สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอโทษถ้าเเท็กห้องผิดนะคะ ซุ่มอ่านพันทิพมานาน 4ปี ไม่มีล็อคอิน วันนี้ล็อคอินมาเเชร์ประการณ์โดยเฉพราะเลยค่ะ ผิดพลาดยังไง ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
กระทู้นี้รวดเดียวจบ ไม่มีเดี๋ยวมาต่อ พาสเดียวจบเลยนะคะ บอกไว้ก่อนเลยนะคะว่ายาวนิดนึง
เริ่มกันเลยค่ะ ไม่ชักช้า จุดเริ่มต้นคือวันที่ 13มี.ค.ที่ผ่านมา เราไปเที่ยวเกาะล้านกับเเฟนค่ะ ก็นั่งรถทัวร์ไป ขอนเเก่น-กทม. ต่อรถจากหมอชิตมาพัทยาใต้ นั่งวินมาเเหลมบาลีฮาย เเต่ตรงนี้มันไม่ใช่ประเด็นค่ะ เพราะไม่ได้มารีวิวเกาะล้าน
จุดเริ่มต้นจริงๆมันเริ่มที่ คุยกับเเฟนว่า ขากลับเราไม่ต้องนั่งวินไปพัทยาใต้หรอกเนอะ ขี้เกียจไปรอรถไปหมอชิตอีก ก็เลยตกลงกันว่า เราจะนั่งรถตู้ไปอนุสาวรีย์ชัย เเล้วนั่งเเท็กซี่ไปศูนย์นครชัยเเอร์ เพระามันใกล้กว่าหมอชิต ตัวเราเองเลยบอก ไม่อยากไปถึงขอนเเก่นค่ำมาก เลยจะออกเเต่เช้า เรือรอบเช้าสุดคือ 06.30 เเล้วป้ายรถตู้ไปอนุสาวรีย์เขียนบออกว่ามีรถตั้งเเต่ 06.00 ด้วยความที่กลัวรถทัวร์เต็ม ไม่อยากนั่งของบริษัทอื่น เลยไปจอง เอารอบ 11.00 คิดว่ายังไงก็ทันออกเเต้าขนาดนี้ ไปจ้ายเค้าเตอร์เซอร์วิสเรียบร้อย
06.30 วันที่ 15 มี.ค. มาขึ้นเรือที่ท่าเรือหน้าบ้าน ถึงฝั่ง 07.00 เดินไปที่วินรถตู้ เห็นเเต่ป้ายยังไม่เปิด อ่าวไหนบอกมีตั้งเต่ 06.00 เลยถามคนขายตั๋วไปท่าตาเเหวนเเถวๆนั้น ว่าเขาย้ายไปไหนรึเปล่า ป้าเเกบอก อ่อหนูต้องรอสักพัก 08.00-08.30 เดี๋ยวเขาก็มาเปิด คิดในใจ "เชี่ยยยยยยยย เเล้วกูจะทันปะวะ" ขอบคุณป้าเเก เเล้วไปนั่งรอเงียบๆม้าหินอ่อนเเถวนั้น เวลาล่วงเลยไป 08.00 กเสียงโซ่ที่ล็อคเก้าอี้ไว้ถูกดึงออก บอกเเฟน เธอเดินไปดูซิเขามาเปิดยัง เเฟฟนเดินมาบอก มาเเล้วเธอ เดินไปซื้อตั๋ว เเล้วมานั่งรอซักพักรถตู้ก็มา ป้าเเกเดินมาบอก ขึ้นรถได้เลย 08.15 รถก็ยังไม่เคลื่อนไปไหน ยังมีในรถ 2คนเหมือนเดิม 80.30 รถออกทั้งที่มีเรากับเเฟนสองคน เริ่มเเบบยิ้มได้นิดนึง เเต่ยิ้มนั้นก็ต้องหุบลงค่ะ
ห่างจากท่าเรือมาซักระยะ มาจอดรออีกเกือบ 15นาที หลังจากนั้นเราหลับค่ะ เนื่องจากตื่นเช้า หลับเป็นตายเลยค่ะ ตื่นมาอีกทีตอนรถจอดปั๊มค่ะ ตอนนั้นเวลา 10.25 เเล้วค่ะ บอกเเฟนเปิดจีพีเอสซิ ห่างจากอนุสาวรีย์กี่โล 21โลค่ะ นั่งรอเติมเเก๊สเเบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เวลาผ่านไปเป็นเวลา 10.35 เติมเเก๊สเสร็จ ขึ้นมาบนรถ อยากบอกลุงคนขับรถว่า ลุกคะช่วยเร่งให้หนู้ได้มั้ยคะ เเต่ก็ไม่กล้า นั่งเงียบๆ
ล่วงเลยมาจนถึง 10.45 ถึงพระราม9 โอ้ยยยยยยย วันซวยอะไรของตู รถติดค่ะ ไม่ขยับเลย ถอดใจเลยค่ะตอนนั้น น้ำตาตกเลย ด้วยความที่เรามีงลน้อย จึงไม่มีเงินฉุกเฉินพอที่จะมาซื้อตั๋วรถได้ใหม่ คิดในใจ "กูจะเอาไงดีวะ บัตรATM ก็ไม่พกมาด้วยจะโทรบอกให้ใครโอนมาให้ก็ไม่ได้ คนที่พาช่วยได้ใน กทม.ก็ไม่มี"
11.30 ถึงอนุสาวรีย์ เดินลงจากรถตู้ด้วยจิตใจห่อเหี่ยว มานั่งคิดกับเเฟน เราจะเอาไงดี เราเลยบอก "รถไฟฟรีไงเธอ" เเฟนเช็คราคาตั่ว สถานีที่ใกล้ที่สุด ได้สถานีสามเสนค่ะ เหลือกันคนละร้อย จะนั่งเเท็กซี่นั่งวินไปก็ไม่ไหว จะทำไงได้ล่ะนะเดินสิคะเดิน เเฟนเปิดจีพีเอส เเหม มันไม่ใช่ใกล้ๆเลยนะ เเต่จะทำไงได้ล่ะคะ
เดินค่ะกระเป๋าเดินทางเรา เบาๆซะที่ไหน ของเเเฟนอีกใบ กล้องอีกตัว รองเท้าเเตะธรรมดา กางเกงขาเดฟอีก เดินค่ะเดินไปเรื่อยๆ เเฟนถือกระเป๋าทั้งสองใบ ให้เราถือเเค่กล้อง ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยออกกำลังกายค่ะ วันๆนัง่เเต่หน้าคอม ค่อนข้างอวบ อีกนิดนึงจะเรียกว่าอ้วนเเล้วค่ะ ให้เดินขนาดนี้ ท้อตั้งเเต่ยังไม่เดินค่ะ เดินไปท้อไป เกิดมาในชีวิต ไม่เคยเจออะไรเเบบนี้ ขอโทษเเฟนไปตลอดทาง ที่อยากถึงขอนเเก่นเร็วๆ เลยจอง 11 โมง เดินไปเรื่อยๆค่ะ เหงื่อท่วมตัว พร้อมกับความเสียดาย เงิน 730 ที่เสียไปเฉยๆกับการจองรถ ข้าวก็ยังไม่กินตั้งเเต่เช้า พร้อมกับอภิมหึมาเเดดค่ะ
เดินมาเรื่อยๆ จนถึงเกือบๆจะถึง 4 เเยกที่เลี้ยวขวาไปก็ถงสถานี เหนื่อยมาเลยนั่งพักป้ายรถเมย์เเถวนั้น เหงื่อท่วมตัว เเฟนก็นั่งเช็ดเหงื่อให้ มีป้าคนนึงยืนถือร่มอยู่ เราลุกขึ้นกำลังจะเดินไป ป้าเเกเข้ามาถาม "เป็นอะไรคะ เป็นลมรึเปล่า" เราเลยตอบไปว่า "ไม่ได้เป็นลมค่ะ ขอบคุณนะคะ" ป้าเเกเลยบอก นึกว่าเป็นลมจะหายาดมให้ รุ้สึกเเบบ เชี่ยยย ทำไมเจอคนมีน้ำใจจัง เรากับเเฟนกก็ขอบคุณป้าเเก ป้าเเกเลยถามว่าจะไปไหน เรากับเเฟนเลยบอกจะไปสถานีรถไฟสามเสน ป้าเเกเลยบอกทางเดียวกันเดินไปด้วยกันเดี๋ยวกลางร่มให้ เดี๋
ยวจะลมไรงี้ ป้าเเกก็ถามจะนั่งรถไฟไปไหนกันเลยบอกจะกลับขอนเเก่น ป้าเเกเลยถาม เป็นคนขอนเเก่นหรอ เราก็บอก ใช่ค่ะ ป้าเลยบอก "เอ้า ป้าก็คนขอนเเก่นคือกัน (พูดภาษาอิสาน)" ป้าเเกก็เดินไปด้วยถึง4เเยก เราเลี้ยว เเต่ป้าเเกจะตรง ก็ลากัน อยากถ่ายรูปคนดีๆมาให้ดู เเต่ตอนนั้น เหนื่อยมากจริงๆ เสียดายอยู่
เที่ยงนิดๆ ถึงสถานี้สามเสนค่ะ ดิ่งไปที่ขายตั๋วทันที กทม.-ขอนเเก่นค่ะ คนขายตั๋วบอก 227บาท รอบ6โมง เรากับเเฟนมองหน้ากัน มีตังคนละ100 คนขายเมหือนรูป "มีรถไฟฟรีนะ รอบ3ทุ่ม เอามั้ย" ใจชื้นขึ้นมาทันทีเลยค่ะ ตอบเเบบไม่คิด "เอาค่ะ" เอาตั๋วเเล้วมานั่งม้านั่ง อีกตั้งเกือบ 9 ชม.ค่ะ กว่าจะถึงเวลาขึ้นรถ อย่างเเรกที่จะทำคือ หาอะไรกินค่ะ หิวมาก ยังไม่กินอะไรกันเลย เเม้เเต่น้ำ
เห็นร้ายขายของดิ่งไปซื้อน้ำเปล่าขวดใหญ่เลยค่ะ 15 บาท กินไปอย่างไว ต่อมาหาอะไรลงท้องหน่อยค่ะเหลือบไปเห็น ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ตรงข้ามสถานีพอดี ตรงไปเลยค่ะนั่งลงสั่ง เส้นเล็ก1 หมี่เหลือง1 รสชาติใช้ได้ค่ะ หมดไป 60 บาท ถือว่าเป็นราคาที่โอเค เข้าเซเว่นต่อ เเฟนบอกอยากหาไรที่อยุ่ท้อง ขนมปังฟาร์มเฮาท์ 15บาท เราอยากกินอะไรสดชื่นๆเลยจัดโออิชิ 16 บาท
กลับมานั่งที่เดิมได้ซํกพัก เริ่มเบื่อค่ะ ก็ถ่ายรูป ทางรถไป ถ่ายรูปคน เดินถ่ายไปเรื่อยๆ (อยากเอารูปมาให้ดูนะคะ เเต่เอาลงไม่เป็นT^T) ถ่ายไปซักพักก็เริ่มเบื่ออีกครั้ง นั่งคิดกับเเฟนค่ะ เราจะทำไรที่ฆ่าเวลาได้เร็วๆ ก็เลยฟังเพลง เเเต่เเปบเดียวก็เบื่อ อากาศก็ร้อน เหนียวตัวอีก "เธอมีร้านอะไรที่นั่งเเช่ได้นานๆปะวะ" เเฟนเปิดอากู๋ เจอร้านเบเกอร์รี่ค่ะ เราเลยบอก ร้านเกมไง เเปบๆก็ 3 ชม ล่ะ เจอร้านนึงค่ะ เลยเดินไปตามจีพีเอสกัน สรุปหาไม่เจอค่ะ ขากลับผ่านร้านเบเกอร์รี่ที่เปิดเจอตอนเเรก อยากจะเข้าไปนั่ง เเต่ร้านหรูเหลือเกิน ภาพตอนนั้นไม่อำนวย ได้เเต่ถวนหายใจ เเล้วกลับไปนั่งโง่ๆอยู่ที่เดิม
มาถึงอีกจุดที่ทำให้เราทั้งกลัว ทั้งรู้ว่าตัวเองโง่พระพุทธค่ะ
มีผู้ชายคนนึง อายุประมาณ 40ปลายๆ-50ต้นๆค่ะ หน้าเข้มๆหน่อย สะพายกระเป๋าสีชมพู ที่ประมาณรูปเซลามูนที่เด็กๆใช้ไป รร.อ่ะค่ะ เดินเเข้ามานั่งตรงข้ามเรากับเเฟนเเล้วถามว่า "จะไปไหนกัน" เราเลยตอบไปว่า ขอนเเก่นค่ะ เเกบอกเป็นคนอิสานหรอ เราบอกใช่ค่ะ เเกบอก "อย่าเว้าไทย เฮาบ่มัก มันกระเเดะ" เราเเบบ กรรม คือพูดภาษากลางไม่ได้เลยหรอ เเต่เราก็ยังพูดอยู่เหมือนเดิมค่ะ เเกบอก"เเบมือขวาหน่อย บ่ได้สิมาขอเงินดอก" เรากับเเฟนก็เเบ เเล้วเเกก็ทักเเฟนเราว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน เก็บเงินไม่เก่ง บลาๆๆ เราเลยลุกไปถ่ายรูปเล่นเเถวนั้น ซักพัก "อิหนูตัวเล็กมานี่ๆๆ" เราก็เดินไปนั่ง เเกบอกเเบมือ เราก็เเบ เเกก็บอกเราอารมณ์ร้อนไรงี้ เเล้วก็บอกเเฟนเราชอบโกหกพ่อเเม่ เเกก็ถามพระพุทธเจ้าชื่อไร เราก็ตอบไป พ่อพรพุทธเจ้าชื่อไร เรากับเเฟนก็ตอบไมไ่ด้ เรียนตั้งเเต่ป.ไหนเเล้ว เราก็จำไมไ่ด้สิคะ เเกก็บอกทำไมโง่ล่ะ ต้องใช้สมองบลาๆๆ เเล้วเเกก็อวดอ้างสรรพคุณตัวเอง ว่าเคยเป็นนักมวยไม่ได้มาขอเงิน จะมาสอนไงงี้ เเฟนกับเราก็พยักหน้าไปเรื่อยๆ สักพักบอกเราจะขาหักสงกรานต์นี้เพราะฉี่ใส่ถนน ระวังไว้อะไรงี้ ซักเเปบนึง บอกเรากับเเฟนไม่ใช่เนื้อคู่กัน เเกถามว่ารักกันมั้ย เราก็ตอบรัก เเกบอกรักเเกมั้ย เราก็ตอบ ไม่ เเล้วเเกก็ถาม ไม่รักเเก เเล้วทำไมรักเขาได้งี้ เป็นคำถามที่เเบบ -_____-
เเล้วเเกก็ถาม มีเงินกันอยู่เท่าไหร่ ไม่ได้จะขอเเกบอกเงินเเกมีเลี้ยงค่ารถเราได้ เราก็ตอบไปกันว่าไม่มี เเกก็ถามอยู่นั่นเเหล่ะว่ามีเงินอยู่เท่าไหร่ เราก็ไม่รุ้จะทำไงบอกไม่มี เเกก็ถามอยู่นั่นเเหล่ะ สักพักมีลุงอีกคน น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน ถือถุงกับข้าวมา เอาปืนขึ้นจ่อหลังลุงคนเเรก เรากับเเฟนนี่ตกใจเลย สักพักลุกคนเเรกก็บอกชื่อพ่อพระพุทธเจ้าเเล้วรีบเดินไปเลย 55555555
มาพบกันกับลุงคนที่สองค่ะ นางก็บอกปืนเด็กเล่นเอาไว้ขู่ไรงี้ เเล้วเเกก็เปิดเสื้อให้ดู เเทบจะเอามากระเเทกตาเราว่า มีตะกรุดมีมีด มีปืน ทั้งหลายเเหล่ เเค่ขู่มันก็วิ่งไปเเล้ว ถ้ามันมากกวนตีนอะไรอีกบอก มีลูกสาวเหมือนกัน เวลามีคนมาคุยด้วย อย่าไปคุยกับมันมาก บลาๆๆ เราก็ "ค่ะขอบคุณค่ะ" เเกเลยถามว่าดูตั๋วลพบุรีมีเวลาไหนอะไรยังไงบ้าง เราก็ชี้ไปทางขายตั๋ว เเกก็บอกช่วยไปดูให้ได้มั้ย เราก็บอกได้ค่ะ เลยเดินไปถามคขายตั๋วให้เเก คนขายตั๋วเอาตั๋วฟรีมาให้เราที่จะออกอีก 45 นาทีถัดไปมาให้เรา เราก็เลยเอาไปให้ลุงเเก ลุงเเกก็ขอบคุณ เเล้วก็มาเปิดเสื้อเปิดกลางโชว์ของที่มีของเเกอยู่ จนไอ้จ้อนเเทบจะมากระเเทกหน้าเราอยู่เเล้ว เราเลยบอก "เธอๆ เค้าหิวข้าว พาไปหาไรกินหน่อย" เเฟนบอก "ห้ะ กินไร" เราก็เออน่าพาไปหน่อย พอเดินออกมาเเฟนถามจะกินไร เราบอกไป กูเเค่อยากออกมาจากตรงนั้นเฉยๆ เเฟนบอกต้องอยู่ตรงนี้ถึง 3ทุ่ม ต้องเจอเเบบนี้อีกกี่คนวะ
เดินวนๆไป เลยเข้าไปเเฟมิลี่มาร์ท เห็นโปรโออิชิขวดละ 20ซื้อ 2เเถม1 ก็เลยจัดไป จริงๆคืออยากไปากเเอร์ มันร้อนมากจริงๆ เเล้วก็เดินไปซื้อน้ำเเข็งเป็นถุงเเถวนั้น มา 3 บาท ไม่ได้ซื้อมากินค่ะ ซื้อมานั่งกอด ป้าที่นั่งรอรถเหมือนกันอยู่เเถวนั้นเลยหัวเราะ เเล้วบอก ร้อนจนต้องซื้อน้ำเเข็งมากอดเลย เลยบอกใช่ค่ะ55
5โมงเย็น เหลือเวลาอีกประมาณ 4 ชม. เย็นลงอากาศเริ่มเย็น เลยเดินเล่นถ่ายรูปเล่นกับเเฟน พอเดินเล่นเสร็จ มานั่งกินที่เดิม เห็นเเม่ลูกคู่นึง เเม่นั่งอ่านนิทานให้ลูกฟัง น่ารักมากเลย เรายังเเอบถ่ายรูปไว้อยู่เลย ซักพักก็เดินจูงมือกันไป สถานีรถไฟก็มีอะไรๆน่ารักเหมือนกันนะ เราเริ่มหาอะไรฆ่าเวลา ดูโคนันกันค่ะ ดูไปเรื่อยๆรู้ตัวอีกทีก็เกืบอทุ่มนึงเเล้ว เลยดูตั๋ว "เธอเราขึ้นคันไหน" คันที่ 5 เลยเดินไปนั่งตรงที่จะขึ้นกัน มีป้าคนนึงใส่เสื้อสีม่วง ป้าเเกเดินมาถามว่า "ไปอุดรขึ้นตรงไหนลูก" เราเลยขอดูตั๋ว เลยบอก"คันที่4ค่ะ เเถวนี้เเหล่ะค่ะ" ป้าเเกเลยถามกลับมาว่าไปไหน ไปพร้อมกันมั้ยอะไรงี้ เราก็บอกขบวนเดียวกันค่ะ เเต่คนละคัน ป้าเเกเลยมานั่งด้วยเเล้วบอก นั่งรถไฟฟรีนี่เเหล่ะ เอาเงินที่จะไปนั่งรถทัวร์ หรือซ์้อตั๋วดีๆไปซื้ออะไรกินในรถดีกว่าอะไรงี้ ป้าเเกก็บอก ป้ากลัวรถทัวร์ กลัวเครื่องบิน เเกก็เล่าไปปป
20.00 เรากับเเฟนตกลงกันว่าจะไปซ์้อมาม่าที่ 7-11 มากินกัน เอาถ้วยละ 10บาท กับน้ำเปล่าอีก 1ขวด เลยเดินไปซื้อ พอมานั่งที่เดิม เราก็นั่วางมาม่าไว้หว่างขา เเบบตั้งไว้ เเล้วหยิบอะไรซักอย่าง ซวยเเบบกล้วย8หวีมณีเด้งค่ะคุณ หกค่ะ น้ำร้อนๆลวกขาเเสบหมดเลยค่ะ ดีที่คว้าทัน หกเเต่น้ำ มาม่าไม่หกไปด้วย คิดในใจ "วันซวยอะไรของกูวะ"
20.25 กินมาม่าเสร็จ ป้าเสื้อม่วงคนเดิม เเกก็เดินมาคุยด้วย เเกมาเล่าประสบการณ์การขึ้นรถทัวร์ที่เกกลัวให้ฟัง ว่าเคยขึ้นเเล้วอุบัติเหตุ ขึ้นเครื่องเเล้วกลัวความสูง ลูกอยู่ที่ไหน เเกบอกว่าเเกเป็นเเม่บ้านให้นายเเพทย์ใหญ่ที่มาจากออสเตรีย เราก็ฟังไป การฟังป้าเเกพูด ก็ช่วยฆ่าเวลาได้ดีเหมือนกัน ป้าเเกก็บอกช่วยป้าถือกระเป๋าขึ้นรถไปส่งป้าที่คันที่ 4หน่อยนะ อะไรงี้ เราก็ตกลง
20.45ประมาณนี้ รถไฟก็มาเ สิ้นสุดการรอคอย เเต่คิดในใจยังต้องรออีก 8ชม. ในตั๋วบอกว่าถึง 05.35 ก็เดินไปส่งผป้าเเกอย่างที่รับปาก เเล้วก็ตามหาที่นั่งที่จอง เเต่มีคุณลุงเเก่ๆคนนึงมานั่งที่เรา เรากับเเฟนเลยนั่งที่นั่งที่ว่างเเถวนั้น
เราเคยขึ้นรถไฟครังเเรกตอนประมาณ ป.3 ตอนนั้นร้องไห้อยากนั่งรถไฟ เเม่เลยพานั่งไปกินข้าว เเล้วก็กลับ จำได้เลยว่าตัวเองพูดว่า "เเม่รถไฟ มันไฟจริงๆอ่ะเเม่ ร้อนมากเลย หนูสัญญาจะไม่ขึ้นรถไฟอีกเเล้ว" เเล้วเราก็ไม่เคยไปเหยียบรถไฟอีกเลย เเละครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 2 หลังจากครั้งนั้น
เเชร์ประสบการณ์ตกรถ กทม.-ขอนเเก่น มีเงินติดตัวคนละ 100บาท
กระทู้นี้รวดเดียวจบ ไม่มีเดี๋ยวมาต่อ พาสเดียวจบเลยนะคะ บอกไว้ก่อนเลยนะคะว่ายาวนิดนึง
เริ่มกันเลยค่ะ ไม่ชักช้า จุดเริ่มต้นคือวันที่ 13มี.ค.ที่ผ่านมา เราไปเที่ยวเกาะล้านกับเเฟนค่ะ ก็นั่งรถทัวร์ไป ขอนเเก่น-กทม. ต่อรถจากหมอชิตมาพัทยาใต้ นั่งวินมาเเหลมบาลีฮาย เเต่ตรงนี้มันไม่ใช่ประเด็นค่ะ เพราะไม่ได้มารีวิวเกาะล้าน
จุดเริ่มต้นจริงๆมันเริ่มที่ คุยกับเเฟนว่า ขากลับเราไม่ต้องนั่งวินไปพัทยาใต้หรอกเนอะ ขี้เกียจไปรอรถไปหมอชิตอีก ก็เลยตกลงกันว่า เราจะนั่งรถตู้ไปอนุสาวรีย์ชัย เเล้วนั่งเเท็กซี่ไปศูนย์นครชัยเเอร์ เพระามันใกล้กว่าหมอชิต ตัวเราเองเลยบอก ไม่อยากไปถึงขอนเเก่นค่ำมาก เลยจะออกเเต่เช้า เรือรอบเช้าสุดคือ 06.30 เเล้วป้ายรถตู้ไปอนุสาวรีย์เขียนบออกว่ามีรถตั้งเเต่ 06.00 ด้วยความที่กลัวรถทัวร์เต็ม ไม่อยากนั่งของบริษัทอื่น เลยไปจอง เอารอบ 11.00 คิดว่ายังไงก็ทันออกเเต้าขนาดนี้ ไปจ้ายเค้าเตอร์เซอร์วิสเรียบร้อย
06.30 วันที่ 15 มี.ค. มาขึ้นเรือที่ท่าเรือหน้าบ้าน ถึงฝั่ง 07.00 เดินไปที่วินรถตู้ เห็นเเต่ป้ายยังไม่เปิด อ่าวไหนบอกมีตั้งเต่ 06.00 เลยถามคนขายตั๋วไปท่าตาเเหวนเเถวๆนั้น ว่าเขาย้ายไปไหนรึเปล่า ป้าเเกบอก อ่อหนูต้องรอสักพัก 08.00-08.30 เดี๋ยวเขาก็มาเปิด คิดในใจ "เชี่ยยยยยยยย เเล้วกูจะทันปะวะ" ขอบคุณป้าเเก เเล้วไปนั่งรอเงียบๆม้าหินอ่อนเเถวนั้น เวลาล่วงเลยไป 08.00 กเสียงโซ่ที่ล็อคเก้าอี้ไว้ถูกดึงออก บอกเเฟน เธอเดินไปดูซิเขามาเปิดยัง เเฟฟนเดินมาบอก มาเเล้วเธอ เดินไปซื้อตั๋ว เเล้วมานั่งรอซักพักรถตู้ก็มา ป้าเเกเดินมาบอก ขึ้นรถได้เลย 08.15 รถก็ยังไม่เคลื่อนไปไหน ยังมีในรถ 2คนเหมือนเดิม 80.30 รถออกทั้งที่มีเรากับเเฟนสองคน เริ่มเเบบยิ้มได้นิดนึง เเต่ยิ้มนั้นก็ต้องหุบลงค่ะ
ห่างจากท่าเรือมาซักระยะ มาจอดรออีกเกือบ 15นาที หลังจากนั้นเราหลับค่ะ เนื่องจากตื่นเช้า หลับเป็นตายเลยค่ะ ตื่นมาอีกทีตอนรถจอดปั๊มค่ะ ตอนนั้นเวลา 10.25 เเล้วค่ะ บอกเเฟนเปิดจีพีเอสซิ ห่างจากอนุสาวรีย์กี่โล 21โลค่ะ นั่งรอเติมเเก๊สเเบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เวลาผ่านไปเป็นเวลา 10.35 เติมเเก๊สเสร็จ ขึ้นมาบนรถ อยากบอกลุงคนขับรถว่า ลุกคะช่วยเร่งให้หนู้ได้มั้ยคะ เเต่ก็ไม่กล้า นั่งเงียบๆ
ล่วงเลยมาจนถึง 10.45 ถึงพระราม9 โอ้ยยยยยยย วันซวยอะไรของตู รถติดค่ะ ไม่ขยับเลย ถอดใจเลยค่ะตอนนั้น น้ำตาตกเลย ด้วยความที่เรามีงลน้อย จึงไม่มีเงินฉุกเฉินพอที่จะมาซื้อตั๋วรถได้ใหม่ คิดในใจ "กูจะเอาไงดีวะ บัตรATM ก็ไม่พกมาด้วยจะโทรบอกให้ใครโอนมาให้ก็ไม่ได้ คนที่พาช่วยได้ใน กทม.ก็ไม่มี"
11.30 ถึงอนุสาวรีย์ เดินลงจากรถตู้ด้วยจิตใจห่อเหี่ยว มานั่งคิดกับเเฟน เราจะเอาไงดี เราเลยบอก "รถไฟฟรีไงเธอ" เเฟนเช็คราคาตั่ว สถานีที่ใกล้ที่สุด ได้สถานีสามเสนค่ะ เหลือกันคนละร้อย จะนั่งเเท็กซี่นั่งวินไปก็ไม่ไหว จะทำไงได้ล่ะนะเดินสิคะเดิน เเฟนเปิดจีพีเอส เเหม มันไม่ใช่ใกล้ๆเลยนะ เเต่จะทำไงได้ล่ะคะ
เดินค่ะกระเป๋าเดินทางเรา เบาๆซะที่ไหน ของเเเฟนอีกใบ กล้องอีกตัว รองเท้าเเตะธรรมดา กางเกงขาเดฟอีก เดินค่ะเดินไปเรื่อยๆ เเฟนถือกระเป๋าทั้งสองใบ ให้เราถือเเค่กล้อง ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยออกกำลังกายค่ะ วันๆนัง่เเต่หน้าคอม ค่อนข้างอวบ อีกนิดนึงจะเรียกว่าอ้วนเเล้วค่ะ ให้เดินขนาดนี้ ท้อตั้งเเต่ยังไม่เดินค่ะ เดินไปท้อไป เกิดมาในชีวิต ไม่เคยเจออะไรเเบบนี้ ขอโทษเเฟนไปตลอดทาง ที่อยากถึงขอนเเก่นเร็วๆ เลยจอง 11 โมง เดินไปเรื่อยๆค่ะ เหงื่อท่วมตัว พร้อมกับความเสียดาย เงิน 730 ที่เสียไปเฉยๆกับการจองรถ ข้าวก็ยังไม่กินตั้งเเต่เช้า พร้อมกับอภิมหึมาเเดดค่ะ
เดินมาเรื่อยๆ จนถึงเกือบๆจะถึง 4 เเยกที่เลี้ยวขวาไปก็ถงสถานี เหนื่อยมาเลยนั่งพักป้ายรถเมย์เเถวนั้น เหงื่อท่วมตัว เเฟนก็นั่งเช็ดเหงื่อให้ มีป้าคนนึงยืนถือร่มอยู่ เราลุกขึ้นกำลังจะเดินไป ป้าเเกเข้ามาถาม "เป็นอะไรคะ เป็นลมรึเปล่า" เราเลยตอบไปว่า "ไม่ได้เป็นลมค่ะ ขอบคุณนะคะ" ป้าเเกเลยบอก นึกว่าเป็นลมจะหายาดมให้ รุ้สึกเเบบ เชี่ยยย ทำไมเจอคนมีน้ำใจจัง เรากับเเฟนกก็ขอบคุณป้าเเก ป้าเเกเลยถามว่าจะไปไหน เรากับเเฟนเลยบอกจะไปสถานีรถไฟสามเสน ป้าเเกเลยบอกทางเดียวกันเดินไปด้วยกันเดี๋ยวกลางร่มให้ เดี๋
ยวจะลมไรงี้ ป้าเเกก็ถามจะนั่งรถไฟไปไหนกันเลยบอกจะกลับขอนเเก่น ป้าเเกเลยถาม เป็นคนขอนเเก่นหรอ เราก็บอก ใช่ค่ะ ป้าเลยบอก "เอ้า ป้าก็คนขอนเเก่นคือกัน (พูดภาษาอิสาน)" ป้าเเกก็เดินไปด้วยถึง4เเยก เราเลี้ยว เเต่ป้าเเกจะตรง ก็ลากัน อยากถ่ายรูปคนดีๆมาให้ดู เเต่ตอนนั้น เหนื่อยมากจริงๆ เสียดายอยู่
เที่ยงนิดๆ ถึงสถานี้สามเสนค่ะ ดิ่งไปที่ขายตั๋วทันที กทม.-ขอนเเก่นค่ะ คนขายตั๋วบอก 227บาท รอบ6โมง เรากับเเฟนมองหน้ากัน มีตังคนละ100 คนขายเมหือนรูป "มีรถไฟฟรีนะ รอบ3ทุ่ม เอามั้ย" ใจชื้นขึ้นมาทันทีเลยค่ะ ตอบเเบบไม่คิด "เอาค่ะ" เอาตั๋วเเล้วมานั่งม้านั่ง อีกตั้งเกือบ 9 ชม.ค่ะ กว่าจะถึงเวลาขึ้นรถ อย่างเเรกที่จะทำคือ หาอะไรกินค่ะ หิวมาก ยังไม่กินอะไรกันเลย เเม้เเต่น้ำ
เห็นร้ายขายของดิ่งไปซื้อน้ำเปล่าขวดใหญ่เลยค่ะ 15 บาท กินไปอย่างไว ต่อมาหาอะไรลงท้องหน่อยค่ะเหลือบไปเห็น ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ตรงข้ามสถานีพอดี ตรงไปเลยค่ะนั่งลงสั่ง เส้นเล็ก1 หมี่เหลือง1 รสชาติใช้ได้ค่ะ หมดไป 60 บาท ถือว่าเป็นราคาที่โอเค เข้าเซเว่นต่อ เเฟนบอกอยากหาไรที่อยุ่ท้อง ขนมปังฟาร์มเฮาท์ 15บาท เราอยากกินอะไรสดชื่นๆเลยจัดโออิชิ 16 บาท
กลับมานั่งที่เดิมได้ซํกพัก เริ่มเบื่อค่ะ ก็ถ่ายรูป ทางรถไป ถ่ายรูปคน เดินถ่ายไปเรื่อยๆ (อยากเอารูปมาให้ดูนะคะ เเต่เอาลงไม่เป็นT^T) ถ่ายไปซักพักก็เริ่มเบื่ออีกครั้ง นั่งคิดกับเเฟนค่ะ เราจะทำไรที่ฆ่าเวลาได้เร็วๆ ก็เลยฟังเพลง เเเต่เเปบเดียวก็เบื่อ อากาศก็ร้อน เหนียวตัวอีก "เธอมีร้านอะไรที่นั่งเเช่ได้นานๆปะวะ" เเฟนเปิดอากู๋ เจอร้านเบเกอร์รี่ค่ะ เราเลยบอก ร้านเกมไง เเปบๆก็ 3 ชม ล่ะ เจอร้านนึงค่ะ เลยเดินไปตามจีพีเอสกัน สรุปหาไม่เจอค่ะ ขากลับผ่านร้านเบเกอร์รี่ที่เปิดเจอตอนเเรก อยากจะเข้าไปนั่ง เเต่ร้านหรูเหลือเกิน ภาพตอนนั้นไม่อำนวย ได้เเต่ถวนหายใจ เเล้วกลับไปนั่งโง่ๆอยู่ที่เดิม
มาถึงอีกจุดที่ทำให้เราทั้งกลัว ทั้งรู้ว่าตัวเองโง่พระพุทธค่ะ
มีผู้ชายคนนึง อายุประมาณ 40ปลายๆ-50ต้นๆค่ะ หน้าเข้มๆหน่อย สะพายกระเป๋าสีชมพู ที่ประมาณรูปเซลามูนที่เด็กๆใช้ไป รร.อ่ะค่ะ เดินเเข้ามานั่งตรงข้ามเรากับเเฟนเเล้วถามว่า "จะไปไหนกัน" เราเลยตอบไปว่า ขอนเเก่นค่ะ เเกบอกเป็นคนอิสานหรอ เราบอกใช่ค่ะ เเกบอก "อย่าเว้าไทย เฮาบ่มัก มันกระเเดะ" เราเเบบ กรรม คือพูดภาษากลางไม่ได้เลยหรอ เเต่เราก็ยังพูดอยู่เหมือนเดิมค่ะ เเกบอก"เเบมือขวาหน่อย บ่ได้สิมาขอเงินดอก" เรากับเเฟนก็เเบ เเล้วเเกก็ทักเเฟนเราว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน เก็บเงินไม่เก่ง บลาๆๆ เราเลยลุกไปถ่ายรูปเล่นเเถวนั้น ซักพัก "อิหนูตัวเล็กมานี่ๆๆ" เราก็เดินไปนั่ง เเกบอกเเบมือ เราก็เเบ เเกก็บอกเราอารมณ์ร้อนไรงี้ เเล้วก็บอกเเฟนเราชอบโกหกพ่อเเม่ เเกก็ถามพระพุทธเจ้าชื่อไร เราก็ตอบไป พ่อพรพุทธเจ้าชื่อไร เรากับเเฟนก็ตอบไมไ่ด้ เรียนตั้งเเต่ป.ไหนเเล้ว เราก็จำไมไ่ด้สิคะ เเกก็บอกทำไมโง่ล่ะ ต้องใช้สมองบลาๆๆ เเล้วเเกก็อวดอ้างสรรพคุณตัวเอง ว่าเคยเป็นนักมวยไม่ได้มาขอเงิน จะมาสอนไงงี้ เเฟนกับเราก็พยักหน้าไปเรื่อยๆ สักพักบอกเราจะขาหักสงกรานต์นี้เพราะฉี่ใส่ถนน ระวังไว้อะไรงี้ ซักเเปบนึง บอกเรากับเเฟนไม่ใช่เนื้อคู่กัน เเกถามว่ารักกันมั้ย เราก็ตอบรัก เเกบอกรักเเกมั้ย เราก็ตอบ ไม่ เเล้วเเกก็ถาม ไม่รักเเก เเล้วทำไมรักเขาได้งี้ เป็นคำถามที่เเบบ -_____-
เเล้วเเกก็ถาม มีเงินกันอยู่เท่าไหร่ ไม่ได้จะขอเเกบอกเงินเเกมีเลี้ยงค่ารถเราได้ เราก็ตอบไปกันว่าไม่มี เเกก็ถามอยู่นั่นเเหล่ะว่ามีเงินอยู่เท่าไหร่ เราก็ไม่รุ้จะทำไงบอกไม่มี เเกก็ถามอยู่นั่นเเหล่ะ สักพักมีลุงอีกคน น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน ถือถุงกับข้าวมา เอาปืนขึ้นจ่อหลังลุงคนเเรก เรากับเเฟนนี่ตกใจเลย สักพักลุกคนเเรกก็บอกชื่อพ่อพระพุทธเจ้าเเล้วรีบเดินไปเลย 55555555
มาพบกันกับลุงคนที่สองค่ะ นางก็บอกปืนเด็กเล่นเอาไว้ขู่ไรงี้ เเล้วเเกก็เปิดเสื้อให้ดู เเทบจะเอามากระเเทกตาเราว่า มีตะกรุดมีมีด มีปืน ทั้งหลายเเหล่ เเค่ขู่มันก็วิ่งไปเเล้ว ถ้ามันมากกวนตีนอะไรอีกบอก มีลูกสาวเหมือนกัน เวลามีคนมาคุยด้วย อย่าไปคุยกับมันมาก บลาๆๆ เราก็ "ค่ะขอบคุณค่ะ" เเกเลยถามว่าดูตั๋วลพบุรีมีเวลาไหนอะไรยังไงบ้าง เราก็ชี้ไปทางขายตั๋ว เเกก็บอกช่วยไปดูให้ได้มั้ย เราก็บอกได้ค่ะ เลยเดินไปถามคขายตั๋วให้เเก คนขายตั๋วเอาตั๋วฟรีมาให้เราที่จะออกอีก 45 นาทีถัดไปมาให้เรา เราก็เลยเอาไปให้ลุงเเก ลุงเเกก็ขอบคุณ เเล้วก็มาเปิดเสื้อเปิดกลางโชว์ของที่มีของเเกอยู่ จนไอ้จ้อนเเทบจะมากระเเทกหน้าเราอยู่เเล้ว เราเลยบอก "เธอๆ เค้าหิวข้าว พาไปหาไรกินหน่อย" เเฟนบอก "ห้ะ กินไร" เราก็เออน่าพาไปหน่อย พอเดินออกมาเเฟนถามจะกินไร เราบอกไป กูเเค่อยากออกมาจากตรงนั้นเฉยๆ เเฟนบอกต้องอยู่ตรงนี้ถึง 3ทุ่ม ต้องเจอเเบบนี้อีกกี่คนวะ
เดินวนๆไป เลยเข้าไปเเฟมิลี่มาร์ท เห็นโปรโออิชิขวดละ 20ซื้อ 2เเถม1 ก็เลยจัดไป จริงๆคืออยากไปากเเอร์ มันร้อนมากจริงๆ เเล้วก็เดินไปซื้อน้ำเเข็งเป็นถุงเเถวนั้น มา 3 บาท ไม่ได้ซื้อมากินค่ะ ซื้อมานั่งกอด ป้าที่นั่งรอรถเหมือนกันอยู่เเถวนั้นเลยหัวเราะ เเล้วบอก ร้อนจนต้องซื้อน้ำเเข็งมากอดเลย เลยบอกใช่ค่ะ55
5โมงเย็น เหลือเวลาอีกประมาณ 4 ชม. เย็นลงอากาศเริ่มเย็น เลยเดินเล่นถ่ายรูปเล่นกับเเฟน พอเดินเล่นเสร็จ มานั่งกินที่เดิม เห็นเเม่ลูกคู่นึง เเม่นั่งอ่านนิทานให้ลูกฟัง น่ารักมากเลย เรายังเเอบถ่ายรูปไว้อยู่เลย ซักพักก็เดินจูงมือกันไป สถานีรถไฟก็มีอะไรๆน่ารักเหมือนกันนะ เราเริ่มหาอะไรฆ่าเวลา ดูโคนันกันค่ะ ดูไปเรื่อยๆรู้ตัวอีกทีก็เกืบอทุ่มนึงเเล้ว เลยดูตั๋ว "เธอเราขึ้นคันไหน" คันที่ 5 เลยเดินไปนั่งตรงที่จะขึ้นกัน มีป้าคนนึงใส่เสื้อสีม่วง ป้าเเกเดินมาถามว่า "ไปอุดรขึ้นตรงไหนลูก" เราเลยขอดูตั๋ว เลยบอก"คันที่4ค่ะ เเถวนี้เเหล่ะค่ะ" ป้าเเกเลยถามกลับมาว่าไปไหน ไปพร้อมกันมั้ยอะไรงี้ เราก็บอกขบวนเดียวกันค่ะ เเต่คนละคัน ป้าเเกเลยมานั่งด้วยเเล้วบอก นั่งรถไฟฟรีนี่เเหล่ะ เอาเงินที่จะไปนั่งรถทัวร์ หรือซ์้อตั๋วดีๆไปซื้ออะไรกินในรถดีกว่าอะไรงี้ ป้าเเกก็บอก ป้ากลัวรถทัวร์ กลัวเครื่องบิน เเกก็เล่าไปปป
20.00 เรากับเเฟนตกลงกันว่าจะไปซ์้อมาม่าที่ 7-11 มากินกัน เอาถ้วยละ 10บาท กับน้ำเปล่าอีก 1ขวด เลยเดินไปซื้อ พอมานั่งที่เดิม เราก็นั่วางมาม่าไว้หว่างขา เเบบตั้งไว้ เเล้วหยิบอะไรซักอย่าง ซวยเเบบกล้วย8หวีมณีเด้งค่ะคุณ หกค่ะ น้ำร้อนๆลวกขาเเสบหมดเลยค่ะ ดีที่คว้าทัน หกเเต่น้ำ มาม่าไม่หกไปด้วย คิดในใจ "วันซวยอะไรของกูวะ"
20.25 กินมาม่าเสร็จ ป้าเสื้อม่วงคนเดิม เเกก็เดินมาคุยด้วย เเกมาเล่าประสบการณ์การขึ้นรถทัวร์ที่เกกลัวให้ฟัง ว่าเคยขึ้นเเล้วอุบัติเหตุ ขึ้นเครื่องเเล้วกลัวความสูง ลูกอยู่ที่ไหน เเกบอกว่าเเกเป็นเเม่บ้านให้นายเเพทย์ใหญ่ที่มาจากออสเตรีย เราก็ฟังไป การฟังป้าเเกพูด ก็ช่วยฆ่าเวลาได้ดีเหมือนกัน ป้าเเกก็บอกช่วยป้าถือกระเป๋าขึ้นรถไปส่งป้าที่คันที่ 4หน่อยนะ อะไรงี้ เราก็ตกลง
20.45ประมาณนี้ รถไฟก็มาเ สิ้นสุดการรอคอย เเต่คิดในใจยังต้องรออีก 8ชม. ในตั๋วบอกว่าถึง 05.35 ก็เดินไปส่งผป้าเเกอย่างที่รับปาก เเล้วก็ตามหาที่นั่งที่จอง เเต่มีคุณลุงเเก่ๆคนนึงมานั่งที่เรา เรากับเเฟนเลยนั่งที่นั่งที่ว่างเเถวนั้น
เราเคยขึ้นรถไฟครังเเรกตอนประมาณ ป.3 ตอนนั้นร้องไห้อยากนั่งรถไฟ เเม่เลยพานั่งไปกินข้าว เเล้วก็กลับ จำได้เลยว่าตัวเองพูดว่า "เเม่รถไฟ มันไฟจริงๆอ่ะเเม่ ร้อนมากเลย หนูสัญญาจะไม่ขึ้นรถไฟอีกเเล้ว" เเล้วเราก็ไม่เคยไปเหยียบรถไฟอีกเลย เเละครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 2 หลังจากครั้งนั้น