ก่อนอื่นเลยอยากจะบอกว่า กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกพูดถึงเรื่องราวการเดินทางของตัวเอง..
เราก็เป็นอีกคนที่ชอบถ่ายรูปมากๆ..แล้วเกิดความคิดที่ว่าอยากไปเที่ยว ไปถ่ายรูปที่อื่นๆบ้าง เหมือนคนปกติทั่วไป
วันหนึ่งเราเดินเข้าไปหาเพื่อนคนหนึ่ง..ที่มีความใฝ่ฝันว่าในชีวิตอยากจะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นซักครั้ง
คุยกันไป คุยกันมา เราจึงเกิดชวนกันไปเที่ยวที่ใกล้ๆมอ (เราเรียนอยู่ ม.มหาสารคาม) ไปไกลมากไม่ได้ วจ. จะไม่มีส่ง แต่ก็อยากไปอ่ะ!!
เมื่อหาเวลาว่างได้เราจึงตกลงกันว่าจะไปเที่ยวขอนแก่น ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากประมาณ 50-60 กม. และด้วยความที่ชอบถ่ายรูป
เราเลยชวนเพื่อนไปสถานีรถไฟขอนแก่น ไปถ่ายรูปให้เจแปนๆกัน
จึงทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการวางแผนว่า "เราจะนั่งรถไฟฟรีไปเที่ยวอุดรกัน"
หลังจากวันนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ ก็ถึงวันที่เรารอคอย
เราจะได้นั่งรถไฟครั้งแรก (แถวบ้านไม่มีรถไฟ)
เราตกลงกันแล้วว่าจะไปอุดรธานี เพราะไม่ไกลมาก และสาเหตุที่ไปอีกอย่างคือ อยากรับรู้ฟิลล์ตอนนั่งรถไฟ (เห็นในพันทิปรีวิวกันเยอะ)
ขณะนี้เป็นเวลา 07.20 น. เราก็มาถึงที่รอรถสีชมพู ม.ใหม่ และขึ้นรถด้วยค่าโดยสารราคาคนละ 48 บาท
ลืมบอกไปว่าการเดินทางครั้งนี้ เราไปกัน 4 คน (สาวๆทั้งนั้น) เป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันทั้งหมด
เราไปถึง บขส.ขอนแก่น (เก่า) ประมาณ 08.30 น. เราก็รีบเดินข้ามสะพานลอยไปอีกฝั่ง เพื่อขึ้นรถสองแถว (เบอร์ 3 สถานีรถไฟ)
ไปสถานีรถไฟ แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น..เมื่อเราขึ้นรถผิดสาย555 ประเด็นคือเราไม่ได้ถามคนขับ
รถสองแถวสาย 3 มีสองสายที่ไปคนละทาง
ก่อนจะขึ้นต้องดูหรือถามคนขับก่อนถ้าไม่แน่ใจ ด้วยความที่เราสายชิลล์ ไม่ซีเรียส เมื่อรู้ว่าขึ้นรถผิดสายเราก็รีบลงตรงนั้นเลย (หน้าเซ็นทรัล) และเดินไปสถานีรถไฟเอง ซึ่งไม่ไกลจากตรงนั้นมาก ประมาณ 1 กม. เมื่อไปถึงสถานีรถไฟ
เราก็ไปขอตั๋วฟรีกับเจ้าหน้าที่ พร้อมโชว์บัตรประชาชน (เรารู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว) แล้วเราก็ได้ตั๋วฟรีมา (อะไรฟรีๆเราชอบ)
ซึ่งเป็นรถไฟขบวนท้องถิ่น
รถไฟจะมาในเวลา 09.35 น.
ถือว่าตรงเวลาใช่ได้เลยล่ะ (อ่านมาหลายกระทู้ เห็นบอกว่าเลทเยอะ) จากนั้นเราก็ขึ้นรถไฟ..ไปกันเลย
ขอแนะนำให้นั่งฝั่งซ้ายมือ (หันหน้าไปทางหัวขบวน) เพราะเป็นทิศตะวันตก ถ้านั่งฝั่งขวามือจะร้อนหน่อย เพราะแดดส่องเข้ามา แต่ด้วยความที่เราขึ้นรถไฟครั้งแรกก็ยังไม่รู้อะไร ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น
เราจึงนั่งกันฝั่งขวามือและได้รับความร้อนจากไออุ่นแดดอย่างจัง
แต่หลังจากนั้นไม่นานเราก็ย้ายมานั่งฝั่งซ้ายกับคุณยายคนหนึ่ง
แกเล่าให้ฟังว่า แกขึ้นรถไฟมา 18-19 ปีแล้ว วันนี้มาจากโคราช ซึ่งคุณยายไปหาลูกหลานมา และจะลงอุดรธานีสถานีเดียวกับเรา คุณยายเล่าเรื่องสารพัดให้เราฟัง ไม่คิดเลยว่าแค่เวลาสั้นๆ เราได้สัมผัสกับมิตรภาพที่ไม่จำกัดอายุ วัย และคุณยายยังฝากคำพูดประโยคนึงว่า "ไก่เกิดมาต้องชน คนเกิดมาต้องสู้" ต้องขอบคุณคุณยายมากที่ทำให้เราได้อะไรมากกว่าแค่การนั่งรถไฟฟรีของพวกเราในครั้งนี้
สำหรับใครที่ยังไม่กินข้าวเช้ามา ไม่ต้องห่วงเลย บนรถไฟจะมีแม่ค้าเดินมาขายของเป็นระยะ มีทั้งข้าวเหนียว หมูแดดเดียว ไก่ย่างไม้ใหญ่ๆ
ผลไม้ และน้ำดื่มเย็นๆ ฯลฯ ราคาก็ไม่แพงด้วย เคยอ่านในกระทู้นึงบอกว่ารถไฟไทยเดินทางช้ามาก สำหรับเราคิดว่าโอเคนะ ไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป
บรรยากาศบนรถไฟในตอนนี้ จำนวนคนก็เยอะพอสมควร แต่ก็มีที่นั่งว่างให้นั่งได้อีกเยอะ ถือว่ากำลังดี
ตลอดการเดินทางของรถไฟสายนี้ ก็ผ่านสถานีหลายสถานี มีผู้โดยสารขึ้นลงทุกสถานี เราคิดว่าก็น่าจะเป็นขาประจำของการรถไฟกันซะส่วนใหญ่
สำหรับวิวสองฝั่งจะเป็นทุ่งนา ป่าอ้อย เรือกสวนไร่นา ถ้ามีภูเขาให้มองไกลๆบ้างก็คงจะดี
เวลาประมาณ 11.40 น. เราก็มาถึงสถานีรถไฟอุดรธานี
เราคิดไว้ว่าจะไปกินข้าวเที่ยงที่ UD Town
แล้วค่อยไปเดินตากแอร์ที่เซ็นทรัล
หลังจากที่เรากินข้าวเสร็จ เราก็เดินชิลล์ที่เซ็นทรัล เนื่องจากเราไม่เคยมาอุดรธานีเลย แต่ก็มีเพื่อนร่วมการเดินทางที่เป็นคนจังหวัดนี้อยู่ เราจึงเลือกที่จะเดินไปเซ็นทรัลและเราจึงเปิด google map (ช่วยได้ดี) แล้วเดินไปจนถึง แล้วก็ไปช็อป
เมื่อถึงเวลา 13.10 น. ถึงเวลาที่เราต้องกลับแล้ว คราวนี้เราเลือกที่จะใช้บริการรถสามล้อ (เรียกงี้มาตั้งแต่เด็ก)
ให้ไปส่งที่สถานีรถไฟ ราคา 50 บาท (เราต่อได้เหลือ 40 เพราเรา 4 คนจะได้หารกันง่ายๆ ลงตัวและที่สำคัญไม่ไกลเลย แต่อากาศร้อนมากเราเลยยอมเสียตังค์555)
เมื่อมาถึงสถานีเราก็รีบไปเอาตั๋วรถไฟฟรีตามเคย รถไฟจะมาถึงเวลา 13.40 น. เมื่อยังมีเวลาเหลืออยู่เราก็ไปถ่ายรูปเล่นกันที่รางรถไฟ
พอรถไฟมาเราก็ขึ้นมองหาที่นั่ง เราต้องหาที่นั่งตรงข้ามกับพระอาทิตย์ให้ได้ แต่ปรากฏว่าไม่มีที่สำหรับเรา 4 คนเลย จึงต้องนั่งฝั่งโดนแสงแดดอันร้อนลุ่ม อากาศช่วงบ่ายร้อนกว่าช่วงเช้ามาก ยังดีที่พอมีน้ำเย็นๆจากคุณป้าคนขายของให้เราได้ชื่นใจอยู่บ้าง
ตลอดเวลาที่เราอยู่บนรถไฟ ทั้งหลับ ทั้งตื่น จำนวนผู้โดยสารก็ถือว่าพอๆกับตอนเช้า
และแล้วเราก็มาถึงสถานีรถไฟขอนแก่นในเวลาประมาณ 15.40 น. ถือว่าตรงเวลาโอเคเลย แล้วเราก็เดินทางกลับสารคามและถึงห้องอย่างปลอดภัย
จริงๆแล้วจุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ คือ อยากนั่งรถไฟ อยากทำอะไรที่ยังไม่เคยทำ
สำหรับใครที่มีจุดประสงค์แบบเรา ขอนแก่น - อุดรธานี ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและเหมาะสม
นอกจากสมหวังตามความประสงค์และประหยัด (ข้อนี้สำคัญ) เรายังเกิดแพลนทริปต่อไปไว้แล้ว
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ปล. หากข้อความใดไม่เหมาะสมหรือผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย (ครั้งแรก..คนเราต้องมีครั้งแรก5555)
ขอบคุณผู้ร่วมเดินทาง
[CR] ครั้งแรก..กับการรถไฟไทย ขอนแก่น - อุดรธานี
เราก็เป็นอีกคนที่ชอบถ่ายรูปมากๆ..แล้วเกิดความคิดที่ว่าอยากไปเที่ยว ไปถ่ายรูปที่อื่นๆบ้าง เหมือนคนปกติทั่วไป
วันหนึ่งเราเดินเข้าไปหาเพื่อนคนหนึ่ง..ที่มีความใฝ่ฝันว่าในชีวิตอยากจะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นซักครั้ง
คุยกันไป คุยกันมา เราจึงเกิดชวนกันไปเที่ยวที่ใกล้ๆมอ (เราเรียนอยู่ ม.มหาสารคาม) ไปไกลมากไม่ได้ วจ. จะไม่มีส่ง แต่ก็อยากไปอ่ะ!!
เมื่อหาเวลาว่างได้เราจึงตกลงกันว่าจะไปเที่ยวขอนแก่น ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากประมาณ 50-60 กม. และด้วยความที่ชอบถ่ายรูป
เราเลยชวนเพื่อนไปสถานีรถไฟขอนแก่น ไปถ่ายรูปให้เจแปนๆกัน จึงทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการวางแผนว่า "เราจะนั่งรถไฟฟรีไปเที่ยวอุดรกัน"
หลังจากวันนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ ก็ถึงวันที่เรารอคอย เราจะได้นั่งรถไฟครั้งแรก (แถวบ้านไม่มีรถไฟ)
เราตกลงกันแล้วว่าจะไปอุดรธานี เพราะไม่ไกลมาก และสาเหตุที่ไปอีกอย่างคือ อยากรับรู้ฟิลล์ตอนนั่งรถไฟ (เห็นในพันทิปรีวิวกันเยอะ)
ขณะนี้เป็นเวลา 07.20 น. เราก็มาถึงที่รอรถสีชมพู ม.ใหม่ และขึ้นรถด้วยค่าโดยสารราคาคนละ 48 บาท
ลืมบอกไปว่าการเดินทางครั้งนี้ เราไปกัน 4 คน (สาวๆทั้งนั้น) เป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันทั้งหมด
เราไปถึง บขส.ขอนแก่น (เก่า) ประมาณ 08.30 น. เราก็รีบเดินข้ามสะพานลอยไปอีกฝั่ง เพื่อขึ้นรถสองแถว (เบอร์ 3 สถานีรถไฟ)
ไปสถานีรถไฟ แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น..เมื่อเราขึ้นรถผิดสาย555 ประเด็นคือเราไม่ได้ถามคนขับ รถสองแถวสาย 3 มีสองสายที่ไปคนละทาง
ก่อนจะขึ้นต้องดูหรือถามคนขับก่อนถ้าไม่แน่ใจ ด้วยความที่เราสายชิลล์ ไม่ซีเรียส เมื่อรู้ว่าขึ้นรถผิดสายเราก็รีบลงตรงนั้นเลย (หน้าเซ็นทรัล) และเดินไปสถานีรถไฟเอง ซึ่งไม่ไกลจากตรงนั้นมาก ประมาณ 1 กม. เมื่อไปถึงสถานีรถไฟ เราก็ไปขอตั๋วฟรีกับเจ้าหน้าที่ พร้อมโชว์บัตรประชาชน (เรารู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว) แล้วเราก็ได้ตั๋วฟรีมา (อะไรฟรีๆเราชอบ) ซึ่งเป็นรถไฟขบวนท้องถิ่น รถไฟจะมาในเวลา 09.35 น.
ถือว่าตรงเวลาใช่ได้เลยล่ะ (อ่านมาหลายกระทู้ เห็นบอกว่าเลทเยอะ) จากนั้นเราก็ขึ้นรถไฟ..ไปกันเลย ขอแนะนำให้นั่งฝั่งซ้ายมือ (หันหน้าไปทางหัวขบวน) เพราะเป็นทิศตะวันตก ถ้านั่งฝั่งขวามือจะร้อนหน่อย เพราะแดดส่องเข้ามา แต่ด้วยความที่เราขึ้นรถไฟครั้งแรกก็ยังไม่รู้อะไร ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น
เราจึงนั่งกันฝั่งขวามือและได้รับความร้อนจากไออุ่นแดดอย่างจัง แต่หลังจากนั้นไม่นานเราก็ย้ายมานั่งฝั่งซ้ายกับคุณยายคนหนึ่ง
แกเล่าให้ฟังว่า แกขึ้นรถไฟมา 18-19 ปีแล้ว วันนี้มาจากโคราช ซึ่งคุณยายไปหาลูกหลานมา และจะลงอุดรธานีสถานีเดียวกับเรา คุณยายเล่าเรื่องสารพัดให้เราฟัง ไม่คิดเลยว่าแค่เวลาสั้นๆ เราได้สัมผัสกับมิตรภาพที่ไม่จำกัดอายุ วัย และคุณยายยังฝากคำพูดประโยคนึงว่า "ไก่เกิดมาต้องชน คนเกิดมาต้องสู้" ต้องขอบคุณคุณยายมากที่ทำให้เราได้อะไรมากกว่าแค่การนั่งรถไฟฟรีของพวกเราในครั้งนี้
สำหรับใครที่ยังไม่กินข้าวเช้ามา ไม่ต้องห่วงเลย บนรถไฟจะมีแม่ค้าเดินมาขายของเป็นระยะ มีทั้งข้าวเหนียว หมูแดดเดียว ไก่ย่างไม้ใหญ่ๆ
ผลไม้ และน้ำดื่มเย็นๆ ฯลฯ ราคาก็ไม่แพงด้วย เคยอ่านในกระทู้นึงบอกว่ารถไฟไทยเดินทางช้ามาก สำหรับเราคิดว่าโอเคนะ ไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป
บรรยากาศบนรถไฟในตอนนี้ จำนวนคนก็เยอะพอสมควร แต่ก็มีที่นั่งว่างให้นั่งได้อีกเยอะ ถือว่ากำลังดี
ตลอดการเดินทางของรถไฟสายนี้ ก็ผ่านสถานีหลายสถานี มีผู้โดยสารขึ้นลงทุกสถานี เราคิดว่าก็น่าจะเป็นขาประจำของการรถไฟกันซะส่วนใหญ่
สำหรับวิวสองฝั่งจะเป็นทุ่งนา ป่าอ้อย เรือกสวนไร่นา ถ้ามีภูเขาให้มองไกลๆบ้างก็คงจะดี
เวลาประมาณ 11.40 น. เราก็มาถึงสถานีรถไฟอุดรธานี เราคิดไว้ว่าจะไปกินข้าวเที่ยงที่ UD Town แล้วค่อยไปเดินตากแอร์ที่เซ็นทรัล
หลังจากที่เรากินข้าวเสร็จ เราก็เดินชิลล์ที่เซ็นทรัล เนื่องจากเราไม่เคยมาอุดรธานีเลย แต่ก็มีเพื่อนร่วมการเดินทางที่เป็นคนจังหวัดนี้อยู่ เราจึงเลือกที่จะเดินไปเซ็นทรัลและเราจึงเปิด google map (ช่วยได้ดี) แล้วเดินไปจนถึง แล้วก็ไปช็อป
เมื่อถึงเวลา 13.10 น. ถึงเวลาที่เราต้องกลับแล้ว คราวนี้เราเลือกที่จะใช้บริการรถสามล้อ (เรียกงี้มาตั้งแต่เด็ก) ให้ไปส่งที่สถานีรถไฟ ราคา 50 บาท (เราต่อได้เหลือ 40 เพราเรา 4 คนจะได้หารกันง่ายๆ ลงตัวและที่สำคัญไม่ไกลเลย แต่อากาศร้อนมากเราเลยยอมเสียตังค์555)
เมื่อมาถึงสถานีเราก็รีบไปเอาตั๋วรถไฟฟรีตามเคย รถไฟจะมาถึงเวลา 13.40 น. เมื่อยังมีเวลาเหลืออยู่เราก็ไปถ่ายรูปเล่นกันที่รางรถไฟ
พอรถไฟมาเราก็ขึ้นมองหาที่นั่ง เราต้องหาที่นั่งตรงข้ามกับพระอาทิตย์ให้ได้ แต่ปรากฏว่าไม่มีที่สำหรับเรา 4 คนเลย จึงต้องนั่งฝั่งโดนแสงแดดอันร้อนลุ่ม อากาศช่วงบ่ายร้อนกว่าช่วงเช้ามาก ยังดีที่พอมีน้ำเย็นๆจากคุณป้าคนขายของให้เราได้ชื่นใจอยู่บ้าง
ตลอดเวลาที่เราอยู่บนรถไฟ ทั้งหลับ ทั้งตื่น จำนวนผู้โดยสารก็ถือว่าพอๆกับตอนเช้า
และแล้วเราก็มาถึงสถานีรถไฟขอนแก่นในเวลาประมาณ 15.40 น. ถือว่าตรงเวลาโอเคเลย แล้วเราก็เดินทางกลับสารคามและถึงห้องอย่างปลอดภัย
จริงๆแล้วจุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ คือ อยากนั่งรถไฟ อยากทำอะไรที่ยังไม่เคยทำ
สำหรับใครที่มีจุดประสงค์แบบเรา ขอนแก่น - อุดรธานี ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและเหมาะสม
นอกจากสมหวังตามความประสงค์และประหยัด (ข้อนี้สำคัญ) เรายังเกิดแพลนทริปต่อไปไว้แล้ว
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ปล. หากข้อความใดไม่เหมาะสมหรือผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย (ครั้งแรก..คนเราต้องมีครั้งแรก5555)
ขอบคุณผู้ร่วมเดินทาง