เห็นดราม่ากันเหลือเกินปีนี้ ว่าคน กทม. บ้าง คนในเขตเมืองบ้าง เลวร้ายอย่างนั้นอย่างนี้ อยากเล่นสงกรานต์จนไม่สนความรู้สึกคนอื่น ชาวนา เกษตรกร ไม่มีน้ำใช้กันแล้วนะ ( โดยเฉพาะพวกเพจการเมืองทั้งหลาย ขอให้ได้แซะเถอะ )
.
ผมเลยรวบรวมข้อมูลหลายๆ อย่าง ที่เป็นประเด็นและผมพอจะหาได้ มาไว้ในนี้นะครับ
.
------------------------------
.
1.คน กทม. ผลาญน้ำมากที่สุดช่วงสงกรานต์
.
- ความจริงคือช่วงสงกรานต์
กทม. ใช้น้ำน้อยลงกว่าเวลาปกติ เพราะคน ตจว. กลับภูมิลำเนากันหมด
.
การประปานครหลวงท่านบอกมาเอง ตามนี้...
.
นางสาวทรรศนีย์ ฤกษ์ศานติวงษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ค่อนข้างรุนแรงแต่ประชาชนคนไทยสามารถสืบสานประเพณีไทยในเทศกาลสงกรานต์ได้ โดยร่วมกันประหยัดน้ำ ด้วยการปะพรมน้ำ โดยใช้ขันใบเล็กแทนการเล่นสาดน้ำ เพื่อมีส่วนร่วมในการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า เพื่อร่วมกันฝ่าวิกฤติภัยแล้งในปีนี้
โดยจากสถิติการใช้น้ำย้อนหลัง 3 ปีพบว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบว่าการใช้น้ำในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ลดน้อยลง 10 – 20 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเวลาปกติ โดยใช้น้ำในช่วงสงกรานต์ 11 – 15 เม.ย.อยู่ที่ 4.5 – 5.2 ล้านคิวต่อวัน โดยปริมาณการใช้น้ำลงลงจากปกติเนื่องจากประชาชนเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนา บริษัทห้างร้านต่างๆ ปิดทำการ
.
ที่มา :
http://www.dailynews.co.th/bangkok/385145
.
.
2.คน กทม. รวมถึงคนในเขตเมือง ใช้น้ำเปลืองกว่าคนชนบท
.
- ความจริงคือ
ปริมาณน้ำส่วนใหญ่ถูกใช้ไปในทางการเกษตรมากที่สุด ทิ้งห่างอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวแบบเทียบกันไม่ได้
.
ขออ้างแหล่งข้อมูล 2 อัน อันแรกเป็นบทความของคณะเทคโนโลยีทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา เขาอ้างอิงสถิติขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO)
.
ตามรายงานสถิติขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) สัดส่วนการใช้น้ำของประเทศไทยจำแนกตามภาคส่วนสำคัญแบ่งได้เป็นดังนี้
น้ำเพื่อตอบสนองชุมชนเมือง (domestic use) ร้อยละ 2.5 น้ำเพื่อภาคอุตสาหกรรม (industrial use) ร้อยละ 2.5 และน้ำเพื่อภาคเกษตรกรรม (agricultural use) ร้อยละ 95
.
ที่มา :
http://www.wis.or.th/thai/learning_detail.asp?id=1
.
อีกอันอาจจะเก่าหน่อย เป็นรายงานการประชุมของภาคส่วนต่างๆ เมื่อปี 2552 ( โปรดดูหน้า 6 )
.
การใช้น้ำเพื่อการเกษตร 66.69% อุตสาหกรรม 7.27% ท่องเที่ยว 0.43% เพื่ออุปโภคบริโภค 10.21% เพื่อรักษาระบบนิเวศน์และระบบขนส่งทางน้ำ 15.40%
.
ที่มา :
http://202.129.59.73/wm/Water/water5/water%205.pdf
.
.
3.ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม เกษตรกรรมคือตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจชาติ
.
- ความจริงคือ
“อุตสาหกรรม บริการและท่องเที่ยว” ต่างหากที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก
.
ขอดึงจากหลายๆ แหล่งหน่อยนะครับอันนี้
.
อันแรก Power Point ของ
ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีต รมว.พลังงาน มาอ้างอิง เขาว่า
ในปี 2014 ( พ.ศ.2557 ) สัดส่วนโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เป็นภาคบริการ 49% ภาคการผลิต 39% ภาคเกษตร 12% นอกจากนี้
เราพึ่งพาการส่งออกถึง 60% ของ GDP และในจำนวนการส่งออกทั้งหมด 77% เป็นสินค้าอุตสาหกรรม
.
ที่มา :
https://www.set.or.th/dat/media/P1424858468861.pdf
.
อันที่สอง อันนี้เก่าไปนิดแต่ไม่มากเท่าไร วารสาร SME เขารวบรวมข้อมูลย้อนหลัง
ตั้งแต่ 2551-2555 พบว่า 5 ปีดังกล่าว สัดส่วน GDP ภาคเกษตร เฉลี่ย 11-13% ขณะที่นอกภาคเกษตรอยู่ที่ 87-89%
.
ที่มา :
http://www.sme.go.th/SiteCollectionDocuments/White%20Paper/2556/report01.pdf
.
อันที่สาม สินค้าส่งออกของไทย 10 อันดับ แนะนำว่าให้ดูแค่ 4 ปีล่าสุด ( 2555-2558 ) ก็พอ ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ถ้าเลือกดูในหมวดเกษตร จะพบว่า
ต่อให้เอา 10 อันดับรวมกัน แต่ละปีก็ยังไม่ใกล้เคียงหลักล้านล้านบาท ถ้าเทียบกับรายได้จากการท่องเที่ยว ที่แตะหรือหวิดแตะหลักล้านล้านบาทเสมอในช่วงเวลาเดียวกัน
.
ที่มา :
.
http://www2.ops3.moc.go.th/ เว็บไซต์สถิติการส่งออก-นำเข้า ของกระทรวงพาณิชย์
http://www.thansettakij.com/2016/01/08/25115 ข่าวรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2558 อยู่ที่ 1.44 ล้านล้านบาท
http://www.thairath.co.th/content/476088 ข่าวรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2557 อยู่ที่ 9 แสนล้านบาท
http://www.tourism.go.th/home/details/11/222/22950 รายงานรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ของ ททท. ประจำปี 2550-2556 พบว่า ปี 2555 รายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติ อยู่ที่ราว 9.8 แสนล้านบาท และปี 2556 อยู่ที่ราว 1.17 ล้านล้านบาท ( หน้า 21 ของ PDF หรือหน้า 14 ของตัวรายงาน )
.
.
4.สงกรานต์เป็นแค่เทศกาลสาดน้ำทิ้งอย่างไร้ประโยชน์
.
- ความจริงคือสงกรานต์แต่ละปี สร้างมูลค่าเศรษฐกิจได้มหาศาล แม้กระทั่งปีที่ประเทศไทยมีวิกฤติ
.
ผมขอตัดมาเฉพาะปีที่ไทยมีวิกฤติทางการเมืองนะครับ
.
2552 ( เสื้อแดงล้อมทำเนียบรัฐบาล , แยกสามเหลี่ยมดินแดง ) แม้จะคาดการณ์ว่ารายได้ช่วงสงกรานต์อาจจะลดลง แต่ก็ยังมีเงินสะพัดทั่วประเทศแตะที่หลักแสนล้านบาท และนักท่องเที่ยวยังคึกคักเช่นเคย - ที่มา :
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1239368131
.
2553 ( เสื้อแดงยึดราชประสงค์ , ราชดำเนิน ) แม้จะไม่มีรายได้แน่ชัด และมีการปะทะกันระหว่างทหารและผู้ชุมนุม มีคนตายที่กรุงเทพฯ ภาพออกสื่อไปทั่วโลก แต่ในต่างจังหวัด นักท่องเที่ยวยังแห่ไปเที่ยวกันตามปกติ - ที่มา :
http://www.komchadluek.net/detail/20100421/56355/%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%88%E0%B8%A7.%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%94.html
.
2557 ( กปปส.-นกหวีด เพิ่งเลิกชัตดาวน์ กทม. หันไปตั้งค่ายในสวนลุมพินี ) แม้จะชะลอตัวเพราะก่อนหน้านี้ก็มีระเบิด มี M79 มีมือปืนป๊อปคอร์น มีคนเจ็บคนตาย แต่สงกรานต์ 2557 ยังมีรายได้จากการท่องเที่ยวราว 3 หมื่นกว่าล้านบาท - ที่มา :
http://www.aecnews.co.th/economic/read/3270
.
2558 ( สงกรานต์แรกใต้เงา คสช. ยึดอำนาจ เพิ่งยกเลิกกฎอัยการศึกและใช้ ม.44 แทน ) ถึงนักท่องเที่ยวจะหายไปเยอะเพราะฤทธิ์ของกฎอัยการศึก ตามด้วย ม.44 และภาพลักษณ์ที่น่ากลัวของรัฐบาลทหาร แต่รายได้จากนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ รวมๆกันแล้วก็ยังอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท - ที่มา :
http://www.pptvthailand.com/news/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%AA/9840
.
สรุปคือสงกรานต์เป็นเทศกาลโกยรายได้ของประเทศไทย แม้กระทั่งในช่วงสถานการณ์ทางการเมืองล่อแหลมก็ไม่ได้กระทบอย่างมีนัยยะสำคัญ
.
.
5.ชาวนาไม่มีน้ำทำนาแล้วนะ ไม่เห็นใจบ้างหรือ?
.
- ความจริงคือรัฐบาลเขาเตือนหลายรอบแล้วครับว่าให้หยุดทำนาปรัง เพราะใช้น้ำมาก ไม่ใช่นาปีที่ทำตามฤดูกาล
.
พฤศจิกายน 2557 ที่มา :
http://www.naewna.com/local/130384
.
กันยายน 2558 ที่มา :
http://www.thansettakij.com/2015/09/06/9866
.
แต่
มกราคม 2559 ก็ยังพบว่ามีการทำนาปรังกันต่อ คาดว่ามีทั้งสิ้น 2 ล้านไร่หรือาจจะมากกว่านั้น - ที่มา :
http://www.posttoday.com/local/scoop/412543
.
แล้วถ้าไปดูข้อมูลนำเข้า-ส่งออก ของกระทรวงพาณิชย์
http://www2.ops3.moc.go.th/ ในหมวดเกษตร พืชหลักจริงๆ ที่ส่งออก เอาแค่ 2554-2558 ยางพาราเป็นอันดับ 1 ส่วนข้าวเป็นอันดับ 2 และถ้าเอาทุกหมวดรวมกัน มีเพียงปี 2554 ที่ข้าวยังติด 1 ใน 10 แถมยังได้เพียงอันดับ 10 ส่วนปี 2555-2558 ไม่ติด 10 อันดับ ขณะที่ยางพารา ( และผลิตภัณฑ์ยาง ) ยังติดอันดับเข้ามาได้ ( แต่ชาวสวนยางตอนนี้ก็อ่วมไม่แพ้ชาวนา )
.
------------------------------------------
.
.
ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้มีดูถูกหรือมีอคติอะไรกับเกษตรกร โดยเฉพาะชาวนานะครับ ทราบมาบ้างว่าปัญหาของชาวนาไทยส่วนใหญ่คืออายุมากและการศึกษาน้อย ทำให้ตามโลกไม่ทัน ปรับตัวเข้ากับยุคสมัยใหม่ได้ยาก - ที่มา :
http://www.ricethailand.go.th/home/images/pdf/brps/412578.pdf ( ดูหน้า 3 ข้อ 6 ) ยังคงย้ำว่าอย่างไรก็ตามรัฐบาลต้องเข้าไปช่วยชาวนากลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นและระยะยาว ให้พ้นระยะเปลี่ยนผ่านนี้ไปได้ ไม่ใช่แค่ห้ามทำนาอย่างเดียวแต่ไม่หาอะไรทดแทนให้เขาเลย
.
ที่ผมรวบรวมข้อมูลพวกนี้ขึ้นมา เพราะเบื่อการปลุกระดม-ปั่นกระแส ให้มองคนกทม.-คนในเขตเมืองเป็นพวกเลวร้าย ของทั้งพวกดราม่าน้ำตาแตกรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และทั้งพวกมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง อย่าลืมว่า กทม. ก็ดี ตัวเมืองจังหวัดใหญ่ๆ ก็ดี เป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญ แล้วคนที่อยู่ในภาคเศรษฐกิจของเมือง มันก็มาจากคนหลายพื้นที่ทั้งนั้น ผู้คนในเมืองและนอกเมือง กทม. และ ตจว. ไม่เคยแยกออกจากกัน
.
ที่สำคัญคือภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ การยกเลิกสงกรานต์จะทำให้เกิดการเสียขวัญทั้งประเทศ ส่งผลต่อการท่องเที่ยวที่ขณะนี้เป็นเพียงภาคเศรษฐกิจเดียวที่ยังทำงานได้ดี เมื่อนั้นคนไทยจะเดือดร้อนกันทุกกลุ่ม
.
คุ้มหรือเปล่า? ผมว่าแต่ละท่านคงตอบได้!!!
.
.
ปล.ใครมีอะไรจะเพิ่มเติม เชิญได้นะครับ ผมอาจจะหามาไม่ครบ เพราะรีบทำไปตามอารมณ์ ไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า
[เสียงคนวงนอก] กทม. สงกรานต์ เศรษฐกิจ และภัยแล้ง : ถ้าปีนี้รัฐบาลห้ามเล่น..มันจะดีจริงๆ หรือ?
.
ผมเลยรวบรวมข้อมูลหลายๆ อย่าง ที่เป็นประเด็นและผมพอจะหาได้ มาไว้ในนี้นะครับ
.
------------------------------
.
1.คน กทม. ผลาญน้ำมากที่สุดช่วงสงกรานต์
.
- ความจริงคือช่วงสงกรานต์ กทม. ใช้น้ำน้อยลงกว่าเวลาปกติ เพราะคน ตจว. กลับภูมิลำเนากันหมด
.
การประปานครหลวงท่านบอกมาเอง ตามนี้...
.
นางสาวทรรศนีย์ ฤกษ์ศานติวงษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ค่อนข้างรุนแรงแต่ประชาชนคนไทยสามารถสืบสานประเพณีไทยในเทศกาลสงกรานต์ได้ โดยร่วมกันประหยัดน้ำ ด้วยการปะพรมน้ำ โดยใช้ขันใบเล็กแทนการเล่นสาดน้ำ เพื่อมีส่วนร่วมในการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า เพื่อร่วมกันฝ่าวิกฤติภัยแล้งในปีนี้ โดยจากสถิติการใช้น้ำย้อนหลัง 3 ปีพบว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบว่าการใช้น้ำในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ลดน้อยลง 10 – 20 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเวลาปกติ โดยใช้น้ำในช่วงสงกรานต์ 11 – 15 เม.ย.อยู่ที่ 4.5 – 5.2 ล้านคิวต่อวัน โดยปริมาณการใช้น้ำลงลงจากปกติเนื่องจากประชาชนเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนา บริษัทห้างร้านต่างๆ ปิดทำการ
.
ที่มา : http://www.dailynews.co.th/bangkok/385145
.
.
2.คน กทม. รวมถึงคนในเขตเมือง ใช้น้ำเปลืองกว่าคนชนบท
.
- ความจริงคือ ปริมาณน้ำส่วนใหญ่ถูกใช้ไปในทางการเกษตรมากที่สุด ทิ้งห่างอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวแบบเทียบกันไม่ได้
.
ขออ้างแหล่งข้อมูล 2 อัน อันแรกเป็นบทความของคณะเทคโนโลยีทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา เขาอ้างอิงสถิติขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO)
.
ตามรายงานสถิติขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) สัดส่วนการใช้น้ำของประเทศไทยจำแนกตามภาคส่วนสำคัญแบ่งได้เป็นดังนี้ น้ำเพื่อตอบสนองชุมชนเมือง (domestic use) ร้อยละ 2.5 น้ำเพื่อภาคอุตสาหกรรม (industrial use) ร้อยละ 2.5 และน้ำเพื่อภาคเกษตรกรรม (agricultural use) ร้อยละ 95
.
ที่มา : http://www.wis.or.th/thai/learning_detail.asp?id=1
.
อีกอันอาจจะเก่าหน่อย เป็นรายงานการประชุมของภาคส่วนต่างๆ เมื่อปี 2552 ( โปรดดูหน้า 6 )
.
การใช้น้ำเพื่อการเกษตร 66.69% อุตสาหกรรม 7.27% ท่องเที่ยว 0.43% เพื่ออุปโภคบริโภค 10.21% เพื่อรักษาระบบนิเวศน์และระบบขนส่งทางน้ำ 15.40%
.
ที่มา : http://202.129.59.73/wm/Water/water5/water%205.pdf
.
.
3.ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม เกษตรกรรมคือตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจชาติ
.
- ความจริงคือ “อุตสาหกรรม บริการและท่องเที่ยว” ต่างหากที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก
.
ขอดึงจากหลายๆ แหล่งหน่อยนะครับอันนี้
.
อันแรก Power Point ของ ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีต รมว.พลังงาน มาอ้างอิง เขาว่า ในปี 2014 ( พ.ศ.2557 ) สัดส่วนโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เป็นภาคบริการ 49% ภาคการผลิต 39% ภาคเกษตร 12% นอกจากนี้ เราพึ่งพาการส่งออกถึง 60% ของ GDP และในจำนวนการส่งออกทั้งหมด 77% เป็นสินค้าอุตสาหกรรม
.
ที่มา : https://www.set.or.th/dat/media/P1424858468861.pdf
.
อันที่สอง อันนี้เก่าไปนิดแต่ไม่มากเท่าไร วารสาร SME เขารวบรวมข้อมูลย้อนหลัง ตั้งแต่ 2551-2555 พบว่า 5 ปีดังกล่าว สัดส่วน GDP ภาคเกษตร เฉลี่ย 11-13% ขณะที่นอกภาคเกษตรอยู่ที่ 87-89%
.
ที่มา : http://www.sme.go.th/SiteCollectionDocuments/White%20Paper/2556/report01.pdf
.
อันที่สาม สินค้าส่งออกของไทย 10 อันดับ แนะนำว่าให้ดูแค่ 4 ปีล่าสุด ( 2555-2558 ) ก็พอ ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ถ้าเลือกดูในหมวดเกษตร จะพบว่า ต่อให้เอา 10 อันดับรวมกัน แต่ละปีก็ยังไม่ใกล้เคียงหลักล้านล้านบาท ถ้าเทียบกับรายได้จากการท่องเที่ยว ที่แตะหรือหวิดแตะหลักล้านล้านบาทเสมอในช่วงเวลาเดียวกัน
.
ที่มา :
.
http://www2.ops3.moc.go.th/ เว็บไซต์สถิติการส่งออก-นำเข้า ของกระทรวงพาณิชย์
http://www.thansettakij.com/2016/01/08/25115 ข่าวรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2558 อยู่ที่ 1.44 ล้านล้านบาท
http://www.thairath.co.th/content/476088 ข่าวรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2557 อยู่ที่ 9 แสนล้านบาท
http://www.tourism.go.th/home/details/11/222/22950 รายงานรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ของ ททท. ประจำปี 2550-2556 พบว่า ปี 2555 รายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติ อยู่ที่ราว 9.8 แสนล้านบาท และปี 2556 อยู่ที่ราว 1.17 ล้านล้านบาท ( หน้า 21 ของ PDF หรือหน้า 14 ของตัวรายงาน )
.
.
4.สงกรานต์เป็นแค่เทศกาลสาดน้ำทิ้งอย่างไร้ประโยชน์
.
- ความจริงคือสงกรานต์แต่ละปี สร้างมูลค่าเศรษฐกิจได้มหาศาล แม้กระทั่งปีที่ประเทศไทยมีวิกฤติ
.
ผมขอตัดมาเฉพาะปีที่ไทยมีวิกฤติทางการเมืองนะครับ
.
2552 ( เสื้อแดงล้อมทำเนียบรัฐบาล , แยกสามเหลี่ยมดินแดง ) แม้จะคาดการณ์ว่ารายได้ช่วงสงกรานต์อาจจะลดลง แต่ก็ยังมีเงินสะพัดทั่วประเทศแตะที่หลักแสนล้านบาท และนักท่องเที่ยวยังคึกคักเช่นเคย - ที่มา : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1239368131
.
2553 ( เสื้อแดงยึดราชประสงค์ , ราชดำเนิน ) แม้จะไม่มีรายได้แน่ชัด และมีการปะทะกันระหว่างทหารและผู้ชุมนุม มีคนตายที่กรุงเทพฯ ภาพออกสื่อไปทั่วโลก แต่ในต่างจังหวัด นักท่องเที่ยวยังแห่ไปเที่ยวกันตามปกติ - ที่มา : http://www.komchadluek.net/detail/20100421/56355/%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%88%E0%B8%A7.%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%94.html
.
2557 ( กปปส.-นกหวีด เพิ่งเลิกชัตดาวน์ กทม. หันไปตั้งค่ายในสวนลุมพินี ) แม้จะชะลอตัวเพราะก่อนหน้านี้ก็มีระเบิด มี M79 มีมือปืนป๊อปคอร์น มีคนเจ็บคนตาย แต่สงกรานต์ 2557 ยังมีรายได้จากการท่องเที่ยวราว 3 หมื่นกว่าล้านบาท - ที่มา : http://www.aecnews.co.th/economic/read/3270
.
2558 ( สงกรานต์แรกใต้เงา คสช. ยึดอำนาจ เพิ่งยกเลิกกฎอัยการศึกและใช้ ม.44 แทน ) ถึงนักท่องเที่ยวจะหายไปเยอะเพราะฤทธิ์ของกฎอัยการศึก ตามด้วย ม.44 และภาพลักษณ์ที่น่ากลัวของรัฐบาลทหาร แต่รายได้จากนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ รวมๆกันแล้วก็ยังอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท - ที่มา : http://www.pptvthailand.com/news/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%AA/9840
.
สรุปคือสงกรานต์เป็นเทศกาลโกยรายได้ของประเทศไทย แม้กระทั่งในช่วงสถานการณ์ทางการเมืองล่อแหลมก็ไม่ได้กระทบอย่างมีนัยยะสำคัญ
.
.
5.ชาวนาไม่มีน้ำทำนาแล้วนะ ไม่เห็นใจบ้างหรือ?
.
- ความจริงคือรัฐบาลเขาเตือนหลายรอบแล้วครับว่าให้หยุดทำนาปรัง เพราะใช้น้ำมาก ไม่ใช่นาปีที่ทำตามฤดูกาล
.
พฤศจิกายน 2557 ที่มา : http://www.naewna.com/local/130384
.
กันยายน 2558 ที่มา : http://www.thansettakij.com/2015/09/06/9866
.
แต่ มกราคม 2559 ก็ยังพบว่ามีการทำนาปรังกันต่อ คาดว่ามีทั้งสิ้น 2 ล้านไร่หรือาจจะมากกว่านั้น - ที่มา : http://www.posttoday.com/local/scoop/412543
.
แล้วถ้าไปดูข้อมูลนำเข้า-ส่งออก ของกระทรวงพาณิชย์ http://www2.ops3.moc.go.th/ ในหมวดเกษตร พืชหลักจริงๆ ที่ส่งออก เอาแค่ 2554-2558 ยางพาราเป็นอันดับ 1 ส่วนข้าวเป็นอันดับ 2 และถ้าเอาทุกหมวดรวมกัน มีเพียงปี 2554 ที่ข้าวยังติด 1 ใน 10 แถมยังได้เพียงอันดับ 10 ส่วนปี 2555-2558 ไม่ติด 10 อันดับ ขณะที่ยางพารา ( และผลิตภัณฑ์ยาง ) ยังติดอันดับเข้ามาได้ ( แต่ชาวสวนยางตอนนี้ก็อ่วมไม่แพ้ชาวนา )
.
------------------------------------------
.
.
ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้มีดูถูกหรือมีอคติอะไรกับเกษตรกร โดยเฉพาะชาวนานะครับ ทราบมาบ้างว่าปัญหาของชาวนาไทยส่วนใหญ่คืออายุมากและการศึกษาน้อย ทำให้ตามโลกไม่ทัน ปรับตัวเข้ากับยุคสมัยใหม่ได้ยาก - ที่มา : http://www.ricethailand.go.th/home/images/pdf/brps/412578.pdf ( ดูหน้า 3 ข้อ 6 ) ยังคงย้ำว่าอย่างไรก็ตามรัฐบาลต้องเข้าไปช่วยชาวนากลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นและระยะยาว ให้พ้นระยะเปลี่ยนผ่านนี้ไปได้ ไม่ใช่แค่ห้ามทำนาอย่างเดียวแต่ไม่หาอะไรทดแทนให้เขาเลย
.
ที่ผมรวบรวมข้อมูลพวกนี้ขึ้นมา เพราะเบื่อการปลุกระดม-ปั่นกระแส ให้มองคนกทม.-คนในเขตเมืองเป็นพวกเลวร้าย ของทั้งพวกดราม่าน้ำตาแตกรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และทั้งพวกมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง อย่าลืมว่า กทม. ก็ดี ตัวเมืองจังหวัดใหญ่ๆ ก็ดี เป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญ แล้วคนที่อยู่ในภาคเศรษฐกิจของเมือง มันก็มาจากคนหลายพื้นที่ทั้งนั้น ผู้คนในเมืองและนอกเมือง กทม. และ ตจว. ไม่เคยแยกออกจากกัน
.
ที่สำคัญคือภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ การยกเลิกสงกรานต์จะทำให้เกิดการเสียขวัญทั้งประเทศ ส่งผลต่อการท่องเที่ยวที่ขณะนี้เป็นเพียงภาคเศรษฐกิจเดียวที่ยังทำงานได้ดี เมื่อนั้นคนไทยจะเดือดร้อนกันทุกกลุ่ม
.
คุ้มหรือเปล่า? ผมว่าแต่ละท่านคงตอบได้!!!
.
.
ปล.ใครมีอะไรจะเพิ่มเติม เชิญได้นะครับ ผมอาจจะหามาไม่ครบ เพราะรีบทำไปตามอารมณ์ ไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า