‘ชลธี’เขียนเพลง‘เงินสั่งมา’ สะท้อนสังคมสงฆ์ เซ็งทีวีห้ามออก
“เทวดาเพลง“ ชลธี ธารทอง ศิลปินแห่งชาติสุดเซ็งแต่งเพลง ”เงินสั่งมา” สะท้อนความเพี้ยนวงการสงฆ์ หวังเตือนสติสังคม กลับถูกทีวีห้ามเผยแพร่
เนื้อเพลง “เงินสั่งมา”
คำร้อง ชลธี ธารทอง
เงินใช่ไหมทำให้คนจนขื่นขม
เงินใช่ไหมทำให้สังคมแตกต่ำ
เงินใช่ไหมทำให้คนลืมศิลธรรม
หน้าด้านหน้าดำเพราะเงินนี้หนอ
เงินใช่ไหมทำให้ใจคนโหดร้าย
เงินใช่ไหมทำให้ลูกมันฆ่าพ่อ
เงินใช่ไหมทำให้เพื่อนฝูงแตกคอ
มีเงินมาล่อรูปหล่อยังแพ้ขอทาน
เงินจ้างผีให้โม่แป้งได้
เงินเป็นนายของคนทั่วย่าน
เงินมาผ้าหลุดความบริสุทธิ์แหลกลาญ
ทรมานเพราะคำถากถาง
เงินใช่ไหมทำให้โลกเราสับสน
คือเหตุผลทำคนให้มีช่องว่าง
บวชเป็นพระแล้วท่านไม่ยอมปล่อยวาง
ปลูกต้นสตางค์ไว้บนแผ่นหลังญาติโยม
ชลธี ธารทอง ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดงปี 2542 ให้สัมภาษณ์ถึงเพลง "เงินสั่งมา” เพลงลูกทุ่งสะท้อนสังคมล่าสุดที่เจ้าตัวจงใจสะท้อนเรื่องราววงการสงฆ์ที่เสื่อมลงทุกวันว่า
“เพลงเงินสั่งมา” เนื้อเพลงท่อนสุดท้าย มันมีว่า “บวชเป็นพระแล้วท่านไม่ยอมปล่อยวาง ปลูกต้นสตางค์ไว้บนแผ่นหลังญาติโยม” มันไปเกี่ยวกับวงการพระตอนนี้ซึ่งผมตั้งใจ เพลงนี้ผมเพิ่งเขียนเมื่อตอนทำคอนเสิร์ต “78 ปีตำนานแห่งสายน้ำ” ที่ผ่านมาเมื่อปีที่แล้ว ที่เขียนเพลงนี้อยากสะท้อนสังคมเพราะว่า วันนี้สังคมเมืองไทยมันตกต่ำมาก ทั้งการเมือง ศาสนา ผู้คน น้ำจิตน้ำใจมันน้อยลง ผมเขียนเพื่ออยากเตือนสติคนไทยด้วยกัน ว่าเราควรจะคิดดีทำดี มาช่วยกันแก้ปัญหาประเทศ แก้ปัญหาจุดที่บกพร่องของประเทศเช่น ศาสนายิ่งสำคัญมาก พระสงฆ์บางรูปประพฤติตนไม่เหมาะสมกับการอยู่ในความเป็นพระ ทำให้ศาสนาเสื่อมไป พระบางรูปแสดงท่าทางกิริยาไม่สมกับเป็นพระ”
เมื่อถามถึงแรงบันดาลใจหรือจุดที่ทนไม่ไหวตรงไหนที่ทำให้เขียนเพลงนี้ขึ้นมา นักแต่งเจ้าของ "เทวดาเพลง” อธิบายแบบตรงๆ ไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหมทันทีว่า
“ผมบวชมา 2 พรรษาผมสอบนักธรรมตรี สอบโอวาทปาติโมกข์ได้ โอวาทปาติโมกข์คือหัวใจของศาสนาพุทธ ผมรู้หมดว่าการประพฤติตัวในเพศบรรพชิตควรทำอย่างไร ที่พระพุทธเจ้าท่านสั่งสอนไว้ในนวโกวาท เพราะการครองผ้าเหลืองสิ่งสำคัญที่สุดของพระคือเครื่องอัฐบริขาร 8 อย่าง นอกนั้นไม่ควรมี พระควรจะอยู่แบบสัมถะ แต่สมัยนี้ไม่อย่างนั้นพระนั่งรถเก๋งคันเป็นล้านๆ รวยเป็นร้อยล้าน มีที่ดิน รับนิมนต์ทีต้องเป็นหมื่นเป็นแสน มันผิดจากความเป็นพระ ประชาชนที่เขาใส่บาตรยังหาเช้ากินค่ำเหนื่อยยากมันต่างกันเหลือเกิน เมื่อท่านบวชแล้วผมก็อยากให้ท่านเป็นตัวอย่างให้ประชาชน วันนี้พระยังตัดกิเลสไม่ได้เลยจะไปสอนญาติโยมได้ยังไง เวลานี้ศาสนาของเราเริ่มมีปัญหา ผมไม่โทษพระ ผมโทษคนบางคนเท่านั้นที่ยังไม่เข้าใจหรือแปลงเจนตนาของศาสนาไปแบบผิดๆ เอาผ้าเหลืองไปห่มแล้วไม่ปฏิบัติตามนวโกวาทขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมีศีล 227 ข้อควรปฏิบัติอย่างไร”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเพลงนี้อยากบอกอะไรกับคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ชลธี ธารทองบอกว่า
“เพลงผมบอกกับพระสงฆ์ ญาติโยม ทั่วโลกว่าวิธีการดูแลศาสนาทำอย่างไรและก็ติติงผู้ที่ทำให้ศาสนาเสื่อมลง ในฐานะศิลปินแห่งชาติผมขอวอนรัฐบาลบ้านนี้เมืองนี้ว่า เพลงคือภาพสะท้อนหรือกระจกเงาของสังคม เพลงมีอิทธิพลที่จะแพร่ไปทุกถิ่นที่ ทั้งในป่าบนตึกสูง เพื่อขัดเกลาจิตใจให้คนทุกคน เตือนสติว่าสิ่งที่ดีเป็นอย่างไร ทำดีทำอย่างไร สิ่งไหนไม่ดี เพลงมีคุณประโยชน์ต่อสังคม ไม่ได้เป็นอันตรายต่อสังคม เกื้อกูลต่อศาสนานี่คือเพลงลูกทุ่ง เพลงไหนดีสะท้อนและเตือนสติสังคมควรส่งเสริมไม่ใช่กลัวว่าจะกระทบ ไปดูจุดที่มันเกิด เพลงที่ผมเขียนทุกเพลง อย่าง "ล้นเกล้าเผ่าไทย” ผมเทิดทูนสถาบัน เพลง "เงินสั่งมา” ก็เช่นกันผมบอกว่าตอนนี้พระสงฆ์ไม่ได้ปฏิบัติตัวอยู่ในกรอบของพระ ผมเป็นพุทธศาสนิกชนเต็มร้อย สิ่งที่กระเทือนพุทธศาสนาผมยอมไม่ได้ จึงแต่งเพลงนี้ออกมา ให้พิจารณาให้เพลงแบบนี้ได้เผยแพร่ให้คนได้รับรู้จะดีมาก"
เมื่อถามว่าเพลงลูกทุ่งที่สะท้อนสังคมปัจจุบันไม่ค่อยมีนักแต่งเพลงหรือค่ายเพลงทำกัน ต่างจากเพลงผัวเมียที่ออกมาเต็มหูไปหมดในฐานะนักแต่งเพลงคิดอย่างไร เจ้าตัวบอกว่า
“เพลงเดี๋ยวนี้ไม่มีใครกล้าเขียน เพราะทางการไม่ให้ออก อีกอย่างคนลงทุนเข้าก็มองว่าไม่คุ้ม รัฐบาลควรจะประคับประคองเพลงลูกทุ่งให้อยู่ในตลาดตลอดไป นักแต่งก็ควรแต่งเพลงแนวสร้างสรรค์ออกมา ไม่ใช่เอาแต่เมีย ผัว มันอันตรายต่อสังคม ประเพณีเรางดงามมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายสั่งสอนไว้ดี แต่เรารุ่นลูกรุ่นหลานไม่สืบทอดกัน ละเลยหลงทาง วันนี้ถ้าจะให้เราไปตะโกนบอกว่าทำเรื่องนี้ไม่ถูก เรื่องนั้นไม่ใช่เขาจะว่าเราบ้า แต่ถ้าใช้เพลงลูกทุ่งเป็นตัวนำทาง เพลงลูกทุ่งจะชอนไชไปทั่วทั้งบนตึก ในป่า ในทะเลไม่มีใครกีดกั้นได้"
พระนั่งรถเก๋งคันเป็นล้านๆ รวยเป็นร้อยล้าน มีที่ดิน รับนิมนต์ทีต้องเป็นหมื่นเป็นแสน มันผิดจากความเป็นพระ ประชาชนที่เข้าใส่บาตรยังหาเช้ากินค่ำ”)
http://www.komchadluek.net/detail/20160302/223417.html
‘ชลธี’เขียนเพลง‘เงินสั่งมา’สะท้อนสังคมสงฆ์เซ็งทีวีห้ามออก
“เทวดาเพลง“ ชลธี ธารทอง ศิลปินแห่งชาติสุดเซ็งแต่งเพลง ”เงินสั่งมา” สะท้อนความเพี้ยนวงการสงฆ์ หวังเตือนสติสังคม กลับถูกทีวีห้ามเผยแพร่
เนื้อเพลง “เงินสั่งมา”
คำร้อง ชลธี ธารทอง
เงินใช่ไหมทำให้คนจนขื่นขม
เงินใช่ไหมทำให้สังคมแตกต่ำ
เงินใช่ไหมทำให้คนลืมศิลธรรม
หน้าด้านหน้าดำเพราะเงินนี้หนอ
เงินใช่ไหมทำให้ใจคนโหดร้าย
เงินใช่ไหมทำให้ลูกมันฆ่าพ่อ
เงินใช่ไหมทำให้เพื่อนฝูงแตกคอ
มีเงินมาล่อรูปหล่อยังแพ้ขอทาน
เงินจ้างผีให้โม่แป้งได้
เงินเป็นนายของคนทั่วย่าน
เงินมาผ้าหลุดความบริสุทธิ์แหลกลาญ
ทรมานเพราะคำถากถาง
เงินใช่ไหมทำให้โลกเราสับสน
คือเหตุผลทำคนให้มีช่องว่าง
บวชเป็นพระแล้วท่านไม่ยอมปล่อยวาง
ปลูกต้นสตางค์ไว้บนแผ่นหลังญาติโยม
ชลธี ธารทอง ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดงปี 2542 ให้สัมภาษณ์ถึงเพลง "เงินสั่งมา” เพลงลูกทุ่งสะท้อนสังคมล่าสุดที่เจ้าตัวจงใจสะท้อนเรื่องราววงการสงฆ์ที่เสื่อมลงทุกวันว่า
“เพลงเงินสั่งมา” เนื้อเพลงท่อนสุดท้าย มันมีว่า “บวชเป็นพระแล้วท่านไม่ยอมปล่อยวาง ปลูกต้นสตางค์ไว้บนแผ่นหลังญาติโยม” มันไปเกี่ยวกับวงการพระตอนนี้ซึ่งผมตั้งใจ เพลงนี้ผมเพิ่งเขียนเมื่อตอนทำคอนเสิร์ต “78 ปีตำนานแห่งสายน้ำ” ที่ผ่านมาเมื่อปีที่แล้ว ที่เขียนเพลงนี้อยากสะท้อนสังคมเพราะว่า วันนี้สังคมเมืองไทยมันตกต่ำมาก ทั้งการเมือง ศาสนา ผู้คน น้ำจิตน้ำใจมันน้อยลง ผมเขียนเพื่ออยากเตือนสติคนไทยด้วยกัน ว่าเราควรจะคิดดีทำดี มาช่วยกันแก้ปัญหาประเทศ แก้ปัญหาจุดที่บกพร่องของประเทศเช่น ศาสนายิ่งสำคัญมาก พระสงฆ์บางรูปประพฤติตนไม่เหมาะสมกับการอยู่ในความเป็นพระ ทำให้ศาสนาเสื่อมไป พระบางรูปแสดงท่าทางกิริยาไม่สมกับเป็นพระ”
เมื่อถามถึงแรงบันดาลใจหรือจุดที่ทนไม่ไหวตรงไหนที่ทำให้เขียนเพลงนี้ขึ้นมา นักแต่งเจ้าของ "เทวดาเพลง” อธิบายแบบตรงๆ ไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหมทันทีว่า
“ผมบวชมา 2 พรรษาผมสอบนักธรรมตรี สอบโอวาทปาติโมกข์ได้ โอวาทปาติโมกข์คือหัวใจของศาสนาพุทธ ผมรู้หมดว่าการประพฤติตัวในเพศบรรพชิตควรทำอย่างไร ที่พระพุทธเจ้าท่านสั่งสอนไว้ในนวโกวาท เพราะการครองผ้าเหลืองสิ่งสำคัญที่สุดของพระคือเครื่องอัฐบริขาร 8 อย่าง นอกนั้นไม่ควรมี พระควรจะอยู่แบบสัมถะ แต่สมัยนี้ไม่อย่างนั้นพระนั่งรถเก๋งคันเป็นล้านๆ รวยเป็นร้อยล้าน มีที่ดิน รับนิมนต์ทีต้องเป็นหมื่นเป็นแสน มันผิดจากความเป็นพระ ประชาชนที่เขาใส่บาตรยังหาเช้ากินค่ำเหนื่อยยากมันต่างกันเหลือเกิน เมื่อท่านบวชแล้วผมก็อยากให้ท่านเป็นตัวอย่างให้ประชาชน วันนี้พระยังตัดกิเลสไม่ได้เลยจะไปสอนญาติโยมได้ยังไง เวลานี้ศาสนาของเราเริ่มมีปัญหา ผมไม่โทษพระ ผมโทษคนบางคนเท่านั้นที่ยังไม่เข้าใจหรือแปลงเจนตนาของศาสนาไปแบบผิดๆ เอาผ้าเหลืองไปห่มแล้วไม่ปฏิบัติตามนวโกวาทขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมีศีล 227 ข้อควรปฏิบัติอย่างไร”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเพลงนี้อยากบอกอะไรกับคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ชลธี ธารทองบอกว่า
“เพลงผมบอกกับพระสงฆ์ ญาติโยม ทั่วโลกว่าวิธีการดูแลศาสนาทำอย่างไรและก็ติติงผู้ที่ทำให้ศาสนาเสื่อมลง ในฐานะศิลปินแห่งชาติผมขอวอนรัฐบาลบ้านนี้เมืองนี้ว่า เพลงคือภาพสะท้อนหรือกระจกเงาของสังคม เพลงมีอิทธิพลที่จะแพร่ไปทุกถิ่นที่ ทั้งในป่าบนตึกสูง เพื่อขัดเกลาจิตใจให้คนทุกคน เตือนสติว่าสิ่งที่ดีเป็นอย่างไร ทำดีทำอย่างไร สิ่งไหนไม่ดี เพลงมีคุณประโยชน์ต่อสังคม ไม่ได้เป็นอันตรายต่อสังคม เกื้อกูลต่อศาสนานี่คือเพลงลูกทุ่ง เพลงไหนดีสะท้อนและเตือนสติสังคมควรส่งเสริมไม่ใช่กลัวว่าจะกระทบ ไปดูจุดที่มันเกิด เพลงที่ผมเขียนทุกเพลง อย่าง "ล้นเกล้าเผ่าไทย” ผมเทิดทูนสถาบัน เพลง "เงินสั่งมา” ก็เช่นกันผมบอกว่าตอนนี้พระสงฆ์ไม่ได้ปฏิบัติตัวอยู่ในกรอบของพระ ผมเป็นพุทธศาสนิกชนเต็มร้อย สิ่งที่กระเทือนพุทธศาสนาผมยอมไม่ได้ จึงแต่งเพลงนี้ออกมา ให้พิจารณาให้เพลงแบบนี้ได้เผยแพร่ให้คนได้รับรู้จะดีมาก"
เมื่อถามว่าเพลงลูกทุ่งที่สะท้อนสังคมปัจจุบันไม่ค่อยมีนักแต่งเพลงหรือค่ายเพลงทำกัน ต่างจากเพลงผัวเมียที่ออกมาเต็มหูไปหมดในฐานะนักแต่งเพลงคิดอย่างไร เจ้าตัวบอกว่า
“เพลงเดี๋ยวนี้ไม่มีใครกล้าเขียน เพราะทางการไม่ให้ออก อีกอย่างคนลงทุนเข้าก็มองว่าไม่คุ้ม รัฐบาลควรจะประคับประคองเพลงลูกทุ่งให้อยู่ในตลาดตลอดไป นักแต่งก็ควรแต่งเพลงแนวสร้างสรรค์ออกมา ไม่ใช่เอาแต่เมีย ผัว มันอันตรายต่อสังคม ประเพณีเรางดงามมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายสั่งสอนไว้ดี แต่เรารุ่นลูกรุ่นหลานไม่สืบทอดกัน ละเลยหลงทาง วันนี้ถ้าจะให้เราไปตะโกนบอกว่าทำเรื่องนี้ไม่ถูก เรื่องนั้นไม่ใช่เขาจะว่าเราบ้า แต่ถ้าใช้เพลงลูกทุ่งเป็นตัวนำทาง เพลงลูกทุ่งจะชอนไชไปทั่วทั้งบนตึก ในป่า ในทะเลไม่มีใครกีดกั้นได้"
พระนั่งรถเก๋งคันเป็นล้านๆ รวยเป็นร้อยล้าน มีที่ดิน รับนิมนต์ทีต้องเป็นหมื่นเป็นแสน มันผิดจากความเป็นพระ ประชาชนที่เข้าใส่บาตรยังหาเช้ากินค่ำ”)
http://www.komchadluek.net/detail/20160302/223417.html