ผ่านมากว่า 6 ปีแล้วกับซีรี่ส์ 'Galaxy S' สมาร์ทโฟนเรือธงจาก Samsung ก้าวข้ามการพัฒนาทางนวัตกรรม เทคโนโลยีบนสมาร์ทโฟนมาหลายยุคสมัย ปัจจุบันเดินทางมาถึง 7th Generation แล้วสำหรับ Galaxy S7 และ Galaxy S7 Edge นอกจากจะมาพร้อมกับนวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ อย่างเช่นรุ่นก่อนๆ ยังนำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวก ฟีเจอร์เสริม และอัพเกรดสิ่งเดิมให้ดียิ่งขึ้น ตอบสนองความต้องการของ User ทุกมิติเป็นอย่างดี

หน้าผลิตภัณฑ์ (Product Page) - http://www.samsung.com/th/consumer/mobile-devices/smartphones/galaxy-s/galaxy-s7/








'Galaxy S7' ยังคงรูปทรงเดิมจาก Galaxy S6 มองด้านหน้าจะเห็นความแตกต่างเพียงเล็กน้อย ปุ่ม Home (บิ้วท์อินสแกนลายนิ้วมือ) ณ ตำแหน่งที่คุ้นเคย กล้องหน้าด้านบน สังเกตว่ามีขนาดใหญ่ขึ้น (5MP F/1.7) สำหรับ Selfie ระดับพระกาฬ หน้าจอขนาด 5.1 นิ้ว (QHD) แสดงผลดีเยี่ยมครับ เนียนสุดยอด สว่างจ้ากลางแจ้ง ทั้งนี้ บางคนอาจไม่ชอบสีสันของ Super-AMOLED ก็แล้วแต่ความชอบ




ส่วน 'Galaxy S7 Edge' จะบอกว่าเอา S6 Edge+ มาแต่งตัวใหม่ก็ไม่ผิด หน้าจอขนาดเล็กลงเล็กน้อย 5.5 นิ้ว (QHD) ขอบหน้าจอโค้งทั้ง 2 ด้าน (Dual-Edge Screen) แต่ดูสวยงามขึ้น ทั้งคู่รองรับฟีเจอร์ Always-on Display เปรียบเสมือน Glance Screen แสดงผลนาฬิกา / แจ้งเตือน / แบตเตอรี่ / ปฏิทินตลอดเวลา ทาง Samsung เคลมว่ากินแบตเตอรี่เพียง 0.8% ต่อ 1 ชั่วโมงเท่านั้น (แต่ถ้าไม่ชอบก็ปิดได้นะ)


บอดี้ของ Galaxy S7 ทั้ง 2 โมเดล ยังเป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์ (6013) แบบ Galaxy S6 ขอบบอดี้ผิวเรียบ ตำแหน่งการวางพอร์ตเชื่อมต่อ / ปุ่มกด เหมือนเดิมทุกอย่างครับ ไม่ต้องปรับพฤติกรรมการใช้งาน ถาดซิมเป็นแบบ Dual-SIM Hybrid นั่นคือ 1 ซิม + MicroSD หรือใส่ 2 ซิมการ์ด เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน Android ส่วนใหญ่ในตลาด










ด้านฝาหลังเป็นกระจก Gorilla Glass 4 เหมือนด้านหน้า มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ตรงขอบทั้ง 2 ด้านเว้าลง (แบบ Note 5) แต่ S7 Edge จะโค้งน้อยหน่อย สำหรับขนาดบอดี้ Galaxy S7 สามารถจับถือ ใช้งานมือเดียวสบายๆ ครับ พกพาก็ง่ายมาก ขณะที่ S7 Edge มีขนาดใหญ่กว่าตามหน้าจอ 5.5 นิ้ว แต่ภาพรวมยังเล็กกว่า Note 5 อยู่ดี อย่างไรก็ตาม ตัวบอดี้อาจเป็นรอยค่อนข้างง่าย แนะนำให้หาเคสสวมใส่จะปลอดภัยกว่า





ซอฟท์แวร์

Galaxy S7 | S7 Edge เป็นรุ่นแรกของแบรนด์ที่รัน Android 6.0 จากโรงงาน  ด้วยอานิสงส์ของแรม 4GB + ระบบ Android 6.0 ให้ความรู้สึก Smooth มากที่สุดเท่าที่เคยจับ Samsung แล้ว หากคุณใช้ Galaxy S6/S6 Edge แล้วอัพเกรดขึ้น Android 6.0 น่าจะรู้สึกแบบเดียวกัน ด้านอินเตอร์เฟส ยังคงเป็น TouchWiz UX รูปแบบเดิม มีการปรับไอคอน / สีสันแถบต่างๆ เล็กน้อย คุณสามารถเปลี่ยนธีม - วอลเปเปอร์ รูปแบบการแสดงผล (Grid) เอฟเฟค ตัวหนังสือ-ฟอนต์ ฯลฯ ตามความชอบ หากคุณชอบรูปแบบ Home Screen ใช้งานง่าย ไม่รก อาจจะเลือกเปลี่ยนเป็น Easy Mode ได้เช่นกัน






การแสดงผลหน้าจอ Edge-Screen บน Galaxy S7 Edge มีให้เลือกมากถึง 17 รูปแบบ อย่างเช่น App Edge (แอพฯ ใช้งานบ่อย), Quick Tools (เข็มทิศ - ไม้บรรทัด - ไฟฉาย), Weather (สภาพอากาศ), People Edge (รายชื่อติดต่อ) ฯลฯ สามารถปรับขนาดแถบ / ตำแหน่ง / ความโปร่งใส ส่วน Edge Feed แสดงผลแจ้งเตือน / ข่าวสารเมื่อหน้าจอปิด, Edge Lighting แจ้งเตือนเป็นแถบไฟวิ่ง ตามมาจากรุ่นก่อนหน้าครบครับ




มัลติมีเดีย

มีข้อมูลลึกๆ ว่า Samsung ใส่ชิพประมวลผลเสียง DAC ที่พัฒนาเอง (Lucky CS47L91) ทำให้รองรับไฟล์เสียงคุณภาพ Hi-Fi (อย่างน้อย 16-Bit) ซึ่งจะเข้าคู่กับ Samsung Level (ผลิตภัณฑ์หูฟัง) พอดี อย่างไรก็ดี คุณจะพบว่า Music Player (และ Video Player) ของ Samsung หายไป ตรงนี้สามารถดาวน์โหลดจากบน Galaxy Apps ได้ครับ ออฟชั่น - หน้าตาดีกว่า Play Music ของ Google ซะอีก ส่วน Video Player จะบิ้วท์อินกับ Gallery สามารถดูวิดิโอ 4K พร้อมส่งขึ้น Smart TV / ปรับ Play Speed / รองรับ Sub-Title เช่นเดิม

Tips : Video Player, Music Player ของ Samsung โหลดได้จาก Galaxy Apps





เรื่องเกม Samsung ใส่ 'Game Launcher' เข้ามาจัดการเกมต่างๆ โดยเฉพาะ ผู้ใช้สามารถปรับคุณภาพกราฟฟิค / ลดเฟรมเรท เพื่อประหยัดแบตเตอรี่, ปิดการแจ้งเตือนระหว่างเล่นเกม ดูตารางจัดอันดับ แม้กระทั่งเซฟหน้าจอ - บันทึกวิดิโอ (แคสเกม) ผ่านแอพฯ ได้เลย สำหรับตัว Vulkan API มองว่ายังไม่มีประโยชน์ตอนนี้ เมื่อ Dev. ผลิตเกมออกมารองรับ API ดังกล่าวมากขึ้นค่อยมาว่ากัน ส่วนตอนนี้ภาพรวม Galaxy S7 สามารถเล่นเกมได้ทุกระดับ จะเป็นเกม Puzzle, RPG, FPS ฯลฯ อย่างไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

Tips : หากไม่พบว่ามี Game Launcher ในหน้าเมนู ให้เข้าไปที่ Settings > Advanced Features > Games





กล้อง

จุดขายหลักของ Samsung ถูกปรับเปลี่ยนอย่างมากบน Galaxy S7 ลดความละเอียดเหลือ 12 ล้านเมกะพิคเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX260 (มีรายงานว่า Samsung สั่งพัฒนาเป็นพิเศษ), ขนาดพิคเซล 1.4µm (จากเดิม 1.1µm), ค่ารูรับแสง F/1.7 (จากเดิม F/1.9) สว่างกว่าเดิม 25% รองรับเทคโนโลยี Dual-Pixel ทุกพิคเซลสามารถโฟกัสภาพได้ เรียกว่าอัพเกรดจาก Galaxy S6, Note 5 อย่างเห็นได้ชัด

โหมดการถ่ายภาพ ภาพรวมคล้ายกับรุ่นก่อนหน้าครับ Auto ถ่ายง่ายสุด มีแถบให้ปรับ EV สะดวกสบาย

Pro Mode ปรับความเร็วชัดเตอร์ / ISO / WB , Effect สี สามารถเก็บการตั้งค่า Preset ได้ 3 รูปแบบ
Selective Focus ถ่ายก่อน มาเลือกจุดโฟกัสทีหลังตามต้องการ
Panorama ถ่ายภาพมุมกว้าง พิเศษตรงมี Motion Effect เวลาแสดงผลจะคล้ายวิดิโอเลยครับ
Video Collage ถ่ายวิดิโอสั้น 6 วินาที / 4 กรอบ
Live Broadcast  ถ่ายทอดสดวิดิโอ Live ผ่าน Youtube สตรีมมิ่งผ่าน 4G/3G/WiFi
Food ถ่ายภาพอาหาร เน้นจุดโฟกัสเฉพาะ (รอบภาพจะเบลอเล็กน้อย)
Hyperlapse ถ่ายวิดิโอแบบ Fast-Motion (ความละเอียด FHD)
RAW Flie ถ่ายภาพไฟล์ประเภท RAW สำหรับนำไป Process ระดับสูง

การถ่ายวิดิโอสามารถบันทึกได้สูงสุดความละเอียด 4K (3840x2160) แต่รองรับ OIS (Video Stabilization) ที่ความละเอียด FHD (30,60 Fps) ลงมา เหมือน Galaxy Note 5 ครับ สำหรับการถ่ายภาพ / วิดิโอรอบนี้ ไม่ต้องกลัวเมมเต็มไวแล้ว เพราะพี่ท่านยัด MicroSD เพิ่มได้นั่นเอง (แนะนำว่าเน้น Class 10 UHC-I ขึ้นไป)









ตัวอย่างภาพถ่าย + วิดิโอ (ไฟล์เต็ม Original) -> https://drive.google.com/folderview?id=0B58IfHsBh6WKRkFuNXBsdE9GeHc&usp=sharing