[[Review นี้มาจากประสบการณ์จริง ไม่อิงนิยาย]]
เรียนที่เอแบคเป็นยังไงบ้าง ขอท้าวความตั้งแต่ยังไม่เข้าเลยละกัน
ตอนม.ปลาย เอแบคคือ 1 ในมหาลัยที่ตั้งใจจะเข้า
รู้จักพี่ๆที่เรียนในนี้ และติดตามวิถีชีวิตของพี่ๆ
มีความคาดหวังว่าเข้ามาเรียนแล้ว
1.จะต้องได้ภาษา
2.จะต้องได้เรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่น
3.จะต้องได้Skill ต่างๆที่สามารถประยุกต์ใช้ได้
ตอนที่ยังไม่เข้า ก็เห็น
วิถีชีวิตของรุ่นพี่เป็นต้นแบบ ว่ามหาลัยทำให้เค้ามีทัศนคติต่อโลกยังไง มีความเปลี่ยนแปลงไปยังไง
สังเกตเห็นว่า
1.ถ้าเด็กเนิร์ด เกรด3.99 พี่ๆในกลุ่มนี้ จะค่อนข้างเก็บตัว
วิชาการเป็นเลิศ ได้เกียรตินิยมชัวร์ๆ ถ้าคณะBBA คนเหล่านี้[เท่าที่เห็น]ส่วนใหญ่จะไปเรียน Accounting / Finance / IBM และก็ไป Major อื่นประปราย [แล้วแต่ความชอบ]
2.เด็กกิจกรรม พี่ๆในกลุ่มนี้ มีงานอะไรไปหมด
ไปไม่พอ ฉันขอจัดเองด้วย !! ส่วนใหญ่จะอยู่ตามชมรม/ Committee คณะ และ Community ต่างๆ
3.เด็กสายแข่ง มีงานไรแข่งหมด ไม่ว่าจะ Debate / Business Case competition / งานโน่น งานนี่ ล่ามาทุกรางวัล
4.เด็กทั่วไป ไปเรียน>ร้านอาหาร/โอเดิ้ล/สนามบอล>นอน
เด็กกลุ่มนี้มักจะไม่ค่อยมีเวลาทำอะไรอย่างอื่น แค่เรียนชีวิตก็หมดไป70%แล้ว
วันศุกร์ ถ้าไม่มีเรียนก็เดินทางกลับบ้าน [เด็กที่นี่ส่วนใหญ่อยู่หอ ชีวิตที่บางบ่อเหมือนอยู่ป่า รถตู้ก็หมด5โมง ถึงมีรถตู้รับส่งที่โทรไปจองได้มันก็ต้องกลับเอแบคราวๆ3-4ทุ่ม จะไปสยามไรงี้นานๆที]
ตอนเข้ามาเรียนจริงๆเราเลยพอมีลู่ทางว่าเราจะ ทำยังไงให้ตอบเป้าหมาย3ข้อหลักของเราได้
*อยากได้ภาษา
1.เข้าชมรม / กิจกรรม ที่มีเพื่อนๆต่างชาติ [อ่านรีวิวชมรมต่างๆในเอแบคคลิกที่นี่]
ลำพังเรียนในห้องเรียน % ในการเจอเพื่อนต่างชาติของแต่ละคนมีต่างกันไป
นศ.ทั้งหมดในเอแบค2หมื่นกว่าๆ ประมาณ 10-15%ที่เป็น เด็กต่างชาติ
แสดงว่า % ที่เราจะเจอในห้องเรียนปกติทั่วไปแทบไม่มีเลย
2.ไปเข้าค่าย เช่น ค่าย อาเซียนไรงี้ ได้เจอเพื่อนๆต่างชาติแน่นอน
อ้อ อยู่ที่นี่อย่าExpectแบบจะเจอหนุ่มยุโรป เมกานะ 0.1% โอกาสมากสุดน่าจะแค่เดินผ่าน =,,,=
3.ไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศ
[Review Go Abroad in ABAC] [ข่าวไปต่างประเทศต่างๆ]
ตอนอยู่เอแบค เคยได้ทุนจาก สถานทูตอเมกา YSEALI ไปแลกเปลี่ยน 5 สัปดาห์
ตอนนั้น ตอนจะไปขออนุญาติทางมหาลัย ซึ่งดีนคณะก็เข้าใจ และ เปิดโอกาสให้ไป
*ได้เรียนรู้การทำงานกับผู้อื่น
1.เข้าชุมนุมที่เปิดโอกาสให้เราได้ทำงานจริง เจอคนเยอะๆ
เช่น ชุมนุม AEO ชุมนุมนี้จัดอีเว้น และกิจกรรมที่ส่งเสริมเรื่องการเป็นผู้ประกอบการ และก็มีเครือข่าย 5มหาวิทยาลัย เราก็ไปอีเว้นต่างๆที่ชุมนุมในเครือข่ายนี้จัด
ทุกวันนี้มีเพื่อน ทั้ง 5 มหาลัยเลย *ได้เพื่อนมหาลัยอื่น
/ ABAC Ventures ชุมนุมนี้จัดนิทรรศกาล เช่นจัดนิทรรศกาลขายของ และ ทำการResearch เพื่อสิทธิประโยชน์กับนักศึกษา *ได้คิดผ่านการทำงานจัดนิทรรศการ ตั้งแต่ต้นว่าจะทำอะไรบ้าง ระหว่างงาน และหลังงาน
/ Debate Club การไปแข่งดีเบท เค้าจะไปเป็นทีม มักจะ 3 คนต่อทีม
เราจะได้ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม และ เรียนรู้ซึ่งกันและกันโดยการแข่งไปเรื่อยๆ
ครั้งแรกๆอาจไม่เข้าขากัน พอครั้งหลังๆเราเริ่มเข้าใจกันมากขึ้น [เอแบคเน้นDebateเป็นภาษาอังกฤษนะ] อยู่ชมรมนี้ได้ภาษาแน่นอน
/ Toatmaster Club ชมรมนี้จะเน้นการ สุนทรพจน์ [เป็นภาษาอังกฤษ] จะมีสอนตั้งแต่เบสิกยัน แอดว้านเลย อันนี้ผมไม่เคยอยู่ แต่เห็นว่าดีเลยอยากบอกต่อ
ถ้าอยากรู้ชมรมอื่นๆ ลองไปดูรีวิวที่ให้ลิงค์ไว้ข้างบนดูนะ
**คำแนะนำคือ ถ้าเข้ามาปีแรกๆ แนะนำให้สมัครทุกชมรมที่เราสนใจ
การที่เราสมัครเข้าชมรมคือ เพื่อเรารับข้อมูลข่าวสาร ว่าเค้าจะมีกิจกรรมอะไรบ้าง
อย่ามัวเขิน หรือกลัว ไม่อย่างนั้นจะเสียโอกาสโดยเปล่าๆ
*ได้Skill ต่างๆที่ประยุกต์ใช้ได้
ตอนนี้Skill หลักๆที่ได้คือ การ Present
เพราะในวิชา English 1-4 มักจะมีโปรเจคให้เราไปคิดหัวข้อมาพรีเซ้น ทั้งเป็นกลุ่มหรือเดี่ยว และวิชาอื่นๆประปราย เช่น Marketing ที่ให้ไปศึกษาผลิตภัณฑ์มาแล้วนำมาพรีเซ้นว่า ผลิตภัณฑ์นี้Business Strategy เป็นอย่างไร
อีกเรื่องคือ การฟัง ส่วนตัวผู้เขียนเรียนที่เอแบค วิทยาเขตสาธร ซึ่งจะมีกิจกรรมที่พิเศษ คือ Learn@Site ที่นศ.จะได้ไปเยี่ยมบริษัท 1-2 บริษัทต่อปี
ซึ่งเราจะได้ฟังว่าเค้าทำงานกันยังไง และมีวิธีการทำธุรกิจยังไง
การสังเกต หลายๆวิชา[โดยเฉพาะในBBA] จะเน้นทฤษฎี เช่น Business Strategy ซึ่งเราจะรู้คำศัพท์ทางธุรกิจมากขึ้น เพราะฉะนั้นเวลาเรียนแนะนำว่าควรอ่านข่าวธุรกิจด้วย วันละนิดวันละหน่อย ให้เราได้เห็นแล้วคุ้นๆ เห้ยคำนี้เคยเจอในวิชานั้น
ตอนผมไปดูหนัง "Big Short" ศัพท์การเงินมาเต็มเลยครับ 555
สิ่งเหล่านี้เราจะเรียนแล้วจบอย่างเดียวไม่ได้ ต้องอ่านสื่อข้างนอกด้วยจะทำให้เราช่างสังเกตมากขึ้น
นอกเหนือจากนั้นในเอแบคจะมีอีเว้นเชิญวิทยากรมาพูดเรื่อยๆ เช่น Smart Success ที่เชิญศิษย์เก่ามาพูดประสบการณ์ให้กับนศ. อีเว้นจากชุมนุมAEO ที่จัดWorkshop ให้ความรู้เกี่ยวกับEntrepreneur / การทำ Startup และงานอีเว้นอื่นๆ ที่เชิญวิทยากรหลากหลายสาขา[จะจัดโดยแต่ละคณะ ติดตามรายละเอียดได้ที่นี่]
ส่วนเรื่องการเลือกสายการเรียน ผมเรียน BBA ก็จะมีให้เลือก Major หลังจาก เก็บได้ 55 หน่วยกิตแล้ว มีให้เลือก ตั้งแต่ Accounting ยัน Real Estate [มีอะไรบ้างคลิ๊ก]
การจะเลือกเรียนอะไรให้ดูที่เป้าหมายของเราเช่นเดียวกัน
เช่น ถ้าบอกว่าจบไปอยากเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี แน่นอนต้องไปAccounting
และแต่ละสาขา มีกิจกรรม และ ตัวหลักสูตรที่ต่างกัน ทำให้ หลายๆอย่างไม่เหมือนกันมาก ก่อนจะเลือก แนะนำให้คุยกับรุ่นพี่เยอะๆเรื่องการเลือก เข้า Orientation เวลาแต่ละเมเจอร์มีอีเว้นให้ข้อมูลเกี่ยวกับเมเจอร์นั้นๆ
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็อยากบอกตามตรงว่าสิ่งที่คาดหวังและตั้งไว้ในตอนแรก
ได้มา60%แล้ว ซึ่งล้วนมาจาก "กิจกรรม" 90%
"ผู้คน" คือ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับผม [รุ่นพี่หลายคนก็คอนเฟิมว่าเหมือนกัน]
ดีที่ผมเจอคนที่มีความคิดบวก จากกิจกรรมที่เคยทำในAEO, Abac Venture และงานอื่นๆ ได้เจอเพื่อนๆจากมหาลัยอื่นๆที่มีMindsetอยากพัฒนาตัวเอง เพื่อนๆในเอแบคที่ดี
**สำคัญมาก การเข้าอีเว้นข้างนอกที่จัดโดยองค์กรภายนอก / มหาลัยอื่น
ไม่มีเพื่อนไปด้วยหรอ ไปคนเดียวเลยแล้วไปสร้างเพื่อนใหม่สิ
ชีวิตในมหาลัยคือการเก็บเกี่ยวความรู้จากผู้อื่น และเรียนรู้การสนับสนุนผู้อื่น
เป็นช่วงเวลาที่เราFailได้ ไม่เจ็บหนัก เรียนสอบตก-เรียนใหม่ / ทำกิจกรรมแล้วมีปัญหาทะเลาะกับคนอื่น-ปรับความเข้าใจกัน / คิดจะทำธุรกิจ-เริ่มต้นทำได้เลย เราเรียนล้มก็เหมือนล้มบนฟูก พ่อแม่สนับสนุน จะเริ่มเล็ก,ใหญ่ขึ้นอยู่กับกำลังที่มี มหาลัยมีส่วนที่ส่งเสริมอีกต่างหาก
เป้าหมายของการเรียนมหาลัยแต่ละคนอาจต่างกัน ผมมี 3เป้าหมายนี้
แล้วสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่กล่าวมาข้างบนคือสิ่งที่ผมทำระหว่างเรียนในเอแบค
ที่ให้ผมไปถึงเป้าหมายนั้น
ถ้าให้ท้าวความ ระบบการศึกษาที่เป็นตัวกำหนด กฎเกณฑ์ต่างๆจากภาครัฐ
ทำให้ตัวมหาลัย / ตัวอาจารย์ ไม่ได้ทำงานเต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้นักศึกษาได้ความรู้ที่นำไปใช้ได้จริงๆ
เช่น อาจมีการวัดคุณภาพ งานเอกสาร และงานต่างๆที่ไม่เกี่ยวกับการสอนมาให้อาจารย์ทำ
เหล่านี้อาจเป็นผลให้ การเรียนมหาลัยทุกวันนี้ ทำให้เน้นไปที่การสอบ
ท่อง จำ สอบแล้วลืม แต่ถึงอย่างนั้น เราไม่อาจปฏิเสธข้อท็จจริงนี้ได้
ก่อนเข้าเรียนมหาลัย อยากจะแนะนำให้ตั้งเป้าหมาย ว่าเรามาเรียนเพราะอะไร
และเก็บเกี่ยวให้มากที่สุดเพื่อที่จะตอบสนองเป้าหมายของเรา
"โอกาสเหมือน อากาศ" อยู่ที่ว่าเรามองเห็นหรือป่าว
ถ้าเรามัวแต่โทษว่าสภาพแวดล้อมไม่ดี มัวโทษตัวเอง มัวโทษสิ่งรอบข้าง
คงจะยากที่เราจะเห็นลู่ทางที่จะทำให้เราก้าวไปข้างหน้า
เลิกโทษทุกอย่าง ลองมองสิ่งที่มีและใช้ให้มันเกิดประโยชน์ที่สุด : )
อยากตามข่าวทุนไปต่างประเทศ อีเว้นดีๆทั้งในและนอกมหาลัย งานแข่งต่างๆ
แนะนำเว็บGlurr.com และ อย่าลืมไปกดไลค์เพจ Glurr ABAC ด้วยนาจา
แวะมาทักทาย Message หากันได้ทาง
https://www.facebook.com/sharingcitizen : )
การเรียนABAC, TeamABAC, การเรียนเอแบค
SOURCE :
http://www.glurr.com/topic/2358
[CR] Review !! ประสบการณ์การเรียน เอแบค 2 ปีที่ผ่านมา | โหด มันส์ ฮา ขนาดไหน ไม่มีหมกเม็ด ~
[[Review นี้มาจากประสบการณ์จริง ไม่อิงนิยาย]]
เรียนที่เอแบคเป็นยังไงบ้าง ขอท้าวความตั้งแต่ยังไม่เข้าเลยละกัน
ตอนม.ปลาย เอแบคคือ 1 ในมหาลัยที่ตั้งใจจะเข้า
รู้จักพี่ๆที่เรียนในนี้ และติดตามวิถีชีวิตของพี่ๆ
มีความคาดหวังว่าเข้ามาเรียนแล้ว
1.จะต้องได้ภาษา
2.จะต้องได้เรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่น
3.จะต้องได้Skill ต่างๆที่สามารถประยุกต์ใช้ได้
ตอนที่ยังไม่เข้า ก็เห็นวิถีชีวิตของรุ่นพี่เป็นต้นแบบ ว่ามหาลัยทำให้เค้ามีทัศนคติต่อโลกยังไง มีความเปลี่ยนแปลงไปยังไง
สังเกตเห็นว่า
1.ถ้าเด็กเนิร์ด เกรด3.99 พี่ๆในกลุ่มนี้ จะค่อนข้างเก็บตัว
วิชาการเป็นเลิศ ได้เกียรตินิยมชัวร์ๆ ถ้าคณะBBA คนเหล่านี้[เท่าที่เห็น]ส่วนใหญ่จะไปเรียน Accounting / Finance / IBM และก็ไป Major อื่นประปราย [แล้วแต่ความชอบ]
2.เด็กกิจกรรม พี่ๆในกลุ่มนี้ มีงานอะไรไปหมด
ไปไม่พอ ฉันขอจัดเองด้วย !! ส่วนใหญ่จะอยู่ตามชมรม/ Committee คณะ และ Community ต่างๆ
3.เด็กสายแข่ง มีงานไรแข่งหมด ไม่ว่าจะ Debate / Business Case competition / งานโน่น งานนี่ ล่ามาทุกรางวัล
4.เด็กทั่วไป ไปเรียน>ร้านอาหาร/โอเดิ้ล/สนามบอล>นอน
เด็กกลุ่มนี้มักจะไม่ค่อยมีเวลาทำอะไรอย่างอื่น แค่เรียนชีวิตก็หมดไป70%แล้ว
วันศุกร์ ถ้าไม่มีเรียนก็เดินทางกลับบ้าน [เด็กที่นี่ส่วนใหญ่อยู่หอ ชีวิตที่บางบ่อเหมือนอยู่ป่า รถตู้ก็หมด5โมง ถึงมีรถตู้รับส่งที่โทรไปจองได้มันก็ต้องกลับเอแบคราวๆ3-4ทุ่ม จะไปสยามไรงี้นานๆที]
ตอนเข้ามาเรียนจริงๆเราเลยพอมีลู่ทางว่าเราจะ ทำยังไงให้ตอบเป้าหมาย3ข้อหลักของเราได้
*อยากได้ภาษา
1.เข้าชมรม / กิจกรรม ที่มีเพื่อนๆต่างชาติ [อ่านรีวิวชมรมต่างๆในเอแบคคลิกที่นี่]
ลำพังเรียนในห้องเรียน % ในการเจอเพื่อนต่างชาติของแต่ละคนมีต่างกันไป
นศ.ทั้งหมดในเอแบค2หมื่นกว่าๆ ประมาณ 10-15%ที่เป็น เด็กต่างชาติ
แสดงว่า % ที่เราจะเจอในห้องเรียนปกติทั่วไปแทบไม่มีเลย
2.ไปเข้าค่าย เช่น ค่าย อาเซียนไรงี้ ได้เจอเพื่อนๆต่างชาติแน่นอน
อ้อ อยู่ที่นี่อย่าExpectแบบจะเจอหนุ่มยุโรป เมกานะ 0.1% โอกาสมากสุดน่าจะแค่เดินผ่าน =,,,=
3.ไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศ
[Review Go Abroad in ABAC] [ข่าวไปต่างประเทศต่างๆ]
ตอนอยู่เอแบค เคยได้ทุนจาก สถานทูตอเมกา YSEALI ไปแลกเปลี่ยน 5 สัปดาห์
ตอนนั้น ตอนจะไปขออนุญาติทางมหาลัย ซึ่งดีนคณะก็เข้าใจ และ เปิดโอกาสให้ไป
*ได้เรียนรู้การทำงานกับผู้อื่น
1.เข้าชุมนุมที่เปิดโอกาสให้เราได้ทำงานจริง เจอคนเยอะๆ
เช่น ชุมนุม AEO ชุมนุมนี้จัดอีเว้น และกิจกรรมที่ส่งเสริมเรื่องการเป็นผู้ประกอบการ และก็มีเครือข่าย 5มหาวิทยาลัย เราก็ไปอีเว้นต่างๆที่ชุมนุมในเครือข่ายนี้จัด
ทุกวันนี้มีเพื่อน ทั้ง 5 มหาลัยเลย *ได้เพื่อนมหาลัยอื่น
/ ABAC Ventures ชุมนุมนี้จัดนิทรรศกาล เช่นจัดนิทรรศกาลขายของ และ ทำการResearch เพื่อสิทธิประโยชน์กับนักศึกษา *ได้คิดผ่านการทำงานจัดนิทรรศการ ตั้งแต่ต้นว่าจะทำอะไรบ้าง ระหว่างงาน และหลังงาน
/ Debate Club การไปแข่งดีเบท เค้าจะไปเป็นทีม มักจะ 3 คนต่อทีม
เราจะได้ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม และ เรียนรู้ซึ่งกันและกันโดยการแข่งไปเรื่อยๆ
ครั้งแรกๆอาจไม่เข้าขากัน พอครั้งหลังๆเราเริ่มเข้าใจกันมากขึ้น [เอแบคเน้นDebateเป็นภาษาอังกฤษนะ] อยู่ชมรมนี้ได้ภาษาแน่นอน
/ Toatmaster Club ชมรมนี้จะเน้นการ สุนทรพจน์ [เป็นภาษาอังกฤษ] จะมีสอนตั้งแต่เบสิกยัน แอดว้านเลย อันนี้ผมไม่เคยอยู่ แต่เห็นว่าดีเลยอยากบอกต่อ
ถ้าอยากรู้ชมรมอื่นๆ ลองไปดูรีวิวที่ให้ลิงค์ไว้ข้างบนดูนะ
**คำแนะนำคือ ถ้าเข้ามาปีแรกๆ แนะนำให้สมัครทุกชมรมที่เราสนใจ
การที่เราสมัครเข้าชมรมคือ เพื่อเรารับข้อมูลข่าวสาร ว่าเค้าจะมีกิจกรรมอะไรบ้าง
อย่ามัวเขิน หรือกลัว ไม่อย่างนั้นจะเสียโอกาสโดยเปล่าๆ
*ได้Skill ต่างๆที่ประยุกต์ใช้ได้
ตอนนี้Skill หลักๆที่ได้คือ การ Present
เพราะในวิชา English 1-4 มักจะมีโปรเจคให้เราไปคิดหัวข้อมาพรีเซ้น ทั้งเป็นกลุ่มหรือเดี่ยว และวิชาอื่นๆประปราย เช่น Marketing ที่ให้ไปศึกษาผลิตภัณฑ์มาแล้วนำมาพรีเซ้นว่า ผลิตภัณฑ์นี้Business Strategy เป็นอย่างไร
อีกเรื่องคือ การฟัง ส่วนตัวผู้เขียนเรียนที่เอแบค วิทยาเขตสาธร ซึ่งจะมีกิจกรรมที่พิเศษ คือ Learn@Site ที่นศ.จะได้ไปเยี่ยมบริษัท 1-2 บริษัทต่อปี
ซึ่งเราจะได้ฟังว่าเค้าทำงานกันยังไง และมีวิธีการทำธุรกิจยังไง
การสังเกต หลายๆวิชา[โดยเฉพาะในBBA] จะเน้นทฤษฎี เช่น Business Strategy ซึ่งเราจะรู้คำศัพท์ทางธุรกิจมากขึ้น เพราะฉะนั้นเวลาเรียนแนะนำว่าควรอ่านข่าวธุรกิจด้วย วันละนิดวันละหน่อย ให้เราได้เห็นแล้วคุ้นๆ เห้ยคำนี้เคยเจอในวิชานั้น
ตอนผมไปดูหนัง "Big Short" ศัพท์การเงินมาเต็มเลยครับ 555
สิ่งเหล่านี้เราจะเรียนแล้วจบอย่างเดียวไม่ได้ ต้องอ่านสื่อข้างนอกด้วยจะทำให้เราช่างสังเกตมากขึ้น
นอกเหนือจากนั้นในเอแบคจะมีอีเว้นเชิญวิทยากรมาพูดเรื่อยๆ เช่น Smart Success ที่เชิญศิษย์เก่ามาพูดประสบการณ์ให้กับนศ. อีเว้นจากชุมนุมAEO ที่จัดWorkshop ให้ความรู้เกี่ยวกับEntrepreneur / การทำ Startup และงานอีเว้นอื่นๆ ที่เชิญวิทยากรหลากหลายสาขา[จะจัดโดยแต่ละคณะ ติดตามรายละเอียดได้ที่นี่]
ส่วนเรื่องการเลือกสายการเรียน ผมเรียน BBA ก็จะมีให้เลือก Major หลังจาก เก็บได้ 55 หน่วยกิตแล้ว มีให้เลือก ตั้งแต่ Accounting ยัน Real Estate [มีอะไรบ้างคลิ๊ก]
การจะเลือกเรียนอะไรให้ดูที่เป้าหมายของเราเช่นเดียวกัน
เช่น ถ้าบอกว่าจบไปอยากเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี แน่นอนต้องไปAccounting
และแต่ละสาขา มีกิจกรรม และ ตัวหลักสูตรที่ต่างกัน ทำให้ หลายๆอย่างไม่เหมือนกันมาก ก่อนจะเลือก แนะนำให้คุยกับรุ่นพี่เยอะๆเรื่องการเลือก เข้า Orientation เวลาแต่ละเมเจอร์มีอีเว้นให้ข้อมูลเกี่ยวกับเมเจอร์นั้นๆ
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็อยากบอกตามตรงว่าสิ่งที่คาดหวังและตั้งไว้ในตอนแรก
ได้มา60%แล้ว ซึ่งล้วนมาจาก "กิจกรรม" 90%
"ผู้คน" คือ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับผม [รุ่นพี่หลายคนก็คอนเฟิมว่าเหมือนกัน]
ดีที่ผมเจอคนที่มีความคิดบวก จากกิจกรรมที่เคยทำในAEO, Abac Venture และงานอื่นๆ ได้เจอเพื่อนๆจากมหาลัยอื่นๆที่มีMindsetอยากพัฒนาตัวเอง เพื่อนๆในเอแบคที่ดี
**สำคัญมาก การเข้าอีเว้นข้างนอกที่จัดโดยองค์กรภายนอก / มหาลัยอื่น
ไม่มีเพื่อนไปด้วยหรอ ไปคนเดียวเลยแล้วไปสร้างเพื่อนใหม่สิ
ชีวิตในมหาลัยคือการเก็บเกี่ยวความรู้จากผู้อื่น และเรียนรู้การสนับสนุนผู้อื่น
เป็นช่วงเวลาที่เราFailได้ ไม่เจ็บหนัก เรียนสอบตก-เรียนใหม่ / ทำกิจกรรมแล้วมีปัญหาทะเลาะกับคนอื่น-ปรับความเข้าใจกัน / คิดจะทำธุรกิจ-เริ่มต้นทำได้เลย เราเรียนล้มก็เหมือนล้มบนฟูก พ่อแม่สนับสนุน จะเริ่มเล็ก,ใหญ่ขึ้นอยู่กับกำลังที่มี มหาลัยมีส่วนที่ส่งเสริมอีกต่างหาก
เป้าหมายของการเรียนมหาลัยแต่ละคนอาจต่างกัน ผมมี 3เป้าหมายนี้
แล้วสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่กล่าวมาข้างบนคือสิ่งที่ผมทำระหว่างเรียนในเอแบค
ที่ให้ผมไปถึงเป้าหมายนั้น
ถ้าให้ท้าวความ ระบบการศึกษาที่เป็นตัวกำหนด กฎเกณฑ์ต่างๆจากภาครัฐ
ทำให้ตัวมหาลัย / ตัวอาจารย์ ไม่ได้ทำงานเต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้นักศึกษาได้ความรู้ที่นำไปใช้ได้จริงๆ
เช่น อาจมีการวัดคุณภาพ งานเอกสาร และงานต่างๆที่ไม่เกี่ยวกับการสอนมาให้อาจารย์ทำ
เหล่านี้อาจเป็นผลให้ การเรียนมหาลัยทุกวันนี้ ทำให้เน้นไปที่การสอบ
ท่อง จำ สอบแล้วลืม แต่ถึงอย่างนั้น เราไม่อาจปฏิเสธข้อท็จจริงนี้ได้
ก่อนเข้าเรียนมหาลัย อยากจะแนะนำให้ตั้งเป้าหมาย ว่าเรามาเรียนเพราะอะไร
และเก็บเกี่ยวให้มากที่สุดเพื่อที่จะตอบสนองเป้าหมายของเรา
"โอกาสเหมือน อากาศ" อยู่ที่ว่าเรามองเห็นหรือป่าว
ถ้าเรามัวแต่โทษว่าสภาพแวดล้อมไม่ดี มัวโทษตัวเอง มัวโทษสิ่งรอบข้าง
คงจะยากที่เราจะเห็นลู่ทางที่จะทำให้เราก้าวไปข้างหน้า
เลิกโทษทุกอย่าง ลองมองสิ่งที่มีและใช้ให้มันเกิดประโยชน์ที่สุด : )
อยากตามข่าวทุนไปต่างประเทศ อีเว้นดีๆทั้งในและนอกมหาลัย งานแข่งต่างๆ
แนะนำเว็บGlurr.com และ อย่าลืมไปกดไลค์เพจ Glurr ABAC ด้วยนาจา
แวะมาทักทาย Message หากันได้ทาง https://www.facebook.com/sharingcitizen : )
การเรียนABAC, TeamABAC, การเรียนเอแบค
SOURCE : http://www.glurr.com/topic/2358
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น