วันนี้ผมขออนุญาตมาแชร์ประสบการณ์ การวางแผนทริปเทที่ยว New York City ด้วยตัวเอง ให้เพื่อนๆที่สนใจและกำลังวางแผนจะไปเที่ยว NYC เหมือนผมได้ดูกันครับ สดๆร้อนๆ ก่อนที่ผมเองจะลืมไปซะก่อน ก่อนอื่นเลยต้องบอกไว้ก่อนว่า ผมกำลังวางแผนไปเที่ยว NYC ประมาณ 10 วันในช่วงเดือนเมษายน โดยเป็นการไปเที่ยวด้วยตัวเองกับเพื่อนอีก 1 คน เดินทางเอง วางแผนเอง ทำทุกอย่างด้วยตัวเองครับ
ข้อสังเกตของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆใน NYC
1. ในอเมริกา พิพิธภัณฑ์ต่างๆส่วนใหญ่จะเสียค่าเข้าชมทั้งหมดครับ ตั้งแต่ก้าวเข้าไปเลย ค่าเข้าก็แพงเหลือเกิน ต่างจากประเทศฝั่งยุโรปที่มักจะให้เข้าชมนิทรรศการบางส่วนฟรี และเก็บเงินค่าเช้าชมในบางนิทรรศการเพิ่ม
2. สถานที่ท่องเที่ยวหลายๆที่ที่มีคนเข้าชมเยอะๆ จำเป็นต้องมีการจองล่วงหน้าและระบุเวลาในการเข้าชมที่ชัดเจนไปเลย เพื่อให้มั่นใจว่าทริปของเราจะไม่รวนเพราะคนเยอะหรือคนเต็มในช่วงเวลาที่เราไปถึงครับ
3. การวางแผนที่ดี และซื้อตั๋วผ่านออนไลน์ไปก่อน ช่วยประหยัดเวลาต่อคิวซื้อตั๋ว และยังได้ส่วนลดเพิ่มเติมในหลายๆสถานที่ครับ อีกทั้งเดี๋ยวนี้ไม่ต้องไป pick up ตั๋วแล้ว เราสามารถปริ้นท์เองจากเมืองไทยไปได้เลย หรือบางที่โชว์บาร์โค้ดจากสมาร์ทโฟนก็ใช้ได้ครับ
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ที่จะมารีวิววันนี้ ก็เพราะพอผมศึกษาค่าเข้าชมในแต่ละที่แล้ว ก็พบว่ามีหน่วยงานต่างๆออกมาทำตั๋วรวมในรูปแบบต่างๆมากมาย เล่นเอามึนตอนวางแผนไปเลยครับ อันไหนดี อันไหนถูก ต่างกันยังไง นั่งศึกษาและเปรียบเทียบอยู่หลายวัน หลักๆที่คุ้มค่าและเป็นที่นิยมกัน มีอยู่ 3 ประเภทจาก 3 หน่วยงาน ตามนี้เลยครับ
1. THE NEW YORK PASS
Pass นี้เป็น Pass ที่เป็นที่นิยมสูงสุด เพราะง่าย ไม่ต้องวางแผนมาก และรวมรวมสถานที่ต่างๆใน NYC ไว้ค่อนข้างครบถ้วน วิธีการก็คือ ดูว่าเราจะใช้เวลาอยู่ใน NYC กี่วัน ก็ซื้อ Pass ตามจำนวนวันนั้นไปเลย โดยเมื่อซื้อแล้วเราสามารถไป pick up การ์ดที่ใช้ในการเข้าสถานที่ต่างๆเมื่อไรก็ได้ และการ์ดจะเริ่มนับวันที่ 1 ก็ต่อเมื่อเราเริ่มใช้เข้าชมสถานที่ที่แรก และก็จะนับต่อเนื่องไปเรื่อยๆ แม้วันไหนเราจะไม่ได้ใช้ เช่นออกไปเที่ยวนอกเมือง Pass นี้ก็จะนับวันต่อเนื่อง ดังนั้นต้องพิจารณาดีๆ โดยราคาแต่ละช่วงระยะเวลาเป็นตามรูปข้างล่างนี้ครับ
ข้อดีของอันนี้คือง่ายมากจริงๆครับ สำหรับคนที่ยังไม่ได้วางแผนอะไรมากมายว่าวันไหนจะไปไหน ไปตายเอาดาบหน้า Pass นี้จะช่วยได้เยอะ เหมือนมีบัตรเบ่งเข้าได้ทุกที่ (แทบทุกที่จริงๆ) โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม แต่ข้อเสียก็คือด้วยเวลาที่มีจำกัด หากเราเตร็ดเตร่ ไม่ได้เร่งเก็บสถานที่เยอะๆ อาจจะพบว่า ค่า Pass แพงกว่าเข้าชมแบบจ่ายแต่ละที่ได้ ดังนั้นผมแนะนำว่า ถ้าคุณมีเวลาอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน และต้องการเก็บที่เด็ดๆให้ครบ แรงเยอะ วิ่งรอบได้วันละ 4-5 ที่อย่างตํ่า ซื้อ Pass นี้ไปคุ้มแน่นอนครับ !
แต่ Pass นี้ไม่เหมาะกับผมเอาซะเลยครับ เพราะผมมีเวลาค่อนข้างเยอะ อยากทยอยเที่ยวไปทีละโซน ดังนั้นแต่ละวันก็จะมีสถานที่ที่เสียค่าเข้ากับไม่เสียค่าเข้าปนกันไปมาตลอดทั้ง 10 วัน ถ้าจะซื้อ Pass ต้องซื้อแบบ 7 วันเพื่อให้ครอบคลุม แต่ละราคาก็แพงซะเหลือเกิน
2. NEW YORK CITY PASS
ชื่อคล้ายๆกับอันแรกนะครับ ต่างกันที่มี City เพิ่มมา อย่าสับสนนะครับ Pass นี้เด่นตรงที่เป็น Pass สำหรับคนมาแวะ New York สั้นๆ และสามารถไปได้แต่ที่เด็ดไม่กี่ที่อยู่แล้ว หรือเป็นคนแรงไม่เยอะ ไม่ได้อยากเที่ยวอะไรมากมาย ขอใช้ชีวิตชิวๆดีกว่า โดย Pass จะมีแบบเดียวราคาเดียว 116 USD สำหรับผู้ใหญ่ สามารถเข้าชมได้ 6 ที่ ภายใน 9 วัน โดย 6 ที่นี้เค้าเลือกมาให้เรียบร้อยแล้ว เอาเฉพาะตัวเด็ดๆ โดย 3 ตัวแรกบังคับ และ อีก 3 ตัวเลือกเอาจากแต่ละคู่ อันไหนก็ได้ ดังนี้
- The Empire State Building Experience (บังคับ)
- American Museum of Natural History (บังคับ)
- The Metropolitan Museum of Art (บังคับ)
- Top of the Rock Observation Deck หรือ Guggenheim Museum (เลือก1)
- statue of Liberty & Ellis Island หรือ Circle Line Sightseeing Cruises (เลือก1)
- 9/11 Memorial & Museum หรือ Intrepid Sea, Air & Space Museum (เลือก1)
วิธีนี้ก็ดูน่าสนใจสำหรับคนเที่ยวไม่เยอะ แต่แน่นอนว่าไม่เหมาะสำหรับผมอีกแน่ เพราะผมวางแผนจะไปอีกหลายที่ แล้วไอ้ที่ให้เลือกนี่ก็เลือกไม่ได้จริงๆ เพราะจะไปหมดเลย ข้อเสียของ Pass นี้ก็คือสถานที่ 3 อันที่บังคับนี่แหละครับ ถ้าเราไม่อยากไปที่ไหนขึ้นมา จะไม่คุ้มทันที เพราะเอาไปแลก หรือสลับกับใครเค้าไม่ได้ แต่ถ้าใครอยากไปเที่ยวง่ายๆ ไม่ต้องทำการบ้านเยอะ ก็ซื้ออันนี้ แล้วไปตามที่เค้าแนะนำเลยครับ
3. NEW TORK CITY EXPLORER PASS
สุดท้ายครับ อันนี้แหละครับที่ตอบโจทย์การเที่ยวของผมดีที่สุด ของ Pass นี้จะสามารถแบ่งได้เป็นอีก 2 แบบ ขอแยกให้ดูดังนี้ครับ
3.1 EXPLORER PASS แบบเลือกสถานที่ทีหลัง
Pass นี้จะคล้ายกับ Pass แรก แต่แทนที่จะจำกัดเราด้วยเวลา แต่จะจำกัดเราที่สถานที่ที่เข้าได้แทน โดยให้อายุตั๋วถึง 30 วัน เช่นถ้าเราซื้อแบบ 7 ที่ ก็คือเราสามารถเข้าที่ไหนก็ได้ 7 ที่ ภายใน 30 วัน ความละเอียดอ่อนของแบบนี้ก็คือ ถ้าซื้อไปแล้ว แล้วเอาไปใช้เข้าสถานที่ที่ค่าตั๋วไม่สูง ก็จะเสียเปล่าไปเลย เพราะราคาที่เราจ่ายเป็นราคาเหมา ดังนั้นถึง Pass นี้จะออกมาเพื่อตอบสนองคนที่ยังไม่อยากคิดว่าจะเข้าที่ไหนบ้าง แต่ผมสนับสนุนให้ลองคิดก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าที่แพงๆที่เราจะเข้ามีกี่ที่กัน แล้วค่อยเลือกแพคเกจที่เหมาะสม ส่วนที่ถูกๆก็จ่ายราคาเต็มเข้าไปเถอะครับ
3.2 EXPLORER PASS แบบ Build your own Pass
ตัวนี้แหละครับที่ผมเลือก จะต่างจากแบบ 3.1 คือ เค้าจะมีลิสสถานที่มาให้เราเลย เราก็ติ๊กเลือกว่าจะไปที่ไหนบ้าง แล้วเค้าก็จะรวมราคาค่าเข้ามาให้ โดยถ้าเราเลือก 2 ที่จะได้ลด 15%, 3ที่จะได้ลด 20%, และตั้งแต่ 4 ที่ขึ้นไปจะได้ลด 25% ซึ่งก็คุ้มมากทีเดียว สำหรับคนที่วางแผนไว้แล้ว และไม่ต้องห่วงเรื่องที่ถูกที่แพง เพราะราคาที่เราจ่ายก็ไปราคาตามจริงของแต่ละที่แล้วลด % ไปตามกติกากำหนด หลังจากลองคำนวณดูทุกวิถีทางแล้ว ผมค้นพบว่าวิธีนี้แหละ เหมาะสมสำหรับการเที่ยวของผมที่สุด อาจจะมีข้อเสียของ Pass นี้นิดหน่อย ตรงที่ไม่ได้มีที่ให้เลือกเยอะเท่า Pass แรก แต่ก็เยอะมากพอแล้วแหละครับ ตกหล่นบางที่ก็ยังซื้อราคาเต็มหน้างาน หรือซื้อราคา online ในเวบย่อยๆของเค้าเองก็ได้ครับ
ท้ายที่สุดนี้ หวังว่าการรีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่วางแผนไปเที่ยวอเมริกาทุกคนครับ ฝากไว้อีกนิดหนึ่งครับ
ตั๋วรวมหรือ Pass เหล่านี้มีข้อเสียตรงที่ไม่สามารถจองวันหรือเวลาที่เราจะเข้าชมได้ ต้องไปเสี่ยงดวงข้างหน้างานว่าจะว่างม้ัย (ซึ่งปกติถ้าไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์หรือช่วงเทศกาลที่ High Season จริงๆ ก็ไม่น่ามีปัญหาอยู่แล้วครับ) ดังนั้นจะไปที่ไหนอาจต้องเผื่อเวลาล่วงหน้านิดนึงครับ หรือถ้ารู้ว่าที่ไหนคนเยอะก็ต้องเลี่ยงช่วง High หรือวันศุกร์เสาร์อาทิตย์หน่อยครับ ส่วนคนที่ค่อนข้างซีเรียสเรื่องเวลา เช่น ต้องขึ้น Empire State ให้ได้ช่วงพระอาทิตย์ตกดินพอดี หรือต้องขึ้นเรือช่วงหัวคํ่าเพื่อดูไฟให้ได้ อาจต้องเผื่อเวลาไปจองคิวแต่เนิ่นๆ หรือตัดใจจองตั๋วเต็มราคาเผื่อระบุเวลาในหน้าเว็บของแต่ละที่ไปเลยครับ ปล่อยภัยกว่า ดีกว่ามาเสียโอกาสที่เรามีอยู่น้อยนิดครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ ไว้เดี๋ยวไปเที่ยวแล้วจะมารีวิวให้ดูกันนะครับ
#วัยรุ่นทุนนิยม
credit ตามเว็บไซต์ในรูปครับ
[CR] REVIEW : วางแผนเที่ยว NEW YORK CITY ด้วย PASS แบบต่างๆ
ข้อสังเกตของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆใน NYC
1. ในอเมริกา พิพิธภัณฑ์ต่างๆส่วนใหญ่จะเสียค่าเข้าชมทั้งหมดครับ ตั้งแต่ก้าวเข้าไปเลย ค่าเข้าก็แพงเหลือเกิน ต่างจากประเทศฝั่งยุโรปที่มักจะให้เข้าชมนิทรรศการบางส่วนฟรี และเก็บเงินค่าเช้าชมในบางนิทรรศการเพิ่ม
2. สถานที่ท่องเที่ยวหลายๆที่ที่มีคนเข้าชมเยอะๆ จำเป็นต้องมีการจองล่วงหน้าและระบุเวลาในการเข้าชมที่ชัดเจนไปเลย เพื่อให้มั่นใจว่าทริปของเราจะไม่รวนเพราะคนเยอะหรือคนเต็มในช่วงเวลาที่เราไปถึงครับ
3. การวางแผนที่ดี และซื้อตั๋วผ่านออนไลน์ไปก่อน ช่วยประหยัดเวลาต่อคิวซื้อตั๋ว และยังได้ส่วนลดเพิ่มเติมในหลายๆสถานที่ครับ อีกทั้งเดี๋ยวนี้ไม่ต้องไป pick up ตั๋วแล้ว เราสามารถปริ้นท์เองจากเมืองไทยไปได้เลย หรือบางที่โชว์บาร์โค้ดจากสมาร์ทโฟนก็ใช้ได้ครับ
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ที่จะมารีวิววันนี้ ก็เพราะพอผมศึกษาค่าเข้าชมในแต่ละที่แล้ว ก็พบว่ามีหน่วยงานต่างๆออกมาทำตั๋วรวมในรูปแบบต่างๆมากมาย เล่นเอามึนตอนวางแผนไปเลยครับ อันไหนดี อันไหนถูก ต่างกันยังไง นั่งศึกษาและเปรียบเทียบอยู่หลายวัน หลักๆที่คุ้มค่าและเป็นที่นิยมกัน มีอยู่ 3 ประเภทจาก 3 หน่วยงาน ตามนี้เลยครับ
1. THE NEW YORK PASS
Pass นี้เป็น Pass ที่เป็นที่นิยมสูงสุด เพราะง่าย ไม่ต้องวางแผนมาก และรวมรวมสถานที่ต่างๆใน NYC ไว้ค่อนข้างครบถ้วน วิธีการก็คือ ดูว่าเราจะใช้เวลาอยู่ใน NYC กี่วัน ก็ซื้อ Pass ตามจำนวนวันนั้นไปเลย โดยเมื่อซื้อแล้วเราสามารถไป pick up การ์ดที่ใช้ในการเข้าสถานที่ต่างๆเมื่อไรก็ได้ และการ์ดจะเริ่มนับวันที่ 1 ก็ต่อเมื่อเราเริ่มใช้เข้าชมสถานที่ที่แรก และก็จะนับต่อเนื่องไปเรื่อยๆ แม้วันไหนเราจะไม่ได้ใช้ เช่นออกไปเที่ยวนอกเมือง Pass นี้ก็จะนับวันต่อเนื่อง ดังนั้นต้องพิจารณาดีๆ โดยราคาแต่ละช่วงระยะเวลาเป็นตามรูปข้างล่างนี้ครับ
ข้อดีของอันนี้คือง่ายมากจริงๆครับ สำหรับคนที่ยังไม่ได้วางแผนอะไรมากมายว่าวันไหนจะไปไหน ไปตายเอาดาบหน้า Pass นี้จะช่วยได้เยอะ เหมือนมีบัตรเบ่งเข้าได้ทุกที่ (แทบทุกที่จริงๆ) โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม แต่ข้อเสียก็คือด้วยเวลาที่มีจำกัด หากเราเตร็ดเตร่ ไม่ได้เร่งเก็บสถานที่เยอะๆ อาจจะพบว่า ค่า Pass แพงกว่าเข้าชมแบบจ่ายแต่ละที่ได้ ดังนั้นผมแนะนำว่า ถ้าคุณมีเวลาอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน และต้องการเก็บที่เด็ดๆให้ครบ แรงเยอะ วิ่งรอบได้วันละ 4-5 ที่อย่างตํ่า ซื้อ Pass นี้ไปคุ้มแน่นอนครับ !
แต่ Pass นี้ไม่เหมาะกับผมเอาซะเลยครับ เพราะผมมีเวลาค่อนข้างเยอะ อยากทยอยเที่ยวไปทีละโซน ดังนั้นแต่ละวันก็จะมีสถานที่ที่เสียค่าเข้ากับไม่เสียค่าเข้าปนกันไปมาตลอดทั้ง 10 วัน ถ้าจะซื้อ Pass ต้องซื้อแบบ 7 วันเพื่อให้ครอบคลุม แต่ละราคาก็แพงซะเหลือเกิน
2. NEW YORK CITY PASS
ชื่อคล้ายๆกับอันแรกนะครับ ต่างกันที่มี City เพิ่มมา อย่าสับสนนะครับ Pass นี้เด่นตรงที่เป็น Pass สำหรับคนมาแวะ New York สั้นๆ และสามารถไปได้แต่ที่เด็ดไม่กี่ที่อยู่แล้ว หรือเป็นคนแรงไม่เยอะ ไม่ได้อยากเที่ยวอะไรมากมาย ขอใช้ชีวิตชิวๆดีกว่า โดย Pass จะมีแบบเดียวราคาเดียว 116 USD สำหรับผู้ใหญ่ สามารถเข้าชมได้ 6 ที่ ภายใน 9 วัน โดย 6 ที่นี้เค้าเลือกมาให้เรียบร้อยแล้ว เอาเฉพาะตัวเด็ดๆ โดย 3 ตัวแรกบังคับ และ อีก 3 ตัวเลือกเอาจากแต่ละคู่ อันไหนก็ได้ ดังนี้
- The Empire State Building Experience (บังคับ)
- American Museum of Natural History (บังคับ)
- The Metropolitan Museum of Art (บังคับ)
- Top of the Rock Observation Deck หรือ Guggenheim Museum (เลือก1)
- statue of Liberty & Ellis Island หรือ Circle Line Sightseeing Cruises (เลือก1)
- 9/11 Memorial & Museum หรือ Intrepid Sea, Air & Space Museum (เลือก1)
วิธีนี้ก็ดูน่าสนใจสำหรับคนเที่ยวไม่เยอะ แต่แน่นอนว่าไม่เหมาะสำหรับผมอีกแน่ เพราะผมวางแผนจะไปอีกหลายที่ แล้วไอ้ที่ให้เลือกนี่ก็เลือกไม่ได้จริงๆ เพราะจะไปหมดเลย ข้อเสียของ Pass นี้ก็คือสถานที่ 3 อันที่บังคับนี่แหละครับ ถ้าเราไม่อยากไปที่ไหนขึ้นมา จะไม่คุ้มทันที เพราะเอาไปแลก หรือสลับกับใครเค้าไม่ได้ แต่ถ้าใครอยากไปเที่ยวง่ายๆ ไม่ต้องทำการบ้านเยอะ ก็ซื้ออันนี้ แล้วไปตามที่เค้าแนะนำเลยครับ
3. NEW TORK CITY EXPLORER PASS
สุดท้ายครับ อันนี้แหละครับที่ตอบโจทย์การเที่ยวของผมดีที่สุด ของ Pass นี้จะสามารถแบ่งได้เป็นอีก 2 แบบ ขอแยกให้ดูดังนี้ครับ
3.1 EXPLORER PASS แบบเลือกสถานที่ทีหลัง
Pass นี้จะคล้ายกับ Pass แรก แต่แทนที่จะจำกัดเราด้วยเวลา แต่จะจำกัดเราที่สถานที่ที่เข้าได้แทน โดยให้อายุตั๋วถึง 30 วัน เช่นถ้าเราซื้อแบบ 7 ที่ ก็คือเราสามารถเข้าที่ไหนก็ได้ 7 ที่ ภายใน 30 วัน ความละเอียดอ่อนของแบบนี้ก็คือ ถ้าซื้อไปแล้ว แล้วเอาไปใช้เข้าสถานที่ที่ค่าตั๋วไม่สูง ก็จะเสียเปล่าไปเลย เพราะราคาที่เราจ่ายเป็นราคาเหมา ดังนั้นถึง Pass นี้จะออกมาเพื่อตอบสนองคนที่ยังไม่อยากคิดว่าจะเข้าที่ไหนบ้าง แต่ผมสนับสนุนให้ลองคิดก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าที่แพงๆที่เราจะเข้ามีกี่ที่กัน แล้วค่อยเลือกแพคเกจที่เหมาะสม ส่วนที่ถูกๆก็จ่ายราคาเต็มเข้าไปเถอะครับ
3.2 EXPLORER PASS แบบ Build your own Pass
ตัวนี้แหละครับที่ผมเลือก จะต่างจากแบบ 3.1 คือ เค้าจะมีลิสสถานที่มาให้เราเลย เราก็ติ๊กเลือกว่าจะไปที่ไหนบ้าง แล้วเค้าก็จะรวมราคาค่าเข้ามาให้ โดยถ้าเราเลือก 2 ที่จะได้ลด 15%, 3ที่จะได้ลด 20%, และตั้งแต่ 4 ที่ขึ้นไปจะได้ลด 25% ซึ่งก็คุ้มมากทีเดียว สำหรับคนที่วางแผนไว้แล้ว และไม่ต้องห่วงเรื่องที่ถูกที่แพง เพราะราคาที่เราจ่ายก็ไปราคาตามจริงของแต่ละที่แล้วลด % ไปตามกติกากำหนด หลังจากลองคำนวณดูทุกวิถีทางแล้ว ผมค้นพบว่าวิธีนี้แหละ เหมาะสมสำหรับการเที่ยวของผมที่สุด อาจจะมีข้อเสียของ Pass นี้นิดหน่อย ตรงที่ไม่ได้มีที่ให้เลือกเยอะเท่า Pass แรก แต่ก็เยอะมากพอแล้วแหละครับ ตกหล่นบางที่ก็ยังซื้อราคาเต็มหน้างาน หรือซื้อราคา online ในเวบย่อยๆของเค้าเองก็ได้ครับ
ท้ายที่สุดนี้ หวังว่าการรีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่วางแผนไปเที่ยวอเมริกาทุกคนครับ ฝากไว้อีกนิดหนึ่งครับ
ตั๋วรวมหรือ Pass เหล่านี้มีข้อเสียตรงที่ไม่สามารถจองวันหรือเวลาที่เราจะเข้าชมได้ ต้องไปเสี่ยงดวงข้างหน้างานว่าจะว่างม้ัย (ซึ่งปกติถ้าไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์หรือช่วงเทศกาลที่ High Season จริงๆ ก็ไม่น่ามีปัญหาอยู่แล้วครับ) ดังนั้นจะไปที่ไหนอาจต้องเผื่อเวลาล่วงหน้านิดนึงครับ หรือถ้ารู้ว่าที่ไหนคนเยอะก็ต้องเลี่ยงช่วง High หรือวันศุกร์เสาร์อาทิตย์หน่อยครับ ส่วนคนที่ค่อนข้างซีเรียสเรื่องเวลา เช่น ต้องขึ้น Empire State ให้ได้ช่วงพระอาทิตย์ตกดินพอดี หรือต้องขึ้นเรือช่วงหัวคํ่าเพื่อดูไฟให้ได้ อาจต้องเผื่อเวลาไปจองคิวแต่เนิ่นๆ หรือตัดใจจองตั๋วเต็มราคาเผื่อระบุเวลาในหน้าเว็บของแต่ละที่ไปเลยครับ ปล่อยภัยกว่า ดีกว่ามาเสียโอกาสที่เรามีอยู่น้อยนิดครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ ไว้เดี๋ยวไปเที่ยวแล้วจะมารีวิวให้ดูกันนะครับ
#วัยรุ่นทุนนิยม
credit ตามเว็บไซต์ในรูปครับ