ออกตัวก่อนว่า เพื่อนเป็นนักบิน พอดีนางเขียนโน้ตไว้ในเฟซบุ้ค อ่านแล้วสนุกดีเลยเอามาแชร์ต่อค่ะ
นักบิน 2 ทำอะไรกันบ้างเมื่ออยู่บนไฟล์ทนานๆ
เคยเจอเพื่อนๆนอกวงการหลายคนตามงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ เพื่อนๆมักจะมีคำถามยอดฮิตมาถามเสมอหนึ่งในนั้นคือ เอ้ย!!! ระหว่างบิน พวกเอ็งนั่งทำไรกันฟร่ะ ตั้ง 7-8 ชั่วโมง ไม่เบื่อเหรอ
คำตอบคือ เบื่อครับ!!! เบื่อมากด้วย555
แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่คนนอกเข้าใจผิดกันอย่างมาก เช่น.. เครื่องบินมันมีAuto pilot ไม่ใช่เหรอ พวกเอ็งไม่เห็นต้องทำอะไรเลยนิ่? คำตอบคือ ใช่ครับเครื่องบินมันมีAuto pilot มันสามารถบินเองได้ไปตามเส้นทางที่เรากำหนดไว้ในคอมพิวเตอร์ซึ่งเราจะต้องใส่เส้นทางเหล่านั้นเพื่อให้เครื่องบิน คำนวน น้ำหนัก น้ำมัน เวลา และความสูงที่เหมาะสมระหว่างบิน ซึ่งเราจะใส่ข้อมูลที่ได้รับตั้งแต่ที่พื้นดิน เมื่อเครื่อง lift off จากพื้นแล้วเราก็จะให้เจ้าAuto pilot นี่แหละรับหน้าที่บินแทนเรา แต่ตัวนักบินเองก็ต้องทำหน้าที่ต่างๆอีกมากมาย จนกว่าเครื่องจะไปวางระดับที่ความสูงที่เราได้วางแผนไว้แล้ว ภาระกรรมต่างๆ หรือที่เราเรียกว่าwork load มหาศาลถึงจะค่อยๆลดลง แต่นักบินเองก็ยังคงต้องทำหน้าที่ เฝ้าฟังวิทยุติดต่อหอบังคับการบิน เมื่อบินผ่านเขตน่านฟ้าของประเทศต่างๆ เราก็ต้องบอกผู้ดูแลน่านฟ้าของประเทศนั้นๆ เมื่อจะออกจากประเทศเค้าเราก็ต้องบอกเค้า "ไปแล้วน้าาา...บ๊ายบาย" ประมาณนี้
ที่ต้องทำอีกคือ การเฝ้าสังเกตการทำงานของไอ้เจ้าAuto pilot นี่แหละว่ามันทำงานถูกต้องแบบที่เราได้สั่งงานไว้ก่อนหน้าหรือไม่? หรือถ้าหอบังคับการบินต้องการให้เปลี่ยนเส้นทางการบิน เพิ่มหรือลดความเร็ว เพื่อรักษาระยะห่างกับเครื่องบินลำหน้าไม่ให้ใกล้กันจนอาจจะเกิดความไม่ปลอดภัย เราก็ต้องนั่งเฝ้าฟังคำสั่งหอบังคับการและเอาข้อมูลเหล่านั้นไปสั่งให้เจ้าAuto pilot ทำตามอีกที นอกจากนี้แล้วเรายังคงต้องคอยสังเกตมาตรวัดต่างๆของเครื่องยนต์เครื่องบิน จดบันทึกปริมาณน้ำมันตามจุดต่างๆที่บินผ่านว่าเราใช้น้ำมันเยอะไปกว่าที่ควรจะเป็นหรือไม่ ซึ่งบางครั้งถ้าเราบันทึกแล้วว่าน้ำมันที่ควรจะเป็นกับน้ำมันที่เหลืออยู่แตกต่างกันมากเกินไป บางครั้งอาจจะเป็นปัญหาใหญ่กว่าที่คิดก็ได้ นั่นอาจจะหมายถึง "น้ำมันรั่ว" ซึ่งกรณีน้ำมันรั่วอาจจะมีแบบค่อยๆรั่วซึงเราไม่อาจจะมองเห็นได้ หรือรั่วออกจากบริเวณปีกซึ่งเห็นได้ชัดเจน
รวมถึงเรายังต้องคอยมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบิน เพื่อคอยสังเกตว่ามีเมฆที่มีความสูงมากๆและอาจจะเป็นเมฆที่มีพลังงานสูงถ้าเราเข้าไปเครื่องอาจจะสั่นอย่างรุนแรงเราต้องพยายามหลีกเลี่ยง ยิ่งในคืนเดือนมืดเราจะไม่สามารถมองเห็นข้างนอกได้เลย เราก็อาศัย เจ้า weather radar คอยช่วยเป็นหูเป็นตาแทน เมื่อเรด้าตรวจเจอเราก็ต้องมาตัดสินใจว่าจะหลบเมฆเหล่านั้นหรือไม่ ถ้าหลบ จะหลบทางไหน แล้วจะหลบไปได้ไกลเท่าไหร่ (อย่าลืมนะครับเรามีปริมาณน้ำมันจำกัด ไม่ได้เติมเต็มถังแล้วบินเหมือนรถยนต์ จะได้มีน้ำเพียงพอแวะโน่นแวะนี่ เลี้ยวออกนอกเส้นทางได้ทุกครั้ง)
เห็นมั้ยขณะที่วางระดับนักบินก็ยังมีเรื่องต้องทำมากมาย(ซึ่งถือว่าน้อยมากแล้วเมื่อเทียบกับช่วงtakeoff และlanding ซึ่งจะเป็นช่วงวิกฤติที่เราจะต้องใช้ทุกโสตประสาทในการทำงานไปพร้อมๆกัน)
แน่นอนครับเราไม่ได้นั่งเครียดกับงานตลอด7-8 ชั่วโมงตลอดเส้นทางบินแน่ๆ ระหว่างวางระดับเราอาจจะพักสลับกันทานข้าว บนที่นั่งนักบิน กินขนม พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด ทบทวนตำรา และอีกมากมายฯลฯ
หนึ่งในtopic ที่เพื่อนๆสงสัยกัน "นักบิน2 คน
จะคุยอะไรกันตั้งเป็นชั่วโมงๆ"
แน่นอนครับ เมื่อชายหนุ่มสองคนอยู่ด้วยกัน คงไม่พ้นเรื่องสาวๆสวยๆ เช่นดาราคนนี้น่ารักเนอะ หุ่นดีจัง รวมไปถึง น้องแอร์ใหม่ๆที่พึ่งเข้าบริษัท คนโน้นสวย คนนี้น่ารัก คนนั้นเป็นแฟนคนนี้ คนนี้กำลังจีบคนนี้อยู่
เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกครับ ไอ้พวกนักบินเนี่ยตอนทำงานไม่ค่อยมีนักบินคนไหนนั่งคุยเรื่องงานเรื่องบิน เรื่องศาสตร์ของการบินหรอก อาจจะเป็นเพราะในห้องทำงานพวกเราก็ทำงานกันหนักมากแล้ว ไม่มีใครอยากจะพูดเรื่องหนักๆก็เป็นได้ แต่เชื่อมั้ยไอ้พวกนักบิน ร้อยทั้งร้อย จะไปนั่งคุยเรื่องบิน เรื่องการทำงาน เรื่องศาสตร์การบินกันในวงเหล้าครับ ผมพิสูจน์มาแล้วเป็นแบบนี้ทั่วโลก ไม่ว่าชาติไหนๆนักบินก็เหมือนกันหมด น่าแปลกดี
ถึงมีคำพูดติดตลกในหมู่นักบินกันว่า "ความรู้ไปหาเอาในวงเหล้า" ซึ่งผมก็ได้มาเยอะพอสมควรครับ
เชื่อไหม? Topic ในการสนทนามันหลากหลายมากจริงๆ จนคุณจะไม่เชื่อเลยหล่ะว่าเรื่องบางอย่างจะมาเป็นtopic สนทนาได้ อาจจะเป็นเพราะลักษณะงานของนักบินเราเปลี่ยนเพื่อนร่วมงานไปเรื่อยๆ วันนี้ผมบินกับกัปตันA ไฟล์ทหน้าผมบินกับกัปตันD อีกสามสี่วันไปบินกับกัปตันC ซึ่งขนาดบริษัทผมยังไม่ใหญ่มาก กว่าจะวนได้กลับมาเจอกับกัปตัน A อีกเวลาอาจจะล่วงเลยผ่านไปเป็นเดือน
Topic ที่คุยกันก็จะมีตั้งแต่ ข่าวสารบ้านเมืองในปัจจุบัน การเมือง(พี่บางคนเสื้อแดง พี่บางท่านเสื้อเหลือง ผมก็เออ ออ ห่อหมกกับเค้าไปเรื่อย ทำไงได้ผมแค่co pilot เอาตัวรอดเป็นยอดดี 555 หลายๆครั้ง พี่ๆก็จะหลอกถามเราก่อนเพื่อหยังเชิงก่อนจะเข้าบทสนทนาการเมือง เอ้ย!!! เอ็งเสื้อสีไรฟร่ะ? คำตอบในการเอาตัวรอดของผมคือ "อ่อผมเป็นกลุ่มคน เสื้อแพงครับ" พี่ๆเค้าก็จะส่ายหน้า เฮ้อ!!! แล้วเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที เพราะดูแล้วคุยการเมืองกับผมคงไม่ได้สาระแน่ๆ
กิจกรรมงานอดิเรกต่างๆก็จะถูกหยิบยกมาคุยเช่นกัน พี่บางคนชอบตีกอล์ฟก็คุยเรื่องกอล์ฟ บางคนเล่นกล้องก็พูดคุยเรื่องเทคนิคการถ่ายภาพต่างๆ บางคนพระเครื่องผมก็ขุดมาตั้งแต่พระเครื่องกรุงศรี บางคนศาสนาผมก็ต้องหาเรื่องศาสนามาคุยกับพี่เค้า บางคนชอบทำอาหารอันนี้ผมถนัด สบายผมเรื่องกินต้องยกให้ผม บางคนปรึกษาปัญหาลูกเมีย ลูกจะเข้าโรงเรียน เรียนที่ไหนดี ? ก็ต้องหาข้อมูลมาคุยกับพี่เค้า พี่บางท่านชอบเรื่องการลงทุนเล่นหุ้น ผมก็ต้องวิเคระห์พื้นฐานหุ้นพอได้ แต่เชื่อมั้ยพอเลิกงานแยกย้าย ต่างคนต่างกลับบ้าน กลับมาเจอกันใหม่ในไฟล์ทต่อไป ก็กลับมาคุยกันเรื่องเดิมใหม่ เพราะลืมไปแล้วว่าเราคุยเรื่องอะไรกับใครไปบ้าง สมัยก่อนผมถึงขั้นมีสมุดโน้ตเล็กๆ ติดตัวไว้จดรายละเอียด เช่น กัปตัน A ชอบคุยเรื่องนี้ กัปตัน B ชอบเรื่องศาสนา กัปตัน C ไม่กินเนื้อแต่ชอบทานปลาทู อะไรแบบนี้เป็นต้น เพื่อว่ากลับมาบินเจอกันจะได้คุยถูกเรื่อง บรรยากาศในการทำงานจะได้ smooth as silk
นี่แหละครับข้อดีของการสอบคัดเลือกนักบิน หลายคนอาจจะเคยสอบนักบินมาแล้ว อาจจะงง นอกจากข้อสอบในส่วนของวิชาการด้านวิทยาศาสตร์แล้ว,ด้านคำนวน,ภาษอังกฤษ, Aptitude test แล้วจะมีข้อสอบอีกชุดแยกมาต่างหาก เป็นข้อสอบวัดความรู้ทั่วไป เช่น คำถาม ดอกไม้ประจำชาติของไทยคืออะไร? นายกรัฐมนตรีของเกาหลีชื่ออะไร? กระสวยอวกาศลำล่าสุดของนาซ่าชื่อว่าอะไร? การแข่งขันวิ่งมาราธอนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกจัดประเทศไหน? อัลบั้มล่าสุดของจัสติน บิเบอร์ชื่อว่าอะไร? หรือแม้กระทั่ง เพลงไสว่าสิ่บ่ทิ่มกัน ศิลปินชื่ออะไรเป็นคนร้อง? นี่มันคำถามสอบนักบินเหรอฟร่ะเนี่ยไม่เห็นเกี่ยวข้องกับการบินตรงไหนเลย จะให้ผมรู้ไปทำไมคร๊าบบบ
จนเมื่อผมมาเป็นนักบินเอง ถึงได้เข้าใจคำตอบ อ่อไอ้ข้อสอบแบบนี้เค้าวัดคนที่รู้รอบๆ สนใจสิ่งต่างๆรอบตัวมานี่เอง เพื่อมาเจอพี่ๆที่มีความสนใจในหลายๆอย่างจะได้มีความรู้รอบตัวไปคุยกับพี่ๆเค้าได้บ้าง ไม่งั้นกัปตันเบื่อตายเลย
หลายครั้งตอนเป็นนักบินใหม่ๆเจอพี่กัปตันที่ดุมากๆ ไฟล์ททั้งไฟล์ทจะเป็นอะไรที่นรกมาก ไม่เงียบสงัดดังป่าช้าตลอด7-8 ชั่วโมง ก็โดนพี่กัปตัน-ทั้งไฟล์ททำอะไรก็ไม่ถูกใจซักอย่าง ถึงขนาดว่าหายใจยังผิด แล้วคิดดูห้องทำงานเราก็มีอยู่กันแค่สองคน ห้องก็นิดเดียวจะเดินหนีไปได้ บรรยากาศมาคุระอุตลอดเวลา 555
อยากรู้มั้ยคะ ว่านักบินคุยอะไรกันระหว่างบิน ??
นักบิน 2 ทำอะไรกันบ้างเมื่ออยู่บนไฟล์ทนานๆ
เคยเจอเพื่อนๆนอกวงการหลายคนตามงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ เพื่อนๆมักจะมีคำถามยอดฮิตมาถามเสมอหนึ่งในนั้นคือ เอ้ย!!! ระหว่างบิน พวกเอ็งนั่งทำไรกันฟร่ะ ตั้ง 7-8 ชั่วโมง ไม่เบื่อเหรอ
คำตอบคือ เบื่อครับ!!! เบื่อมากด้วย555
แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่คนนอกเข้าใจผิดกันอย่างมาก เช่น.. เครื่องบินมันมีAuto pilot ไม่ใช่เหรอ พวกเอ็งไม่เห็นต้องทำอะไรเลยนิ่? คำตอบคือ ใช่ครับเครื่องบินมันมีAuto pilot มันสามารถบินเองได้ไปตามเส้นทางที่เรากำหนดไว้ในคอมพิวเตอร์ซึ่งเราจะต้องใส่เส้นทางเหล่านั้นเพื่อให้เครื่องบิน คำนวน น้ำหนัก น้ำมัน เวลา และความสูงที่เหมาะสมระหว่างบิน ซึ่งเราจะใส่ข้อมูลที่ได้รับตั้งแต่ที่พื้นดิน เมื่อเครื่อง lift off จากพื้นแล้วเราก็จะให้เจ้าAuto pilot นี่แหละรับหน้าที่บินแทนเรา แต่ตัวนักบินเองก็ต้องทำหน้าที่ต่างๆอีกมากมาย จนกว่าเครื่องจะไปวางระดับที่ความสูงที่เราได้วางแผนไว้แล้ว ภาระกรรมต่างๆ หรือที่เราเรียกว่าwork load มหาศาลถึงจะค่อยๆลดลง แต่นักบินเองก็ยังคงต้องทำหน้าที่ เฝ้าฟังวิทยุติดต่อหอบังคับการบิน เมื่อบินผ่านเขตน่านฟ้าของประเทศต่างๆ เราก็ต้องบอกผู้ดูแลน่านฟ้าของประเทศนั้นๆ เมื่อจะออกจากประเทศเค้าเราก็ต้องบอกเค้า "ไปแล้วน้าาา...บ๊ายบาย" ประมาณนี้
ที่ต้องทำอีกคือ การเฝ้าสังเกตการทำงานของไอ้เจ้าAuto pilot นี่แหละว่ามันทำงานถูกต้องแบบที่เราได้สั่งงานไว้ก่อนหน้าหรือไม่? หรือถ้าหอบังคับการบินต้องการให้เปลี่ยนเส้นทางการบิน เพิ่มหรือลดความเร็ว เพื่อรักษาระยะห่างกับเครื่องบินลำหน้าไม่ให้ใกล้กันจนอาจจะเกิดความไม่ปลอดภัย เราก็ต้องนั่งเฝ้าฟังคำสั่งหอบังคับการและเอาข้อมูลเหล่านั้นไปสั่งให้เจ้าAuto pilot ทำตามอีกที นอกจากนี้แล้วเรายังคงต้องคอยสังเกตมาตรวัดต่างๆของเครื่องยนต์เครื่องบิน จดบันทึกปริมาณน้ำมันตามจุดต่างๆที่บินผ่านว่าเราใช้น้ำมันเยอะไปกว่าที่ควรจะเป็นหรือไม่ ซึ่งบางครั้งถ้าเราบันทึกแล้วว่าน้ำมันที่ควรจะเป็นกับน้ำมันที่เหลืออยู่แตกต่างกันมากเกินไป บางครั้งอาจจะเป็นปัญหาใหญ่กว่าที่คิดก็ได้ นั่นอาจจะหมายถึง "น้ำมันรั่ว" ซึ่งกรณีน้ำมันรั่วอาจจะมีแบบค่อยๆรั่วซึงเราไม่อาจจะมองเห็นได้ หรือรั่วออกจากบริเวณปีกซึ่งเห็นได้ชัดเจน
รวมถึงเรายังต้องคอยมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบิน เพื่อคอยสังเกตว่ามีเมฆที่มีความสูงมากๆและอาจจะเป็นเมฆที่มีพลังงานสูงถ้าเราเข้าไปเครื่องอาจจะสั่นอย่างรุนแรงเราต้องพยายามหลีกเลี่ยง ยิ่งในคืนเดือนมืดเราจะไม่สามารถมองเห็นข้างนอกได้เลย เราก็อาศัย เจ้า weather radar คอยช่วยเป็นหูเป็นตาแทน เมื่อเรด้าตรวจเจอเราก็ต้องมาตัดสินใจว่าจะหลบเมฆเหล่านั้นหรือไม่ ถ้าหลบ จะหลบทางไหน แล้วจะหลบไปได้ไกลเท่าไหร่ (อย่าลืมนะครับเรามีปริมาณน้ำมันจำกัด ไม่ได้เติมเต็มถังแล้วบินเหมือนรถยนต์ จะได้มีน้ำเพียงพอแวะโน่นแวะนี่ เลี้ยวออกนอกเส้นทางได้ทุกครั้ง)
เห็นมั้ยขณะที่วางระดับนักบินก็ยังมีเรื่องต้องทำมากมาย(ซึ่งถือว่าน้อยมากแล้วเมื่อเทียบกับช่วงtakeoff และlanding ซึ่งจะเป็นช่วงวิกฤติที่เราจะต้องใช้ทุกโสตประสาทในการทำงานไปพร้อมๆกัน)
แน่นอนครับเราไม่ได้นั่งเครียดกับงานตลอด7-8 ชั่วโมงตลอดเส้นทางบินแน่ๆ ระหว่างวางระดับเราอาจจะพักสลับกันทานข้าว บนที่นั่งนักบิน กินขนม พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด ทบทวนตำรา และอีกมากมายฯลฯ
หนึ่งในtopic ที่เพื่อนๆสงสัยกัน "นักบิน2 คนจะคุยอะไรกันตั้งเป็นชั่วโมงๆ"
แน่นอนครับ เมื่อชายหนุ่มสองคนอยู่ด้วยกัน คงไม่พ้นเรื่องสาวๆสวยๆ เช่นดาราคนนี้น่ารักเนอะ หุ่นดีจัง รวมไปถึง น้องแอร์ใหม่ๆที่พึ่งเข้าบริษัท คนโน้นสวย คนนี้น่ารัก คนนั้นเป็นแฟนคนนี้ คนนี้กำลังจีบคนนี้อยู่
เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกครับ ไอ้พวกนักบินเนี่ยตอนทำงานไม่ค่อยมีนักบินคนไหนนั่งคุยเรื่องงานเรื่องบิน เรื่องศาสตร์ของการบินหรอก อาจจะเป็นเพราะในห้องทำงานพวกเราก็ทำงานกันหนักมากแล้ว ไม่มีใครอยากจะพูดเรื่องหนักๆก็เป็นได้ แต่เชื่อมั้ยไอ้พวกนักบิน ร้อยทั้งร้อย จะไปนั่งคุยเรื่องบิน เรื่องการทำงาน เรื่องศาสตร์การบินกันในวงเหล้าครับ ผมพิสูจน์มาแล้วเป็นแบบนี้ทั่วโลก ไม่ว่าชาติไหนๆนักบินก็เหมือนกันหมด น่าแปลกดี
ถึงมีคำพูดติดตลกในหมู่นักบินกันว่า "ความรู้ไปหาเอาในวงเหล้า" ซึ่งผมก็ได้มาเยอะพอสมควรครับ
เชื่อไหม? Topic ในการสนทนามันหลากหลายมากจริงๆ จนคุณจะไม่เชื่อเลยหล่ะว่าเรื่องบางอย่างจะมาเป็นtopic สนทนาได้ อาจจะเป็นเพราะลักษณะงานของนักบินเราเปลี่ยนเพื่อนร่วมงานไปเรื่อยๆ วันนี้ผมบินกับกัปตันA ไฟล์ทหน้าผมบินกับกัปตันD อีกสามสี่วันไปบินกับกัปตันC ซึ่งขนาดบริษัทผมยังไม่ใหญ่มาก กว่าจะวนได้กลับมาเจอกับกัปตัน A อีกเวลาอาจจะล่วงเลยผ่านไปเป็นเดือน
Topic ที่คุยกันก็จะมีตั้งแต่ ข่าวสารบ้านเมืองในปัจจุบัน การเมือง(พี่บางคนเสื้อแดง พี่บางท่านเสื้อเหลือง ผมก็เออ ออ ห่อหมกกับเค้าไปเรื่อย ทำไงได้ผมแค่co pilot เอาตัวรอดเป็นยอดดี 555 หลายๆครั้ง พี่ๆก็จะหลอกถามเราก่อนเพื่อหยังเชิงก่อนจะเข้าบทสนทนาการเมือง เอ้ย!!! เอ็งเสื้อสีไรฟร่ะ? คำตอบในการเอาตัวรอดของผมคือ "อ่อผมเป็นกลุ่มคน เสื้อแพงครับ" พี่ๆเค้าก็จะส่ายหน้า เฮ้อ!!! แล้วเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที เพราะดูแล้วคุยการเมืองกับผมคงไม่ได้สาระแน่ๆ
กิจกรรมงานอดิเรกต่างๆก็จะถูกหยิบยกมาคุยเช่นกัน พี่บางคนชอบตีกอล์ฟก็คุยเรื่องกอล์ฟ บางคนเล่นกล้องก็พูดคุยเรื่องเทคนิคการถ่ายภาพต่างๆ บางคนพระเครื่องผมก็ขุดมาตั้งแต่พระเครื่องกรุงศรี บางคนศาสนาผมก็ต้องหาเรื่องศาสนามาคุยกับพี่เค้า บางคนชอบทำอาหารอันนี้ผมถนัด สบายผมเรื่องกินต้องยกให้ผม บางคนปรึกษาปัญหาลูกเมีย ลูกจะเข้าโรงเรียน เรียนที่ไหนดี ? ก็ต้องหาข้อมูลมาคุยกับพี่เค้า พี่บางท่านชอบเรื่องการลงทุนเล่นหุ้น ผมก็ต้องวิเคระห์พื้นฐานหุ้นพอได้ แต่เชื่อมั้ยพอเลิกงานแยกย้าย ต่างคนต่างกลับบ้าน กลับมาเจอกันใหม่ในไฟล์ทต่อไป ก็กลับมาคุยกันเรื่องเดิมใหม่ เพราะลืมไปแล้วว่าเราคุยเรื่องอะไรกับใครไปบ้าง สมัยก่อนผมถึงขั้นมีสมุดโน้ตเล็กๆ ติดตัวไว้จดรายละเอียด เช่น กัปตัน A ชอบคุยเรื่องนี้ กัปตัน B ชอบเรื่องศาสนา กัปตัน C ไม่กินเนื้อแต่ชอบทานปลาทู อะไรแบบนี้เป็นต้น เพื่อว่ากลับมาบินเจอกันจะได้คุยถูกเรื่อง บรรยากาศในการทำงานจะได้ smooth as silk
นี่แหละครับข้อดีของการสอบคัดเลือกนักบิน หลายคนอาจจะเคยสอบนักบินมาแล้ว อาจจะงง นอกจากข้อสอบในส่วนของวิชาการด้านวิทยาศาสตร์แล้ว,ด้านคำนวน,ภาษอังกฤษ, Aptitude test แล้วจะมีข้อสอบอีกชุดแยกมาต่างหาก เป็นข้อสอบวัดความรู้ทั่วไป เช่น คำถาม ดอกไม้ประจำชาติของไทยคืออะไร? นายกรัฐมนตรีของเกาหลีชื่ออะไร? กระสวยอวกาศลำล่าสุดของนาซ่าชื่อว่าอะไร? การแข่งขันวิ่งมาราธอนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกจัดประเทศไหน? อัลบั้มล่าสุดของจัสติน บิเบอร์ชื่อว่าอะไร? หรือแม้กระทั่ง เพลงไสว่าสิ่บ่ทิ่มกัน ศิลปินชื่ออะไรเป็นคนร้อง? นี่มันคำถามสอบนักบินเหรอฟร่ะเนี่ยไม่เห็นเกี่ยวข้องกับการบินตรงไหนเลย จะให้ผมรู้ไปทำไมคร๊าบบบ
จนเมื่อผมมาเป็นนักบินเอง ถึงได้เข้าใจคำตอบ อ่อไอ้ข้อสอบแบบนี้เค้าวัดคนที่รู้รอบๆ สนใจสิ่งต่างๆรอบตัวมานี่เอง เพื่อมาเจอพี่ๆที่มีความสนใจในหลายๆอย่างจะได้มีความรู้รอบตัวไปคุยกับพี่ๆเค้าได้บ้าง ไม่งั้นกัปตันเบื่อตายเลย
หลายครั้งตอนเป็นนักบินใหม่ๆเจอพี่กัปตันที่ดุมากๆ ไฟล์ททั้งไฟล์ทจะเป็นอะไรที่นรกมาก ไม่เงียบสงัดดังป่าช้าตลอด7-8 ชั่วโมง ก็โดนพี่กัปตัน-ทั้งไฟล์ททำอะไรก็ไม่ถูกใจซักอย่าง ถึงขนาดว่าหายใจยังผิด แล้วคิดดูห้องทำงานเราก็มีอยู่กันแค่สองคน ห้องก็นิดเดียวจะเดินหนีไปได้ บรรยากาศมาคุระอุตลอดเวลา 555