ขอทานซื้อขนมเปี๊ยะ
มีวัดเซนแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อในการทำขนมเปี๊ยะอย่างมาก ขนมเปี๊ยะที่ทำออกมานอกจากขนาดใหญ่แล้ว
ยังหอมหวานชวนรับประทาน ดึงดูดให้ผู้คนทั่วทุกสารทิศขึ้นเขามายังวัดแห่งนี้เพื่อขอซื้อขนมเปี๊ยะมาลิ้มลอง
วันหนึ่ง มีขอทานผู้หนึ่งเดินทางมาจากแดนไกล
เพราะได้ยินกิติศัพท์ร่ำลือถึงความอร่อยของขนมที่วัดแห่งนี้ เมื่อมาถึงวัดจึงได้เอ่ยปากต่อพระลูกวัด
เพื่อขอลิ้มลองรสชาติขนมเปี๊ยะอันเลื่องชื่อ ทว่าบรรดาพระลูกวัดเมื่อเห็นท่าทางสกปรกโกโรโกโสของขอทานผู้นี้ก็นึกรังเกียจ
จึงไม่ยอมให้ขอทานเข้าไปยังครัวของวัดเพื่อรับขนมเปี๊ยะ จนเกิดการฉุด ลาก ผลัก ดึง กันอยู่ในบริเวณวัด
ในตอนนั้น เจ้าอาวาสได้มาพบเห็นเหตุการณ์
จึงได้กล่าวปรามพระลูกวัดว่า "บรรพชิตต้องมีเมตตาธรรม เหตุใดพวกเจ้าจึงปฏิบัติตนเช่นนี้"
จากนั้นเจ้าอาวาสจึงคัดเลือกขนมเปี๊ยะชิ้นใหญ่ด้วยตัวเอง และนำมามอบให้กับขอทานด้วยความนบนอบ
โดยไม่คิดเงิน เมื่อขอทานเห็นดังนั้นก็รู้สึกตื้นตันใจเป็นอันมาก
เมื่อรับประทานขนมเปี๊ยะรสเลิศจนหมด
ก่อนจากไปขอทานควักเงินทั้งหมดที่มีอยู่น้อยนิดออกมามอบให้กับเจ้าอาวาสเป็นค่าขนมเปี๊ยะ
พลางกล่าวว่า "นี่เป็นเงินทั้งหมดที่ข้าขอทานมาได้ หวังว่าท่านเจ้าอาวาสจะรับไว้"
เจ้าอาวาสรับเงินค่าขนมเปี๊ยะมาจริงๆ
จากนั้นจึงประณมมือพลางกล่าวอวยพรขอทานว่า "ขอให้ท่านเดินทางโดยสวัสดี"
เหล่าพระลูกวัดเห็นดังนั้นก็เกิดความกังขายิ่งนัก เอ่ยถามเจ้าอาวาสว่า
"ในเมื่อท่านบริจาคขนมเปี๊ยะให้เป็นทานแล้ว ใยจึงรับเงินมา?"
เจ้าอาวาสจึงกล่าวตอบว่า "ขอทานเดินทางมาไกลแสนไกล เพียงเพื่อลิ้มลองรสชาติขนมเปี๊ยะของวัดเรา
ดังนั้นเราจึงมอบขนมเปี๊ยะให้เขาโดยไม่คิดเงิน และการที่เขาจ่ายค่าตอบแทนก็แสดงว่า
ขอทานผู้นี้มีความดีงามในจิตใจ รู้จักวิถีการปฏิบัติตัวในสังคม
ดังนั้นเราจึงรับเงินนั้นไว้เพื่อเติมเต็มความเคารพในตนเองของเขา ซึ่งจะเป็นแรงขับให้เขามีความสำเร็จยิ่งขึ้นไปในอนาคต"
ปัญญาเซน : เจ้าอาวาสบริจาคขนมเปี๊ยะให้เป็นทาน สามารถดับความทุกข์จากความหิวโหยของขอทาน
ส่วนการรับเงินค่าตอบแทนกลับมา ถือเป็นการเติมเต็มความเคารพในตนเองให้กับขอทาน
เนื่องเพราะท้องอิ่มเป็นเพียงการตอบสนองความต้องการทางร่างกายเพียงชั่วครั้งคราว
แต่การเติมเต็มความเคารพในตนเองให้กับจิตวิญญาณของคนคนหนึ่งจะเป็นแรงผลักดันเกื้อหนุนให้คนผู้นั้นไปตลอดทั้งชีวิต
นิทานเซน ##@@ขอทานซื้อขนมเปี๊ยะ
มีวัดเซนแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อในการทำขนมเปี๊ยะอย่างมาก ขนมเปี๊ยะที่ทำออกมานอกจากขนาดใหญ่แล้ว
ยังหอมหวานชวนรับประทาน ดึงดูดให้ผู้คนทั่วทุกสารทิศขึ้นเขามายังวัดแห่งนี้เพื่อขอซื้อขนมเปี๊ยะมาลิ้มลอง
วันหนึ่ง มีขอทานผู้หนึ่งเดินทางมาจากแดนไกล
เพราะได้ยินกิติศัพท์ร่ำลือถึงความอร่อยของขนมที่วัดแห่งนี้ เมื่อมาถึงวัดจึงได้เอ่ยปากต่อพระลูกวัด
เพื่อขอลิ้มลองรสชาติขนมเปี๊ยะอันเลื่องชื่อ ทว่าบรรดาพระลูกวัดเมื่อเห็นท่าทางสกปรกโกโรโกโสของขอทานผู้นี้ก็นึกรังเกียจ
จึงไม่ยอมให้ขอทานเข้าไปยังครัวของวัดเพื่อรับขนมเปี๊ยะ จนเกิดการฉุด ลาก ผลัก ดึง กันอยู่ในบริเวณวัด
ในตอนนั้น เจ้าอาวาสได้มาพบเห็นเหตุการณ์
จึงได้กล่าวปรามพระลูกวัดว่า "บรรพชิตต้องมีเมตตาธรรม เหตุใดพวกเจ้าจึงปฏิบัติตนเช่นนี้"
จากนั้นเจ้าอาวาสจึงคัดเลือกขนมเปี๊ยะชิ้นใหญ่ด้วยตัวเอง และนำมามอบให้กับขอทานด้วยความนบนอบ
โดยไม่คิดเงิน เมื่อขอทานเห็นดังนั้นก็รู้สึกตื้นตันใจเป็นอันมาก
เมื่อรับประทานขนมเปี๊ยะรสเลิศจนหมด
ก่อนจากไปขอทานควักเงินทั้งหมดที่มีอยู่น้อยนิดออกมามอบให้กับเจ้าอาวาสเป็นค่าขนมเปี๊ยะ
พลางกล่าวว่า "นี่เป็นเงินทั้งหมดที่ข้าขอทานมาได้ หวังว่าท่านเจ้าอาวาสจะรับไว้"
เจ้าอาวาสรับเงินค่าขนมเปี๊ยะมาจริงๆ
จากนั้นจึงประณมมือพลางกล่าวอวยพรขอทานว่า "ขอให้ท่านเดินทางโดยสวัสดี"
เหล่าพระลูกวัดเห็นดังนั้นก็เกิดความกังขายิ่งนัก เอ่ยถามเจ้าอาวาสว่า
"ในเมื่อท่านบริจาคขนมเปี๊ยะให้เป็นทานแล้ว ใยจึงรับเงินมา?"
เจ้าอาวาสจึงกล่าวตอบว่า "ขอทานเดินทางมาไกลแสนไกล เพียงเพื่อลิ้มลองรสชาติขนมเปี๊ยะของวัดเรา
ดังนั้นเราจึงมอบขนมเปี๊ยะให้เขาโดยไม่คิดเงิน และการที่เขาจ่ายค่าตอบแทนก็แสดงว่า
ขอทานผู้นี้มีความดีงามในจิตใจ รู้จักวิถีการปฏิบัติตัวในสังคม
ดังนั้นเราจึงรับเงินนั้นไว้เพื่อเติมเต็มความเคารพในตนเองของเขา ซึ่งจะเป็นแรงขับให้เขามีความสำเร็จยิ่งขึ้นไปในอนาคต"
ปัญญาเซน : เจ้าอาวาสบริจาคขนมเปี๊ยะให้เป็นทาน สามารถดับความทุกข์จากความหิวโหยของขอทาน
ส่วนการรับเงินค่าตอบแทนกลับมา ถือเป็นการเติมเต็มความเคารพในตนเองให้กับขอทาน
เนื่องเพราะท้องอิ่มเป็นเพียงการตอบสนองความต้องการทางร่างกายเพียงชั่วครั้งคราว
แต่การเติมเต็มความเคารพในตนเองให้กับจิตวิญญาณของคนคนหนึ่งจะเป็นแรงผลักดันเกื้อหนุนให้คนผู้นั้นไปตลอดทั้งชีวิต
ขอขอบคุณ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=poungchompoo&month=04-06-2015&group=1&gblog=103