สวัสดีค่ะพี่ๆชาวห้องกล้อง ผู้ใช้กล้อง olympus และพี่ๆค่ายอื่นทุกท่าน (-/\-)
โพสต์นี้ขอตั้งเพื่อสอบถาม และแชร์ประสบการณ์ + ตัดพ้อความรู้สึกต่อการใช้กล้องนะคะ
แนะนำตัวคร่าวๆค่ะ...เป็นเจ้าของกล้องรุ่น OMD EM5 พร้อมเลนส์ 1 ตัว 12-40 F2.8 ซื้อมาเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 ในราคา 3 หมื่นกว่าๆ
พฤติกรรมการใช้งานคือเฉลี่ยอาทิตย์ละครั้ง ครั้งละประมาณ 30-40 ชัตเตอร์ค่ะ ใช้เสร็จถอดแบตตลอด
ไม่เคยใช้กล้องถ่ายแบบลาก speed shutter เช่นพวกถ่ายดาว ถ่ายทางช้างเผือก
ส่วนมากเป็นถ่าย indoor เช่น อาหาร ,ถ่ายเพื่อนฝูงญาติมิตรเล่นๆ,setฉากถ่ายบ้าง
มี land พวกป่าเขาทะเลน้ำตกบ้าง ในเวลาไปเที่ยวซึ่งไม่บ่อยนักค่ะ
นับจากวันนั้นจนถึงวันเกิดเรื่องก็ราวๆ 1 ปี 6 เดือนได้ค่ะ
เข้าเรื่องนะคะ....
เมื่อวันเสาร์ที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ในขณะใช้น้องโอลี่กดถ่ายรูปอยู่อย่างเพลินๆนั้น ก็มีเสียงแปลกดังขึ้นตอนกดชัตเตอร์ค่ะ จากนั้นหน้าจอดับ เปิดกล้องไม่ติด พอส่องด้านหน้ากล้องพบว่า ชัตเตอร์ค้าง...
ค่ะ.....น้องโอลี่ตายในขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ RIP
ตกใจมาก ไม่รู้จะทำไง เพราะอยู่ระหว่างออกทริปตจว. โดยทริปยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ 800 กว่ากิโลเมตรที่วางแผนมา เป็นอันต้องหมดความสนุกไป
พอกลับมากทม. ก็ฝากน้องชายเอาเข้าศูนย์เพื่อส่งซ่อมค่ะ เพราะตัวเองทำงานตจว. เลยไม่สามารถไปเองได้
วันนี้ ( 11 มีนา) น้องชายก็ไปศูนย์และมีเจ้าหน้าที่โทรมาสอบถามอาการ ซึ่งได้เล่าเหตุการณ์ไปอย่างขั้นต้นค่ะ
จนท.บอกว่า ประเมินแล้ว สาเหตุน่าจะเกิดจาก "ชัตเตอร์ค้าง" ซึ่งมีค่าซ่อมประมาณ 3,xxx บาท
แล้วถามเราต่อว่า ลูกค้ามีประกันไหม
ทางเราแจ้งไปว่า ซื้อมาปีครึ่ง คงหมดระยะเวลาประกันแล้วค่ะ
จนท.แจ้งกลับว่า ลูกค้าต้องรับผิดชอบเองนะคะ..
ซึ่งเราถามว่า การที่ม่านชัตเตอร์ค้างนั้น เกิดจากสาเหตุอะไรคะ hardware หรือ กระบวนการ qc หรือพฤติกรรมของผู้ใช้งานเอง
ทั้งนี้จนท.ตอบว่า ทางช่างและตัวเค้าเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเพราะอะไร.. พร้อมกับแจ้งว่ารอการซ่อมประมาณ 2 อาทิตย์นับจากวันรับงาน
(บทสนทนาจริงๆยาวกว่านี้นะคะ ตัดมาเพียงข้อสรุปค่ะ)
ตรงจุดนี้มั๊งคะที่ทำให้เราเสียความรู้สึกกับนโยบายของทางบริษัท ไม่ได้รู้สึกกับคำตอบของจนท. หรือทางศูนย์ซ่อมนะคะ
เพราะของราคาไม่ใช่ถูก และแบรนด์ถือว่าอันดับต้นๆ เมื่อเราเลือกซื้อแล้ว แปลว่า เราไว้ใจค่ะ
ทำให้นึกถึงช่วงเวลาก่อนที่คิดจะซื้อ ....เราreview เยอะมาก หาข้อมูลเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่น
ซึ่งคนในครอบครัวและคนรอบข้างเราใช้น้องหนอนค่ะ ส่วนเราไม่เคยมี dslrใช้ แล้วกำลังจะเริ่มทำงาน stock เป็นงานอดิเรกค่ะ
นึกถึงจุดที่ลังเลว่า เราตัดสินใจถูกมั๊ยที่วางใจแบรนด์นี้... มันเศร้าค่ะ
พอเจอนโยบายของทางบริษัทกับของราคาขนาดนี้ และใช้ได้เพียงปีครึ่งแล้วพังคามือ โดยไม่มีการรับผิดชอบอะไรจากทางบริษัทเลย บอกตรงๆ เราเฟลค่ะ
ถ้าไม่ติดว่า เลนส์ที่ซื้อมาตอบสนองต่อการใช้งานเราได้ดีมากๆและราคาค่อนข้างสูง เราคงตัดสินใจอะไรได้ง่ายกว่านี้
อยากถามข้อมูลจากเพื่อนๆค่ะว่า
1. เคยเจอกรณีแบบเรามั๊ย และเรื่องที่เราเจอถือว่าปกติมั๊ยคะ..คือถ้าปกติ เราจะได้ทำใจ ทนรับสภาพใช้ต่อไป
2. เคยมีประสบการณ์คล้ายๆกันแต่แบรนด์อื่นมั๊ยคะ แบรนด์เหล่านั้นมีวิธีแก้ไขให้ลูกค้าอย่างไรบ้าง (มีสายนิคบางคนบอกว่าม่านพังครั้งแรกเปลี่ยนให้ฟรี ไม่รู้จริงมั๊ยน่ะค่ะ)
3. หากซ่อมเสร็จแล้ว มีข้อแนะนำต่อการใช้งาน รวมถึงการดูแลอย่างไร ที่ลดความเสี่ยงม่านฯพังอีกครา
หากโพสต์นี้ไม่สมควรอย่างไรต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
รูปข้างล่างคือผลงานเล็กๆน้อยๆจากน้องโอลี่ของเราคะ เห็นแล้วก็นึกถึง รักเค้ามาก เสียดาย และเสียใจ
สอบถามและแชร์ความรู้สึก : Olympus OMD EM5 ใช้มาปีครึ่ง ม่านชัตเตอร์พัง ดับคามือเลยค่ะ T__T
โพสต์นี้ขอตั้งเพื่อสอบถาม และแชร์ประสบการณ์ + ตัดพ้อความรู้สึกต่อการใช้กล้องนะคะ
แนะนำตัวคร่าวๆค่ะ...เป็นเจ้าของกล้องรุ่น OMD EM5 พร้อมเลนส์ 1 ตัว 12-40 F2.8 ซื้อมาเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 ในราคา 3 หมื่นกว่าๆ
พฤติกรรมการใช้งานคือเฉลี่ยอาทิตย์ละครั้ง ครั้งละประมาณ 30-40 ชัตเตอร์ค่ะ ใช้เสร็จถอดแบตตลอด
ไม่เคยใช้กล้องถ่ายแบบลาก speed shutter เช่นพวกถ่ายดาว ถ่ายทางช้างเผือก
ส่วนมากเป็นถ่าย indoor เช่น อาหาร ,ถ่ายเพื่อนฝูงญาติมิตรเล่นๆ,setฉากถ่ายบ้าง
มี land พวกป่าเขาทะเลน้ำตกบ้าง ในเวลาไปเที่ยวซึ่งไม่บ่อยนักค่ะ
นับจากวันนั้นจนถึงวันเกิดเรื่องก็ราวๆ 1 ปี 6 เดือนได้ค่ะ
เข้าเรื่องนะคะ....
เมื่อวันเสาร์ที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ในขณะใช้น้องโอลี่กดถ่ายรูปอยู่อย่างเพลินๆนั้น ก็มีเสียงแปลกดังขึ้นตอนกดชัตเตอร์ค่ะ จากนั้นหน้าจอดับ เปิดกล้องไม่ติด พอส่องด้านหน้ากล้องพบว่า ชัตเตอร์ค้าง...
ค่ะ.....น้องโอลี่ตายในขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ RIP
ตกใจมาก ไม่รู้จะทำไง เพราะอยู่ระหว่างออกทริปตจว. โดยทริปยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ 800 กว่ากิโลเมตรที่วางแผนมา เป็นอันต้องหมดความสนุกไป
พอกลับมากทม. ก็ฝากน้องชายเอาเข้าศูนย์เพื่อส่งซ่อมค่ะ เพราะตัวเองทำงานตจว. เลยไม่สามารถไปเองได้
วันนี้ ( 11 มีนา) น้องชายก็ไปศูนย์และมีเจ้าหน้าที่โทรมาสอบถามอาการ ซึ่งได้เล่าเหตุการณ์ไปอย่างขั้นต้นค่ะ
จนท.บอกว่า ประเมินแล้ว สาเหตุน่าจะเกิดจาก "ชัตเตอร์ค้าง" ซึ่งมีค่าซ่อมประมาณ 3,xxx บาท
แล้วถามเราต่อว่า ลูกค้ามีประกันไหม
ทางเราแจ้งไปว่า ซื้อมาปีครึ่ง คงหมดระยะเวลาประกันแล้วค่ะ
จนท.แจ้งกลับว่า ลูกค้าต้องรับผิดชอบเองนะคะ..
ซึ่งเราถามว่า การที่ม่านชัตเตอร์ค้างนั้น เกิดจากสาเหตุอะไรคะ hardware หรือ กระบวนการ qc หรือพฤติกรรมของผู้ใช้งานเอง
ทั้งนี้จนท.ตอบว่า ทางช่างและตัวเค้าเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเพราะอะไร.. พร้อมกับแจ้งว่ารอการซ่อมประมาณ 2 อาทิตย์นับจากวันรับงาน
(บทสนทนาจริงๆยาวกว่านี้นะคะ ตัดมาเพียงข้อสรุปค่ะ)
ตรงจุดนี้มั๊งคะที่ทำให้เราเสียความรู้สึกกับนโยบายของทางบริษัท ไม่ได้รู้สึกกับคำตอบของจนท. หรือทางศูนย์ซ่อมนะคะ
เพราะของราคาไม่ใช่ถูก และแบรนด์ถือว่าอันดับต้นๆ เมื่อเราเลือกซื้อแล้ว แปลว่า เราไว้ใจค่ะ
ทำให้นึกถึงช่วงเวลาก่อนที่คิดจะซื้อ ....เราreview เยอะมาก หาข้อมูลเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่น
ซึ่งคนในครอบครัวและคนรอบข้างเราใช้น้องหนอนค่ะ ส่วนเราไม่เคยมี dslrใช้ แล้วกำลังจะเริ่มทำงาน stock เป็นงานอดิเรกค่ะ
นึกถึงจุดที่ลังเลว่า เราตัดสินใจถูกมั๊ยที่วางใจแบรนด์นี้... มันเศร้าค่ะ
พอเจอนโยบายของทางบริษัทกับของราคาขนาดนี้ และใช้ได้เพียงปีครึ่งแล้วพังคามือ โดยไม่มีการรับผิดชอบอะไรจากทางบริษัทเลย บอกตรงๆ เราเฟลค่ะ
ถ้าไม่ติดว่า เลนส์ที่ซื้อมาตอบสนองต่อการใช้งานเราได้ดีมากๆและราคาค่อนข้างสูง เราคงตัดสินใจอะไรได้ง่ายกว่านี้
อยากถามข้อมูลจากเพื่อนๆค่ะว่า
1. เคยเจอกรณีแบบเรามั๊ย และเรื่องที่เราเจอถือว่าปกติมั๊ยคะ..คือถ้าปกติ เราจะได้ทำใจ ทนรับสภาพใช้ต่อไป
2. เคยมีประสบการณ์คล้ายๆกันแต่แบรนด์อื่นมั๊ยคะ แบรนด์เหล่านั้นมีวิธีแก้ไขให้ลูกค้าอย่างไรบ้าง (มีสายนิคบางคนบอกว่าม่านพังครั้งแรกเปลี่ยนให้ฟรี ไม่รู้จริงมั๊ยน่ะค่ะ)
3. หากซ่อมเสร็จแล้ว มีข้อแนะนำต่อการใช้งาน รวมถึงการดูแลอย่างไร ที่ลดความเสี่ยงม่านฯพังอีกครา
หากโพสต์นี้ไม่สมควรอย่างไรต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
รูปข้างล่างคือผลงานเล็กๆน้อยๆจากน้องโอลี่ของเราคะ เห็นแล้วก็นึกถึง รักเค้ามาก เสียดาย และเสียใจ