คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14
สมจิตต์ นวเครือสุนทร
21 นาที ·
กรณี "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" กับคำถามถึงจริยธรรมสื่อ สำนึกสังคมสู่ตัวอย่างสาธารณะ
เมื่อประมาณสามปีที่แล้วเคยโพสต์จดหมายเปิดผนึกถึงคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา นักเล่าข่าวชื่อดัง หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิดจากการยักยอกโฆษณาช่อง ๙ เป็นเงินราว ๑๓๘ ล้านบาท เพื่อแสดงจุดยืนในฐานะสื่อมวลชนคนหนึ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง
เวลาผ่านมาพัฒนาการของคดีมีมากขึ้น จาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเข้าสู่กระบวนการที่อัยการส่งฟ้องก่อนจะจบลงที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก ๑๓ ปี ๔ เดือน แม้ว่าจะยังไม่ใช่ข้อยุติเพราะคดียังต่อสู้ได้อีกสองศาลจนถึงชั้นฎีกา แต่ด้วยสำนึกความเป็นสื่อสารมวลชนเชื่อว่า เจ้าตัวเองก็ทราบดีว่าบรรทัดฐานที่ควรวางไว้ให้กับวิชาชีพสื่อสารมวลชนควรเป็นอย่างไร เพียงแต่คงมีปัจจัยมากมายที่ทำให้การตัดสินใจของคนคนหนึ่งให้น้ำหนักในเรื่องที่แตกต่างกัน
บางคนอาจยึดหลักการแห่งวิชาชีพ แต่บางคนก็จำนนกับผลประโยชน์ บดบังสำนึกที่ดี จนพลาดโอกาสที่จะเป็นตัวอย่างแก่สาธารณะ
กรณีที่เกิดขึ้นไม่เพียงเป็นเรื่องที่คนในแวดวงสื่อสารมวลชนต้องช่วยกันตั้งคำถามเท่านั้น แต่สังคมไทยต้องช่วยกันพินิจพิเคราะห์ด้วยว่าเราอยากเห็นสังคมแบบไหน ถ้าอยากให้เห็นสังคมคุณธรรมคนรุ่นแราก็ต้องเป็นแบบอย่างเพื่อสร้างสังคมที่ดีให้กับลูกหลาน แต่ถ้าปล่อยผ่านไปก็สะท้อนว่า ไม่ใช่แค่สื่อที่เสื่อมแต่สังคมเรากำลังทรุดอยู่ด้วยใช่ไหม
ในฐานะคนทำงานสื่อขอส่งจดหมายเปิดผนึกฉบับเดิมอีกครั้ง โดยมิได้หวังว่าจะได้เห็นการตัดสินใจที่แตกต่างจากเดิมของคุณสรยุทธ แต่ปรารถนาจะกระตุ้นเพื่อนพ้องพี่น้องสื่อด้วยกันเพื่อให้ช่วยกันคิดว่า "เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อวิชาชีพของตัวเอง" เท่านั้น
“เราต่างรักในวิชาชีพสื่อสารมวลชนใช่ไหม?”
...ดิฉัน สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวการเมือง (เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับสังกัด) ในฐานะสื่อมวลชน แม้จะไม่เคยรู้จักคุณสรยุทธ เป็นการส่วนตัว แต่สิ่งที่ได้เห็นคุณสรยุทธ แสดงออกเสมอมาคือความรักในวิชาชีพสื่อสารมวลชน ไม่ว่าวันนี้จะยังเป็นกรรมกรข่าวหรือเศรษฐีค้าข่าว แต่จิตวิญญาณแห่งวิชาชีพน่าจะยังคงอยู่ นอกจากว่าที่ผ่านมาสิ่งที่ทำทั้งหมดเป็นเพียงแค่การเสแสร้งสร้างภาพ ซึ่งดิฉันคิดว่าคุณสรยุทธ ย่อมมีความซื่อสัตย์ต่อประชาชนที่ศรัทธาและโอบอุ้มคุณสรยุทธ โดยไม่ควรแม้แต่จะคิดทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน
การที่คุณสรยุทธ ตอบโต้แถลงการณ์ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ด้วยการลาออกจากการเป็นสมาชิก หลังจากถูกทวงถามด้านจริยธรรมกรณีถูก ปปช. ชี้มูลความผิดว่ายักยอกเงินค่าโฆษณา อสมท. ๑๓๘ ล้านบาท ด้วยการให้พิจารณาตัวเองจากการทำหน้าที่พิธีกรเล่าข่าว และยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อแม้ว่าศาลชั้นต้นจะตัดสินคำคุก ๑๓ ปี ๔ เดือน ถือเป็นการทำร้ายวิชาชีพสื่อสารมวลชนอย่างเลือดเย็นยิ่ง เพราะเท่ากับว่า คุณสรยุทธ ซึ่งมีอิทธิพลต่อสังคมไทยอย่างมากกำลังทำให้คนเข้าใจว่า คนวงการสื่อไม่ยอมรับการตรวจสอบ ไร้ซึ่งจริยธรรมที่จะแสดงตนเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสังคมไทย
ถามคุณสรยุทธง่าย ๆ ว่า นักเล่าข่าวที่ถูก ปปช. ชี้มูลว่าทุจริต ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก จะตรวจสอบนักการเมืองที่ทุจริตได้อย่างไร
นักเล่าข่าวที่ถูก ปปช. ชี้มูลว่าทุจริต ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก จะกล้าเรียกร้องให้นักการเมืองที่ถูก ปปช. ชี้มูลว่าทุจริตแสดงสปิริตด้วยการหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือไม่
นักเล่าข่าวที่ถูก ปปช. ชี้มูลว่าทุจริตถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก แต่ยังคงมีสถานะทางสังคมโดยไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบ ใด ๆ จะสร้างค่านิยมแบบไหนให้กับประเทศชาติของเรา ?
ค่านิยมที่สังคมยอมรับการโกงว่าเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็ทำ และยังได้ดิบได้ดีไม่ถูกลงโทษจากสังคมจึงไม่จำเป็นต้องมีความละอายต่อบาป เพราะทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไปอย่างนั้นหรือ ?
หน้าที่ของสื่อมวลชนส่วนหนึ่ง คือ การชี้นำสังคมให้เดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ถ้าวันนี้คุณสรยุทธ ซึ่งเป็นสื่อมวลชนที่คนไทยให้การยอมรับอย่างมาก ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชน ก็เท่ากับกำลังบ่มเพาะความไม่ละอายต่อบาปให้เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคมนี้ จนเห็นการทำความผิดเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรื่องที่ต้องประนาม
แม้คดีนี้จะยังไม่มีบทสรุปในชั้นศาลฎีกา แต่องค์กรอิสระอย่าง ปปช.ได้ชี้มูลแล้ว ศาลชั้นต้นก็ได้พิพากษาไปแล้ว
การแสดงออกให้เห็นว่า “จริยธรรมอยู่เหนือกฎหมาย” จะทำให้คุณสรยุทธ “เป็นเรื่องเล่าระดับตำนานให้คนในแวดวงสื่อสารมวลชนได้กล่าวขานถึงว่า เป็นสื่อมวลชนที่มีความรับผิดชอบต่อวิชาชีพของตัวเองและไม่ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน”
จดหมายเปิดผนึกจากนักข่าวตัวเล็ก ๆ อาจไม่มีความหมายอะไรเลยต่อการตัดสินใจของคุณสรยุทธ แต่ดิฉันเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยหวังว่าจะจุดประกายเล็ก ๆ ให้เพื่อนพ้องน้องพี่ในแวดวงสื่อสารมวลชนได้ช่วยกันไตร่ตรองดูว่า เราจะไม่ทำอะไรเพื่อรักษาวิชาชีพที่เรารักเลยหรือ ?
เราต่างรักในวิชาชีพสื่อสารมวลชนใช่ไหม ?
และอย่าจำนนกับความคิดที่ว่า “เราทำไม่ได้ ถ้าเรายังไม่ได้ทำ”
ลงชื่อ สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสายการเมือง
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=582939128523289&id=134360300047843&substory_index=0
21 นาที ·
กรณี "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" กับคำถามถึงจริยธรรมสื่อ สำนึกสังคมสู่ตัวอย่างสาธารณะ
เมื่อประมาณสามปีที่แล้วเคยโพสต์จดหมายเปิดผนึกถึงคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา นักเล่าข่าวชื่อดัง หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิดจากการยักยอกโฆษณาช่อง ๙ เป็นเงินราว ๑๓๘ ล้านบาท เพื่อแสดงจุดยืนในฐานะสื่อมวลชนคนหนึ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง
เวลาผ่านมาพัฒนาการของคดีมีมากขึ้น จาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเข้าสู่กระบวนการที่อัยการส่งฟ้องก่อนจะจบลงที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก ๑๓ ปี ๔ เดือน แม้ว่าจะยังไม่ใช่ข้อยุติเพราะคดียังต่อสู้ได้อีกสองศาลจนถึงชั้นฎีกา แต่ด้วยสำนึกความเป็นสื่อสารมวลชนเชื่อว่า เจ้าตัวเองก็ทราบดีว่าบรรทัดฐานที่ควรวางไว้ให้กับวิชาชีพสื่อสารมวลชนควรเป็นอย่างไร เพียงแต่คงมีปัจจัยมากมายที่ทำให้การตัดสินใจของคนคนหนึ่งให้น้ำหนักในเรื่องที่แตกต่างกัน
บางคนอาจยึดหลักการแห่งวิชาชีพ แต่บางคนก็จำนนกับผลประโยชน์ บดบังสำนึกที่ดี จนพลาดโอกาสที่จะเป็นตัวอย่างแก่สาธารณะ
กรณีที่เกิดขึ้นไม่เพียงเป็นเรื่องที่คนในแวดวงสื่อสารมวลชนต้องช่วยกันตั้งคำถามเท่านั้น แต่สังคมไทยต้องช่วยกันพินิจพิเคราะห์ด้วยว่าเราอยากเห็นสังคมแบบไหน ถ้าอยากให้เห็นสังคมคุณธรรมคนรุ่นแราก็ต้องเป็นแบบอย่างเพื่อสร้างสังคมที่ดีให้กับลูกหลาน แต่ถ้าปล่อยผ่านไปก็สะท้อนว่า ไม่ใช่แค่สื่อที่เสื่อมแต่สังคมเรากำลังทรุดอยู่ด้วยใช่ไหม
ในฐานะคนทำงานสื่อขอส่งจดหมายเปิดผนึกฉบับเดิมอีกครั้ง โดยมิได้หวังว่าจะได้เห็นการตัดสินใจที่แตกต่างจากเดิมของคุณสรยุทธ แต่ปรารถนาจะกระตุ้นเพื่อนพ้องพี่น้องสื่อด้วยกันเพื่อให้ช่วยกันคิดว่า "เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อวิชาชีพของตัวเอง" เท่านั้น
“เราต่างรักในวิชาชีพสื่อสารมวลชนใช่ไหม?”
...ดิฉัน สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวการเมือง (เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับสังกัด) ในฐานะสื่อมวลชน แม้จะไม่เคยรู้จักคุณสรยุทธ เป็นการส่วนตัว แต่สิ่งที่ได้เห็นคุณสรยุทธ แสดงออกเสมอมาคือความรักในวิชาชีพสื่อสารมวลชน ไม่ว่าวันนี้จะยังเป็นกรรมกรข่าวหรือเศรษฐีค้าข่าว แต่จิตวิญญาณแห่งวิชาชีพน่าจะยังคงอยู่ นอกจากว่าที่ผ่านมาสิ่งที่ทำทั้งหมดเป็นเพียงแค่การเสแสร้งสร้างภาพ ซึ่งดิฉันคิดว่าคุณสรยุทธ ย่อมมีความซื่อสัตย์ต่อประชาชนที่ศรัทธาและโอบอุ้มคุณสรยุทธ โดยไม่ควรแม้แต่จะคิดทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน
การที่คุณสรยุทธ ตอบโต้แถลงการณ์ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ด้วยการลาออกจากการเป็นสมาชิก หลังจากถูกทวงถามด้านจริยธรรมกรณีถูก ปปช. ชี้มูลความผิดว่ายักยอกเงินค่าโฆษณา อสมท. ๑๓๘ ล้านบาท ด้วยการให้พิจารณาตัวเองจากการทำหน้าที่พิธีกรเล่าข่าว และยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อแม้ว่าศาลชั้นต้นจะตัดสินคำคุก ๑๓ ปี ๔ เดือน ถือเป็นการทำร้ายวิชาชีพสื่อสารมวลชนอย่างเลือดเย็นยิ่ง เพราะเท่ากับว่า คุณสรยุทธ ซึ่งมีอิทธิพลต่อสังคมไทยอย่างมากกำลังทำให้คนเข้าใจว่า คนวงการสื่อไม่ยอมรับการตรวจสอบ ไร้ซึ่งจริยธรรมที่จะแสดงตนเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสังคมไทย
ถามคุณสรยุทธง่าย ๆ ว่า นักเล่าข่าวที่ถูก ปปช. ชี้มูลว่าทุจริต ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก จะตรวจสอบนักการเมืองที่ทุจริตได้อย่างไร
นักเล่าข่าวที่ถูก ปปช. ชี้มูลว่าทุจริต ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก จะกล้าเรียกร้องให้นักการเมืองที่ถูก ปปช. ชี้มูลว่าทุจริตแสดงสปิริตด้วยการหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือไม่
นักเล่าข่าวที่ถูก ปปช. ชี้มูลว่าทุจริตถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก แต่ยังคงมีสถานะทางสังคมโดยไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบ ใด ๆ จะสร้างค่านิยมแบบไหนให้กับประเทศชาติของเรา ?
ค่านิยมที่สังคมยอมรับการโกงว่าเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็ทำ และยังได้ดิบได้ดีไม่ถูกลงโทษจากสังคมจึงไม่จำเป็นต้องมีความละอายต่อบาป เพราะทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไปอย่างนั้นหรือ ?
หน้าที่ของสื่อมวลชนส่วนหนึ่ง คือ การชี้นำสังคมให้เดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ถ้าวันนี้คุณสรยุทธ ซึ่งเป็นสื่อมวลชนที่คนไทยให้การยอมรับอย่างมาก ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชน ก็เท่ากับกำลังบ่มเพาะความไม่ละอายต่อบาปให้เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคมนี้ จนเห็นการทำความผิดเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรื่องที่ต้องประนาม
แม้คดีนี้จะยังไม่มีบทสรุปในชั้นศาลฎีกา แต่องค์กรอิสระอย่าง ปปช.ได้ชี้มูลแล้ว ศาลชั้นต้นก็ได้พิพากษาไปแล้ว
การแสดงออกให้เห็นว่า “จริยธรรมอยู่เหนือกฎหมาย” จะทำให้คุณสรยุทธ “เป็นเรื่องเล่าระดับตำนานให้คนในแวดวงสื่อสารมวลชนได้กล่าวขานถึงว่า เป็นสื่อมวลชนที่มีความรับผิดชอบต่อวิชาชีพของตัวเองและไม่ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน”
จดหมายเปิดผนึกจากนักข่าวตัวเล็ก ๆ อาจไม่มีความหมายอะไรเลยต่อการตัดสินใจของคุณสรยุทธ แต่ดิฉันเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยหวังว่าจะจุดประกายเล็ก ๆ ให้เพื่อนพ้องน้องพี่ในแวดวงสื่อสารมวลชนได้ช่วยกันไตร่ตรองดูว่า เราจะไม่ทำอะไรเพื่อรักษาวิชาชีพที่เรารักเลยหรือ ?
เราต่างรักในวิชาชีพสื่อสารมวลชนใช่ไหม ?
และอย่าจำนนกับความคิดที่ว่า “เราทำไม่ได้ ถ้าเรายังไม่ได้ทำ”
ลงชื่อ สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสายการเมือง
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=582939128523289&id=134360300047843&substory_index=0
แสดงความคิดเห็น
แปลกใจมากครับ ทำไมคนเก่งๆอย่าง สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ถึงได้สะกดคำว่า "ละอายใจ" ไม่เป็น (โจ ขิง)
ตอนทำงาน ก็เป็นพิธีกรข่าว อันดับ 1 ของประเทศ นำเสนอข่าวสาร ช่วยเหลือผู้คนมากมาย บางคนเรียกเขาว่า นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 เลยทีเดียว
อะไร ๆ ก็เก่ง ก็ดีไปหมด แต่ทำไมถึงได้ทรยศต่อวิชาชีพตัวเอง ทำไมทรยศประเทศชาติตัวเอง เพียงเพื่อผลประโยชน์ที่เป็นตัวเงิน
ผมบอกตรงๆ ว่าผมก็หน้าด้าน หน้าทน ที่ยังเปิดทีวี มาดูคุณต่อ ในเมื่อคุณสรยุทธ์ ที่เป็นที่เชื่อถือในสังคม ยังไม่ละอายใจ ในสิ่งที่ทำลงไป แล้วทำไมผมซึ่งเป็นคนตัวเล็กๆ ต้องละอายที่ดูคุณอ่านข่าว เหมือนทุกวันที่ผ่านมา
ครับ บ้านเมืองเรา ดัด..จริต เสียหน่อย เราก็อยู่กันได้ครับ จริตที่มันไม่ตรงกับตัวเรา เราก็ต้องดัดให้มันตรงครับ อยู่มันไปเถอะ ไม่ว่าวันนี้ วันพรุ่งนี้ หรือวันไหนๆ ลูกหลานเรามันก็ต้องอยู่อย่างนี้ ในสังคมที่มีแต่คนโกง โกงโน่น โกงนี่ โกงนั่น บอกลูกบอกหลานว่า ไม่เป็นไรหรอกลูก คนอื่นเขาก็โกงกันทั้งนั้น ต่อไปถ้าลูกมีโอกาสอย่างพี่เขา ลูกก็ต้องทำนะ ดูพี่เขาสิ ขนาดโดนศาลตัดสินให้ติดคุก แล้ว พี่เขายังไม่เห็นอายใครเลย เอาเลยลูก เต็มที่
แล้วบรรดาแคมเปญที่รณรงค์ โตไปไม่โกง ก็ไม่ต้องเอามาฉายอีกนะครับ สังคมไทยมันต้องป๊อบอย่างนี้ ถึงจะอยู่กันได้ ว่ามั้ยล่ะ..
ปล.ใครอยากทำไร ก็ทำ เอาที่สบายใจ...