[CR] Kyoto with the Fuji ไปเกียวโตกับคุณฟูจิ

กระทู้นี้จัดทำขึ้นเพื่อแบ่งปันภาพถ่าย ประสบการณ์ และความประทับใจเท่านั้น

สวัสดี
นี่เป็นกระทู้แรกในเว็บพันทิปของเรา ผิดพลาดประการใด ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วย
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่เล่าย้อนไปเมื่อตอนปีใหม่ (ตอนนั้นไม่มีเวลาเขียน)

เราได้เดินทางไปจังหวัดเกียวโต ประเทศ ญี่ปุ่น เป็นเวลา 5 วัน 4 คืน พักที่ Guesthouse เดินทางด้วยรถไฟและรถบัสเป็นส่วนมาก
จริงๆแล้วเราไม่ได้เดินทางไปจากประเทศไทย แต่เราไปจากเมืองที่เราเรียนอยู่ ในญี่ปุ่นนั่นแหละ นั่งรถบัสไป 12 ชม.
ไปถึงเกียวโต ตอนเช้าวันที่ 28 ธันวา...

วันที่ 1 ( 28 ธันวาคม 2015 )
เราเอากระเป๋าเดินทางไปฝากไว้ที่ Guesthouse แล้วก็เดินทางต่อไปที่ วัด Kinkaku โดยรถบัส พอดีเจ้าของ Guesthouse บอกมาว่า
นั่งรถบัสคุ้มกว่า ซื้อบัตร One-day pass กับคนขับรถ ราคา 500 ¥ ไปถึงที่นั้น คนเยอะมาก ที่เด่นสุดก็คือตรงปราสาทสีทองกลางน้ำ



คาดว่าไปในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีหรือหน้าหนาวที่หิมะตก น่าจะสวยกว่านี้ (ปีนี้ หนาวแล้วแต่หิมะไม่ยอมตก)
ความจริงก็มี Soft Cream ชาเขียวขายแทบทุกที่ในญี่ปุ่น แต่ที่นี่เราว่าโคนมันอร่อยดีนะ ..



ต่อมาเราก็นั่งบัสมาลงที่ป้าย Shimogamojinja-mae เดินแปปเดียวถึง ศาลเจ้า Shimogamo
ที่นี่ ตอนเราไป ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คิดว่าคงไม่ค่อยโด่งดังเท่าไร แต่เราว่าก็สวยดีนะ บรรยากาศร่มรื่นดี



แถวๆนั้นจะมีแม่น้ำชื่อ Kamo เป็นจุดที่แม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน มีคนมานั่งพักผ่อน เราชอบที่นี่มาก ได้ลงไปเดินข้างล่างนั้น สงบดี



ตอนช่วงเย็นๆ ก็ได้มีโอกาสไปกินขนมที่ Yojiya Cafe แถวๆ Sanjo Station. เดินไกลนิดหน่อย เราเดินตาม Google map เอา
ร้านนี้ ความจริงมีหลายสาขานะ มีที่ Arashiyama ด้วย
จบวันแรกไว้ตรงนี้แล้วกัน



วันที่ 2 ( 29 ธันวาคม 2015 )
วันนี้เราเดินทางไปที่วัด Byodo-in ที่ใกล้ๆ Uji station. เรานั่งรถไฟ JR มา ( ถ้านั่ง Subway Keihan Uji line มาลงที่ Uji sta. อาจจะใกล้กว่า )
Uji เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัดและศาลเจ้า มีของขึ้นชื่อคือ ชาเขียว มัชชะ ตลอดทางที่เดินเข้าไปวัด Byodo-in
ก็จะมีร้านขายของฝาก ร้านอาหาร/ขนมเต็มไปหมด มีขนมขึ้นชื่อของเกียวโตเรียกว่า Otabe ( โอทะเบะ)
อันนี้ไม่ใช่ Otabe นะ เป็นขนมสอดไส้ชาเขียว อร่อยดี



วัด Byodo-in นี้ ถ้าเอาเหรียญ 10 ¥ ขึ้นมาดูก็จะเห็นว่าวัดนี้มีอยู่ในเหรียญด้วยนะ



ต่อมาเราเดินข้ามสะพานไปที่ Ujikami Shrine ที่นี่เป็นศาลเจ้าเล็กๆ เพื่อนชาวไต้หวันบอกว่า ศาลนี้โด่งดังด้านการเรียน
มีเซียมซีเป็นรูปปั้นกระต่าย กระดาษที่ได้จะติดอยู่ข้างล่าง เราสามารถเอารูปปั้นกระต่ายกลับบ้านได้ด้วยนะ  
ปล. ในกระดาษมีแต่ข้อความภาษาญี่ปุ่น เราให้เจ้าของ guesthouse ช่วยแปล



จริงๆแล้วยังมีอีกหลายวัดในเมือง Uji ที่สามารถเดินไปได้จากสถานี
แนะนำให้ไปขอแผนที่เมือง  Uji city map จากสถานีรถไฟหรือตามร้านค้านะ จะได้ไม่หลงทาง : )

ที่ที่ 2 ที่เราไปคือ Daigo-ji หรือวัดไดโก นั่งรถไฟจาก Uji มาลงที่ Daigo sta. (Subway) เดินขึ้นเนินไป ค่อนข้างไกล แต่คุ้มค่า
ตอนเราไปมี Flea Market เล็กๆ คนไม่เยอะเลย ส่วนตัวแล้วชอบแบบนี้ วัดนี้ปิด 16.00 น.



ข้างในก็มีเจดีย์ 5 ชั้น แล้วก็มีอีกหลายอย่าง เราเรียกชื่อไม่ค่อยถูก แต่ที่เราชอบมากที่สุด ก็คือตรงนี้



ถ้าเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคงจะสวยมาก แต่ถือว่าประทับใจมากๆ

ช่วงเย็นๆกลับมาเดิน Nishiki market อยู่ในซอย (มองเข้าไปจากถนนใหญ่) แถวๆ Shijo sta.
เป็นตลาดที่ขายของกินเยอะมากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารสด และของฝากนิดหน่อย
อย่าลืมลองกินปลาหมึกเสียบไม้ที่มีไข่ซ่อนอยู่ข้างใน (ตรงหัวปลาหมึก) ราคา 250-400 ¥ แพงมากกกก



ไม้นี้ 250 ¥



- จบวันนี้เพียงเท่านี้น้า -

วันที่ 3 ( 30 ธันวาคม 2015 )
วันนี้นั่งรถบัสไปวัด Tenryu หรือ Tenryu-ji แถว Arashiyama ที่นี่เป็นเหมือนเมืองเมืองหนึ่ง
มีร้านขายของฝาก ร้านอาหารคล้ายๆตอนไป Uji
อยู่ใกล้แม่น้ำ katsura ได้ไปนั่งเล่นสักพักหนึ่ง



ข้างในวัด Tenryu จะมีสวนแบบนี้ ถ้ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็คงจะสวยกว่านี้



พอเดินไปจนสุดวัดก็จะเป็นสวนไผ่ ที่คนไทยชอบไปถ่ายรูปกัน



แล้วถ้าเดินมาจนสุดทางของสวนไผ่ ก็จะมีทางขึ้นไปสวนชา เสียค่าเข้า 1000 ¥ ตรงนี้ส่วนตัวคิดว่าไม่ค่อยมีอะไร
ถ้าขึ้นไปบนสุด (ไม่สูงมาก) จะสามารถเห็นวิวของเกียวโต ความจริงมันเห็นชัดกว่านี้ แต่คือเป็นคนชอบถ่ายรูปให้ติดต้นไม้
ติดของไม่จำเป็น มันเลยเป็นแบบนี้ 😂



อันนี้คือโปสการ์ดที่เขาให้เป็นตั๋วเข้าชม ถ้ามาช่วงใบไม้ใกล้จะร่วง คงจะสวยแบบในรูป



แถว Arashiyama ความจริงมี สวน Monkey Park Iwatayama ซึ่งสามารถไปเล่นกับลิงได้ แต่เนื่องจากเป็นคนกลัวลิงเลยไม่ได้ไป 😔

หลังจากนั้นก็ นั่งรถบัสมาต่อที่ ปราสาท Nijo แต่เนื่องจากเป็นช่วงปีใหม่มั้ง ทางปราสาทเลยปิดไม่ให้เข้า
ถ้าใครจะไป แนะนำให้หาข้อมูลในเว็บไซด์ดีๆน้า จะไปไม่เสียเที่ยวค่ะ : )
แต่เราก็ไม่เสียเที่ยว เพราะอย่างน้อยก็ได้กินราเมงร้านนี้ อยู่ตรงหัวมุมถนน แถวๆนั้นนั่นแหละ
ชื่อร้านว่า 麺屋 七福神 四条大宮店 (Menya Shichifukujin) รสชาติก็อร่อยดี อิ่มด้วย..



วันที่ 4 ( 31 ธันวาคม 2015 ) " New year eve "
วันนี้เราไปที่ Fushimi-inari อยู่ค่อนข้างไกลออกไปจากตัวเมือง ถ้าใครอยากมาที่นี่
เราแนะนำให้มา วัด Byodo-in ที่ Uji ด้วย เพราะมันอยู่ใกล้ๆกัน ที่นี่เชื่อว่าทุกคนก็คงเคยเห็นในรูปกันบ้าง
ก็เป็นประตูซุ้มแบบนี้ ยาวขึ้นไปเรื่อยๆ สูงจนถึงสุดยอดเขา ตรงตีนเขาก็คนเยอะ อีกแล้ว..



ถ้ามีแรงก็เดินขึ้นไปถึงยอดเขาเลยก็ได้ ท้าทายดี เราใช้เวลาเดินประมาณ เกือบ 1 ชม. กว่าจะสุด
ยิ่งสูงยิ่งคนน้อย แต่ซุ้มประตูก็น้อยลงเช่นกัน5555555
พอขึ้นไปสุดก็เป็นศาลเจ้าให้ทำบุญ ถือว่าได้ทำบุญส่งท้ายปี  🙏
แต่ถ้าใครอยากมาแค่ถ่ายรูปแนะนำว่าไม่ต้องขึ้น เพราะ ' เหนื่อยมาก ' ยังดีที่อากาศเย็นๆ เดินไม่ร้อนมาก
ตอนเดินลงก็ใช่ว่าจะเดินง่าย เพราะเป็นขั้นบันไดห่างๆกัน



หลังจากนั้นก็ไปต่อที่  Kyoto Aquarium เรานั่งรถไฟมาลงที่สถานี Kyoto แต่เดินจากสถานีไกลพอสมควร
ตาม Google map บอกใช้เวลา 15 นาที เราใช้ประมาณ เกือบครึ่งชม. 555555
แนะนำว่าให้นั่งรถบัสมาจะใกล้กว่า ค่าเข้า นักเรียน (แสดงบัตร) ประมาณ 1500 ¥ ถ้าผู้ใหญ่ก็ประมาณ 2000 ¥
ในนี้ก็มีสัตว์น้ำหลายๆชนิด เหมาะสำหรับเด็กๆ ส่วนมากเขาก็ไปกันเป็นครอบครัว ที่ถูกใจที่สุดก็ปลากระเบน 😅



แล้วก็จะมีไฮไลท์อยู่ตรงนี้ เป็นห้องเล็กๆที่มีแต่แมงกระพรุน แต่ทำไฟสวยมาก เห็นตรงพื้นไหม เขาทำเหมือนเราเดินอยู่บนน้ำ ~
ปล. ตรงห้องนี้ มันอาจจะเปลี่ยนธีมไปตามฤดูกาล ลองหาข้อมูลดูในเว็บไซต์ http://www.kyoto-aquarium.com



ในนั้นยังการแสดงปลาโลมา และนกแพนกวิน แต่เนื่องจากเวลาไม่พอเลยไม่ได้ดู 😭

พอเสร็จก็เดินไปวัด Toji อยู่ไม่ไกลกันมาก มีเจดีย์แบบนี้ เราชอบ เพราะร่มรื่นดี



หลังจากนั้นก็ไปต่อกันที่ ย่าน Gion แถวนี้ก็มีร้านอาหาร ของฝากทั้ง 2 ข้างทางถนน เขาบอกว่าเป็นย่าน Geisha
แต่เราเจอเกอิชาอยู่ไม่กี่คน อาจจะไปผิดเวลา ตรงแถวนี้ มีสถานที่ดังๆก็ วัด Kiyomizu กับ วัด Yasaka และวัดอื่นๆอีก

เนื่องจากวันนี้เป็นวันสิ้นปี จึงมีงานที่วัด Yasaka ช่วงค่ำๆ บรรยากาศก็เหมือนงานวัดไทย มีของกินขายเยอะแยะมากมาย





をけら詣り (Okera Mairi)  เทศกาลที่คนญี่ปุ่นเชื่อว่า ถ้านำเชือกไปลนไฟจากตะเกียงในวัด
แล้วนำเชือกที่ติดไฟนั้นกลับบ้าน มาใช้ก่อไฟเพื่อทำอาหาร (ซุปโซนิ หรือ ซุปใสใส่โมจิ) จะทำให้โชคดีและมีสุขภาพแข็งแรง
แล้วถ้านำเชือกนั้นไปวางที่หิ้งพระหรือแท่นบูชา ก็จะเป็นศิริมงคลแก่บ้านด้วย
และเราก็จะเห็นได้ว่าทุกคนจะแกว่งเชือกเป็นวงกลม ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ไฟที่ปลายเชือกดับกลางทาง ขณะเดินกลับบ้าน
ที่บอกว่าเดินกลับบ้าน เพราะมันอันตรายที่จะนำเชือกขึ้นรถบัส หรือ รถยนต์

ขอเล่าถึงการ Countdown ที่วัดนี้ต่อ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ไป Countdown คนเดียว และ ที่วัด
ตอนช่วงประมาณ 30 นาทีก่อนเที่ยงคืน ทุกคนก็เข้าแถวเพื่อจะนำเหรียญไปโยนทำบุญและอธิษฐาน
ตอนแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าเข้าแถวกันทำไม (เรายืนอยู่ข้างนอก ไม่ได้เข้า)
แต่พอถึงเที่ยงคืนปุ้ป แถวก็เคลื่อน ถ้าใครมาวัดนี้ตอนวันสิ้นปี ก็ไปเข้าแถวกับเขาด้วยนะ  😂
ปล. ลืมบอกว่า ตอนที่ไป ไม่ได้มีการนับ Countdown อะไรจริงจัง มีแค่ชาวต่างชาติบางกลุ่มที่นับกันเองแล้วก็เฮกันเอง 55555
เป็นการ Countdown ที่เรียบง่ายมากเลยทีเดียว ... แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีนะ


สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังนะ ทุกคน  😁


วันที่ 5 ( 1 มกราคม 2016 )
วันนี้วันสุดท้าย เลยตื่นแต่เช้าเดินไปวัด Kiyomizu วัดนี้อยู่บนเขา เดินขึ้นเนิน แถวนี้มีให้เช่ากิโมโนด้วยนะ
ตอนเช้าคนไม่เยอะเท่าไร ช่วงเย็นๆคนจะเยอะกว่านี้ แต่คิดว่ามาช่วงตอนเย็น พระอาทิตย์ใกล้จะตก อาจจะถ่ายรูปออกมาสวยกว่า





ตอนเย็น เราจบทริปด้วยการมาเดิน shopping ที่ห้าง Kyoto - Yodobashi แถวๆ  Kyoto sta. เนื่องจากต้องขึ้นรถกลับบ้านที่นี่
ห้างนี้มีทุกอย่าง โดยเฉพาะพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูป อุปกรณ์กล้อง แล้วยังมีพวก อุปกรณ์กีฬาด้วย
ช่วงค่ำ รอบๆ Kyoto Tower ก็จะเปิดไฟ (ไม่รู้ว่าประดับไฟแบบนี้ตลอดทั้งปีรึเปล่า ..)

ขอจบทริปนี้ตรงนี้แล้วกัน
ขอบคุณที่เข้ามาดู และ อย่าลืมไปเที่ยวเกียวโตกันเยอะๆนะ 😊 

หมายเหตุ

・ข้อมูลบางอย่างแปลมาจากภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ อาจจะมีผิดพลาดไปบ้าง
・ภาษาที่ใช้อาจจะแปลกหรือห้วน เพราะจขกท. อิงมาจากสิ่งที่เขียนใน Diary

ขออภัยมา ณ ที่นี้



#kyotowiththefuji
ชื่อสินค้า:   KYOTO - JAPAN
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่