อธิบายแบบมือใหม่..เลือกกล้องแบบไหนดี..?

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาแบ่งปันความรู้เล็กๆน้อยที่มีเท่าหางอึ่งของผม ให้คนที่ยังตัดสินใจไม่ถูก ว่าจะซื้อกล้องประเภทไหนดี ซื้อรุ่นไหนดี

ออกตัวก่อนเลยน่ะครับ ผมเป็นมือใหม่ มือใหม่มาก หาความรู้เอาในบอร์ดนี้แหละครับ ผมเข้าใจดีครับว่าคนที่ไม่เข้าใจ หากจะอธิบายในภาษที่แอดวานซ์ ก็คงยากที่จะเข้าใจ เพราะผมก็เคยเป็น ตอนสมัยที่ยังไม่เข้าใจอะไร ตามอ่านหลายกระทู้ ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่า ตกลงเราจะซื้อกล้องแบบไหนดี Compact, Mirrorless,DSLR หรือใช้กล้องมือถือต่อไป

คราวนี้พอผมรู้แล้วว่า แต่ละตัว มันมีความต่างกันยังไง เลยอยากจะมาอธิบายในแบบฉบับมือใหม่ ให้คนที่ยังเป็นมือใหม่แบบผม เข้าใจได้ง่ายๆ

ผมจะยกมาแค่ 4 ประเภทเท่านั้นน่ะครับ
1.กล้อง Compact (คอมแพค)
2.กล้อง DSLR (เรียก ดีเอสแอลอาร์ครับ)
3.กล้อง Mirrorless (มิราร์เลส)
4.กล้อง DSLR-LIKE (เรียก ดีเอสแอลอาร์ ไลค์)

ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยน่ะครับ และรบกวนให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยครับ หากข้อมูลต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง

1.กล้อง Compact (คอมแพค)
มีราคาถูกที่สุดในบรรดา 3 ตัวเลือกที่ผมยกมาในวันนี้ มีขนาดที่กระทัดรัด พกพาง่าย ใช้งานสะดวก ยกมาถ่ายเลย แทบจะไม่ต้องตั้งค่าอะไร แต่ข้อเสียคือ คุณภาพไฟล์ไม่ดี(พอๆกับกล้องมือถือ) ลูกเล่นมีให้ปรับแต่งไม่มาก ความสามารถก็ตามราคา แต่ปัจจุบันมีทั้งรุ่นแสนถูก ไปจนถึงแสนแพง ซึ่งราคาก็แตกต่างกันออกไปตามความสามารถ เช่น จอพับได้ และพับไม่ได้ มีช่องมองภาพ และแบบที่มีแค่จอ LCD อย่างเดียว มีกันสั่น ระยะซูมไกล ใช้เลนส์คุณภาพ ความจุแบตเตอร์รี่

สรุป กล้องคอมแพค เหมาะกับคนที่ไม่ได้ต้องการเอาจริงจังกับการถ่ายภาพมากนัก เน้นถ่ายรูปท่องเที่ยวถ่ายภาพทั่วไป พกพาสะดวก งบน้อย การใช้งานไม่ยุ่งยาก

ตัวอย่างของกล้อง Compact เช่น Nikon Coolpix S2900 20.1 MP 5x มีความละเอียด 20.1 ล้านพิกเซล เลนส์เป็นแบบเลนส์มุมกว้าง (Wide) สนนราคาอยู่ที่ 3,000 บาท โดยประมาณ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

2.กล้อง DSLR (เรียก ดีเอสแอลอาร์ครับ) จะเป็นกล้องที่มีคุณภาพสูง มีขนาดที่ใหญ่ และหนัก พอสมควร มีการปรับแต่งตั่งค่า และลูกเล่นมากมาย  ใช้งานค่อนข้างยาก แต่ก็มีโหมดสำเร็จรูปมาให้ การดูแลรักษาต้องทำให้ดี ศึกษาข้อมูลก่อนใช้งานจริง และที่สำคัญ สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ โดยเลนส์นั้นก็มีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป โดยปกติแล้วหากซื้อมือหนึ่ง ทางร้านจะมีเลนส์ Kit แถมมาให้ ซึ่งหากใช้แล้วไม่สามารถตอบโจทย์ได้ ก็ซื้อมาใส่เพิ่มได้ โดยจะต้องซื้อให้ตรงรุ่นด้วย หรือจะเป็นรุ่นอื่นที่สามารถใช้ตัวแปลงมาต่อก็ได้ หากมี ซึ่งกล้องแต่ละรุ่นก็มีเลนส์ให้เลือกมากมาย คุณสมบัติแตกต่างกันไป ทั้งในเรื่องของ ระยะ เรื่องของประเภทเลนส์ เรื่องของค่ารูรับแสง และระบบกันสั่น รวมถึงการออโต้โฟกัสด้วย

สรุป กล้อง DSLR เหมาะกับคนที่ ต้องการไฟล์ที่มีคุณภาพสูง งานดี ไม่เกี่ยงเรื่องราคาตัวกล้อง และตัวเลนส์ที่จะต้องซื้อตามมาอีกหลายๆตัว ไม่เกี่ยงเรื่องของน้ำหนัก และขนาดของกล้อง

ตัวอย่างกล้อง DSLR เช่น Canon 700D พร้อมเลนส์ kit 18-135 STM ราคา 24,000 โดยประมาณ , NIKON D5300 พร้อมเลนส์ 18-55 VR II KITราคา 18,000 บาท โดยประมาณ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

3.กล้อง Mirrorless (มิราร์เลส) เอาให้เข้าใจง่ายๆคือ เป็น DSLR ที่อยู่ในร่างของ Compact ภายนอกดูเรียบง่าย เล็ก กระทัดรัด น้ำหนักเบา แต่เรื่องคุณภาพไฟล์นั้น ได้ในระดับเดียวกันกับ  DSLR เลย การใช้งานเหมือนกับ DSLR ทุกอย่าง มีลูกเล่นมากมาย การใช้งานยุ่งยาก การดูแลรักษายุ่งยาก มีราคาที่แพง  สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้

สรุป กล้อง Mirrorless เหมาะกับ คนที่ต้องการ ได้ไฟล์ที่มีคุณภาพสูง งานดี ไม่เกี่ยงเรื่องราคาตัวกล้อง และตัวเลนส์ที่จะต้องซื้อตามมาอีกหลายๆตัว ชอบน้ำหนักเบา กระทัดรัด พกพาสะดวก (หลายคนอาจสมสัยว่า คุณภาพเท่ากัน แต่เบากว่า เล็กกว่า แล้วทำไมคนถึงไม่ซื้อแบบ  Mirrorless  หละ จะไปเอาแบบ DSLR ทำไม ขอตอบด้วยเหตุผลส่วนตัวเลยว่า มันเป็นเรื่องของความชอบครับ เรื่องของดีไซน์ ความรู้สึกเมื่อสะพาย DSLR แล้วแบบ เหมือนมือโปร (ถึงไม่โปรก็เหอะ ^_^) ซึ่งอันนี้ก็ว่าใครไม่ได้ครับ)

ตัวอย่างกล้อง Mirrorless เช่น Fujifilm X-A2 พร้อมเลนส์ Kit 16-50mm II สนนราคา 18,000 บาท

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

**DSLR และ Mirrorless ยังแบ่งเป็น 2 ประเภทอีกด้วย เป็นแบบตัวคูณ และแบบ ฟูลเฟลม ซึ่งตัวหลังจะให้คุณภาพที่ดีกว่า ทั้งวัสดุการทำ คุณภาพไฟ และราคาก็มหาโหดเช่นกัน

4.กล้อง DSLR-LIKE เอาให้เข้าใจง่ายๆคือ กล้อง Compact ที่อยู่ในร่างของ DSLR แต่เดี๋ยว..อย่าคิดว่ามันจะห่วยน่ะ กล้องประเภทนี้มีคุณภาพไฟล์เทียบเท่ากล้อง Compact แต่อยู่ในร่างของ DSLR  การใช้งาน ไม่ยุ่งยาก ลูกเล่นมีให้ตั่งค่ามากมาย แล้วแต่รุ่น และยี่ห้อ ต้องดูกันเอาเอง ไม่สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ จุดเด่นของกล้องประเภทนี้คงหนีไม่พ้น เลนส์ที่ติดมากับตัวกล้อง เพราะมันซูมๆๆๆๆๆๆได้ไกลมากๆ สุดลูกหูลูกตากันเลยทีเดียว ราคามีตั้งแต่ถูก ไปจนถึงแพง ราคากลางสำหรับรุ่นดีๆหน่อยอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาท หลักพันก็มี แต่คุณภาพก็แตกต่างกันไป อย่างเช่น เลนส์กันสั่น ค่ารูรับแสง ความสามารถในด้านอื่นๆเช่น ค่ารูรับแสง ISO , SPEED SHUTER และการถ่ายภาพเคลื่อนไหว

สรุป กล้อง DSLR-LIKE เหมาะสำหรับ คนที่ไม่พร้อมจ่ายค่าเลนส์ที่จะงอกตามมา คนที่ไม่ต้องการแบกของพะลุงพะลัง ต้องการความกระทัดรัด รวดเร็วในการใช้งาน ดูและไม่ยุ่งยาก ใช้งานง่ายกว่า DSLR แต่คุณภาพไฟล์ก็ด้อยกว่า DSLR

ตัวอย่างกล้อง DSLR-LIKE เช่น Panasonic Lumix FZ200 ราคา 13,000 บาท

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

****เพิ่มเติม เลนส์ มีทั้งหมด 3 ประเภท
1. เลนส์มุมกว้าง (Wide) มีมุมการถ่ายที่กว้าง เก็บวิวได้ดี
2. เลนส์ Normal มุมปกติ ขอบไม่มีการบีบเข้าหากัน รูปไม่บิดเบี้ยวเหมือนเลนส์ Wide)
3. เลนส์ Tele (เลนส์ เทเล่) เป็นเลนส์ที่ซูมได้ ดึงภาพไกลๆให้มาอยู่ตรงหน้า นึกถึงกล้องส่องทางไกล ประมาณนั้นเลย

นอกจากนี้ยังมีเลนส์ มาร์โค (Marco) เป็นเลนส์ถ่ายวัตถุใกล้ๆระยะใกล้มากๆ

สิ่งที่ควรรู้หากจะซื้อเลนส์ซักตัว
1.รุ่นของเลนส์ ว่าใส่กับกล้องของเราได้หรือไม่
2.ประเภทของเลนส์ ว่าเป็นเลนส์แบบไหน Wide , Normal , Tele
3.มีมอเตอร์ปรับโฟกัสหรือไม่ ไม่เช่นนั้นซื้อมาเราต้องใช้มือหมุนหาโฟกัสเอง
4.เลนส์มีกันสั่นในตัวเลนส์หรือไม่
5.ค่า F หรือค่ารูรับแสง บนชิ้นเลนส์จะบอกไว้ชัดเจน ซึ่งค่า F มีความสำคัญมาก ใช้ F กว้าง F แคบ แล้วแต่สถานการณ์ ดูว่ามีค่า F กว้างสุดเท่าไหร่ (เลขน้อยสุด คือกว้างสุด เลขมากคือแคบ 1.4 คือกว้าง 22 คือแคบ)

-ตัวอย่างเช่นเลนส์ Fix 50mm f1.4 (หลังจากนี้จะมีรหัสอะไรอีกก็ว่าไปตามแต่รุ่น เพื่อแสดงสเป็คต่างๆเช่น มีมอเตอร์โฟกัส มีกันสั่น เป็นต้น) ค่าดังกล่าวบอกว่า เลนส์ตัวนี้เป็นเลนส์ระยะ 50 มิลลิเมตร ไม่สามารถปรับหมุนได้ ถ้าอยากเข้าใกล้แบบ ก็เดินไปข้างหน้า ถ้าอยากไกลแบบ ก็ถอยหลัง ค่ารูรับแสงกว้างสุดคือ 1.4 ส่วนมากสุดนั้นต้องดูในรายละเอียดสินค้าอีกที ส่วนมาก 22

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

-ตัวอย่างต่อไป 55-250mm f4-5.6 (หลังจากนี้จะมีรหัสอะไรอีกก็ว่าไปตามแต่รุ่น เพื่อแสดงสเป็คต่างๆเช่น มีมอเตอร์โฟกัส มีกันสั่น เป็นต้น) เป็นเลนส์ Tele(ซูม) ระยะ 55 มิลลิเมตร ถึง 250 มิลลิเมตร ค่า F กว้างสุด 4 และหากมีการแสดงแบบนี้  f4-5.6 แสดงว่าเป็นค่า F ไหล ไม่คงที่ ตัวอย่างเช่น หากเราหมุนเลนส์ไปที่ 55mm ตั้งค่า F4 พอเราซูมไปที่ระยะ 250 ค่า F เราจะขยับไปที่ 5.6 โดยอัตโนมัติ โดยไม่สามารถตั้งกลับมาที่ 4 ได้เหมือนเดิม แต่ตั้งให้ค่า F แคบกว่านี้ได้ตามความต้องการ แคบสุด 22

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

-ตัวอย่างต่อไป 200-400mm f4 (หลังจากนี้จะมีรหัสอะไรอีกก็ว่าไปตามแต่รุ่น เพื่อแสดงสเป็คต่างๆเช่น มีมอเตอร์โฟกัส มีกันสั่น เป็นต้น) เป็นเลนส์ Tele(ซูม) ระยะ 200 มิลลิเมตร ถึง 400 มิลลิเมตร ค่า F กว้างสุด 4 และคงที่ 4 ตลอดทุกช่วง ค่า F ไม่มีการไหลเหมือนตัวอย่างบน และค่า F แคบสุด 22

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

จบแล้วครับ ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่