คนขายต้นไม้ร้านประจำ โทรมาหาเราบ่อยๆ เราก็แปลกใจทำไมโทรมาคุยบ่อยจัง หลังจากนั้นโทรมายืมเงินครั้งที่หนึ่ง บอกว่าจะเอาเงินไปจ่ายดอกบ้าน เนื่องจากน้องสาวแอบพาแม่ไปเซนต์จำนองบ้านพร้อมที่ดิน ตอนนี้ต้องจ่ายดอกเบี้ยกับกรมที่ดิน (ประมาณหนึ่งถึงสองหมื่นบาท ไม่แน่ใจ) ขอยืม 5000 บาท ยืมตอนต้นเดือนธันวา 2557 บอกจะคืนสิ้นเดือน ประมาณวันที่ 25 ธันวา 2557 ตอนโอนให้ทำใจไว้บ้างแล้ว เพราะคิดว่าช่วยด้วยใจ เงินก้อนนี้คงทำให้เขาหายเครียดและสบายใจขึ้นได้บ้าง
แต่ก่อนให้ครั้งนี้ก็บอกเขาแล้วว่าสิ้นเดือนต้องใช้เงินนะ เงินที่ให้ยืม คือเงินที่ต้องใช้ในอนาคต แต่เอามาให้ยืมก่อน ก็ตกปากรับคำเป็นอย่างดี พอถึงเวลาคืน โทรมาบอกว่าตอนนี้อยู่ธนาคารไทยพาณิชย์ แถวกองสลาก นั่งรถเมล์มา กำลังรอขึ้นเช็คอยู่ สักพักก็โทรมาใหม่บอกว่าเช็คขึ้นไม่ได้ เราก็ยังไม่ว่าอะไร หลังจากนั้นไม่เกินเดือน ประมาณเดือนมกราคม 2558 ก็โทรมาใหม่บอกกำลังจะเคลียค่าห้อง ค่ารักษาพยาบาลให้แม่ เขาโทรมาเพื่อถามเราว่าหาคนปล่อยเงินกู้ให้หน่อย ร้อยละสิบมีไหม เราก็รู้สึกลำบากใจเพราะคนใกล้ตัวตอนนั้นก็มีแต่เพื่อนๆพี่ๆที่ทำงาน เราไม่กล้าบอกใครว่ามีคนขอกู้ เพราะเกรงใจเขา เราจึงบอกเขาว่าไม่มีใครให้กู้หรอก น้ำเสียงเขาดูเป็นทุกข์ เราจึงถามว่าต้องใช้เท่าไร เขาบอก 5000 เราเลยต้องโอนให้อีก ครั้งนี้บอกเขาว่าขอภายในเดือนเมษายน 2558 นะ รวมกับของเก่าด้วย เพราะต้องใช้เงินไปจ่ายหนี้กรอ. ในความรู้สึกตอนนั้น ครั้งแรกที่ต้องใช้เงินแล้วเขาไม่สามารถคืนเงินเราตรงเวลาได้ เรายังไม่คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าเขาคงลำบากจริงๆ ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2558 เขาบอกว่ารู้จักผู้จัดการธนาคารแถวสะพานควาย เขามาซื้อของที่ร้านบ่อย วันนั้นเขาเห็นป้าหน้าตาเหม่อ เลยถามว่าเป็นอะไร ป้าบอกว่าเครียด เขาบอกให้เล่ามา วันนี้ไม่เล่าไม่เป็นไร พร้อมเมื่อไรให้ขึ้นไปหาที่ห้อง ป้าแกบอกก็ยังไม่ขึ้นไป พอหลังจากนั้นสักอาทิตย์แกไม่รู้จะทำไงเลยตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่ทำให้แกทุกข์ใจฟัง ผู้จัดการคนนี้เลยทำเรื่องกู้ให้ ป้าแกดีใจใหญ่เลย แกบอกผ่อนเดือนละสามพันกว่าบาทเอง จำไม่ได้ว่าผ่อนกี่ปี
หลังจากนั้น เดือนกุมภาพันธ์ 2558 ป้าแกโทรมาขอยืมเงินพันกว่าบาท จะเอาไปซื้อของมาขาย ก่อนหน้านั้นแกไม่ค่อยสบาย ตอนนี้จะกลับมาขายของแต่ไม่มีเงิน เราบอกป้าแกไปว่า ตอนนี้กำลังไปที่ประกันสังคมจะทำเรื่องตกงาน ถ้าหนูให้ป้าหนูก็จะลำบาก เราพูดกับแกดีๆ จนแกยอมวางสาย เหตุการณ์ยังมีมาอีก ประมาณเดือนมีนาคม 2558 แกโทรมาอีก บอกหลวงลุงให้เงินเก็บส่วนตัวมาส่วนหนึ่ง เพื่อไปไถ่ที่ดินพร้อมบ้านคืน หลวงลุงบอกว่าส่วนที่เหลือไปหาเอาเอง แกบอกว่าขาดอยู่สองหมื่น แกหาได้แล้วหนึ่งหมื่นบาท แกบอกว่าขอแกยืม 10000 เราเลยบอกว่าหนึ่งหมื่นเราให้ไม่ได้หรอก เราให้ได้ 3000 บาท แกบอกว่าเดี๋ยวไปยืมคนรู้จักก่อน คนๆนี้เคยมีบุญคุณกันอยู่ เผื่อยืมได้หมื่นหนึ่ง จะได้ไม่ต้องยืมเรา สักพักแกโทรกลับมาบอกว่าขอเป็น 4000 ได้ไหม เราก็บอกได้ ไม่เป็นไร พอกลางเดือนเมษายน 2558 เป็นครั้งแรกที่เราถามเรื่องเงินเขาว่ากู้ได้หรือยัง เขาบอกว่าโหเอกสารเป็นตั้ง ไม่รู้ว่าจะถึงคิวเมื่อไร เราก็เริ่มคิดละ นี่อุตส่าให้เวลาหลายเดือนยังไม่มีให้เลย เราจึงเริ่มออมเงินส่วนหนึ่ง เพื่อมาจ่ายหนี้กรอ.
ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2558 เราจึงเริ่มคิดว่าเห้ยต้องจ่ายเองอีกละ นี่ครั้งที่สองละนะ เวลาแกโทรมา เราก็รับโทรศัพท์มั้งไม่รับมั้ง เพราะเรางานเยอะ มีเรื่องเครียดอยู่แล้ว ทุกครั้งที่ฟังแกก็มีแต่เรื่องทั้งนั้น พอเดือน พฤศจิกายน 2558 แกโทรมาบอกว่าบอกขายที่ที่นครปฐมได้แล้ว แต่คนซื้อขอจ่ายสองงวด แกเลยบอกว่าให้ไปรวมเงินมาก่อน ค่อยมาซื้อทีเดียว แกบอกว่าเรารอหน่อยนะ ไหนๆก็รอมาตั้งนานแล้ว หลังจากนั้นประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 แกโทรมาเราไม่ได้รับสาย แกไลน์มาว่าให้โทรกลับด่วน เราโทรไปแกบอกว่า ให้ตอบมาตรงๆว่าที่ตัวมีเงิน 1000 ไหม แกจะจ่ายค่าไฟให้แม่ บ้านโดนตัดไฟ สงสารแม่ แม่ร้อน แกบอกว่าจะโอนให้วันอาทิตย์ อีกอาทิตย์หนึ่ง เราก็รอจนทุ่มหนึ่ง เลยส่งเลขที่บัญชีไป เพราะแกคงจะยังไม่โอนแน่ แกบอกว่าเดี๋ยวโอนให้พรุ่งนี้ เราก็โอเค พอต้นเดือนมีนาคม 2559 แกโทรมา เราก็ไม่รับ เพราะถ้าแกจะคืนเงินแกก็มีเลขที่บัญชีเราอยู่แล้ว คงไม่โทรจิกเราหรอก สักพักเราเปิดไลน์ แกไลน์มาว่ารบกวนโทรกลับหน่อย โทรไปไม่รับ คราวนี้เราเฉยๆ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น ของเก่ายังไม่คืน เราก็ยังเฉย แต่โทรมาหาเราบ่อยๆ ยืมใหม่อีก เรากลัวอะ ไม่กล้าไปแถวร้านเขาอีกเลย เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเอ็นดูเขา เอ็นเราขาด วันนี้เราจึงเล่าให้แม่เราฟังว่ามีคนยืมเงินเรายังไม่คืน แม่เราจึงสอนว่า ตอนเขามายืม เราไม่ให้ เขาเป็นทุกข์ ตอนเราทวงเขา เขาไม่ให้ เราก็ทุกข์ที่ใจเรา
ตอนยืมเขาโกรธเรา ตอนทวงเราโกรธเขา คำสอนแม่
แต่ก่อนให้ครั้งนี้ก็บอกเขาแล้วว่าสิ้นเดือนต้องใช้เงินนะ เงินที่ให้ยืม คือเงินที่ต้องใช้ในอนาคต แต่เอามาให้ยืมก่อน ก็ตกปากรับคำเป็นอย่างดี พอถึงเวลาคืน โทรมาบอกว่าตอนนี้อยู่ธนาคารไทยพาณิชย์ แถวกองสลาก นั่งรถเมล์มา กำลังรอขึ้นเช็คอยู่ สักพักก็โทรมาใหม่บอกว่าเช็คขึ้นไม่ได้ เราก็ยังไม่ว่าอะไร หลังจากนั้นไม่เกินเดือน ประมาณเดือนมกราคม 2558 ก็โทรมาใหม่บอกกำลังจะเคลียค่าห้อง ค่ารักษาพยาบาลให้แม่ เขาโทรมาเพื่อถามเราว่าหาคนปล่อยเงินกู้ให้หน่อย ร้อยละสิบมีไหม เราก็รู้สึกลำบากใจเพราะคนใกล้ตัวตอนนั้นก็มีแต่เพื่อนๆพี่ๆที่ทำงาน เราไม่กล้าบอกใครว่ามีคนขอกู้ เพราะเกรงใจเขา เราจึงบอกเขาว่าไม่มีใครให้กู้หรอก น้ำเสียงเขาดูเป็นทุกข์ เราจึงถามว่าต้องใช้เท่าไร เขาบอก 5000 เราเลยต้องโอนให้อีก ครั้งนี้บอกเขาว่าขอภายในเดือนเมษายน 2558 นะ รวมกับของเก่าด้วย เพราะต้องใช้เงินไปจ่ายหนี้กรอ. ในความรู้สึกตอนนั้น ครั้งแรกที่ต้องใช้เงินแล้วเขาไม่สามารถคืนเงินเราตรงเวลาได้ เรายังไม่คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าเขาคงลำบากจริงๆ ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2558 เขาบอกว่ารู้จักผู้จัดการธนาคารแถวสะพานควาย เขามาซื้อของที่ร้านบ่อย วันนั้นเขาเห็นป้าหน้าตาเหม่อ เลยถามว่าเป็นอะไร ป้าบอกว่าเครียด เขาบอกให้เล่ามา วันนี้ไม่เล่าไม่เป็นไร พร้อมเมื่อไรให้ขึ้นไปหาที่ห้อง ป้าแกบอกก็ยังไม่ขึ้นไป พอหลังจากนั้นสักอาทิตย์แกไม่รู้จะทำไงเลยตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่ทำให้แกทุกข์ใจฟัง ผู้จัดการคนนี้เลยทำเรื่องกู้ให้ ป้าแกดีใจใหญ่เลย แกบอกผ่อนเดือนละสามพันกว่าบาทเอง จำไม่ได้ว่าผ่อนกี่ปี
หลังจากนั้น เดือนกุมภาพันธ์ 2558 ป้าแกโทรมาขอยืมเงินพันกว่าบาท จะเอาไปซื้อของมาขาย ก่อนหน้านั้นแกไม่ค่อยสบาย ตอนนี้จะกลับมาขายของแต่ไม่มีเงิน เราบอกป้าแกไปว่า ตอนนี้กำลังไปที่ประกันสังคมจะทำเรื่องตกงาน ถ้าหนูให้ป้าหนูก็จะลำบาก เราพูดกับแกดีๆ จนแกยอมวางสาย เหตุการณ์ยังมีมาอีก ประมาณเดือนมีนาคม 2558 แกโทรมาอีก บอกหลวงลุงให้เงินเก็บส่วนตัวมาส่วนหนึ่ง เพื่อไปไถ่ที่ดินพร้อมบ้านคืน หลวงลุงบอกว่าส่วนที่เหลือไปหาเอาเอง แกบอกว่าขาดอยู่สองหมื่น แกหาได้แล้วหนึ่งหมื่นบาท แกบอกว่าขอแกยืม 10000 เราเลยบอกว่าหนึ่งหมื่นเราให้ไม่ได้หรอก เราให้ได้ 3000 บาท แกบอกว่าเดี๋ยวไปยืมคนรู้จักก่อน คนๆนี้เคยมีบุญคุณกันอยู่ เผื่อยืมได้หมื่นหนึ่ง จะได้ไม่ต้องยืมเรา สักพักแกโทรกลับมาบอกว่าขอเป็น 4000 ได้ไหม เราก็บอกได้ ไม่เป็นไร พอกลางเดือนเมษายน 2558 เป็นครั้งแรกที่เราถามเรื่องเงินเขาว่ากู้ได้หรือยัง เขาบอกว่าโหเอกสารเป็นตั้ง ไม่รู้ว่าจะถึงคิวเมื่อไร เราก็เริ่มคิดละ นี่อุตส่าให้เวลาหลายเดือนยังไม่มีให้เลย เราจึงเริ่มออมเงินส่วนหนึ่ง เพื่อมาจ่ายหนี้กรอ.
ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2558 เราจึงเริ่มคิดว่าเห้ยต้องจ่ายเองอีกละ นี่ครั้งที่สองละนะ เวลาแกโทรมา เราก็รับโทรศัพท์มั้งไม่รับมั้ง เพราะเรางานเยอะ มีเรื่องเครียดอยู่แล้ว ทุกครั้งที่ฟังแกก็มีแต่เรื่องทั้งนั้น พอเดือน พฤศจิกายน 2558 แกโทรมาบอกว่าบอกขายที่ที่นครปฐมได้แล้ว แต่คนซื้อขอจ่ายสองงวด แกเลยบอกว่าให้ไปรวมเงินมาก่อน ค่อยมาซื้อทีเดียว แกบอกว่าเรารอหน่อยนะ ไหนๆก็รอมาตั้งนานแล้ว หลังจากนั้นประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 แกโทรมาเราไม่ได้รับสาย แกไลน์มาว่าให้โทรกลับด่วน เราโทรไปแกบอกว่า ให้ตอบมาตรงๆว่าที่ตัวมีเงิน 1000 ไหม แกจะจ่ายค่าไฟให้แม่ บ้านโดนตัดไฟ สงสารแม่ แม่ร้อน แกบอกว่าจะโอนให้วันอาทิตย์ อีกอาทิตย์หนึ่ง เราก็รอจนทุ่มหนึ่ง เลยส่งเลขที่บัญชีไป เพราะแกคงจะยังไม่โอนแน่ แกบอกว่าเดี๋ยวโอนให้พรุ่งนี้ เราก็โอเค พอต้นเดือนมีนาคม 2559 แกโทรมา เราก็ไม่รับ เพราะถ้าแกจะคืนเงินแกก็มีเลขที่บัญชีเราอยู่แล้ว คงไม่โทรจิกเราหรอก สักพักเราเปิดไลน์ แกไลน์มาว่ารบกวนโทรกลับหน่อย โทรไปไม่รับ คราวนี้เราเฉยๆ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น ของเก่ายังไม่คืน เราก็ยังเฉย แต่โทรมาหาเราบ่อยๆ ยืมใหม่อีก เรากลัวอะ ไม่กล้าไปแถวร้านเขาอีกเลย เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเอ็นดูเขา เอ็นเราขาด วันนี้เราจึงเล่าให้แม่เราฟังว่ามีคนยืมเงินเรายังไม่คืน แม่เราจึงสอนว่า ตอนเขามายืม เราไม่ให้ เขาเป็นทุกข์ ตอนเราทวงเขา เขาไม่ให้ เราก็ทุกข์ที่ใจเรา