Kamakura พระใหญ่ Giant Daibutsu Hasedera ทะเล ข้าวแกงกะหรี่วัด บ๊วย ซากุระ ฯลฯ
อีกไม่กี่วัน (11 มีนาคม 2559) พระใหญ่ Giant Buddha (Daibutsu) ที่คามาคุระ หรือ คะมะกุระ จังหวัด คะนะงะวะ ประเทศญี่ปุ่น ก็จะเปิดให้เข้าชมอีกครั้งแล้วหลังจากที่ปิดบูรณะไปตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
กระทู้รีวีวนี้ก็ดองเค็มไว้ครบ 1 ปี พอดี ก็ขอนำมาเขียนรีวิวสักทีครับ
เริ่มต้นออกเดินทางจากสถานีรถไฟ JR Shinjuku เราขึ้นรถไฟสาย Shonan Shinjuku Line เพื่อมุ่งหน้าไปยัง Kamakura
มีป้ายบอกสายรถในบริเวณชานชลา
มีป้ายบอกว่าเราขึ้นที่ตู้รถที่เท่าไร
สภาพภายในรถครับ
จากนั้นเราก็มาถึงสถานี Kamakura
เดินลงบันไดมาเพื่อออกจากสถานี
หรือต่อรถไฟ Enoden Line เจ้าถิ่นที่ช่องทางออกไปยังรถไฟได้เลย
(ทริปนี้ผมใช้บัตร Pasmo ทั้งหมดครับ ตั้งแต่ต้นทาง Shinjuku แตะอย่างเดียว)
รถไฟ Enoden Line มารอเราแล้ว ออกเดินทาง
เรามาลงที่สถานีรถไฟ Hase ก่อนเพื่อจะไปวัด Kotoku-in (
http://www.kotoku-in.jp/) เพื่อชมพระใหญ่
พอมาถึงเราต้องข้ามรางรถไฟไปอีกฝั่งเพื่อเดินไปยังวัด ต้องรอไฟเขียวให้รถไฟผ่านไปก่อน แล้วก็แตะ Pasmo ขาออก
ออกจากสถานีก็จะมีแผนที่บอกพิกัดให้ทราบ
ช่วงนี้มีเด็กๆมาเที่ยวและทัศนศึกษากันมากมายครับ
จากนั้นก็เดินตรงไปเรื่อยๆ
มีป้ายบอกทางอยู่ตลอด หรือตามกลุ่มป้าๆไปไม่หลงแน่
ระหว่างทางจะแวะชอปปิ้งซื้อสบู่นุ่มนิ่มทำจากบุกคอนยากุก็ได้ เป็นของ OTOP ประจำเมืองนี้ มีขายทั่วเมือง
มีให้ทดลองฟอกด้วย รุ่นเด่นๆคือสบู่นุ่มนิ่มไข่มุกทองคำ ของเขาดีจริงๆนะจ๊ะๆ
หรือถ้าหิวระหว่างทางก็มีปลาหมึกแผ่นทับขาย ไม่รอช้า หยอดเหรียญ 350 เยน แล้วรอรับของ (เมืองไทยขายแพงก็มากินที่นี่)
ถึงปากทางเข้าวัดแล้ว
เข้ามาร่มรื่น สงบมาก
ชำระค่าบำรุงวัด 200 เยน
มีคำเตือนแด่ปุถุชนรุ่นหลัง
ถึงแล้ว Kamakura Daibutsu (Great Buddha of Kamakura)
ประวัติตามนี้ (
http://www.kotoku-in.jp/en/about/about.html)
(
https://en.wikipedia.org/wiki/K%C5%8Dtoku-in)
ถ้าถามว่ามีอายุนานแค่ไหน ก็น่าจะเริ่มสร้างแถวๆสมัยยุคสุโขทัยตอนต้นโน่น o_o พ.ศ. 1795
ทรหดอดทนมาก ตั้งแต่พายุเข้าชายฝั่ง ซัดกระจุย แผ่นดินไหว สึนามิ กวาดเรียบ แต่องค์พระยังอยู่ได้เป็นปกติดี
วันนี้ที่มาสักการะ เป็นวันมาฆะบูชาพอดี ( 4 มีค 2558 ) เลยได้เข้าวัดพระใหญ่วันพระใหญ่ไปในตัว
ด้านในองค์พระสามารถเข้าไปชมภายในได้ รวมถึงมีคำอธิบายต่างๆ (ที่อ่านไม่ออก)
เวลาเดินเข้าต้องระวังลื่น ชื้น และมืดนะครับ
ข้างๆจะมีห้องน้ำสะอาดและร้านขายของที่ระลึก หนังสือ พระให้เช่าบูชา สาธุ
จากนั้นเราเดินย้อนกลับมาหันหน้าไปหาทะเลแล้วเลี้ยวขวา เพื่อไปวัด Hasedera
วัดนี้ถ้าหน้าร้อนจะมีดอกอาจิไซ (Ajisai) (Hydrangea) (Hydrangea macrophylla) ออกดอกทั้งวัด งดงามมาก
แต่ตอนนี้หน้าปลายหนาว ต้นใบไม้ผลิ เลยไม่มีให้ชม แต่มีดอกบ๊วย ดอกซากุระ หลากหลายสายพันธุ์ให้ชมไปก่อน
มีพระน้อยๆบนทุ่งมอส
ข้างๆมีถ้ำลอด มุดเข้ามุดออกตามเด็กนักเรียนกันไป คึกคักดี
วัดนี้อยู่บนภูเขา ใครไขข้อไม่ดีอาจเหนื่อยหน่อย แต่ไม่หนักมาก (อย่าแพ้ป้าๆด้านหน้า)
ตัววัดอยู่ในช่วงบูรณะ แต่เข้าไปดูได้
และอีกวิวงดงามก็คือ ทะเล หมู่บ้านจากมุมสูงของวัดครับ
เมื่อขึ้นมาถึงก็คงเริ่มหิวกันแล้ว ไม่รอช้า เข้าไปหาอะไรกิน ตามรอยดาราคานะจัง รายการ Dakedo But Restaurant ร้านอร่อยต้องมีแต่
ร้านนี้เป็นร้านอาหารของวัด ปรับอากาศ เย็นสบาย ของเด่นคือข้าวแกงกะหรี่วัด มังสวิรัต
รสชาติดีใช้ได้ เอาคอนยากุบุกมาต้มนิ่มจนเหมือนกับกินเนื้อ ไม่รู้สึกถึงผักๆเลย
และลูกชิ้นนำโชค (แป้งๆถั่วหวานๆ)
กินไปชมวิวไป ชิลๆ สโลว์ไลฟ์ ฮิปสเตอร์ กินคลีน (หมดจาน)
ข้างๆร้านมีประติมากรรม ไม้หมุนๆ เหมือนได้อ่านพระสูตรทั้งเล่ม
มงคลๆ จัดไปๆ
ลงมาจากเขาก็ถ่ายรูปอีกสักหน่อย บ๊วยหรือซากุระไม่รู้ ตระกูลๆใกล้ๆกัน สวยๆเป็นใช้ได้
จากนั้นก็กลับมาที่สถานี Hase เพื่อไปเรื่อยๆ ริมทะเล สวยๆ ใสๆ
แส้วก็มาหยุดลงที่สถานี Enoshima เพื่อเดินย้อนไปตามรอยรายการ Channel Japan ร้านขนมที่มีรถไฟ Enoden อยู่ในร้าน
ชื่อร้านโอกิยะ ขนมเอโนเด้น-โมนากะ (Enoden-Monaka)
ก็เป็นขนมโมนากะสอดไส้ต่างๆเช่นถั่วแดง งาดำ ชาเดียว ถั่ว ฯลฯ แพคเกจเป็รูปรถไฟประจำเมืองนี้น่ารักๆ
ถ้าซื้อกล่องใหญ่ก็จะได้ทั้งรถไฟเล็กและอู่ซ่อมบำรุงด้วย
ร้านนี้เปิดมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ตามรายการเล่าว่าคุณปู่หรือคุณพ่อชอบรถไฟมาก พอเขาขายซากรถไฟปลดระวางก็ซื้อเอาเข้ามาไว้ในบ้าน
เลยกลายเป็นลานด์มาร์คดังที่เห็น นอกจากนี้ขนมร้านนี้มีขายที่นี่ที่เดียว ไม่มีสาขา ไม่มีฝากขายที่อื่น เพื่อให้ทุกคนที่อยากกินต้องมากินมาเที่ยวที่คามาคุระเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีโมจิต่างๆเช่นซากุระโมจิ และขนมมากมายให้เลือกซื้อ
จากนั้นก็เดินย้อนกลับไป แต่เราจะไม่ย้อนนั่งรถไฟ Enoden อย่างเดิม
เราจะไปขึ้นรถไฟลอยฟ้า Monorail Shonan ข้ามเขากัน
เดินขึ้นบันไดกันเหนื่อยหน่อย
ปล. ใช้ Pasmo ไม่ได้ ต้องใช้เงินสดไปหยอดตู้ แต่ไม่ยากๆ สุดสาย 310 เยน
ไปลงสุดสายที่สถานี Ofuna เพื่อเดินทางกลับ JR Shinjuku
มองจากสถานี มีเทวรูปเจ้าแม่กวนอิมยักษ์
ใช้เวลาเดินทางร่วมๆ 1 ชั่วโมง ก็มาถึง Shinjuku กลับเข้าที่พัก
ขอจบสำหรับรีวิวทริปนี้ครับ
ปล. ยังเหลือรีวิวนิกโก้หน้าหนาวและนิกโก้หน้าร้อนดองเค็มไว้อยู่อีก จะพยายามคลอดออกมาให้ได้ครับ
[CR] Kamakura พระใหญ่ Giant Daibutsu Hasedera ทะเล ข้าวแกงกะหรี่วัด บ๊วย ซากุระ ฯลฯ One-day-trip
อีกไม่กี่วัน (11 มีนาคม 2559) พระใหญ่ Giant Buddha (Daibutsu) ที่คามาคุระ หรือ คะมะกุระ จังหวัด คะนะงะวะ ประเทศญี่ปุ่น ก็จะเปิดให้เข้าชมอีกครั้งแล้วหลังจากที่ปิดบูรณะไปตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
กระทู้รีวีวนี้ก็ดองเค็มไว้ครบ 1 ปี พอดี ก็ขอนำมาเขียนรีวิวสักทีครับ
เริ่มต้นออกเดินทางจากสถานีรถไฟ JR Shinjuku เราขึ้นรถไฟสาย Shonan Shinjuku Line เพื่อมุ่งหน้าไปยัง Kamakura
มีป้ายบอกสายรถในบริเวณชานชลา
มีป้ายบอกว่าเราขึ้นที่ตู้รถที่เท่าไร
สภาพภายในรถครับ
จากนั้นเราก็มาถึงสถานี Kamakura
เดินลงบันไดมาเพื่อออกจากสถานี
หรือต่อรถไฟ Enoden Line เจ้าถิ่นที่ช่องทางออกไปยังรถไฟได้เลย
(ทริปนี้ผมใช้บัตร Pasmo ทั้งหมดครับ ตั้งแต่ต้นทาง Shinjuku แตะอย่างเดียว)
รถไฟ Enoden Line มารอเราแล้ว ออกเดินทาง
เรามาลงที่สถานีรถไฟ Hase ก่อนเพื่อจะไปวัด Kotoku-in (http://www.kotoku-in.jp/) เพื่อชมพระใหญ่
พอมาถึงเราต้องข้ามรางรถไฟไปอีกฝั่งเพื่อเดินไปยังวัด ต้องรอไฟเขียวให้รถไฟผ่านไปก่อน แล้วก็แตะ Pasmo ขาออก
ออกจากสถานีก็จะมีแผนที่บอกพิกัดให้ทราบ
ช่วงนี้มีเด็กๆมาเที่ยวและทัศนศึกษากันมากมายครับ
จากนั้นก็เดินตรงไปเรื่อยๆ
มีป้ายบอกทางอยู่ตลอด หรือตามกลุ่มป้าๆไปไม่หลงแน่
ระหว่างทางจะแวะชอปปิ้งซื้อสบู่นุ่มนิ่มทำจากบุกคอนยากุก็ได้ เป็นของ OTOP ประจำเมืองนี้ มีขายทั่วเมือง
มีให้ทดลองฟอกด้วย รุ่นเด่นๆคือสบู่นุ่มนิ่มไข่มุกทองคำ ของเขาดีจริงๆนะจ๊ะๆ
หรือถ้าหิวระหว่างทางก็มีปลาหมึกแผ่นทับขาย ไม่รอช้า หยอดเหรียญ 350 เยน แล้วรอรับของ (เมืองไทยขายแพงก็มากินที่นี่)
ถึงปากทางเข้าวัดแล้ว
เข้ามาร่มรื่น สงบมาก
ชำระค่าบำรุงวัด 200 เยน
มีคำเตือนแด่ปุถุชนรุ่นหลัง
ถึงแล้ว Kamakura Daibutsu (Great Buddha of Kamakura)
ประวัติตามนี้ (http://www.kotoku-in.jp/en/about/about.html)
(https://en.wikipedia.org/wiki/K%C5%8Dtoku-in)
ถ้าถามว่ามีอายุนานแค่ไหน ก็น่าจะเริ่มสร้างแถวๆสมัยยุคสุโขทัยตอนต้นโน่น o_o พ.ศ. 1795
ทรหดอดทนมาก ตั้งแต่พายุเข้าชายฝั่ง ซัดกระจุย แผ่นดินไหว สึนามิ กวาดเรียบ แต่องค์พระยังอยู่ได้เป็นปกติดี
วันนี้ที่มาสักการะ เป็นวันมาฆะบูชาพอดี ( 4 มีค 2558 ) เลยได้เข้าวัดพระใหญ่วันพระใหญ่ไปในตัว
ด้านในองค์พระสามารถเข้าไปชมภายในได้ รวมถึงมีคำอธิบายต่างๆ (ที่อ่านไม่ออก)
เวลาเดินเข้าต้องระวังลื่น ชื้น และมืดนะครับ
ข้างๆจะมีห้องน้ำสะอาดและร้านขายของที่ระลึก หนังสือ พระให้เช่าบูชา สาธุ
จากนั้นเราเดินย้อนกลับมาหันหน้าไปหาทะเลแล้วเลี้ยวขวา เพื่อไปวัด Hasedera
วัดนี้ถ้าหน้าร้อนจะมีดอกอาจิไซ (Ajisai) (Hydrangea) (Hydrangea macrophylla) ออกดอกทั้งวัด งดงามมาก
แต่ตอนนี้หน้าปลายหนาว ต้นใบไม้ผลิ เลยไม่มีให้ชม แต่มีดอกบ๊วย ดอกซากุระ หลากหลายสายพันธุ์ให้ชมไปก่อน
มีพระน้อยๆบนทุ่งมอส
ข้างๆมีถ้ำลอด มุดเข้ามุดออกตามเด็กนักเรียนกันไป คึกคักดี
วัดนี้อยู่บนภูเขา ใครไขข้อไม่ดีอาจเหนื่อยหน่อย แต่ไม่หนักมาก (อย่าแพ้ป้าๆด้านหน้า)
ตัววัดอยู่ในช่วงบูรณะ แต่เข้าไปดูได้
และอีกวิวงดงามก็คือ ทะเล หมู่บ้านจากมุมสูงของวัดครับ
เมื่อขึ้นมาถึงก็คงเริ่มหิวกันแล้ว ไม่รอช้า เข้าไปหาอะไรกิน ตามรอยดาราคานะจัง รายการ Dakedo But Restaurant ร้านอร่อยต้องมีแต่
ร้านนี้เป็นร้านอาหารของวัด ปรับอากาศ เย็นสบาย ของเด่นคือข้าวแกงกะหรี่วัด มังสวิรัต
รสชาติดีใช้ได้ เอาคอนยากุบุกมาต้มนิ่มจนเหมือนกับกินเนื้อ ไม่รู้สึกถึงผักๆเลย
และลูกชิ้นนำโชค (แป้งๆถั่วหวานๆ)
กินไปชมวิวไป ชิลๆ สโลว์ไลฟ์ ฮิปสเตอร์ กินคลีน (หมดจาน)
ข้างๆร้านมีประติมากรรม ไม้หมุนๆ เหมือนได้อ่านพระสูตรทั้งเล่ม
มงคลๆ จัดไปๆ
ลงมาจากเขาก็ถ่ายรูปอีกสักหน่อย บ๊วยหรือซากุระไม่รู้ ตระกูลๆใกล้ๆกัน สวยๆเป็นใช้ได้
จากนั้นก็กลับมาที่สถานี Hase เพื่อไปเรื่อยๆ ริมทะเล สวยๆ ใสๆ
แส้วก็มาหยุดลงที่สถานี Enoshima เพื่อเดินย้อนไปตามรอยรายการ Channel Japan ร้านขนมที่มีรถไฟ Enoden อยู่ในร้าน
ชื่อร้านโอกิยะ ขนมเอโนเด้น-โมนากะ (Enoden-Monaka)
ก็เป็นขนมโมนากะสอดไส้ต่างๆเช่นถั่วแดง งาดำ ชาเดียว ถั่ว ฯลฯ แพคเกจเป็รูปรถไฟประจำเมืองนี้น่ารักๆ
ถ้าซื้อกล่องใหญ่ก็จะได้ทั้งรถไฟเล็กและอู่ซ่อมบำรุงด้วย
ร้านนี้เปิดมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ตามรายการเล่าว่าคุณปู่หรือคุณพ่อชอบรถไฟมาก พอเขาขายซากรถไฟปลดระวางก็ซื้อเอาเข้ามาไว้ในบ้าน
เลยกลายเป็นลานด์มาร์คดังที่เห็น นอกจากนี้ขนมร้านนี้มีขายที่นี่ที่เดียว ไม่มีสาขา ไม่มีฝากขายที่อื่น เพื่อให้ทุกคนที่อยากกินต้องมากินมาเที่ยวที่คามาคุระเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีโมจิต่างๆเช่นซากุระโมจิ และขนมมากมายให้เลือกซื้อ
จากนั้นก็เดินย้อนกลับไป แต่เราจะไม่ย้อนนั่งรถไฟ Enoden อย่างเดิม
เราจะไปขึ้นรถไฟลอยฟ้า Monorail Shonan ข้ามเขากัน
เดินขึ้นบันไดกันเหนื่อยหน่อย
ปล. ใช้ Pasmo ไม่ได้ ต้องใช้เงินสดไปหยอดตู้ แต่ไม่ยากๆ สุดสาย 310 เยน
ไปลงสุดสายที่สถานี Ofuna เพื่อเดินทางกลับ JR Shinjuku
มองจากสถานี มีเทวรูปเจ้าแม่กวนอิมยักษ์
ใช้เวลาเดินทางร่วมๆ 1 ชั่วโมง ก็มาถึง Shinjuku กลับเข้าที่พัก
ขอจบสำหรับรีวิวทริปนี้ครับ
ปล. ยังเหลือรีวิวนิกโก้หน้าหนาวและนิกโก้หน้าร้อนดองเค็มไว้อยู่อีก จะพยายามคลอดออกมาให้ได้ครับ