เคยใด้ยินใหมค่ะ ผัวขโมยพาดสปอดเมีย ดิฉันแต่งงานกับสามีชาวอังกฤษอย่างถูกต้องตามกฎหมาย(ที่เมืองไทย) มีลูกสาวด้วยกันสองคน ตอนนี่ลูกทั้งสองคนอยู่ที่ประเทศอังกฤษทั้งคู่ แต่ถูกสามีขโมยพาดสปอร์ตซึ่งไม่สามารถเดินทางกลับเข้าประเทศซึ่งทางสถานทูตอังกฤษไม่สามารถออกวีซ่าตัวเดิมใด้ จะออกให้ใด้ต้องทำเรื่องใหม่ทั้งหมด และวีซ่าของดิฉันคือ ติดตามสามีต้องให้สามีเซ็นรับรอง แทบจะล้มทั้งยืนในเมื่อเขาขโมยไปเรื่องอะไรเขาจะยอมเซ็นให้เราหรอก ถามว่าคุณแน่ใจใด้อย่างไรว่าสามีขโมย คือตอนที่อยู่ที่โรงแรมฮอลิเดอิน เราจะมีกุญแจคนละดอก ส่วนพาดสปอดอยู่ในตู้เซฟทีแรกยอมรับว่าใช้ไม่เป็นเขาก็สอนให้ หลังจากนั้นก็พาไปยืดผมแต่พอดิฉันกลับมาที่โรงแรมกับพบว่าสามีไม่อยู่แล้วเสื้อผ้า ข้าวของต่างๆขนไปหมดเหลือแต่ของเรา พอดเปิดไปดูเซฟก็รู้เลยทั้งหมดนี้คืออะไร นับจากวันนั้นจนวันนี้สองปีแล้วค่ะไม่ใด้เจอหน้าลูกเป็นชีวิตที่ทรมาน
คิดถึงก็ก็ใด้แต่ร้องให้ คือทำใด้แค่นี้จริงๆค่ะ เคยส่งอีเมลให้สามี โดยส่วนตัวไม่เคยคิดที่จะเอาลูกกลับมา ขอแค่ใด้พบเจอพูดคุยกับลูกบ้าง ขอแค่นี้ค่ะแต่ก็ถูกปฏิเสธจากสามี แม้กะทั้งทะเบียนสมรสเขาบอกว่าถ้าอยากจะอย่าก็ไปเสียเงินจ้างทนายเอง คือคุณใจดำมาก ต้องบอกก่อนว่าเมื่อก่อนเราอาศัยอยู่ที่เมืองไทยแต่เขาไปทำธุระกิจกับเพื่อนเปิดอะโกโก้ บาร์ แล้วเจ๋งหรือโดนโกงไม่รู้ เราเองมารู้วันกลับตอนนั้นไปครั้งแรกเป็นวีซ่าท่องเที่ยวเรากลับมาคนเดียวกับลูกคนเล็กตอนนั้นลูกก็ประมาณเจ็ดเดือนส่วนคนโตอยู่กับสามี จิงๆแล้วเขาจะเอาไว้ทั้งสองคนแต่เนื่องจากว่าแม่สามีอายุมากแล้วเขาไม่สามารถเลี้ยงทั้งสองคนใด้ เราโชดดีเลยใด้ลูกคนเล็กมาเลี้ยงเราตัดสินใจกลับบ้านไปหาแม่ สามีส่งให้เดือนละหมื่น และใด้รับความเมฆตาจากผู้ใหญ่ให้งานเราทำอีกวันละร้อยห้าสิบล้างจานทำกับข้าวในโรงเรียน อยู่อย่างนี้มาสามปีชีวิตรมีความสุขนะ ส่วนทางด้านสามีก็ติดต่อกันตลอดมาหาเรากับลูกปีละครั้ง ค่อนข้างน้อยนะปีละครั้งแต่เราเข้าใจค่าเครื่องบินแพงเขาเองก็ไม่ค่อนมีเงิน จนกระทั้งเขาเริ่มมีงาน มีเงิน และมีบริษัทเป็นของตัวเอง เขาก็มารับเรากับลูก แต่ก็อยู่บ้านพ่อแม่เหมือนเดิม เราก็งง!! แต่เขาให้เหตุผลว่าเขาขอเวลาอีกหกเดือน อึม!!ไม่เป็นไรสามปียังรอใด้รอต่ออีกหกเดือนจะเป็นไร ผ่านไปหนึ่งปีเราก็ปรึกษากับสามีว่า เอาอย่างนี้ใหมเราไปเช่าบ้านอยู่กัน ไม่เอามันแพง
ถ้ามันแพงไปขอบ้านรัฐบาลอยู่กัน ไม่เอาฉันอายคน เราเลยบอกว่าแล้วอยู่อย่างนี้ไม่อายคนหรอก เขาก็เงียบไป สองอาทิตย์ถัดมาเขาชวนเรามาเที่ยวเมืองไทย บอกกับเราว่าเขาเหนื่อยอยากมาพักผ่อน แต่ลูกไม่ต้องเอาไปนะไม่อยากให้พวกเขาเสียการเรียน ขอจบเพียงแค่นี้นะค่ะ😔
ปล.ดิฉันสามารถทิ้งชื่อจริง และนามสกุลจริงใว้ใด้ใหมค่ะ
E-mail ของดิฉันค่ะ Boocock55@gmail.com
ผัวฝรั่งเล่าสู่กันฟัง
คิดถึงก็ก็ใด้แต่ร้องให้ คือทำใด้แค่นี้จริงๆค่ะ เคยส่งอีเมลให้สามี โดยส่วนตัวไม่เคยคิดที่จะเอาลูกกลับมา ขอแค่ใด้พบเจอพูดคุยกับลูกบ้าง ขอแค่นี้ค่ะแต่ก็ถูกปฏิเสธจากสามี แม้กะทั้งทะเบียนสมรสเขาบอกว่าถ้าอยากจะอย่าก็ไปเสียเงินจ้างทนายเอง คือคุณใจดำมาก ต้องบอกก่อนว่าเมื่อก่อนเราอาศัยอยู่ที่เมืองไทยแต่เขาไปทำธุระกิจกับเพื่อนเปิดอะโกโก้ บาร์ แล้วเจ๋งหรือโดนโกงไม่รู้ เราเองมารู้วันกลับตอนนั้นไปครั้งแรกเป็นวีซ่าท่องเที่ยวเรากลับมาคนเดียวกับลูกคนเล็กตอนนั้นลูกก็ประมาณเจ็ดเดือนส่วนคนโตอยู่กับสามี จิงๆแล้วเขาจะเอาไว้ทั้งสองคนแต่เนื่องจากว่าแม่สามีอายุมากแล้วเขาไม่สามารถเลี้ยงทั้งสองคนใด้ เราโชดดีเลยใด้ลูกคนเล็กมาเลี้ยงเราตัดสินใจกลับบ้านไปหาแม่ สามีส่งให้เดือนละหมื่น และใด้รับความเมฆตาจากผู้ใหญ่ให้งานเราทำอีกวันละร้อยห้าสิบล้างจานทำกับข้าวในโรงเรียน อยู่อย่างนี้มาสามปีชีวิตรมีความสุขนะ ส่วนทางด้านสามีก็ติดต่อกันตลอดมาหาเรากับลูกปีละครั้ง ค่อนข้างน้อยนะปีละครั้งแต่เราเข้าใจค่าเครื่องบินแพงเขาเองก็ไม่ค่อนมีเงิน จนกระทั้งเขาเริ่มมีงาน มีเงิน และมีบริษัทเป็นของตัวเอง เขาก็มารับเรากับลูก แต่ก็อยู่บ้านพ่อแม่เหมือนเดิม เราก็งง!! แต่เขาให้เหตุผลว่าเขาขอเวลาอีกหกเดือน อึม!!ไม่เป็นไรสามปียังรอใด้รอต่ออีกหกเดือนจะเป็นไร ผ่านไปหนึ่งปีเราก็ปรึกษากับสามีว่า เอาอย่างนี้ใหมเราไปเช่าบ้านอยู่กัน ไม่เอามันแพง
ถ้ามันแพงไปขอบ้านรัฐบาลอยู่กัน ไม่เอาฉันอายคน เราเลยบอกว่าแล้วอยู่อย่างนี้ไม่อายคนหรอก เขาก็เงียบไป สองอาทิตย์ถัดมาเขาชวนเรามาเที่ยวเมืองไทย บอกกับเราว่าเขาเหนื่อยอยากมาพักผ่อน แต่ลูกไม่ต้องเอาไปนะไม่อยากให้พวกเขาเสียการเรียน ขอจบเพียงแค่นี้นะค่ะ😔
ปล.ดิฉันสามารถทิ้งชื่อจริง และนามสกุลจริงใว้ใด้ใหมค่ะ
E-mail ของดิฉันค่ะ Boocock55@gmail.com