ปฏิทินแม่บ้านปัจฉิมวัย....ในฝรั่งเศส!! ตอนสิบแปด

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆน้องๆและหลานๆทั้งหลาย


ขออภัยที่ไม่ได้อัฟกระทู้ต่อเนื่อง  เนื่องจากมีหลายเหตุที่คิดเลิกราไป  
หนึ่ง...คือ  ในปัจจุบันนี้ ผู้คนไม่ชอบอ่านอะไรที่ยาวๆ เพราะไม่ชอบสะสมข้อมูลในความทรงจำ  อยากรู้อะไรก็ถามเอาในพันทิบแบบเฉพาะที่ต้องการทราบ
สอง...กระทู้ตกเร็วมาก...ดิฉันแทบจะตามโพสต์ต่อไม่ทัน
สาม...ชีวิตของดิฉันก็วนเวียนแต่เรื่องรอบตัว ไม่มีอะไรหวือหวา ตามประสาคนแก่

นี่ละค่ะ...เลยหยุดไป...

แต่เผอิ๊ญ เผอิญ...มีผู้ที่สนใจได้หลังไมค์มาถามไถ่หลายท่าน  และที่น่ารักคือ เขาห่วงใยในสุขภาพ เกรงว่าดิฉันเกิดเจ็บไข้หรือไม่สบายไป...
น่ารักจริงๆเลยค่ะ  เลยต้องมาอัฟกันใหม่...เพราะรู้สึกอบอุ่น เต็มตื้นอย่างไรบอกไม่ถูกจริงๆ
ขอเล่าต่อจากกระทู้ที่แล้วนะคะ  ที่เป็นเดือนกันยายน 2515

ตุลาคม 2015

Adieu mon mauvais rhume,
Après les longues vacances en Allemagne et à Salzbourg dont j'ai bien profité et
traversé de nombreuses aventures, tout comme "Indiana Jones" le célèbre film de Hollywood.
J'étais bien et avec une bonne santé de cheval.
Maintenant, je suis rentrée à la maison et j'ai retrouvé la pluie ... je suis
tombée malade avec un mauvais rhume qui a duré 20 jours.
Je suis allée voir le médecin 2 fois pour obtenir plus de médicaments.
j'ai même transmis le virus à mon mari.
Je suis retournée à l'école dès que j'ai retrouvé une meilleure forme parce que j'étais inquiète
d'avoir autant de retard.
Oui, c'est sûr que je dois rattraper les devoirs ainsi que d'étudier le code de la route pendant
mon temps libre.


ล้มป่วยไปหลายวันเชียว...


กว่าสองอาทิตย์เลยค่ะ ที่ล้มหมอนนอนเสื่อด้วยไข้หวัด ที่น่าแปลกประหลาดมาก เพราะเที่ยวตะลอนๆไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ตากฝนเป็นชั่วโมงๆ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่นิด
กลับมาถึงบ้านได้สามสี่วัน เจอฝนแค่ละอองโปรย...ล้มป่วยชนิดนอนแซ่ว ปวดหัวราวกับจะระเบิด กว่จะได้นัดหมอก็สามสี่วันผ่านไปเพราะติดเสาร์อาทิตย์
โชคดีที่มียาน้ำเชื่อมที่คณะของคุณวิสุทธิ์จากกรานมอนเตทิ้งไว้ให้หนึ่งขวด เลยได้พอประทังไปบ้าง แต่อาการคราวนี้แย่จริงๆค่ะ มีไข้รุมนิดหน่อย แต่ปวดหัวปวดเมื่อยตัว
หายใจครืดคราด...นอนได้ทั้งวัน..
คุณพ่อบ้านก็แสนดีจริงๆ ต้องขอชมเชยคนกันเองสักนิด เพราะดูแลเป็นอย่างดี คอยมาห่มผ้าให้ คอยมาเตือนให้กินยา และ จัดแจงนัดหมอให้อย่างว่อง
อาหารการกินก็หาทำเอาเอง...ของดิฉันต้มข้าวต้มไว้หม้อนึง ทานกับเต้าหู้ยี้ และไข่เจียว...
ไปหาหมอสองครั้ง...ได้ยามาแบบพอให้ทุเลา ไม่มียาปฏิชีวะนะใดๆเลย เพราะหมอบอกว่าไม่จำเป็น เลยหายช้าหน่อย

แต่ที่แย่สุดๆ คือ คุณพ่อบ้านได้ติดหวัดไปจากดิฉันด้วย...ตอนนี้เลยอาการย่ำแย่ ไม่ได้ไปเล่นกอล์ฟมาหลายวันแล้ว..และต้องไปหาหมอเหมือนกัน
ดิฉันเริ่มฟื้นเมื่อไม่กี่วันมานี้...รีบตะกายไปโรงเรียนเลยเพราะขาดมาหลาย วันมาก โรงเรียนเปิดตั้งแต่วันที่ 1 กันยา ดิฉันเพิ่งจะย่างก้าวไปเกือบสามอาทิตย์ให้หลัง
และไม่ผิดหวังจริงๆ....การบ้าน งานที่ต้องทำถูกส่งมาให้แบบกองท่วมหัว ไหนจะเรื่องเรียนกฏเกณฑ์เพื่อไปสอบขับรถอีก
กลับมาโรงเรียนคราวนี้...หมดเวลาแล้วสำหรับเรื่องเรียนแบบเล่นๆอย่างที่ เคย...กลายเป็นงานหนักหนาสาหัสแบบเทบไม่ทันได้ตั้งตัว...เพราะการบ้านมาเป็นปึก

ตารางเรียนแบบอัดแน่น อาจารย์เพิ่มขึ้นมา การเรียนแตกสาขาออกไปเป็นสายศิลปอย่างเต็มตัว...คือ เรียนการอ่านโคลง กลอน
เริ่มด้วย Le dormeur du val (1870) ของกวีเอก Arthur Rimbaud ที่เราจะต้องเรียนให้ซึ้งในทุกบรรทัด ในขณะที่ต้องทำการวิเคราะห์เป็นการบ้านด้วยว่า
เขาใช้ Les temps (tense) ไหน และเพราะอะไร...??
เรียกได้ว่า...สมองตื้อไปสามสิบตลบ...เพราะเจาะลึกไปถึงขนาดนั้นก็ต้องจมอยู่แต่กับตำราสถานเดียว
ดิฉันต้องแบ่งเวลาเรียนใหม่ คือไปเรียนตอนบ่ายถึงเย็น เพราะช่วงเช้าอยู่บ้านเพื่อทำการบ้านให้เสร็จเพราะมีสมาธิดีกว่า อีกทั้งต้องใช้งานจากคอมพิวเตอร์ด้วย...

เท่านั้นไม่พอ...เรื่องละครเวทีก็จะเริ่มเข้าเรียนในอาทิตย์หน้านี้ และจะเป็นทุกศุกร์เต็มวัน...เลี่ยงไม่ได้เพราะเป็นหนึ่งในหลักสูตรสำคัญ
ตกเย็นหลังจากเลิกเรียน ดิฉันจะต้องเดินไปอีกสามถนน ไปที่โรงเรียนสอนขับรถ เพื่อไปทำความเข้าใจในกฏเกณฑ์ต่างๆ...ที่เหมือนกับต้องเริ่มต้นใหม่ เพราะหยุดไปนานมาก
กว่าจะกลับบ้านก็แทบสลบ...เลยขอคุณพ่อบ้านไว้ก่อนว่า ชะลอเรื่องเรียนขับรถไว้ก่อน เพราะเรื่องเรียนในโรงเรียนสำคัญกว่ามากในขณะนี้...
ขอไปเก็บอ่านรวบยอดและทำแบบฝึกหัดในเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์
หลายคนอาจจะสงสัยว่า...ถ้ามันลำบากลำบนขนาดนี้ แล้วจะเรียนไปทำไม อายุก็ปูนนี้แล้ว..
ดิฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่...ดิฉันเป็นคนที่ไม่ชอบละทิ้งโอกาส อย่างน้อยก็ลองดูกันสักตั้งว่าจะไหวไปได้แค่ไหน และที่สำคัญ คือคุณพ่อบ้านที่ให้กำลังใจและสนับสนุนแบบสุดลิ่ม
ชนิดที่ว่า...ดิฉันจะต้องอ่านหนังสือพวก Littérature sentimentale แบบอีบุ๊คส์ ให้เขาฟังวันละสามบท...
รวมทั้ง dictée โดยเขาอ่าน ดิฉันเขียน...(ขุ่นพี่ยกมาแต่ยากๆทั้งนั้นเลยเชียว..)

เรื่องทำกับข้าว...ทำขนม...ลืมไปได้เลย ตอนนี้อยู่ในพวกอบๆต้มๆแบบมาเป็นหม้อ พร้อมที่จะกินต่อเนื่องไปจนกว่าจะมีเวลาว่าง...
หรือพิเศษหน่อย ก็ทำปลา ทำกุ้งราดด้วยซอสไวน์ขาวธรรมดา
คุณพ่อบ้านค่อนข้างพอใจกับขนมง่ายๆ เช่น brownies และ crème caramel เลยทำให้ชีวิตง่ายขึ้น...





ผักโขมอบชีส...


คนป่วยที่นอนพักผ่อนแบบอุ่นหนาฝาคั่งจริงๆ...




ทีนี้เรื่องหมาสามตัว แมวหนึ่ง...นี่คือเรื่องใหญ่ในชีวิตประจำวันของเราจริงๆ เพราะต้องมีคนใดคนหนึ่งอยู่บ้าน ไม่งั้นเจ้าจุ๊กกี้จะอาละวาดขนานใหญ่ ทึ้งทุกอย่างเละเทะ
เวลาไปช้อปปิ้งซื้อกับข้าว...ก็ต้องเอาขึ้นรถกันไปหมด...ดิฉันเข้าไปซื้อ...คุณพ่อบ้านอยู่กับบริวารในรถ
ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยดี ต่างเชื่อฟังและสงบเสงี่ยมตาแป๋วแหวว...
คุณแมว...ก็เริ่มที่จะพิถีพิถันในการรับประทานมากขึ้น...ตอนนี้ต้องซื้อแซลมอนมาอบมานึ่งเป็นประจำ เพราะเธอปฏิเสธอาหารกระป๋อง...

ตอนเช้า...คุณพ่อบ้านไปตีกอล์ฟ ดิฉันนั่งทำการบ้าน อ่านตำรา...หมาๆนอนเขลงอยู่รอบตัว...
ตอนบ่าย...คิวของเขาที่ต้องอยู่บ้านในขณะที่ดิฉันไปเรียน..
เป็นชีวิตเกษียณที่แปลกประหลาดมาก....ทำแทนที่จะได้พักจะได้ใช้ชีวิตอย่างเสรี กลายเป็นว่า..
ของที่ชอบๆทำ...ก็ต้องลดหดหายไปตามความจำเป็น

วันๆที่มีเวลาว่างที่น้อยนิด ดิฉันได้แต่อ่านข่าวเรื่องผู้ลี้ภัย และ เรื่องปูตินที่ทำการ"หัก" หน้าโอบามาแบบยับเยิน...โดยการเปิดฉากถล่มกลุ่ม ISIS ที่ซีเรีย แถมประจานอเมริกาเรื่องการแทรกแซง การกรทำหน้าไหว้หลังหลอกของอเมริกาที่ตอนนี้ยังหาทางแก้ตัวอะไรไม่ได้เลย เพราะปูตินได้สกัดไว้ด้วยการที่จะออกมาแฉเรื่อง 9/11 ว่าทั้งหมดทั้งมวลนั้นคือการสร้างฉากของอเมริกาล้วนๆ (จากภาพถ่ายดาวเทียมที่รัสเซียมีอยู่ในมือ)
ดิฉันอยู่ฝ่ายรัสเซียมาแต่ไหนแต่ไร...ศรัทธาในตัวผู้นำคนนี้ เพราะอ่านประวัติของเขาแล้ว...รู้สึกว่าเขาเกิดมาเพื่อมายืนอยู่ตรงนี้ จริงๆ
เขาเริ่มจากเป็นเด็กผู้ชายธรรมดา ฐานะครอบครัวปานกลาง และค่อนข้างเกเร เฮี้ยวเป็นหัวโจกอยู่ในละแวกบ้าน
จนเริ่มขึ้น ป.หก ที่เขาได้ไปทัศนศึกษาที่ศูนย์ KGB (ประมาณนั้น) เขารู้สึกประทับใจในงานสายลับ และการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
เขาจึงถามกับวิทยากรว่า...จะต้องทำอย่างไรจึงจะได้มาทำงานตรงนี้...
คำตอบคือ...หนึ่ง...ต้องเรียนเก่ง และ ถ้าเป็นวิชากฏหมายด้วยก็จะดีมาก...
สอง..จะต้องเป็นทหารที่ผ่านการฝึกหนักในทุกสาขาของการต่อสู้
และจากวันนั้นมา..เด็กชาย วลาดิเมียร์ ปูติน ได้เร่งเรียน ทุ่มเทเวลาให้กับการฝึกกีฬาทุกชนิด จนมาเป็นนักเรียนชั้นแนวหน้า...
จนเรียนจบกฏหมาย..สอบเข้า KGB ด้วยคะแนนเกือบเต็ม..(เพราะเสียให้กับวิชาเรียงความไปนิดหน่อย)
เขาได้ทำงานอย่างสมใจ...จากนั้นก็แต่งงานกับหวานใจ และไปรับราชการประจำอยู่ที่สถานทูตรัสเซียในเยอรมัน ที่เมือง Dresden อยู่หลายปี...
เขาพูดภาษาเยอรมันได้ดี ภาษาอังกฤษก็ใช้งานได้...และกับภรรยาก็เพิ่งหย่าขาดกันไม่นานมานี้หลังจาก แต่งงานกันมาสามสิบปี มีลูกสาวสองคน
ดิฉันได้เอาอิริยาบทต่างๆของผู้นำคนนี้มาให้ดู...ในท่าทางที่แสนแข็งกระด้าง ของเขานั้น มีความอ่อนโยนแฝงอยู่มากอย่างไม่น่าเชื่อ...และเป็นคนที่มีความสามารถสารพัด เรียกว่า "เหนือมนุษย์" จริงๆ
เอ๊ะ...เรื่อยเปื่อยเรื่องเรียนหนัก....เรื่องหมาๆแมวๆ...ไหงมาจบที่ประธานาธิบดีปูตินไปซะได้ละเนี่ยยย....






อย่าถือสาเลยนะคะ...คนแก่ก็เงี้ยะ...!!!!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่