เก็บภาพสวยๆ / ในตัวเขื่อนไม่มีสัญญาณ หากอดทนไม่ไหวแนะนำพกซิม AIS เข้าไปด้วยอาจมีบ้างเล็กน้อย
ออกเดินทางวันเสาร์ช่วงเย็น จาก อุดรธานี – กรุงเทพฯ 17.10 - 18.10 น. เลือกพักที่ กรุงเทพฯ 1 คืน แนะนำวิธีประหยัดนะ ให้เพื่อนมารับและพักฟรีกับเพื่อน อิอิ
วันอาทิตย์ ช่วงเช้า ออกเดินทาง กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี 06.00 – 07.10 น. เครื่องลงไปซื้อตั๋วที่ Shuttle Bus ด้านหน้าของทางออก ราคา 100 บาท/ท่าน เป็นรถบัส หรือรถตู้ เดินทางไปยังตลาดเกษตร รถโดยสารที่สุราษฎร์ธานี ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ส่วนใหญ่เป็นเครือของบริษัทพันทิพย์ จากนั้นซื้อตั๋วรถต่อไปที่เขาสก ราคา 80บาท/ท่าน ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 20 นาที ลงที่ทางเข้าเขื่อนเดินข้ามถนน
แล้วจะเจอกระท่อม มีป้ายเบอร์โทรติดต่อรถเข้าเขื่อน เป็น รถกระป๋อง ** รถสะอาดมาก ราคา 200 บาท/ 4 ท่าน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-30 นาที ถึงอุทยานเขาสก หรือ เขื่อนนั้นเอง
จากนั้นลงไป ติดต่อที่ทางลงเรือ เราจ่ายค่ามัดจำก่อนไปแล้วครึ่งหนึ่ง ไปจ่ายส่วนที่เหลือที่เขื่อน เมื่อจ่ายครบพนักงานจะไปซื้อตั๋วเข้าไปยังที่พักในเขื่อนให้เราเอง อ่อที่มีแพสยามสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น หล่อมาก..!! จากนั้นคนขับรถก็จะมารับสัมภาระของเราลงไปยังเรือ (เรือไม้) จากนั้นไปในเขื่อนกัน .. ลุย ..// กันเลย
มีบริการเรือ ที่ไม่ใช่ของแพโดยตรง แต่ต้องไปร่วมกับนักท่องเที่ยวท่านอื่น อัตราค่าโดยสารตามนี้
เดินทางจากท่าเรือไปยังที่พักใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ระหว่างทางคนขับเรือจะเล่าประวัติเกี่ยวกับเขื่อน และบรรยายจุดต่างๆตามเขื่อน จอดเรือให้ชม “ กุ้ยหลินเมืองไทย “ จุดเด่นของที่นี้ และพาไปพักถ่ายรูปที่ “ เขาสามเกลอ “ เป็นสถานที่ ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาเก็บภาพความประทับใจ จากนั้นนั่งเรือชมวิวไปจนถึงที่พัก
ช่วงประมาณ 17.30 น. เรือจะมารับเราที่หน้าแพเพื่อพาไปชม พระอาทิตย์ตก หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จก็ทำกิจกรรมได้ตามใจ เราเลือกเสพบรรยากาศโดยการถ่ายรูป 555++ จากนั้นเล่นน้ำ โดดน้ำกัน มีเรือประจำที่พัก 1 ลำ/ห้อง หากอยากพายเรือไม้พายไม่ต้องเช่าแต่มีค่ามัดจำจำนวน 500 บาท/1ไม้ มีจักรยานน้ำให้ปั่น 100บาท/ชม. มีที่สำหรับโดดน้ำอยู่ที่แพกลาง และสถานที่ให้อาหารปลา
ช่วงเย็นคนขับเรือมารับไปดูพระอาทิตย์ตก โชคดีได้พี่ขับเรือใจดีและน่ารักมากๆ พาไปชมความอุดมสมบูรณ์ของป่า และพาแวะเกาะ แต่โดยรวมบนเกาะไม่สวยอะไรมากมาย พี่ขับเรือใจดีพาขับไปดูพระอาทิตย์อยู่กลางเขื่อน ช่วงนี้เป็นช่วงที่ส่วนตัวแล้วชอบมากสำหรับ ทริปนี้ มันสวยมากเกินคำบรรยาย มีนกบินหลากหลายชนิดเสียงลมธรรมชาติ ความเย็นของน้ำในเขื่อน และพระอาทิตย์ที่เคลื่อนตัวกำลังจะลับขอบฟ้าตรงหน้าเมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
จากนั้นเข้าห้องพักอาบน้ำ เปิดเพลงเบาๆ ฟัง นั่งบริเวณหน้าบ้านเอาเท้าจุ่มน้ำ จิบเบียร์เบาๆ บรรยากาศสวยลมเย็น
บางห้องอาจเป็นคนแถวนี้จึงขับรถยนต์มาจอดที่ท่าเรือในเขื่อน ขนของมาพร้อม มีทั้งเบียร์กระป๋อง ขนม ลำโพง กีตาร์ น่าสนุกมาก ดึกสักหน่อย หรือเริ่มได้ที่ เราก็เขานอนกัน เพราะไม่ต้องดื่มเยอะก็เมา แพจะโยกไปโยกมาตลอด บางคนควรเตรียมยาแก้เมาไปด้วย
เช้าวันรุ่งขึ้นมาเก็บของไปรับประทานอาหารเช้าที่แพกลาง และเช็คเอ้าท์ อาหารเช้าเวอร์วังมาก มีทุกอย่าง กาแฟโอวันติน ข้าวต้ม ข้าวผัด ขนมปังปิ้ง ชุด breakfast
ทานข้าวเสร็จ นั่งให้อาหารปลา เดินเก็บบรรยากาศรอบๆแพ ลืมบอกไป ที่นี้เปิดให้ใช่ไฟประมาณช่วง 17.00 น – 09.00 น โดยประมาณ อ่อเราลองใช้เครื่องรีดผมมันใช้ได้ไฟฟ้าไม่ดับ อิอิ สาวๆ สบายใจได้ 08.30 น ขึ้นเรือเดินทางกลับ การเดินทางกลับ ก็เช่นเคยเหมือนเราเดินทางมา
ถ่ายรูปร่วมกันกับพี่คนขับเรือคนใส่เสื้อดำนี้เหละใจดีสุด // เราควรมีน้ำใจให้พี่เขานิดๆหน่อยๆนะคะ พี่ีเขาบริการดี บริการด้วยใจจริงๆ
ทริปเชี่ยวหลานจบแล้ว แต่เรา 3 คน เลือกไปเที่ยวต่อที่สมุย เพราะไหนๆ ก็จ่ายค่าเครื่องมาละ หากชอบทริปนี้เราจะมารีวิวต่อ ทริป สมุย ห้องพักถูกมากขอบอก *** ส่วนเชี่ยวหลานมีทริปที่มากกว่า 1 คืนทางที่พักจะพาเราไปทำกิจกรรมนอกแพ แต่ก็แล้วแต่เพื่อนๆ ชอบนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านรีวิวนะคะ ที่เชี่ยวหลานสวยมากขอบอก คนใต้ใจดี ด้วย