สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เพื่อนบ้าน คือ ต้องเป็นมุสลิม ด้วยใช่ปะ (ฮัลเลาะบอกไว้อย่างไร)
เห็นเพื่อนบ้านกาเฟร แถว ยะลา ปัตตานี นราธิวาส หนีตายกันจ้าละหวั่น
นี่เพื่อนบ้านมีความสุขกันจนต้องพูดอะไรบางอย่างออกมา
http://ppantip.com/topic/33817436
http://www.prakard.com/default.aspx?g=posts&t=202900
ปล. การรีดน้ำจากหิน มันยากนิดนึงนะ แต่ทำไงได้ล่ะ เมื่อมันเชื่อไปแล้ว (และห้ามหยุดเชื่อซะด้วย) ว่าบีมหินเยอะๆ จะมีน้ำออกมา ก็ต้องพยายามกันต่อไป เข้าใจนะ และเห็นใจด้วย
เห็นเพื่อนบ้านกาเฟร แถว ยะลา ปัตตานี นราธิวาส หนีตายกันจ้าละหวั่น
นี่เพื่อนบ้านมีความสุขกันจนต้องพูดอะไรบางอย่างออกมา
http://ppantip.com/topic/33817436
http://www.prakard.com/default.aspx?g=posts&t=202900
ปล. การรีดน้ำจากหิน มันยากนิดนึงนะ แต่ทำไงได้ล่ะ เมื่อมันเชื่อไปแล้ว (และห้ามหยุดเชื่อซะด้วย) ว่าบีมหินเยอะๆ จะมีน้ำออกมา ก็ต้องพยายามกันต่อไป เข้าใจนะ และเห็นใจด้วย
ความคิดเห็นที่ 3
Think of it:
Buddhists living with Hindus = No Problem
Hindus living with Christians = No Problem
Hindus living with Jews = No Problem
Christians living with Shintos = No Problem
Shintos living with Confucians = No Problem
Confusians living with Baha'is = No Problem
Baha'is living with Jews = No Problem
Jews living with Atheists = No Problem
Atheists living with Buddhists = No Problem
Buddhists living with Sikhs = No Problem
Sikhs living with Hindus = No Problem
Hindus living with Baha'is = No Problem
Baha'is living with Christians = No Problem
Christians living with Jews = No Problem
Jews living with Buddhists = No Problem
Buddhists living with Shintos = No Problem
Shintos living with Atheists = No Problem
Atheists living with Confucians = No Problem
Confusians living with Hindus = No Problem
Muslims living with Hindus = Problem
Muslims living with Buddhists = Problem
Muslims living with Christians = Problem
Muslims living with Jews = Problem
Muslims living with Sikhs = Problem
Muslims living with Baha'is = Problem
Muslims living with Shintos = Problem
Muslims living with Atheists = Problem
MUSLIMS LIVING WITH MUSLIMS = BIG PROBLEM
Buddhists living with Hindus = No Problem
Hindus living with Christians = No Problem
Hindus living with Jews = No Problem
Christians living with Shintos = No Problem
Shintos living with Confucians = No Problem
Confusians living with Baha'is = No Problem
Baha'is living with Jews = No Problem
Jews living with Atheists = No Problem
Atheists living with Buddhists = No Problem
Buddhists living with Sikhs = No Problem
Sikhs living with Hindus = No Problem
Hindus living with Baha'is = No Problem
Baha'is living with Christians = No Problem
Christians living with Jews = No Problem
Jews living with Buddhists = No Problem
Buddhists living with Shintos = No Problem
Shintos living with Atheists = No Problem
Atheists living with Confucians = No Problem
Confusians living with Hindus = No Problem
Muslims living with Hindus = Problem
Muslims living with Buddhists = Problem
Muslims living with Christians = Problem
Muslims living with Jews = Problem
Muslims living with Sikhs = Problem
Muslims living with Baha'is = Problem
Muslims living with Shintos = Problem
Muslims living with Atheists = Problem
MUSLIMS LIVING WITH MUSLIMS = BIG PROBLEM
แสดงความคิดเห็น
คุณธรรมต่อเพื่อนบ้านกับคำสอนศาสนาอิสลาม
อิสลามได้ส่งเสริมเรื่องนี้เสมอ
อิสลามเป็นศาสนาที่ส่งเสริมการอยู่ร่วมกับสังคมเพื่อนบ้านโดยมีคุณธรรมต่อกันและกันห้ามการสร้างความเดือดร้อนแก่เพื่อนบ้าน (جِيْرَانْ ) ซึ่งคำว่า ( جِيْرَانْ ) หรือเพื่อนบ้านตามหลักการอิสลามมีอยู่สามประเภทด้วยกัน
1. เพื่อนบ้านที่เป็นมุสลิมและเป็นเครือญาติใกล้ชิด เขาต้องได้รับสิทธิสามประการดังต่อไปนี้ คือสิทธิของการเป็นเพื่อนบ้าน , สิทธิของความเป็นมุสลิม ,และสิทธิของความเป็นเครือญาติ ,
2. เพื่อนบ้านที่เป็นมุสลิม เขาต้องได้รับสิทธิสองประการ คือสิทธิความเป็นมุสลิม , และสิทธิของความเป็นเพื่อนบ้าน ,
3. เพื่อนบ้านที่มิใช่มุสลิมเขาได้รับสิทธิหนึ่งประการ คือให้แสดงความมีคุณธรรมแก่เขาในฐานะความเป็นเพื่อนบ้าน
ได้มีรายงานที่บันทึกโยท่านบุคอรีย์และมุสลิมจากอบูฮุรอยเราะห์ว่า
اَنَّ رَسُوْلَ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ: وَاللهِ لاَيُؤْمِن وَاللهِ لاَيُؤْمِن وَاللهِ لاَيُؤْمِن قِيْلَ مَنْ يَارَسُوْلَ اللهِ قَالَ مَنْ لاَيَاْمَنُ جَارُهُ بَوَاِئقَهُ
ความว่า “แท้จริงนบีมุฮาหมัดซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า ขอสาบานต่อัลเลาะห์ว่า ไม่ถือว่าเขาอีหม่านอย่างสมบูรณ์, ขอสาบานต่อลเลาะห์ว่าไม่ถือว่าเขาอีหม่านอย่างสมรบูรณ์ , ขอสาบานต่ออัลเลาะห์ว่าไม่ถือว่าเขาอีหม่านอย่างสมบูรณ์ , จึงงมีซ่อฮาบะห์ท่านหนึ่งถามว่า ใครกันโอ้ท่านร่อซู้ล ท่านร่อซูลจึงงกล่าวตอบว่า คือเพื่อนบ้านของเขา ไม่ได้รับความปลอดภัยจากความชั่วร้ายของเขา”
การยืนยันด้วยการสาบานของท่านร่อซู้ลซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมถึงสามครั้ง
ชี้ให้เห็นเด่นชัดถึงความสำคัญของเพื่อนบ้านและถือว่าขาดคุณธรรมต่อผู้ที่สร้างความเดือดร้อนแก่บ้านใกล้เรือนเคียง
และท่านนบีได้กล่าวเตือนให้ทราบว่าผู้ที่สร้างความเดือดร้อนอันตรายต่อเพื่อนบ้านคือผู้ที่ไม่มีอีหม่านอย่างสมบูรณเลยต่ออัลเลาะห์และวันอาคิเราะห์
ซึ่งมีรายงานจากอะบูฮุรอยเราะห์ว่า
مَنْ كَانَ يُؤْمِنُ بِاللهِ وَاْليَوْمِ اْلاَخِرِفَلاَيُؤْذِىْ جَارَهُ . رواه البخاري ومسلم
ความว่า “ผู้ใดที่ปรากฏว่าเขามีอีหม่านต่ออัลเลาะห์ และวันอาคิเราะห์เขาจะต้องไม่สร้างความเจ็บเนื้อร้อนใจแก่เพื่อนบ้านของเขา”Quran An-Nisaa' - (The Women) [4:36]
"และจงเคารพสักการะอัลลอฮ์เถิด และอย่าให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ และจงทำดีต่อผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองและต่อผู้เป็นญาติที่ใกล้ชิด และเด็กกำพร้าและผู้ขัดสน และเพื่อนบ้านใกล้เคียงและเพื่อนที่ห่างไกล และเพื่อนเคียงข้าง และผู้เดินทาง และผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง แท้จริงอัลลอฮ์ ไม่ทรงชอบผู้ยะโส ผู้โอ้อวด "
สิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่ท่านนบีสั่งสอนกับบรรดามุสลิมทั้งหลาย
“ ญิบรีลยังคงสั่งเสียแก่ฉัน เกี่ยวกับเพื่อนบ้านจนกระทั่งฉันคิดว่า เพื่อนบ้านจะสามารถรับมรดกของเพื่อนบ้านได้” (บันทึกโดย บุคอรี และมุสลิม)
1- และมีหะดีษกล่าวถึงดังต่อไปนี้
ومن كان يؤمن بالله واليوم الآخر فليكرم جاره
"ผู้ใดศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺ เขาก็จงให้เกียรติเพื่อนบ้านของเขา" บันทึกโดย บุคอรี และมุสลิม)
และในบางสำนวนของหะดีษนี้ระบุว่า
فليحسن إلى جاره
เขาก็จงทำดีต่อเพื่อนบ้านของเขา
2- والذي نفسي بيده لا يؤمن عبد حتى يحب لجاره ما يحب لنفسه
"ขอสาบานด้วยผู้ที่ชีวิตของฉันอยู่ในเงื้อมพระหัตถ์ของพระองค์ (อัลลอฮฺ) ศรัทธาของบ่าวคนหนึ่งจะไม่สมบูรณ์ จนกว่าเขาจะชอบให้เพื่อนบ้านของเขาได้รับสิ่งที่ตัวเขาเองชอบ" (บันทึกโดย มุสลิม)
3- وخير الجيران عند الله خيرهم لجاره
"และเพื่อนบ้านที่ประเสริฐที่สุด ณ อัลลอฮฺตะอาลานั้น ก็คือเพื่อนบ้านที่ทำดีต่อเพื่อนบ้านของตนมากที่สุด"บันทึกโดย อะหมัด และ ติรมิซีย์)
มารยาทที่มุสลิมจะต้องปฏิบัติต่อเพื่อนบ้าน
ได้แก่ :
- จะต้องทำดีกับเพื่อนบ้าน ให้การช่วยเหลือเขา ไปเยี่ยมเขาเมื่อเขาเจ็บป่วย แสดงความยินดีกับเขาเมื่อเขาได้รับสิ่งที่ดี แสดงความเสียใจและปลอบใจเขา เมื่อเขาประสบทุกข์ภัย และได้รับความเดือดร้อน ให้การสนับสนุนเขา พูดจากับเขาโดยดี
- ให้การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่เพื่อนบ้าน ท่านอบูซัร รฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า แท้จริงมิตรของฉันคือท่านนบีมุฮำมัด ศ็อลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้สั่งเสียให้แก่ฉันว่า
“เมื่อท่านทำแกง ก็จงใส่น้ำแกงให้มาก แล้วท่านจงมองดูผู้อยู่ในบ้านจากบรรดาเพื่อนบ้านของท่าน แล้วจงมอบแกงส่วนหนึ่งให้แก่เขา เพื่อเขาจะได้รับประทาน” (บันทึกโดย มุสลิม)
- ให้เกียรติต่อเพื่อนบ้าน มีความรู้สึกเกรงอกเกรงใจเขาโดยอยู่ในหลักบัญญัติอิสลาม ขณะเดียวกันก็จะต้องให้คำแนะนำตักเตือนกัน ให้เพื่อนบ้านได้ปฏิบัติอยู่ในขอบเขตของบัญญัติศาสนา
ท่านศาสดา(ศ.) กล่าวว่า "เขาไม่ได้มาจากฉัน ผู้ที่นอนหลับอย่างสุขสบายในขณะที่เพื่อนบ้านของเขานอนหิวโหย"
อิมามอะลี อิบนฺ ฮุเซน ซัยนุลอาบิดีน(อ.) ได้กล่าวไว้ในริซาละตุล ฮุกูก ของท่านว่า "เหล่านี้คือหน้าที่ของพวกท่านที่มีต่อเพื่อนบ้านของพวกท่าน นั่นคือ ปกป้องผลประโยชน์ของเขาในขณะที่เขาไม่อยู่, แสดงความนับถือต่อเขาในขณะที่เขาอยู่, ช่วยเหลือเขาเมื่อเขาได้รับโทษด้วยความอยุติธรรม"