ขอระบายความทุกข์ระทมที่ไม่สามารถคุยกะใครรอบข้างได้เลยซักนิดนะคะ
ชีวิตพลิกผัน ครั้งที่ 1
ชีวิตนู๋ตั้งแต่จำความได้เรียน ร.ร.อนุบาล ของชุมชนแต่ไม่เคยได้วิ่งเล่นเหมือนเด็กทั่วไป ต้องช่วยแม่ขายของในโรงเรียนแต่ก็ยังมีความสุขดี อยากได้อะไรต้องสอบให้ได้ไม่เกินที่3 พ่อจะซื้อให้ โตขึ้นเรียน ม.1 พ่อก็เสียชีวิต จากนั้นชีวิตก็พลิกผันเปลี่ยนแปลง แม่เย็นชา โมโห ไม่พอใจ จะนำอารมณ์นั้นมาลงที่นู๋เสมอ จนทำให้นู๋กลายเป็นคนเงียบ ยิ่งเงียบแม่ยิ่งไม่พอใจ
ชีวิตพลิกผัน ครั้งที่ 2
นู๋เข้าเรียน ปวช. แม่แต่งงานใหม่นู๋ยังรับกับเรื่องนี้ไม่ได้ซักทีเดียว แต่แม่อาการหนักขึ้น โมโหร้ายใส่นู๋มากขึ้น จากที่นู๋เงียบกลายเป็นคนเก็บกด ณ วันหนึ่งนู๋ทนไม่ไหวจึงขอไปอยู่ข้างนอกกับพี่ที่รู้จัก แกมีอาชีพเชียร์เบียร์ แม่ยึดทุกอย่างไม่ให้อะไรติดตัวนู๋แม้แต่เงินซักบาท และช่วงนี้นู๋มีปัญหาทางวิทยาลัย(ปัญหาจากเพื่อน)ความที่นู๋ไม่ทำตามเพื่อนเหมือนขัดคอเพื่อน ไม่ยอมหัวอ่อนให้พวกเพื่อนหลอกใช้นู๋จึงโดนแกล้งบ่อย จึงหันมาคบหารุ่นพี่ผู้หญิงต่างคณะ ระหว่างนั้นนู๋ก็ไปอาศัยอยู่กับพี่สาวคนที่เชียร์เบียร์ และได้ทำงานเชียร์เบียร์ไปด้วย เงินเดือนก็วันละ 7,500 คะ แต่ได้ติปทุกวัน ต่ำๆก็วันละ 500 มากสุดก็ 5-6 พันบาทเชียว นู๋จึงอยู๋ในวงการเชียร์เบียร์นานถึง 5 ปี และได้ส่งตัวเองเรียนมหาวิทยาลัยไปด้วย เพราะแม่ไม่ส่งเรียน
ชีวิตพลิกผัน ครั้งที่ 3
นู๋เรียนจบ ป.ตรี และได้คบหากับผู้ชายคนหนึ่งมาเป็นเวลา 7 ปี เราพลาดนู๋ท้อง เขาจึงจำใจรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน แต่แม่ของเขาไม่อยากจ่ายค่าสินสอดหรือเรียกอีกอย่างคืองกนั่นเอง นู๋ก็เลยให้เขาหาแต่เงินมาขอ 200,000 ส่วนทองนู๋ซื้อเอง จัดงานนู๋จ่ายเอง และพวกเวดดิ้ง ของชำรวยต่างๆนู๋จ่ายเอง เหมือนหาเงินแต่งตัวเองเลยใช่ไหมคะ ขนาดไปดูชุดแต่งงานยังได้ไปคนเดียวเลย ไปพร้อมน้ำตา (ผู้ใหญ่สองฝ่ายก็ไม่ลงรอยกันเท่าไร) จากการแต่งงานด้วยความไม่ราบรื่น หลังจากนั้นครึ่งเดือนนู๋ก็แท้งเพราะความเครียด เพราะแฟนให้ไปอยู่บ้านเขา แม่สามีต่อหน้าแฟนเขาก็ดีกับเรา ลับหลังสามีเราเขาเยียดยามเรายังทาสรับใช้ คอยใส่ร้ายป้ายสีให้เรากะแฟนทะเลาะกัน น่ำซ้ำ แฟนเชื่อแม่เขามากกว่าเรา เราพูดอะไรให้ฟังว่าแม่เขาทำกับเราอย่างไร เขาไม่เคยเชื่อเราเลย เมื่อนู๋แท้งเราก็มีปัญหากันมาตลอดทั้งที่ตลอด 7 ปีเราพักยุห้องเช่าเราแทบไม่เคยทะเลาะกันเลย จากแต่งงานได้ 1 เดือน นู๋จึงสรุปเราควรเลิกกัน สาเหตุพอทะเลาะเขาไล่เราออกจากบ้าน ทวงคืนทุกอย่างที่เขามอบให้เรา แม้กระทั่งนู๋ออกรถยนต์เงินดาวน์ของนู๋ เงินผ่อนของนู๋ แต่เขาเป็นคนค้ำ เขาก็ให้เอารถไปคืนหรือไม่ก็เปลี่ยนสัญญาเป็นชื่อเขาหรือเปลี่ยนคนค้ำออก ทั้งที่นู๋ไม่เคยขาดงวดเลย และที่สำคัญไฟแนนไม่ยอมทำให้ ถึงขั้นที่ว่าจะฟ้องนู๋เพราะเขาเป็นคนค้ำรถ ฟ้องเรื่องรถที่เป็นชื่อนู๋และเงินนู๋ ผู้ใหญ่ทางบ้านนู๋ทนไม่ไหว เพราะเหมือนการดูถูกเหยียดยามร้ายแรง ท่านจึงรวบรวมเงินของท่านยื่นให้แก้ปัญหาโดยการตัดงวดรถทั้งหมด 200,000 บาท รวมเงินทั้งหมดในบัญชีนู๋อีก 200,000 บาท ขายทองรูปพรรณที่มีทั้งหมดได้อีก 100,000 บาท รวมเป็นเงิน 5 แสน ไปตัดรถนับจากวันที่เลิกกันเพียง 2 อาทิตย์ เพื่อจบปัญหา แต่ไม่จบแม่สามีอยากได้สินสอดคืนอีก...แต่ทางเราไม่มีจะคืนให้ ตัดรถหมดแล้วนิจะเอาอะไรอีก เงินในบัญชีทรัพย์สินก็หมดล่ะเหลือแต่รถนี่...กล้าเอาไปรึไง
ชีวิตพลิกผัน ครั้งที่ 4
จากที่เคยมั่งมี เมื่อแต่งงานแล้วชีวิตล้มไม่เหลืออะไรเลย เหลือรถคันเดียวจึงตัดสินใจเอารถเข้าจำนำทะเบียนรถยนต์ ได้เงินมา 270,000 ตัดสินใจหาทำเลค้าขายเปิดร้านขายของชำ ลองผิดลองถูก โดนเซลล์หลอก โดนปรับสรรพสามิต สาระพัด ศูนย์เงินไปเปล่าๆประมาณ 100,000 หลังจากนั้นก็ดำเนินกิจการค่อยๆลงตัว ผ่อนรถ 7,000 ค่าเช่า 3,000 และเบ็ดเตล็ดอีก 10,000 ก็พอพยุงอยู่ได้ทุกเดือน
ชีวิตพลิกผัน ครั้งที่ 5
มีชายคนหนึ่งมาติดพันธ์เขาบอกเลิกกะเมียแล้ว แต่มีลูกกะเมียเก่า 1 คน เราก็ไม่คิดว่าเขาจะโกหกอะไร คบไปเรื่อยๆจนเราเริ่มรักเขาเพราะเขาเอาใจเก่งดูแลดี ทำกับข้าวให้เราทาน จัดร้านช่วยเสมอ บางทีซักผ้าล้างจานให้ด้วย ซึ่งคนเก่าไม่เคยทำให้เราเลยคบกันได้ 1 ปี มีเบอร์แปลกโทรหาเขา เขาไม่ได้เมมชื่อ ไม่รู้วันนั้นเราคิดอะไร จึงอยากรับสายนี้จัง เราจึงรับซะเลย คนปลายสายคือเมียเขา บอกยังไม่หย่าเขาไม่กลับบ้านมาเป็นปีแล้ว เราตะลึง อึ้ง และมีปากมีเสียงกันกับแฟนทันที เขาบอกเราว่าทางนั้นไม่ยอมหย่า แต่เลิกกันจริง และเขาจะไ่ยอมเลิกกับเราเด็ดขาด ไม่ยอมไปไหนไล่ก็ไม่ไป เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรบอกให้ฝ่ายนั้นมาเอาเขาคืนไปก็ไม่เห็นว่าทางนั้นจะมาเอาคืนกับเงียบซะงั้น อ้าวไม่หย่าแต่ไม่กล้ามาลากคืนไป มันยังไงกัน เราไล่เขาก็ไม่ไป แล้วคิดว่าเราควรจะทำไง...
ชีวิตพลิกผัน ครั้งที่ 6
แฟนไม่มีงานเข้าเลย หรือตกงานนั้นเอง เอาละสิ เขาก็มีรถกะบะต้องผ่อน เราก็ผ่อนรถเก๋ง เขาช็อตไม่มีเงินผ่อนรถกะบะ ขอยืมจากเรา "ช่วยหน่อยจะรีบหามาให้คืน" เดือนแรก ผ่านไป เดือน 2,3,4 ผ่านไป เราเริ่มทนไม่ไหวเพราะเงินหมุนร้านนน้อยลง เขาแอบเอากะบะไปจอดจำดอกร้อยละ 10 นอกระบบ 100,000 บาท แต่เราจับได้บอกเรา 70,000 เงินหายไป 30,000 ขนาดได้เงินมาเขายังบริหารผ่อนดอกผ่อนรถไม่ไหวอีก "ช่วยอีกครั้งเถอะนะ สิ้นเดือนนี้ก็จะได้งานแล้วจะเอามาคืน" พอสิ้นเดือนงานชวดคะไม่ได้ทำ เราก็โวยสิคะ จากนั้นแอบเอาไปจอดจำที่ใหม่ เป็นเงิน 150,000 ดอกเดือนละ 15,000 เป็นเหมือนเดิมเราก็ช่วยเพราะความสงสาร ไป 4-5 เดือน มันไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็เลยปล่อยให้เขาจัดการเอง รถจึงถูกยึดเรียบร้อย เขาก็ต้องรอศาลฟ้องรถไม่อยู่ละนิ แต่ความวินาศของเรานี่สิ เงินที่ช่วยเขาไป ทำให้ของขายในร้านเราน้อยลงมากจนแทบไม่เหลือของขาย
ชีวิตพลิกผัน ครั้งที่ 7
หนี้ยังไม่หมด มีเรื่องอีกละ เขาได้งานไปทำได้สองเดือน ผู้รับเหมาโกงไป 2 แสน แถมยังไม่ได้จ่ายลูกน้องอีก 90,000 ครั้งนี้เราจนปัญญาที่จะช่วย แต่ความวายไม่หมดเท่านั้น เราท้อง อ้าวมาไม่ถูกเวลาซะแล้วลูกแม่ แต่เราก็ไม่คิดจะเอาลูกออก อ้าวโตขนาดนี้ละคนเก็บขยะเขายังเลี้ยงลูกโตเลยเราละจะฆ่าลูกรึไง อ้าวค่ายาค่าหมอตามมาเพียบ ทำให้ช็อตเงินในทันที่ในเดือนนี้ งวดรถเก๋งยังม่ะได้จ่ายเลย 7,500 ไปจ่ายค่าหมอหมด ปัจจุบันยังคิดหาทางออกไม่เจอเลย แพ้ท้องทั้งวัน ส่วนพ่อของลูกกลางวันไม่อยู่ร้านกลับมาก็บ่นว่าเราขี้เกียจไม่ทำอะไร อันที่จิงเรามีความคิดยุนะว่า ลูกเราไม่จำเป็นต้องมีพ่อก็ได้มั้ง ใกล้คลอดค่อยไปขอขมาที่บ้านเราให้ท่านช่วยเลี้ยง ตายาย แม่กะพ่อเลี้ยงคงไม่ใจดำพอจะไล่เรากะลูกหรอก อาจจะโกรธเคืองก็เปงเรื่องธรรมดาจากนั้นฟื้นตัวร่างกายแข็งแรงค่อยมุ่งทำงานหาเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัว ส่วนผู้ชายน่าจะตัดทิ้งจากสายระบบไปเลย คบใครมีแต่ปัญหา
อายุตอนนี้ 25 ปี เองคะ...พลาดมาสาระพัด อนาคตไม่รู้จะเป็นไงต่อ...แต่ต่อไปจะใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท
ขอระบายความในใจ....ชีวิตล้ม เพราะเราเลือกใช้ชีวิตผิดทาง
ชีวิตพลิกผัน ครั้งที่ 1
ชีวิตนู๋ตั้งแต่จำความได้เรียน ร.ร.อนุบาล ของชุมชนแต่ไม่เคยได้วิ่งเล่นเหมือนเด็กทั่วไป ต้องช่วยแม่ขายของในโรงเรียนแต่ก็ยังมีความสุขดี อยากได้อะไรต้องสอบให้ได้ไม่เกินที่3 พ่อจะซื้อให้ โตขึ้นเรียน ม.1 พ่อก็เสียชีวิต จากนั้นชีวิตก็พลิกผันเปลี่ยนแปลง แม่เย็นชา โมโห ไม่พอใจ จะนำอารมณ์นั้นมาลงที่นู๋เสมอ จนทำให้นู๋กลายเป็นคนเงียบ ยิ่งเงียบแม่ยิ่งไม่พอใจ
ชีวิตพลิกผัน ครั้งที่ 2
นู๋เข้าเรียน ปวช. แม่แต่งงานใหม่นู๋ยังรับกับเรื่องนี้ไม่ได้ซักทีเดียว แต่แม่อาการหนักขึ้น โมโหร้ายใส่นู๋มากขึ้น จากที่นู๋เงียบกลายเป็นคนเก็บกด ณ วันหนึ่งนู๋ทนไม่ไหวจึงขอไปอยู่ข้างนอกกับพี่ที่รู้จัก แกมีอาชีพเชียร์เบียร์ แม่ยึดทุกอย่างไม่ให้อะไรติดตัวนู๋แม้แต่เงินซักบาท และช่วงนี้นู๋มีปัญหาทางวิทยาลัย(ปัญหาจากเพื่อน)ความที่นู๋ไม่ทำตามเพื่อนเหมือนขัดคอเพื่อน ไม่ยอมหัวอ่อนให้พวกเพื่อนหลอกใช้นู๋จึงโดนแกล้งบ่อย จึงหันมาคบหารุ่นพี่ผู้หญิงต่างคณะ ระหว่างนั้นนู๋ก็ไปอาศัยอยู่กับพี่สาวคนที่เชียร์เบียร์ และได้ทำงานเชียร์เบียร์ไปด้วย เงินเดือนก็วันละ 7,500 คะ แต่ได้ติปทุกวัน ต่ำๆก็วันละ 500 มากสุดก็ 5-6 พันบาทเชียว นู๋จึงอยู๋ในวงการเชียร์เบียร์นานถึง 5 ปี และได้ส่งตัวเองเรียนมหาวิทยาลัยไปด้วย เพราะแม่ไม่ส่งเรียน
ชีวิตพลิกผัน ครั้งที่ 3
นู๋เรียนจบ ป.ตรี และได้คบหากับผู้ชายคนหนึ่งมาเป็นเวลา 7 ปี เราพลาดนู๋ท้อง เขาจึงจำใจรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน แต่แม่ของเขาไม่อยากจ่ายค่าสินสอดหรือเรียกอีกอย่างคืองกนั่นเอง นู๋ก็เลยให้เขาหาแต่เงินมาขอ 200,000 ส่วนทองนู๋ซื้อเอง จัดงานนู๋จ่ายเอง และพวกเวดดิ้ง ของชำรวยต่างๆนู๋จ่ายเอง เหมือนหาเงินแต่งตัวเองเลยใช่ไหมคะ ขนาดไปดูชุดแต่งงานยังได้ไปคนเดียวเลย ไปพร้อมน้ำตา (ผู้ใหญ่สองฝ่ายก็ไม่ลงรอยกันเท่าไร) จากการแต่งงานด้วยความไม่ราบรื่น หลังจากนั้นครึ่งเดือนนู๋ก็แท้งเพราะความเครียด เพราะแฟนให้ไปอยู่บ้านเขา แม่สามีต่อหน้าแฟนเขาก็ดีกับเรา ลับหลังสามีเราเขาเยียดยามเรายังทาสรับใช้ คอยใส่ร้ายป้ายสีให้เรากะแฟนทะเลาะกัน น่ำซ้ำ แฟนเชื่อแม่เขามากกว่าเรา เราพูดอะไรให้ฟังว่าแม่เขาทำกับเราอย่างไร เขาไม่เคยเชื่อเราเลย เมื่อนู๋แท้งเราก็มีปัญหากันมาตลอดทั้งที่ตลอด 7 ปีเราพักยุห้องเช่าเราแทบไม่เคยทะเลาะกันเลย จากแต่งงานได้ 1 เดือน นู๋จึงสรุปเราควรเลิกกัน สาเหตุพอทะเลาะเขาไล่เราออกจากบ้าน ทวงคืนทุกอย่างที่เขามอบให้เรา แม้กระทั่งนู๋ออกรถยนต์เงินดาวน์ของนู๋ เงินผ่อนของนู๋ แต่เขาเป็นคนค้ำ เขาก็ให้เอารถไปคืนหรือไม่ก็เปลี่ยนสัญญาเป็นชื่อเขาหรือเปลี่ยนคนค้ำออก ทั้งที่นู๋ไม่เคยขาดงวดเลย และที่สำคัญไฟแนนไม่ยอมทำให้ ถึงขั้นที่ว่าจะฟ้องนู๋เพราะเขาเป็นคนค้ำรถ ฟ้องเรื่องรถที่เป็นชื่อนู๋และเงินนู๋ ผู้ใหญ่ทางบ้านนู๋ทนไม่ไหว เพราะเหมือนการดูถูกเหยียดยามร้ายแรง ท่านจึงรวบรวมเงินของท่านยื่นให้แก้ปัญหาโดยการตัดงวดรถทั้งหมด 200,000 บาท รวมเงินทั้งหมดในบัญชีนู๋อีก 200,000 บาท ขายทองรูปพรรณที่มีทั้งหมดได้อีก 100,000 บาท รวมเป็นเงิน 5 แสน ไปตัดรถนับจากวันที่เลิกกันเพียง 2 อาทิตย์ เพื่อจบปัญหา แต่ไม่จบแม่สามีอยากได้สินสอดคืนอีก...แต่ทางเราไม่มีจะคืนให้ ตัดรถหมดแล้วนิจะเอาอะไรอีก เงินในบัญชีทรัพย์สินก็หมดล่ะเหลือแต่รถนี่...กล้าเอาไปรึไง
ชีวิตพลิกผัน ครั้งที่ 4
จากที่เคยมั่งมี เมื่อแต่งงานแล้วชีวิตล้มไม่เหลืออะไรเลย เหลือรถคันเดียวจึงตัดสินใจเอารถเข้าจำนำทะเบียนรถยนต์ ได้เงินมา 270,000 ตัดสินใจหาทำเลค้าขายเปิดร้านขายของชำ ลองผิดลองถูก โดนเซลล์หลอก โดนปรับสรรพสามิต สาระพัด ศูนย์เงินไปเปล่าๆประมาณ 100,000 หลังจากนั้นก็ดำเนินกิจการค่อยๆลงตัว ผ่อนรถ 7,000 ค่าเช่า 3,000 และเบ็ดเตล็ดอีก 10,000 ก็พอพยุงอยู่ได้ทุกเดือน
ชีวิตพลิกผัน ครั้งที่ 5
มีชายคนหนึ่งมาติดพันธ์เขาบอกเลิกกะเมียแล้ว แต่มีลูกกะเมียเก่า 1 คน เราก็ไม่คิดว่าเขาจะโกหกอะไร คบไปเรื่อยๆจนเราเริ่มรักเขาเพราะเขาเอาใจเก่งดูแลดี ทำกับข้าวให้เราทาน จัดร้านช่วยเสมอ บางทีซักผ้าล้างจานให้ด้วย ซึ่งคนเก่าไม่เคยทำให้เราเลยคบกันได้ 1 ปี มีเบอร์แปลกโทรหาเขา เขาไม่ได้เมมชื่อ ไม่รู้วันนั้นเราคิดอะไร จึงอยากรับสายนี้จัง เราจึงรับซะเลย คนปลายสายคือเมียเขา บอกยังไม่หย่าเขาไม่กลับบ้านมาเป็นปีแล้ว เราตะลึง อึ้ง และมีปากมีเสียงกันกับแฟนทันที เขาบอกเราว่าทางนั้นไม่ยอมหย่า แต่เลิกกันจริง และเขาจะไ่ยอมเลิกกับเราเด็ดขาด ไม่ยอมไปไหนไล่ก็ไม่ไป เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรบอกให้ฝ่ายนั้นมาเอาเขาคืนไปก็ไม่เห็นว่าทางนั้นจะมาเอาคืนกับเงียบซะงั้น อ้าวไม่หย่าแต่ไม่กล้ามาลากคืนไป มันยังไงกัน เราไล่เขาก็ไม่ไป แล้วคิดว่าเราควรจะทำไง...
ชีวิตพลิกผัน ครั้งที่ 6
แฟนไม่มีงานเข้าเลย หรือตกงานนั้นเอง เอาละสิ เขาก็มีรถกะบะต้องผ่อน เราก็ผ่อนรถเก๋ง เขาช็อตไม่มีเงินผ่อนรถกะบะ ขอยืมจากเรา "ช่วยหน่อยจะรีบหามาให้คืน" เดือนแรก ผ่านไป เดือน 2,3,4 ผ่านไป เราเริ่มทนไม่ไหวเพราะเงินหมุนร้านนน้อยลง เขาแอบเอากะบะไปจอดจำดอกร้อยละ 10 นอกระบบ 100,000 บาท แต่เราจับได้บอกเรา 70,000 เงินหายไป 30,000 ขนาดได้เงินมาเขายังบริหารผ่อนดอกผ่อนรถไม่ไหวอีก "ช่วยอีกครั้งเถอะนะ สิ้นเดือนนี้ก็จะได้งานแล้วจะเอามาคืน" พอสิ้นเดือนงานชวดคะไม่ได้ทำ เราก็โวยสิคะ จากนั้นแอบเอาไปจอดจำที่ใหม่ เป็นเงิน 150,000 ดอกเดือนละ 15,000 เป็นเหมือนเดิมเราก็ช่วยเพราะความสงสาร ไป 4-5 เดือน มันไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็เลยปล่อยให้เขาจัดการเอง รถจึงถูกยึดเรียบร้อย เขาก็ต้องรอศาลฟ้องรถไม่อยู่ละนิ แต่ความวินาศของเรานี่สิ เงินที่ช่วยเขาไป ทำให้ของขายในร้านเราน้อยลงมากจนแทบไม่เหลือของขาย
ชีวิตพลิกผัน ครั้งที่ 7
หนี้ยังไม่หมด มีเรื่องอีกละ เขาได้งานไปทำได้สองเดือน ผู้รับเหมาโกงไป 2 แสน แถมยังไม่ได้จ่ายลูกน้องอีก 90,000 ครั้งนี้เราจนปัญญาที่จะช่วย แต่ความวายไม่หมดเท่านั้น เราท้อง อ้าวมาไม่ถูกเวลาซะแล้วลูกแม่ แต่เราก็ไม่คิดจะเอาลูกออก อ้าวโตขนาดนี้ละคนเก็บขยะเขายังเลี้ยงลูกโตเลยเราละจะฆ่าลูกรึไง อ้าวค่ายาค่าหมอตามมาเพียบ ทำให้ช็อตเงินในทันที่ในเดือนนี้ งวดรถเก๋งยังม่ะได้จ่ายเลย 7,500 ไปจ่ายค่าหมอหมด ปัจจุบันยังคิดหาทางออกไม่เจอเลย แพ้ท้องทั้งวัน ส่วนพ่อของลูกกลางวันไม่อยู่ร้านกลับมาก็บ่นว่าเราขี้เกียจไม่ทำอะไร อันที่จิงเรามีความคิดยุนะว่า ลูกเราไม่จำเป็นต้องมีพ่อก็ได้มั้ง ใกล้คลอดค่อยไปขอขมาที่บ้านเราให้ท่านช่วยเลี้ยง ตายาย แม่กะพ่อเลี้ยงคงไม่ใจดำพอจะไล่เรากะลูกหรอก อาจจะโกรธเคืองก็เปงเรื่องธรรมดาจากนั้นฟื้นตัวร่างกายแข็งแรงค่อยมุ่งทำงานหาเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัว ส่วนผู้ชายน่าจะตัดทิ้งจากสายระบบไปเลย คบใครมีแต่ปัญหา
อายุตอนนี้ 25 ปี เองคะ...พลาดมาสาระพัด อนาคตไม่รู้จะเป็นไงต่อ...แต่ต่อไปจะใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท