แค่เงิน 100 อาจมีค่ามากสำหรับใครบางคน

เธอคนนั้นนั่งพิมพ์โทรศัพท์ไป พร้อมกับชะเง้อดูรถเมล์ที่จะมาเป็นระยะๆ ผมไม่รู้ว่าเธอรอนานเท่าไหร่แล้ว รู้แต่ว่า เกือบเที่ยงคืนที่ผมลงรถเมล์มา เพื่อจะต่อรถที่ป้ายนี้ เธอก็นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ว ..

ผมเองก็กำลังคิดว่า จะเรียกแท๊กซี่หรือจะรอรถเมล์เพื่อกลับที่พัก ถึงแม้นานๆจะมาสักคัน แต่ก็เป็นสายที่วิ่งรับผู้โดยสารทั้งคืน .. เธอก็คงไม่ต่างจากผม  ..

เกือบ 10 นาที เห็นแสงไฟบอกลักษณะว่าเป็นรถเมล์วิ่งพ้นโค้งมาแต่ไกล ผมและเธอรีบลุกขึ้นยืน เพ่งตาดูว่าเป็นสายที่ต้องการหรือไม่ เมื่อเห็นว่าเป็นสายที่เรารอ เราสองคนช่วยกันโบก แต่รถกลับวิ่งด้วยความเร็วออกเลนขวาสุด แต่ก็ทันเห็นคนขับมองมาที่ป้ายโดยสารแวบหนึ่ง วินาทีนั้นเหมือนวัดใจกันว่า ถ้าเขาจอดเลยป้าย พวกเราจะวิ่งไปขึ้นหรือเปล่า สุดท้าย รถก็เลยไปไม่ได้จอดรับ ..

ผมสบตากับเธอแวบหนึ่ง ได้แต่ยิ้มแห้งๆ พูดเบาๆกับตัวเองพอให้เธอได้ยินว่า รอนานแล้วยังไม่จอดรับอีก ..

ผมตัดสินใจมองหาแท๊กซี่ เพื่อจะกลับที่พัก แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจ เมื่อได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ว่า ลูกไปนอนก่อนนะ ไม่ต้องรอแม่ วันนี้แม่ทำโอดึก รถเมล์ก็เลยหมด เสียงปลายสายคงจะแนะนำเธอ เพราะผมได้ยินเธอพูดว่า นั่งแท๊กซี่ก็เป็นร้อยนะลูก ลูกนอนก่อนเถอะนะ ไม่ต้องรอแม่ ..

ผมเปลี่ยนความคิดที่จะนั่งแท๊กซี่ รอรถเมล์เป็นเพื่อนเธอดีกว่า ยังงัยผมก็ไม่มีใครรอ และถึงผมจะไม่รู้ว่าปลายทางของเธอคือที่ไหน แต่สารรูปอย่างผม เธอคงไม่กล้านั่งแท๊กซี่ไปด้วยกันแน่ๆ แม้ผมจะชวน ..

ผมไม่รู้ว่า เธอทำโอทีได้ค่าแรงเท่าไหร่ แต่มันคงมีความหมายมากๆสำหรับเธอ และถ้าเธอเอามาเสียให้กับค่าแท๊กซี่ มันคงไม่คุ้มกับที่เธอลงแรงไป ..

ใจจริงผมก็ชอบใช้รถเมล์มากกว่าแท๊กซี่นะ เพราะค่ารถต่างกันมาก ประเด็นที่ผมต้องการสะท้อนให้เห็นคือ การทำหน้าที่ของคนขับรถเมล์ อยากให้รู้ว่า มันเจ็บปวดแค่ไหน สำหรับคนที่ต้องรอรถ ครึ่งชั่วโมงหรือชั่วโมงนึง เพราะอยากกลับบ้าน แต่สุดท้าย คุณกลับวิ่งเลนขวามาแต่ไกลแถมยังไม่จอดรับ .. ณ.ป้ายหน้าธนาคารทหารไทย จตุจักร ...!!!!

เรื่องและภาพ : Noi Attanai
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่