เราเป็นเด็กจบใหม่(เมื่อปีที่แล้ว555) ประสบการณ์ทำงานถือว่าน้อยค่ะ 6 เดือนเท่านั้น เราได้ตัดสินใจออกจากที่เก่าเพราะรู้สึกว่า ไม่ได้รับประสบการณ์
การทำงานอะไรเลย งานค่อนข้างจับฉ่ายสุดๆ แต่ไม่รู้คืดถูกหรือป่าว ที่ตัดสินใจออกมาเลยทั้งๆที่ยังไม่มีงานใหม่ เพราะงานที่เก่าทำ จ-ส
ไม่มีเวลาหายใจหายคอเลยค่ะ เลยตัดสินใจออกมาตายเอาดาบหน้า ผ่านมาก็4เดือนแล้ว งานนี่มันหายากจิงๆค่ะ เป็นบทเรียนครั้งต่อไปเลยว่า
ถ้าไม่มีงานใหม่ห้ามออกเด็ดขาด อ้าวววเข้าเรื่องดีกว่า
เราเป็นเด็กตจว ค่ะและต้องการงานแถวบ้าน เราฝากประวัติไว้ในเว็บหางานหนึ่ง เมื่ออาทิตที่แล้วก็มีบริษัทหนึ่งติดต่อเข้ามา เราไม่เคยได้ยินชื่อเลย
แต่อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากเลยตัดสินใจไปลองดู
ตอนเข้าไปยามยื่นใบสมัครมาให้และพาไปนั่งห้อง คล้ายห้องประชุม แต่เก่ามากแอร์ไม่ค่อยเย็น ให้เราไปกรอกใบสมัคร พอกรอกใบสมัครเสร็จ
เราก็นั่งรอสักพักนึง มีผช ตัวอวบๆคล้ายอาบังขายโรตีตรงตลาดแถวบ้านเราเข้ามากันสองคน คนหนึ่งหน้าเหวี่ยงมาก เราสวัสดีและยิ้มให้
ฮียังคงตึงใส่เรา แต่พูดไทยชัดโคตตตต ของเรียก(นายเอ) อีกคนขาวกว่า มียิ้มบ้าง แต่พูดไทยไม่ค่อยชัด ขอเรียก(นายบี) ในตอนนั้น
เริ่มสงสัยนี่ไม่ใช่บริษัทคนไทยหรอว่ะ ภาวะกดดันเริ่มมา ครั้งแรกจิงๆที่ได้สัมผัสกับนายจ๋าใกล้ชิดขนาดนี้
นายเอ ถามจุกจิกมาก ทำไมคุณอย่างโน้น ทำไมคุณอย่างนี้ และหน้าตาที่ดูซีเรียสตลอดเวลา ในขณะที่สัมภาษณ์อยู่นั้นเล่นมือถือตลอดเว
เสียงไลน์ดัง ติ่ง ติ่ง ติ่ง อีชั่นนี้อยากจะปาทิ้งเสียจิงๆจ่ะนายจ้า
นายบี ถามบ้างแต่ไม่เยอะเท่าเอ แต่พูดเยอะมาก ไม่ชัดด้วย อิชั้นนี่ฟังไปวิงเวียนไปเลยจ่ะนายจ๋าาา แต่สิ่งที่ไม่ต่างกันคงจะเป็นเรื่องมารยาท
สัมภาษณ์อยู่ ทั้งไลน์ ทั้งโทรศัพท์ ตั้งสั่นไม่เป็นรึไงฟ่ะ แล้วไม่มีขออนุญาตรับโทรศัพท์นะ อยากทำไรทำ คงเหนเราเป็นแค่ขี้ข้ามั้ง
นายบี พูดว่า อยากได้ลูกจ้างอย่างงั้นอย่างงี้ อยากได้คนที่อยู่กะตัวเองนานๆ ทำงานให้บริษัทอย่างเต็มที่ ถ้าคุณคิดแค่มาหาประสบการณืแล้ว
ก็จากไป หรือมาอยู่ไม่กี่ปีเราไม่ต้องการ ละก็บอกด้วยว่าต้องการคนที่พร้อมที่จะเป็นลูกจ้างด้วยนะ แล้วก็พูดถึงรายละเอียดงานให้ฟัง
พร้อมกับบอกว่างานที่นี่เลิกไม่เป็นเวลา บางครั้งถึง5ทุ่มเลยก็มี ในใจเราตอนนั้นไม่ได้มีปัญหาเพราะบ้านใกล้ และคิดเองว่าโอทีเยอะขนาดนี้
ชั้นคงรวย แน่เลยจ่ะนายจ้า การสัมภาษณ์จะจบลงด้วยคำถามนี้เสมอ "มีคำถามอะไรไหม" ในใจคิดอ้าวเห้ยย ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องเงินเดือนเลยนะ
หรือเค้ารอเราถามก่อน ถ้าเราถามก่อนจะดูเป็นการไม่ดีไหม เค้าจะคิดว่าเราเห็นแก่เงินไหม แต่อีกใจเมิงมาทำงานเพราะต้องการเงินไม่ใช่หรอ
เอ้าว่ะ ถามเลย คำถามแรกที่สงสัยตั้งแต่ต้น "ขอโทษนะคะ บริษัทนี้เป็นของไทยหรือต่างชาติค่ะ" ทุกคนนิ่ง กา กา กา กา เสียงกาบินผ่าน
" อ้อ เผอิญเคยหวังไว้ว่าอยากร่วมงานกับต่างชาติอะคะ มันได้ประสบการณ์ใหม่ๆดี ได้เรียนรู้วัฒนธรรม" อาบัง ตอบกลับ" คุณไม่ต้องรู้หรอก
ไม่สำคัญหรอก ของคนไทยเนี่ยแหละ" กา กา กา แหม๋แถวนี้กาเยอะจัง
คือเราไม่เข้าใจอะคะ แขกนี้เขากลัวจะไม่มีใครมาร่วมงานด้วยถ้ารู้ว่าบริษัทเป็นของเขาหรอค่ะ หรือยังไง ???? หรือเราไม่ควรถามคำถามนี่ค่ะ เผอิญไม่ทราบจิงๆ
คำถามที่สอง " ขอทราบเรื่องเงินเดือนและสวัดิการคะ " นายจ๋ารีบตอบเลยว่าขอบอกก่อนนะ ที่นี่ไม่มีจ่ายเงินค่าโอทีให้แต่คุณต้องทำโอที
ถ้าคุณจะมาทำงานที่นี้จิงๆเรื่องเงินไม่มีปัญหา คุณอยากได้เท่าไรว่ามาเรย ในใจตอนนั้น เห้ย แขกนี่ไม่ธรรมดาจิงๆว่ะ ใจปล้ำสุดๆไปเลย เราก็คิดในใจ
ถ้าเลิกงานไม่เป็นเวลาอย่างนี้ เข้างาน8โมง เลิก 6 โมงเย็น แถมต้องทำงานเกินเวลาอีก วันเสาก็ต้องทำ วันนึงทำงาน10กว่า ชม
2หมื่นแล้วกันว่ะ ไม่มากไม่น้อยไป เราก็บอกไปด้วยความมั่นหน้าคิดว่าจะได้ " งั้นขอ2หมื่นนะค่ะ " เจออาบังสวนมาแบบ ไม่ธรรมดา อือหือ
ไมธรรมดาเลยค่ะ มันเป็นประโยคเบสิคมาก "คุณไม่มีประสบการณ์ ผมให้แบบทุกที่ให้ละกัน หมื่นห้า โอเคไหม " เราก็สวนไปแบบอึ้งๆเหมือนกัน
"แต่ที่นี่ไม่จ่ายโอทีนะค่ะ " อาบังต่อรองอีกครั้งพร้อมกับกำลังลุกจากเก้าอี้ " คุณไม่มีประสบการณ์ ผมให้ได้แค่ 14000 โอเคไหม ถ้าคุณ
ผ่านโปรผมให้15000 " เราจิกอาบังเบาๆ แบบว่าเมิงอย่าพึ่งไปสิ คุยให้รู้เรื่อง อาบังก็พูดชวนฝันอีกว่า " ถ้าคุณทำงานถึงปี ขยัน อย่าว่าแต่2หมื่นเลย
3หมื่น ผมก็ให้คุณได้ แล้วนางก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ใครพอมีประสบการณ์การทำงานกับพวกแขกบ้างค่ะ เราอยากทราบว่า
1. พวกแขกตี้เนี่ย ชอบหลอกรึป่าว บอกจะให้เงินดีๆ ถ้าขยัน เรากลัวว่าถ้าไปทำด้วยต่อให้เราขยันแต่ขยันผิดที่ สิบปีก้อเท่าเดิม
2. มันเป็นธรรมเนียมของบริาัทแขกหรอค่ะ ที่ไม่ยอมจ่ายค่าโอทีให้พนักงาน
3. แขกขี้งก ดีแต่พูด นี่จิงไหมค่ะ
4. ถ้าเป็นคุณๆจะตัดสินใจทำงานที่นี้ไหม ทั้งเดือนได้หมื่นสี่ แถมไม่รู้เวลากลับบ้านที่แน่ชัด
ประสบการณ์ สัมภาษณ์งานกับบริษัทอินเดีย เราควรทำงานที่นี่ไหม???
การทำงานอะไรเลย งานค่อนข้างจับฉ่ายสุดๆ แต่ไม่รู้คืดถูกหรือป่าว ที่ตัดสินใจออกมาเลยทั้งๆที่ยังไม่มีงานใหม่ เพราะงานที่เก่าทำ จ-ส
ไม่มีเวลาหายใจหายคอเลยค่ะ เลยตัดสินใจออกมาตายเอาดาบหน้า ผ่านมาก็4เดือนแล้ว งานนี่มันหายากจิงๆค่ะ เป็นบทเรียนครั้งต่อไปเลยว่า
ถ้าไม่มีงานใหม่ห้ามออกเด็ดขาด อ้าวววเข้าเรื่องดีกว่า
เราเป็นเด็กตจว ค่ะและต้องการงานแถวบ้าน เราฝากประวัติไว้ในเว็บหางานหนึ่ง เมื่ออาทิตที่แล้วก็มีบริษัทหนึ่งติดต่อเข้ามา เราไม่เคยได้ยินชื่อเลย
แต่อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากเลยตัดสินใจไปลองดู
ตอนเข้าไปยามยื่นใบสมัครมาให้และพาไปนั่งห้อง คล้ายห้องประชุม แต่เก่ามากแอร์ไม่ค่อยเย็น ให้เราไปกรอกใบสมัคร พอกรอกใบสมัครเสร็จ
เราก็นั่งรอสักพักนึง มีผช ตัวอวบๆคล้ายอาบังขายโรตีตรงตลาดแถวบ้านเราเข้ามากันสองคน คนหนึ่งหน้าเหวี่ยงมาก เราสวัสดีและยิ้มให้
ฮียังคงตึงใส่เรา แต่พูดไทยชัดโคตตตต ของเรียก(นายเอ) อีกคนขาวกว่า มียิ้มบ้าง แต่พูดไทยไม่ค่อยชัด ขอเรียก(นายบี) ในตอนนั้น
เริ่มสงสัยนี่ไม่ใช่บริษัทคนไทยหรอว่ะ ภาวะกดดันเริ่มมา ครั้งแรกจิงๆที่ได้สัมผัสกับนายจ๋าใกล้ชิดขนาดนี้
นายเอ ถามจุกจิกมาก ทำไมคุณอย่างโน้น ทำไมคุณอย่างนี้ และหน้าตาที่ดูซีเรียสตลอดเวลา ในขณะที่สัมภาษณ์อยู่นั้นเล่นมือถือตลอดเว
เสียงไลน์ดัง ติ่ง ติ่ง ติ่ง อีชั่นนี้อยากจะปาทิ้งเสียจิงๆจ่ะนายจ้า
นายบี ถามบ้างแต่ไม่เยอะเท่าเอ แต่พูดเยอะมาก ไม่ชัดด้วย อิชั้นนี่ฟังไปวิงเวียนไปเลยจ่ะนายจ๋าาา แต่สิ่งที่ไม่ต่างกันคงจะเป็นเรื่องมารยาท
สัมภาษณ์อยู่ ทั้งไลน์ ทั้งโทรศัพท์ ตั้งสั่นไม่เป็นรึไงฟ่ะ แล้วไม่มีขออนุญาตรับโทรศัพท์นะ อยากทำไรทำ คงเหนเราเป็นแค่ขี้ข้ามั้ง
นายบี พูดว่า อยากได้ลูกจ้างอย่างงั้นอย่างงี้ อยากได้คนที่อยู่กะตัวเองนานๆ ทำงานให้บริษัทอย่างเต็มที่ ถ้าคุณคิดแค่มาหาประสบการณืแล้ว
ก็จากไป หรือมาอยู่ไม่กี่ปีเราไม่ต้องการ ละก็บอกด้วยว่าต้องการคนที่พร้อมที่จะเป็นลูกจ้างด้วยนะ แล้วก็พูดถึงรายละเอียดงานให้ฟัง
พร้อมกับบอกว่างานที่นี่เลิกไม่เป็นเวลา บางครั้งถึง5ทุ่มเลยก็มี ในใจเราตอนนั้นไม่ได้มีปัญหาเพราะบ้านใกล้ และคิดเองว่าโอทีเยอะขนาดนี้
ชั้นคงรวย แน่เลยจ่ะนายจ้า การสัมภาษณ์จะจบลงด้วยคำถามนี้เสมอ "มีคำถามอะไรไหม" ในใจคิดอ้าวเห้ยย ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องเงินเดือนเลยนะ
หรือเค้ารอเราถามก่อน ถ้าเราถามก่อนจะดูเป็นการไม่ดีไหม เค้าจะคิดว่าเราเห็นแก่เงินไหม แต่อีกใจเมิงมาทำงานเพราะต้องการเงินไม่ใช่หรอ
เอ้าว่ะ ถามเลย คำถามแรกที่สงสัยตั้งแต่ต้น "ขอโทษนะคะ บริษัทนี้เป็นของไทยหรือต่างชาติค่ะ" ทุกคนนิ่ง กา กา กา กา เสียงกาบินผ่าน
" อ้อ เผอิญเคยหวังไว้ว่าอยากร่วมงานกับต่างชาติอะคะ มันได้ประสบการณ์ใหม่ๆดี ได้เรียนรู้วัฒนธรรม" อาบัง ตอบกลับ" คุณไม่ต้องรู้หรอก
ไม่สำคัญหรอก ของคนไทยเนี่ยแหละ" กา กา กา แหม๋แถวนี้กาเยอะจัง
คือเราไม่เข้าใจอะคะ แขกนี้เขากลัวจะไม่มีใครมาร่วมงานด้วยถ้ารู้ว่าบริษัทเป็นของเขาหรอค่ะ หรือยังไง ???? หรือเราไม่ควรถามคำถามนี่ค่ะ เผอิญไม่ทราบจิงๆ
คำถามที่สอง " ขอทราบเรื่องเงินเดือนและสวัดิการคะ " นายจ๋ารีบตอบเลยว่าขอบอกก่อนนะ ที่นี่ไม่มีจ่ายเงินค่าโอทีให้แต่คุณต้องทำโอที
ถ้าคุณจะมาทำงานที่นี้จิงๆเรื่องเงินไม่มีปัญหา คุณอยากได้เท่าไรว่ามาเรย ในใจตอนนั้น เห้ย แขกนี่ไม่ธรรมดาจิงๆว่ะ ใจปล้ำสุดๆไปเลย เราก็คิดในใจ
ถ้าเลิกงานไม่เป็นเวลาอย่างนี้ เข้างาน8โมง เลิก 6 โมงเย็น แถมต้องทำงานเกินเวลาอีก วันเสาก็ต้องทำ วันนึงทำงาน10กว่า ชม
2หมื่นแล้วกันว่ะ ไม่มากไม่น้อยไป เราก็บอกไปด้วยความมั่นหน้าคิดว่าจะได้ " งั้นขอ2หมื่นนะค่ะ " เจออาบังสวนมาแบบ ไม่ธรรมดา อือหือ
ไมธรรมดาเลยค่ะ มันเป็นประโยคเบสิคมาก "คุณไม่มีประสบการณ์ ผมให้แบบทุกที่ให้ละกัน หมื่นห้า โอเคไหม " เราก็สวนไปแบบอึ้งๆเหมือนกัน
"แต่ที่นี่ไม่จ่ายโอทีนะค่ะ " อาบังต่อรองอีกครั้งพร้อมกับกำลังลุกจากเก้าอี้ " คุณไม่มีประสบการณ์ ผมให้ได้แค่ 14000 โอเคไหม ถ้าคุณ
ผ่านโปรผมให้15000 " เราจิกอาบังเบาๆ แบบว่าเมิงอย่าพึ่งไปสิ คุยให้รู้เรื่อง อาบังก็พูดชวนฝันอีกว่า " ถ้าคุณทำงานถึงปี ขยัน อย่าว่าแต่2หมื่นเลย
3หมื่น ผมก็ให้คุณได้ แล้วนางก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ใครพอมีประสบการณ์การทำงานกับพวกแขกบ้างค่ะ เราอยากทราบว่า
1. พวกแขกตี้เนี่ย ชอบหลอกรึป่าว บอกจะให้เงินดีๆ ถ้าขยัน เรากลัวว่าถ้าไปทำด้วยต่อให้เราขยันแต่ขยันผิดที่ สิบปีก้อเท่าเดิม
2. มันเป็นธรรมเนียมของบริาัทแขกหรอค่ะ ที่ไม่ยอมจ่ายค่าโอทีให้พนักงาน
3. แขกขี้งก ดีแต่พูด นี่จิงไหมค่ะ
4. ถ้าเป็นคุณๆจะตัดสินใจทำงานที่นี้ไหม ทั้งเดือนได้หมื่นสี่ แถมไม่รู้เวลากลับบ้านที่แน่ชัด