ผมจะมาพูดถึงสังคมออนไลน์ที่เปลี่ยนไปมากในยุคนี้นะครับ เท่าที่ผมสังเกตมันเริ่มมีเหตุการณ์แบบนี้มาตั้งแต่ประมาณปีพ.ศ.2556 ครับ หรืออาจจะก่อนหน้านั้นอีกก็ได้ซึ่งมันเป็นอะไรที่ผมคิดว่าแปลกมากเลยครับ ส่วนมากเหตุการณ์เหล่านี้ก็เกิดจากวัยรุ่น ผมก็วัยมัธยมเหมือนกันแต่ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมสมัยนี้ต้องทำสิ่งแบบนี้ด้วย
1.การตั้งเพจ Facebook ที่เขียนคำคมหรือประโยคเพ้อๆ
เพจแบบนี้หาได้ไม่ยากครับ เพียงแค่คุณเปิด Facebook แล้วสังเกตุเพจที่วัยรุ่นช่วงมัธยม ส่วนมากเป็นผู้หญิงจะชอบแชร์รูปประกอบแคปชั่นเกี่ยวกับความรัก ไม่ว่าจะเป็นอกหัก แอบชอบ ถูกปฏิเสธ ฯลฯ จะเห็นได้ทั่วไป ลักษณะเพจก็จะไม่มีอะไรมาก รูปทุกรูปจากทางเพจจะเป็นพื้นหลังเรียบๆมีประโยคคำคมหรือประโยคเพ้ออยู่เต็มไปหมด คนส่วนมากที่ติดตามเพจเหล่านี้ก็มักจะเป็นวัยรุ่นที่อกหัก ผิดหวังจากความรัก (ผมก็ผิดหวังเช่นกัน แต่ก็ไม่เคยเพ้อให้คนอื่นอ่าน)
ผมเข้าใจนะครับว่าการอกหักมันเป็นอย่างไรแต่คนที่แชร์ก็ควรเก็บคำคมไว้คนเดียวเถอะนะครับเพราะคนส่วนมากที่มาเห็นสิ่งที่แชร์เขาก็มองข้ามไม่ค่อยมีคนที่เห็นแล้วเข้ามาปลอบหรอกครับถ้าไม่ใช่เพื่อนที่คุณสนิทจริงๆ
2.การตั้งสเตตัสเพ้อของวัยรุ่น
คุณจะเห็นได้ทั่วไปในแต่ละวัน โดยเฉพาะเวลาดึกๆจะมีสเตตัส Facebook ที่ออกไปทางเพ้อ ต้องการความรัก แต่ผมคิดว่าวิธีการเพ้อให้เขาคนนั้นเห็นนั้นใช้ไม่ได้ผลหรอกครับ โอกาสที่คนทางนั้นให้ความหวังจะมีได้แค่ 5% เองครับเพราะเขาหรือเธอคนนั้นยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าใครคือคนที่ถูกเพ้อถึง หรือถ้าเขาหรือเธอรู้แล้วว่าถูกคุณชอบก็จะมองคุณแปลกๆ เหมือนเป็นพวกเอาแต่เพ้อไม่มีความมั่นใจในตัวเอง
แต่ถ้าคุณมีความกล้าที่จะสารภาพไปหรือกล้าที่จะเอาใจใส่ก็คงเปลี่ยนให้โอกาสที่คนทางนั้นจะให้ความหวังเป็น 50-70% ได้
3.การตั้งเพจคนสวย หล่อ ดังในโรงเรียนต่างๆ
กลายเป็นความปกติของวัยรุ่นไทยแล้วละครับกับการตั้งเพจแชร์ Facebook ของคนสวย หล่อ ดังโดยที่ไม่ได้รับอนุญาติ เนื้อหาของเพจก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว ก็มีแค่แชร์รูปคนที่หน้าตาดีหรือคนดัง แล้วก็แจก Facebook ของคนนั้น เพจแบบนี้ผมเห็นมาบ่อยแล้วก็มักจะอยู่ได้ไม่นาน อยู่ไม่กี่เดือนแอดมินก็หายไปแล้วก็เป็นเพจร้างอยู่แบบนั้นเป็นเดือนๆ ถึงปีเลยก็มี ผมก็ไม่ทราบว่าทำไปเพื่ออะไรกัน ซักพักก็จะมีเพจคล้ายๆกันขึ้นมาใหม่ซึ่งทำขึ้นโดยรุ่นน้องที่เข้ามาใหม่ ก็จะมีคนใหม่ๆถูกแชร์หรือแม้แต่คนหน้าเดิมๆที่เคยโดนเอารูปมาเผยแพร่เป็นวัฏจักรไปแล้ว
สุดท้ายก็อยากบอกว่าเลิกทำเพจแบบนี้เถอะครับ ถ้าอยากจะทำจริงๆก็ทำให้เพจมีความต่อเนื่องให้มันดูน่าสนใจเหมือนกับเพจที่ศิลปินดังๆเขาทำดีกว่าไม่ใช่เอารูปคนนั้นมาเผยแพร่แล้วหายตัวไป แล้วขอให้ยกตัวอย่างความสำคัญหรือประวัติของคนที่เอามาเผยแพร่หน่อยเถอะไม่ใช่สักจะแชร์อย่างเดียว
4.การเป็นแฟนคลับ(ติ่ง)ที่เกินความปกติ
ทุกคนทุกวัยก็ต้องมีแฟนคลับเป็นของตัวเองทั้งนั้นแต่ในช่วงวัยรุ่นโดยเฉพาะม.ต้นจะเป็นแฟนคลับมากเกินไปที่เรียกว่า 'ติ่ง' ซึ่งก็มีอยู่หลายแบบเช่น ติ่งเกาหลี ติ่งฝรั่ง ติ่งนักดนตรี ติ่งฟุตบอล ฯลฯ แต่คนส่วนมากจะเหมารวมว่าติ่งต้องเป็นคนที่ชอบเกาหลีมากเกินไปจนสร้างความรำคาญให้สาธารณะ
เพราะว่าแฟนคลับอย่างอื่นจะมีสังคมส่วนตัวที่ไม่เว่อร์เกินไป ซึ่งติ่งเกาหลีจะมีอยุ่ 60% ที่เกินเหตุกับอีก 40% ที่เป็นแค่ติ่งธรรมดาไม่สร้างความรำคาญ
ทำไมติ่งเกาหลี(แย่ๆ)ต้องทำพฤติกรรมที่น่ารังเกียจอย่างการเรียกศิลปินว่า 'ผัว' หรือ 'สามี' ด้วยละครับ ขนาดผู้ชายยังไม่เรียกดาราที่แต่งตัวหวีดหวิวว่า 'เมีย' เลยครับสูงสุดก็เรียกว่า 'แฟน' และคนที่เชียร์บอลยังไม่เห็นปกป้องทีมตนเองอย่างเว่อร์เกินมนุษย์ เหมือนที่ติ่งเกาหลีปกป้องศิลปินสุดชีวิต แต่ต้องไม่ได้ วิจารณ์ไม่ได้
ยกตัวอย่างเหตุการณ์
แฟนบอล1:แพ้อีกแล้วหรอวะ เตรียมโดนล้อแน่555
แฟนบอล2:เดี๋ยวรอทีมเอ็งเชียร์แพ้โดนหนักกว่าแน่555
ในขณะที่ติ่งเกาหลีแย่ๆ...
ติ่งประเทศอื่น:เย้ ยอดคนดูทะลุ 20 ล้านแล้ว
ติ่งเกาหลีแย่ๆ:ทำเป็นมาพูด เกาหลียังเก่งกว่าอีก
คือ... ทำไมติ่งเกาหลีที่นิสัยไม่ดีชอบเข้าไปบุกสังคมศิลปินประเทศอื่นละครับ ติ่งประเทศอื่นไม่เห็นจะเข้ามายุ่งวุ่นวาย เปรียบเทียบอะไรกับติ่งเกาหลีเลย
แล้วคำด่าของติ่งเกาหลีสายรุนแรงที่เห็นได้บ่อยก็จะเป็น
-ทำแบบเขาได้ป่าว
-อิจฉาเขาหรอ
-สารพัดการก็อปที่ไม่เข้าเรื่อง(ท่าเต้น, สีผม, ชุด, ฉาก, MV ฯลฯ)
-เปรียบเทียบอะไรวุ่นวายที่เกาหลีจะต้องชนะตลอด
ติ่งเกาหลีหลายคนจะคิดว่าคนอื่นด่าศิลปินตัวเองทั้งที่พวกเขานะด่าแฟนคลับที่แย่ๆต่างหากไม่ได้จะด่าศิลปินเลย ผมก็เลยอยากจะบอกว่า ติ่งเกาหลีและติ่งอื่นๆด้วยควรจะชอบให้มันพอดีๆ ไม่ใช่ชอบจนเกินหน้าเกินตาคนอื่นเขาจะรังเกียจเอานะ เพราะเดี๋ยวโตไปแล้วย้อนกลับมาคิดเดี๋ยวจะอายกันอีกด้วย(ประสบการณ์จากญาติของผมที่เคยเป็นติ่ง)
ทำไมสังคมวัยรุ่นในยุคนี้ถึงได้แปลกขนาดนี้
1.การตั้งเพจ Facebook ที่เขียนคำคมหรือประโยคเพ้อๆ
เพจแบบนี้หาได้ไม่ยากครับ เพียงแค่คุณเปิด Facebook แล้วสังเกตุเพจที่วัยรุ่นช่วงมัธยม ส่วนมากเป็นผู้หญิงจะชอบแชร์รูปประกอบแคปชั่นเกี่ยวกับความรัก ไม่ว่าจะเป็นอกหัก แอบชอบ ถูกปฏิเสธ ฯลฯ จะเห็นได้ทั่วไป ลักษณะเพจก็จะไม่มีอะไรมาก รูปทุกรูปจากทางเพจจะเป็นพื้นหลังเรียบๆมีประโยคคำคมหรือประโยคเพ้ออยู่เต็มไปหมด คนส่วนมากที่ติดตามเพจเหล่านี้ก็มักจะเป็นวัยรุ่นที่อกหัก ผิดหวังจากความรัก (ผมก็ผิดหวังเช่นกัน แต่ก็ไม่เคยเพ้อให้คนอื่นอ่าน)
ผมเข้าใจนะครับว่าการอกหักมันเป็นอย่างไรแต่คนที่แชร์ก็ควรเก็บคำคมไว้คนเดียวเถอะนะครับเพราะคนส่วนมากที่มาเห็นสิ่งที่แชร์เขาก็มองข้ามไม่ค่อยมีคนที่เห็นแล้วเข้ามาปลอบหรอกครับถ้าไม่ใช่เพื่อนที่คุณสนิทจริงๆ
2.การตั้งสเตตัสเพ้อของวัยรุ่น
คุณจะเห็นได้ทั่วไปในแต่ละวัน โดยเฉพาะเวลาดึกๆจะมีสเตตัส Facebook ที่ออกไปทางเพ้อ ต้องการความรัก แต่ผมคิดว่าวิธีการเพ้อให้เขาคนนั้นเห็นนั้นใช้ไม่ได้ผลหรอกครับ โอกาสที่คนทางนั้นให้ความหวังจะมีได้แค่ 5% เองครับเพราะเขาหรือเธอคนนั้นยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าใครคือคนที่ถูกเพ้อถึง หรือถ้าเขาหรือเธอรู้แล้วว่าถูกคุณชอบก็จะมองคุณแปลกๆ เหมือนเป็นพวกเอาแต่เพ้อไม่มีความมั่นใจในตัวเอง
แต่ถ้าคุณมีความกล้าที่จะสารภาพไปหรือกล้าที่จะเอาใจใส่ก็คงเปลี่ยนให้โอกาสที่คนทางนั้นจะให้ความหวังเป็น 50-70% ได้
3.การตั้งเพจคนสวย หล่อ ดังในโรงเรียนต่างๆ
กลายเป็นความปกติของวัยรุ่นไทยแล้วละครับกับการตั้งเพจแชร์ Facebook ของคนสวย หล่อ ดังโดยที่ไม่ได้รับอนุญาติ เนื้อหาของเพจก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว ก็มีแค่แชร์รูปคนที่หน้าตาดีหรือคนดัง แล้วก็แจก Facebook ของคนนั้น เพจแบบนี้ผมเห็นมาบ่อยแล้วก็มักจะอยู่ได้ไม่นาน อยู่ไม่กี่เดือนแอดมินก็หายไปแล้วก็เป็นเพจร้างอยู่แบบนั้นเป็นเดือนๆ ถึงปีเลยก็มี ผมก็ไม่ทราบว่าทำไปเพื่ออะไรกัน ซักพักก็จะมีเพจคล้ายๆกันขึ้นมาใหม่ซึ่งทำขึ้นโดยรุ่นน้องที่เข้ามาใหม่ ก็จะมีคนใหม่ๆถูกแชร์หรือแม้แต่คนหน้าเดิมๆที่เคยโดนเอารูปมาเผยแพร่เป็นวัฏจักรไปแล้ว
สุดท้ายก็อยากบอกว่าเลิกทำเพจแบบนี้เถอะครับ ถ้าอยากจะทำจริงๆก็ทำให้เพจมีความต่อเนื่องให้มันดูน่าสนใจเหมือนกับเพจที่ศิลปินดังๆเขาทำดีกว่าไม่ใช่เอารูปคนนั้นมาเผยแพร่แล้วหายตัวไป แล้วขอให้ยกตัวอย่างความสำคัญหรือประวัติของคนที่เอามาเผยแพร่หน่อยเถอะไม่ใช่สักจะแชร์อย่างเดียว
4.การเป็นแฟนคลับ(ติ่ง)ที่เกินความปกติ
ทุกคนทุกวัยก็ต้องมีแฟนคลับเป็นของตัวเองทั้งนั้นแต่ในช่วงวัยรุ่นโดยเฉพาะม.ต้นจะเป็นแฟนคลับมากเกินไปที่เรียกว่า 'ติ่ง' ซึ่งก็มีอยู่หลายแบบเช่น ติ่งเกาหลี ติ่งฝรั่ง ติ่งนักดนตรี ติ่งฟุตบอล ฯลฯ แต่คนส่วนมากจะเหมารวมว่าติ่งต้องเป็นคนที่ชอบเกาหลีมากเกินไปจนสร้างความรำคาญให้สาธารณะ
เพราะว่าแฟนคลับอย่างอื่นจะมีสังคมส่วนตัวที่ไม่เว่อร์เกินไป ซึ่งติ่งเกาหลีจะมีอยุ่ 60% ที่เกินเหตุกับอีก 40% ที่เป็นแค่ติ่งธรรมดาไม่สร้างความรำคาญ
ทำไมติ่งเกาหลี(แย่ๆ)ต้องทำพฤติกรรมที่น่ารังเกียจอย่างการเรียกศิลปินว่า 'ผัว' หรือ 'สามี' ด้วยละครับ ขนาดผู้ชายยังไม่เรียกดาราที่แต่งตัวหวีดหวิวว่า 'เมีย' เลยครับสูงสุดก็เรียกว่า 'แฟน' และคนที่เชียร์บอลยังไม่เห็นปกป้องทีมตนเองอย่างเว่อร์เกินมนุษย์ เหมือนที่ติ่งเกาหลีปกป้องศิลปินสุดชีวิต แต่ต้องไม่ได้ วิจารณ์ไม่ได้
ยกตัวอย่างเหตุการณ์
แฟนบอล1:แพ้อีกแล้วหรอวะ เตรียมโดนล้อแน่555
แฟนบอล2:เดี๋ยวรอทีมเอ็งเชียร์แพ้โดนหนักกว่าแน่555
ในขณะที่ติ่งเกาหลีแย่ๆ...
ติ่งประเทศอื่น:เย้ ยอดคนดูทะลุ 20 ล้านแล้ว
ติ่งเกาหลีแย่ๆ:ทำเป็นมาพูด เกาหลียังเก่งกว่าอีก
คือ... ทำไมติ่งเกาหลีที่นิสัยไม่ดีชอบเข้าไปบุกสังคมศิลปินประเทศอื่นละครับ ติ่งประเทศอื่นไม่เห็นจะเข้ามายุ่งวุ่นวาย เปรียบเทียบอะไรกับติ่งเกาหลีเลย
แล้วคำด่าของติ่งเกาหลีสายรุนแรงที่เห็นได้บ่อยก็จะเป็น
-ทำแบบเขาได้ป่าว
-อิจฉาเขาหรอ
-สารพัดการก็อปที่ไม่เข้าเรื่อง(ท่าเต้น, สีผม, ชุด, ฉาก, MV ฯลฯ)
-เปรียบเทียบอะไรวุ่นวายที่เกาหลีจะต้องชนะตลอด
ติ่งเกาหลีหลายคนจะคิดว่าคนอื่นด่าศิลปินตัวเองทั้งที่พวกเขานะด่าแฟนคลับที่แย่ๆต่างหากไม่ได้จะด่าศิลปินเลย ผมก็เลยอยากจะบอกว่า ติ่งเกาหลีและติ่งอื่นๆด้วยควรจะชอบให้มันพอดีๆ ไม่ใช่ชอบจนเกินหน้าเกินตาคนอื่นเขาจะรังเกียจเอานะ เพราะเดี๋ยวโตไปแล้วย้อนกลับมาคิดเดี๋ยวจะอายกันอีกด้วย(ประสบการณ์จากญาติของผมที่เคยเป็นติ่ง)