สวัสดีครับพี่น้อง ผมมีประเด็นที่สงสัยและอยากจะถาม รบกวนผู้รู้ตอบให้ผมฟังหน่อย
เรื่องเกิดตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2557
นาง ว. ไปแจ้งความว่าผมทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์เป็นกุญแจรถ และ สมุดจดทะเบียนรถ แจ้งไว้ที่ สภ.คลองห้า
ต่อมาวันที่ 31 กรกฎาคม 2557
ชุดจับกุม 2 นายเข้าจู่โจมผมและอุ้มขึ้นรถตู้ ขังบนรถตู้ไม่ให้ร่วมการตรวจค้นห้องพักที่ผมอาศัยอยู่ เข้าค้นห้องและบอกมียาบ้า 1 เม็ด ยาไอซ์ 0.22 กรัมพร้อมอุปกรณ์การเสพ (ยัดยา)
ประเด็นส่วนนี้ผมต่อสู้ในศาลยุติธรรมเสร็จสิ้นแล้ว ผลศาลยกฟ้อง และไม่มีการอุทธรณ์คดี คดีสิ้นสุดเมื่อเดือน ตุลาคม 58 ที่ผ่านมา
ณ ตอนนี้ได้ร้องเรียน แจ้งความ ร้องทุกข์ไว้ที่ ปปท. ดำเนินการ รวมถึง กระทรวงยุติธรรมแล้ว โดยผมกล่าวหา ตำรวจทั้งชุดจับกุมและ พงส. ทั้งหมดที่กระทำความผิดตาม ม.157
ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2559 ผมได้ไปดำเนินการแจ้งความไว้ที่ สภ.คลองห้า โดยแจ้งข้อกล่าวหากับ นาง ว ว่าแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน
ซึ่ง พงส.ก็ยังไม่รับแจ้ง โดยบอกว่า แจ้งได้อย่างไรในเมื่อคดีที่ นาง.ว แจ้งไว้เมื่อปี 2557 ยังไม่จบ ฉะนั้น จะประสานให้ พงส.ที่รับเรื่อง นาง ว ให้สรุปสำนวนที่ได้ดำเนินการแจ้งความไว้ ให้แล้วเสร็จ จึงจะดำเนินการส่วนของ การแจ้งความเท็จได้
ต่อมา พงส ผู้รับเรื่องคดี นาง ว ที่แจ้งไว้ในปี 2557 โทรมาหาผมว่า ณ ตอนนี้ นาง ว. จะให้ พงส. ดำเนินการต่อในส่วนของการแจ้งความร้องทุกข์ทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ ที่แจ้งไว้เมื่อปี 2557 ให้ดำเนินการเอาผิดกับผมให้ได้ ผมจึงเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา รวมถึงยื่นเอกสารหลักฐานว่า
วันที่ 31 กรกฎาคม 2557 นาง ว ก็เดินทางมากับชุดจับกุมด้วย เจตนาอ้างว่า มาค้นกุญแจรถ โดยไม่มีหมายค้น และตำรวจกระทำการละเมิดกับตัวผมคือ อุ้ม กักขัง หน่วงเหนี่ยว และค้นห้องพักโดยไม่มีหมาย และเอายาเสพติดมาวางไว้ โดยกล่าวโทษว่า เป็นยาเสพติดของผม แม้ร่างกายไม่พบสารเสพติด ก็ยัดข้อหา มียาเสพติดครอบครองไว้ เพื่อเสพ ..........
เมื่อนำตัวผมกลับไป สภ.คลองห้า (จับกุมที่ ลำลูกกา) เป็นการนำตัวกลับไปเพื่อรีดไถ และไม่ดำเนินคดีเรื่องทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด
คำถาม !!!!!!!
1. แจ้งความทำร้ายร่างกายรวมถึงลักทรัพย์ในเคหสถานเวลากลางคืนในปี ปี 2557 แม้อายุความจะไม่หมด ผู้ร้องทุกข์จะมาติดตามดำเนินคดีในเวลานี้ พงส. และอัยการจะมองเหตุการณ์นี้เป็นอย่างไร โอกาสจะสั่งฟ้องมากแค่ไหน ในเมื่อตอนยัดยามาค้นห้องก็ไม่เจอกุญแจ ไม่เจอเล่มรถ เพราะผมไม่ได้กระทำความผิดดังที่กล่าวอ้าง
2.ในการต่อสู้คดีทำร้ายร่างกาย มีความผิดสูงหรือไม่ จะต้องขึ้นศาลสืบพยานอีกหรือไม่ ยุ่งยากมากมายแค่ไหน และจะสืบพยานอย่างไรในกรณีผู้กล่าวหาอ้างว่าลักกุญแจ กับเล่มรถไป ในเมื่อผมไม่ได้เอาไป กุญแจรถเอาไปทำอะไรไม่ได้ เล่มรถก็เอาไปโอนกรรมสิทธิ์ก็ไม่ได้ จะสืบพยานอย่างไรให้ผมผิด
3.หลักการในการต่อสู้คดีทั้งสองคดี ผมกลัวตำรวจ หรือ พงส.จะ FAKE เอกสารสำนวนมาป้ายความผิดที่ผมกระทำ อย่างที่ผมเคยโดน พงส.ของคดียา ปลอมบันทึกคำให้การของผู้ต้องหา เพื่อให้ผมได้รับการลงโทษอาญา
4.หลังจากกระบวนการจบแล้ว ผมอยากจะฟ้อง นาง ว. กลับ ทุกอย่าง ทั้งกรณีพาตำรวจมายัดยา แจ้งความเท็จ ร่วมกันบุกรุก และ ละเมิด จะทำได้หรือไม่ โอกาสมากน้อยเพียงใด
ขอคำแนะนำด้วยครับ
แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ แต่ตำรวจบุกจู่โจมและยัดยาเสพอ้างว่ารับแจ้งจากเหตุทำร้ายร่างกาย คุณจะทำอย่างไร
เรื่องเกิดตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2557
นาง ว. ไปแจ้งความว่าผมทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์เป็นกุญแจรถ และ สมุดจดทะเบียนรถ แจ้งไว้ที่ สภ.คลองห้า
ต่อมาวันที่ 31 กรกฎาคม 2557
ชุดจับกุม 2 นายเข้าจู่โจมผมและอุ้มขึ้นรถตู้ ขังบนรถตู้ไม่ให้ร่วมการตรวจค้นห้องพักที่ผมอาศัยอยู่ เข้าค้นห้องและบอกมียาบ้า 1 เม็ด ยาไอซ์ 0.22 กรัมพร้อมอุปกรณ์การเสพ (ยัดยา)
ประเด็นส่วนนี้ผมต่อสู้ในศาลยุติธรรมเสร็จสิ้นแล้ว ผลศาลยกฟ้อง และไม่มีการอุทธรณ์คดี คดีสิ้นสุดเมื่อเดือน ตุลาคม 58 ที่ผ่านมา
ณ ตอนนี้ได้ร้องเรียน แจ้งความ ร้องทุกข์ไว้ที่ ปปท. ดำเนินการ รวมถึง กระทรวงยุติธรรมแล้ว โดยผมกล่าวหา ตำรวจทั้งชุดจับกุมและ พงส. ทั้งหมดที่กระทำความผิดตาม ม.157
ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2559 ผมได้ไปดำเนินการแจ้งความไว้ที่ สภ.คลองห้า โดยแจ้งข้อกล่าวหากับ นาง ว ว่าแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน
ซึ่ง พงส.ก็ยังไม่รับแจ้ง โดยบอกว่า แจ้งได้อย่างไรในเมื่อคดีที่ นาง.ว แจ้งไว้เมื่อปี 2557 ยังไม่จบ ฉะนั้น จะประสานให้ พงส.ที่รับเรื่อง นาง ว ให้สรุปสำนวนที่ได้ดำเนินการแจ้งความไว้ ให้แล้วเสร็จ จึงจะดำเนินการส่วนของ การแจ้งความเท็จได้
ต่อมา พงส ผู้รับเรื่องคดี นาง ว ที่แจ้งไว้ในปี 2557 โทรมาหาผมว่า ณ ตอนนี้ นาง ว. จะให้ พงส. ดำเนินการต่อในส่วนของการแจ้งความร้องทุกข์ทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ ที่แจ้งไว้เมื่อปี 2557 ให้ดำเนินการเอาผิดกับผมให้ได้ ผมจึงเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา รวมถึงยื่นเอกสารหลักฐานว่า
วันที่ 31 กรกฎาคม 2557 นาง ว ก็เดินทางมากับชุดจับกุมด้วย เจตนาอ้างว่า มาค้นกุญแจรถ โดยไม่มีหมายค้น และตำรวจกระทำการละเมิดกับตัวผมคือ อุ้ม กักขัง หน่วงเหนี่ยว และค้นห้องพักโดยไม่มีหมาย และเอายาเสพติดมาวางไว้ โดยกล่าวโทษว่า เป็นยาเสพติดของผม แม้ร่างกายไม่พบสารเสพติด ก็ยัดข้อหา มียาเสพติดครอบครองไว้ เพื่อเสพ ..........
เมื่อนำตัวผมกลับไป สภ.คลองห้า (จับกุมที่ ลำลูกกา) เป็นการนำตัวกลับไปเพื่อรีดไถ และไม่ดำเนินคดีเรื่องทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด
คำถาม !!!!!!!
1. แจ้งความทำร้ายร่างกายรวมถึงลักทรัพย์ในเคหสถานเวลากลางคืนในปี ปี 2557 แม้อายุความจะไม่หมด ผู้ร้องทุกข์จะมาติดตามดำเนินคดีในเวลานี้ พงส. และอัยการจะมองเหตุการณ์นี้เป็นอย่างไร โอกาสจะสั่งฟ้องมากแค่ไหน ในเมื่อตอนยัดยามาค้นห้องก็ไม่เจอกุญแจ ไม่เจอเล่มรถ เพราะผมไม่ได้กระทำความผิดดังที่กล่าวอ้าง
2.ในการต่อสู้คดีทำร้ายร่างกาย มีความผิดสูงหรือไม่ จะต้องขึ้นศาลสืบพยานอีกหรือไม่ ยุ่งยากมากมายแค่ไหน และจะสืบพยานอย่างไรในกรณีผู้กล่าวหาอ้างว่าลักกุญแจ กับเล่มรถไป ในเมื่อผมไม่ได้เอาไป กุญแจรถเอาไปทำอะไรไม่ได้ เล่มรถก็เอาไปโอนกรรมสิทธิ์ก็ไม่ได้ จะสืบพยานอย่างไรให้ผมผิด
3.หลักการในการต่อสู้คดีทั้งสองคดี ผมกลัวตำรวจ หรือ พงส.จะ FAKE เอกสารสำนวนมาป้ายความผิดที่ผมกระทำ อย่างที่ผมเคยโดน พงส.ของคดียา ปลอมบันทึกคำให้การของผู้ต้องหา เพื่อให้ผมได้รับการลงโทษอาญา
4.หลังจากกระบวนการจบแล้ว ผมอยากจะฟ้อง นาง ว. กลับ ทุกอย่าง ทั้งกรณีพาตำรวจมายัดยา แจ้งความเท็จ ร่วมกันบุกรุก และ ละเมิด จะทำได้หรือไม่ โอกาสมากน้อยเพียงใด
ขอคำแนะนำด้วยครับ