[หนังโรงเรื่องที่ 128]Kung Fu Panda 3-แพนด้าก็คือแพนด้า ; (Alessandro Carloni, Jennifer Yuh,2016)
คะแนน : 10/10
เรื่องย่อ : เป็นหนังภาคต่อจากแฟรนชายชื่อดังอย่าง 'กังฟู แพนด้า' ซึ่งมาในภาคนี้แพนด้ายอดยุทธของเราอย่าง 'โพ' จะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหม่เมื่อ'อาจารย์ชิวู'ต้องการที่จะให้โพเป็นอาจารย์สอนวิทยายุทธแทนตนซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ถนัดและไม่มีความมั่นใจ-ในขณะเดียวกันก็มีภัยจากภายนอกอย่าง 'ไค' ยอดฝีมือกระทิงผู้ผุดขึ้นมาปรโลกเพื่อหมายจะกลืนกินพลังยุทธของทุกคนในโลก การผจญภัยแบบอ้วนๆชวนฮาจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง
.
ถือว่าหายากนะ ที่จะมีหนังซักเรื่องที่คงเส้นคงวาในคุณภาพได้ขนาดนี้ คือส่วนตัวก็ติดตามเรื่อยๆเรียงๆมาตั้งแต่ภาคแรกจนมาถึงภาคนี้ก็ยังมีความรู้สึกว่า 'เออเว้ย มันก็สนุกในแบบของมันได้มาทุกภาคแหละ' คือหนังรักษาคอนเซปต์ในฐานะหนังเด็กได้ดีและก็ยังเผื่อพื้นที่ปรัชญาเล็กๆให้ผู้ใหญ่เอาไปตีความต่อได้ หรือแม้แต่มุกตลกในเรื่องก็เป็นอะไรที่ clean มาก ชนิดว่าปลอดคำสบถ-คำหยาบได้ 100% เลยทีเดียว (อ้างอิงจาก soundtrack)
.
ซึ่งอย่างแรกในบรรดาความดีงามที่รักษาคุณภาพมาตลอดก็คงหนีไม่พ้น 'งานภาพ' ที่สวยมากกกกกกก, งานอาร์ตสไตล์ภู่กันจีนที่โดดเด่นที่คอยสอดแทรกเข้ามาผสมผสานกับงานอนิเมชั่นที่สดใสของ Dreamworks ก็ถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของกังฟูแพนด้าที่ผู้เขียนชอบมาก ถือว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างกลิ่นอายความเป็นเอเชีย-ตะวันตกที่บรรจบเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว
.
ประเด็นที่สองคือ 'ใจความ' ที่หนังพยายามจะสื่อก็มีความต่อเนื่องที่หยิบมาใช้มาจากภาคก่อนๆได้ดี ซึ่งในภาคนี้หนังก็เน้นย้ำในคำถามที่ว่า 'ตัวเรานั้นเป็นใครกันแน่?' ซึ่งเป็นใจความตามวิถีพุทธ-เซ็นที่อาจารย์ชิวูและอาจารย์อูเกวได้ถามกับโพอยู่บ่อยครั้งซึ่งหนังเองก็ได้ให้คำจัดความกว้างๆที่ค่อนข้างเข้าท่าในตอนท้ายเรื่องได้ดี โดยส่วนตัวคิดว่ามันก็เป็นไอเดียที่ดีสำหรับหนังเยาวชนที่จะมีประเด็นลึกซึ้งแบบนี้สอดแทรกเข้ามาแบบไม่ค่อยยัดเยียดจนเกินไป แถมมันยังเวิร์กกับกลุ่มคนดูผู้ใหญ่ซะด้วยสิ
.
นอกเหนือจากประเด็นที่กล่าวมา หนังก็ทำหน้าที่ได้ดีในการ 'ให้กำลังใจ' คนดูโดยวางตัวละครเอกอย่างโพไว้ในฐานะ Loser เหมือนเช่นทุกๆภาคที่ผ่านมา, ถึงแม้โพจะได้รับตำแหน่งจอมยุทธมังกรและมีวรยุทธที่แก่กล้าขึ้นแล้ว แต่คนรอบๆตัวโพเองก็ยังไม่ได้ให้ความเคารพนับถือในตัวเค้าเท่าไหร่ ซึ่งส่งผลให้โพขาดความมั่นใจอย่างมากตอนที่อาจารย์ชิวูส่งมอบตำแหน่งอาจารย์ให้เค้า ... แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีตามครรลองตามคำสอนของอาจารย์ชิวูที่กล่าวไว้ว่า 'ถ้าเธอทำเพียงสิ่งที่เธอทำได้ เธอจะไม่มีวันเป็นคนที่ดีกว่าตัวเธอในตอนนี้ได้'
.
ในแง่ของความตลก-ความฮาก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ อาจจะเพราะผู้เขียนไม่ได้อยู่ในวัยที่จะขำกับมุกเด็กๆแล้วเลยทำให้ไม่ค่อยได้หลุดฮาบ่อยเท่าที่ควรบวกกับมีช่วงเรื่องยืดเลยทำให้หาวนอนแป๊ปนึง .. แต่ด้วยความกวนความฮาของเจ้าแพนด้าอ้วนบวกกับไดอะล็อกรั่วๆจากบรรดาเพื่อนร่วมสำนักทั้งหลายก็พอจะพยุงอารมณ์ขำคิกๆไปได้
.
"Kung Fu Panda 3 เป็นหนึ่งในอนิเมชั่นน้ำดีที่รักษาคุณภาพได้ต่อเนื่องแม้จะทำมาหลายภาค และยังซื่อสัตย์กับจุดยืนของตัวเองมาอย่างมั่นคง จึงนับเป็นหนังที่มีความสนุกเป็นเอกลักษณ์ บวกกับงานภาพสวยๆ เท่านี้ก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้วที่จะไปจัดในโรงครับ"
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่
https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า FB ครับ ...
[หนังโรงเรื่องที่ 128]Kung Fu Panda 3-แพนด้าก็คือแพนด้า by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 128]Kung Fu Panda 3-แพนด้าก็คือแพนด้า ; (Alessandro Carloni, Jennifer Yuh,2016)
คะแนน : 10/10
เรื่องย่อ : เป็นหนังภาคต่อจากแฟรนชายชื่อดังอย่าง 'กังฟู แพนด้า' ซึ่งมาในภาคนี้แพนด้ายอดยุทธของเราอย่าง 'โพ' จะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหม่เมื่อ'อาจารย์ชิวู'ต้องการที่จะให้โพเป็นอาจารย์สอนวิทยายุทธแทนตนซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ถนัดและไม่มีความมั่นใจ-ในขณะเดียวกันก็มีภัยจากภายนอกอย่าง 'ไค' ยอดฝีมือกระทิงผู้ผุดขึ้นมาปรโลกเพื่อหมายจะกลืนกินพลังยุทธของทุกคนในโลก การผจญภัยแบบอ้วนๆชวนฮาจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง
.
ถือว่าหายากนะ ที่จะมีหนังซักเรื่องที่คงเส้นคงวาในคุณภาพได้ขนาดนี้ คือส่วนตัวก็ติดตามเรื่อยๆเรียงๆมาตั้งแต่ภาคแรกจนมาถึงภาคนี้ก็ยังมีความรู้สึกว่า 'เออเว้ย มันก็สนุกในแบบของมันได้มาทุกภาคแหละ' คือหนังรักษาคอนเซปต์ในฐานะหนังเด็กได้ดีและก็ยังเผื่อพื้นที่ปรัชญาเล็กๆให้ผู้ใหญ่เอาไปตีความต่อได้ หรือแม้แต่มุกตลกในเรื่องก็เป็นอะไรที่ clean มาก ชนิดว่าปลอดคำสบถ-คำหยาบได้ 100% เลยทีเดียว (อ้างอิงจาก soundtrack)
.
ซึ่งอย่างแรกในบรรดาความดีงามที่รักษาคุณภาพมาตลอดก็คงหนีไม่พ้น 'งานภาพ' ที่สวยมากกกกกกก, งานอาร์ตสไตล์ภู่กันจีนที่โดดเด่นที่คอยสอดแทรกเข้ามาผสมผสานกับงานอนิเมชั่นที่สดใสของ Dreamworks ก็ถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของกังฟูแพนด้าที่ผู้เขียนชอบมาก ถือว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างกลิ่นอายความเป็นเอเชีย-ตะวันตกที่บรรจบเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว
.
ประเด็นที่สองคือ 'ใจความ' ที่หนังพยายามจะสื่อก็มีความต่อเนื่องที่หยิบมาใช้มาจากภาคก่อนๆได้ดี ซึ่งในภาคนี้หนังก็เน้นย้ำในคำถามที่ว่า 'ตัวเรานั้นเป็นใครกันแน่?' ซึ่งเป็นใจความตามวิถีพุทธ-เซ็นที่อาจารย์ชิวูและอาจารย์อูเกวได้ถามกับโพอยู่บ่อยครั้งซึ่งหนังเองก็ได้ให้คำจัดความกว้างๆที่ค่อนข้างเข้าท่าในตอนท้ายเรื่องได้ดี โดยส่วนตัวคิดว่ามันก็เป็นไอเดียที่ดีสำหรับหนังเยาวชนที่จะมีประเด็นลึกซึ้งแบบนี้สอดแทรกเข้ามาแบบไม่ค่อยยัดเยียดจนเกินไป แถมมันยังเวิร์กกับกลุ่มคนดูผู้ใหญ่ซะด้วยสิ
.
นอกเหนือจากประเด็นที่กล่าวมา หนังก็ทำหน้าที่ได้ดีในการ 'ให้กำลังใจ' คนดูโดยวางตัวละครเอกอย่างโพไว้ในฐานะ Loser เหมือนเช่นทุกๆภาคที่ผ่านมา, ถึงแม้โพจะได้รับตำแหน่งจอมยุทธมังกรและมีวรยุทธที่แก่กล้าขึ้นแล้ว แต่คนรอบๆตัวโพเองก็ยังไม่ได้ให้ความเคารพนับถือในตัวเค้าเท่าไหร่ ซึ่งส่งผลให้โพขาดความมั่นใจอย่างมากตอนที่อาจารย์ชิวูส่งมอบตำแหน่งอาจารย์ให้เค้า ... แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีตามครรลองตามคำสอนของอาจารย์ชิวูที่กล่าวไว้ว่า 'ถ้าเธอทำเพียงสิ่งที่เธอทำได้ เธอจะไม่มีวันเป็นคนที่ดีกว่าตัวเธอในตอนนี้ได้'
.
ในแง่ของความตลก-ความฮาก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ อาจจะเพราะผู้เขียนไม่ได้อยู่ในวัยที่จะขำกับมุกเด็กๆแล้วเลยทำให้ไม่ค่อยได้หลุดฮาบ่อยเท่าที่ควรบวกกับมีช่วงเรื่องยืดเลยทำให้หาวนอนแป๊ปนึง .. แต่ด้วยความกวนความฮาของเจ้าแพนด้าอ้วนบวกกับไดอะล็อกรั่วๆจากบรรดาเพื่อนร่วมสำนักทั้งหลายก็พอจะพยุงอารมณ์ขำคิกๆไปได้
.
"Kung Fu Panda 3 เป็นหนึ่งในอนิเมชั่นน้ำดีที่รักษาคุณภาพได้ต่อเนื่องแม้จะทำมาหลายภาค และยังซื่อสัตย์กับจุดยืนของตัวเองมาอย่างมั่นคง จึงนับเป็นหนังที่มีความสนุกเป็นเอกลักษณ์ บวกกับงานภาพสวยๆ เท่านี้ก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้วที่จะไปจัดในโรงครับ"
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า FB ครับ ...