วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ช่างเป็นเวลาที่แสนสั้น แต่เราก็ยังอยากออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ เพราะการออกไปท่องเทียว หรือเดินเล่น
เป็นการเพิ่มพลังอย่างหนึ่ง ให้มีแรงบันดาลใจในการต่อสู้กับภาระที่เราต้องเจออีกครั้ง
วันนี้เราเลยชวนเพื่อนอีกสองสามคน นั่งรถเมล์เที่ยวในเมืองหลวง เพราะใช้เวลาในการเดินทางไม่นาน เรานั่งรถเมล์สายหนึ่งไปลงหน้าไปรษณีย์กลางบางรัก ย่านเก่าแก่ของกรุงเทพ ผู้คนหลายสัญชาติอาศัยรวมกันอยู่ที่นี่ ทำให้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งไทย จีน คาทอลิก และอิสลาม ฝรั่งเรียกแถวนี้ว่า old town บ้านช่องก็จะเป็นสไตล์โบราณ ซึ่งเราว่ามันมีเสน่ห์ดีนะ แวะมาแถวนี้ทีไรต้องไม่ลืมหาของอร่อยๆ รองท้องก่อนออกเดินทาง แถวนี้มีร้านชื่อดังอยู่หลายร้านเลยจ้า
หลังจากหาอะไรรองท้องแล้ว เราออกสตาร์ทกันที่ซอยเจริญกรุง 32 มาแอบส่องสตรีทอาร์ทของศิลปินที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย
เดินเข้ามาในซอยก็จะเห็นผลงานอยู่ขวามือ แนะนำว่าถ้าขับรถมา จอดไว้หน้าซอยดีที่สุด เพราะบริเวณในซอยเป็นที่จอดรถสามล้อ
ในซอยเจริญกรุง 32 มีผลงานของศิลปินไทยหลายคน อาทิ Alex face, Kult, Bonus, โลเล - ทวีศักดิ์ ศรีทองดี ฯลฯ
วันนี้เราเลือกถ่ายเฉพาะงานที่ไม่มีสามล้อจอดบังอยู่แล้วกัน 5555
ถัดจากส่องงานสตรีทอาร์ท เราก็เดินฝ่าแดดไปต่อกันที่วัดพระแม่ลูกประคำ กาลหว่าร์ เป็นโบสถ์คาทอลิกที่ตั้งอยู่ในโรงเรียนกุหลาบวิทยา เพื่อนคนไหน
เป็นคาทอลิกคงจะได้มาบ่อยๆ ตอนกลางคืนโบสถ์จะเปิดไฟสวยมาก เหมือนได้มาเที่ยวสวนสนุกดิสนี่ย์แลนด์เลยทีเดียว
ใช้เวลาเดินชิวๆจากเจริญกรุง 32 มาวัดกาลหว่าร์ ประมาณ 10 นาที ถ้าเดินช่วงบ่ายต้องใจกล้าซักหน่อย เพราะแดดร้อนมาก ใครไม่สตรองอาจจะเป็นลมได้ มีอีกวิธีคือนั่งรถเมล์สาย 1 มาลงป้ายตลาดน้อย เดินย้อนกลับมา 50 เมตรเลี้ยวขวาเข้าไปก็เจอวัดแล้วจ้า
เข้ามาในโบสถ์กาลหว่าร์ ปรากฏว่า ข้างในมืดมาก! เลยอดเก็บภาพความงดงามของโบสถ์มาให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน เรานั่งพักเหนื่อยกันซักพัก แล้วตกลงว่าจะเดินไปถ่ายรูปกันต่อที่กรมเจ้าท่า เพราะเดินไปแค่ 50 เมตรก็ถึงแล้ว
กรมเจ้าท่า หรือ กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี เป็นหน่วยงานที่ดูแลพื้นน้ำและการเดินทางทางน้ำ มีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี สมัยก่อนทำหน้าที่บังคับการจอดสมอเรือค้าขาย เก็บค่าธรรมเนียมเรือค้าขายที่เข้าและออกราชอาณาจักร โดยอยู่ในความปกครองของบังคับบัญชาของกรมพระคลัง
เราเดินไปต่อกันที่ศาลเจ้าเทียนฟ้า เพื่อขอพรจากเจ้าแม่กวนอิม ก่อนจะไปหาไรกินกันต่อที่เยาวราช
ไหว้เจ้าแม่กวนอิมกันแล้ว ก็เดินไปหาของอร่อยๆ กินกันที่เยาวราช ที่นี่จะพลุกพล่านไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ เวลาเดินแนะนำให้เก็บกระเป๋าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ให้ดี ไม่งั้นอาจจะโดนมิจฉาชีพขโมยเอาได้
ร้านอาหารบนถนนยาวราชเยอะมาก โดยเฉพาะร้านอาหารสไตล์คนจีน ร้านหูฉลาม และร้านเกาลัค ธุรกิจที่ได้รับความนิยมบนถนนเส้นนี้ก็คงหนีไม่พ้นร้านทอง เราสังเกตว่าร้านทองที่นี่คนเต็มทุกร้านเลย เพราะราคาจะถูกกว่าย่านอื่นนิดหน่อย
สรุปว่า ทุกคนหิวมากก ไม่มีใครถ่ายรูปตอนเราแวะกินข้าวกันเลย 5555
เติมพลังกันเรียบร้อย เราก็นั่งรถเมล์สาย 1 ไปลงหน้าสวนสราญรมย์ แล้วเดินต่อไปอีก 1.3 กิโลเมตรเพื่อไปเสาชิงช้า ที่นี่ถือเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเพื่อประกอบพิธีโล้ชิงช้า ของศาสนาศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แต่ปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว
พวกเรามาแถวนี้ทีไรก็อดไม่ได้ที่จะมาถ่ายรูป ถ้าจะให้ครบถ้วนกระบวนความ ก็ต้องเดินไปกินนมกันต่อที่ร้านมนต์นมสดด้วย อิอิ
แต่วันนี้เราไม่ได้ไป เพราะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
กรูอ้วนแล้ว!!
ตอนนั้นมีกลุ่มบัณฑิตมาถ่ายรูปรับปริญญา เราก็เลยนั่งรอจังหวะดีๆ เผื่อจะได้รูปสวยๆ กลับไปบ้าง ...
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง..
เพื่อนงอแงแล้วจ้า 5555
พวกเราก็เลยตกลงกันใหม่ว่าจะไปสวนรมณีนาถอีกซักที่ เป็นที่สุดท้ายของวันนี้ เพราะว่าแดดร่มลมตกพวกเราก็หมดแรงกันแล้วด้วย
สวนรมณีนาถ หรือที่บางคนเรียกว่าคุกเก่า ที่นี่ถูกปรับให้เป็นสวนสาธารณะเมื่อปี พ.ศ. 2535 ตอนเย็นๆ
ก็จะมีคนมาออกกำลังกายที่นี่ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
แล้วเราก็นั่งพัก ถ่ายรูปเล่นกันซักพักใหญ่ๆ พอดีวันนี้เราขี้เกียจแบกกล้องใหญ่มา
แล้วก้อยากจะลองทดสอบกล้องของ OPPO F1 ที่พึ่งซื้อมาดูซะหน่อยด้วย ปรากฏว่าดีเกินคาดจริงๆ
เราค่อนข้างประทับใจนะ ขาวฟรุ๊งฟริ๊งดี คุณภาพดีแบบนี้ วันหลังคงไม่ต้องแบกกล้องไปเที่ยวแล้วแหละ 5555
ไปแล้วจ้า!! ไว้ครั้งหน้าไปเที่ยวที่ไหนจะเก็บรูปมาฝากนะจ๊ะ ก่อนกลับวันนี้ขอเซลฟี่กันซะหน่อย
1 Day Trip เที่ยวย่านเก่าชาวกรุง ด้วยรถเมล์สาย 1
เป็นการเพิ่มพลังอย่างหนึ่ง ให้มีแรงบันดาลใจในการต่อสู้กับภาระที่เราต้องเจออีกครั้ง
วันนี้เราเลยชวนเพื่อนอีกสองสามคน นั่งรถเมล์เที่ยวในเมืองหลวง เพราะใช้เวลาในการเดินทางไม่นาน เรานั่งรถเมล์สายหนึ่งไปลงหน้าไปรษณีย์กลางบางรัก ย่านเก่าแก่ของกรุงเทพ ผู้คนหลายสัญชาติอาศัยรวมกันอยู่ที่นี่ ทำให้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งไทย จีน คาทอลิก และอิสลาม ฝรั่งเรียกแถวนี้ว่า old town บ้านช่องก็จะเป็นสไตล์โบราณ ซึ่งเราว่ามันมีเสน่ห์ดีนะ แวะมาแถวนี้ทีไรต้องไม่ลืมหาของอร่อยๆ รองท้องก่อนออกเดินทาง แถวนี้มีร้านชื่อดังอยู่หลายร้านเลยจ้า
หลังจากหาอะไรรองท้องแล้ว เราออกสตาร์ทกันที่ซอยเจริญกรุง 32 มาแอบส่องสตรีทอาร์ทของศิลปินที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย
เดินเข้ามาในซอยก็จะเห็นผลงานอยู่ขวามือ แนะนำว่าถ้าขับรถมา จอดไว้หน้าซอยดีที่สุด เพราะบริเวณในซอยเป็นที่จอดรถสามล้อ
ในซอยเจริญกรุง 32 มีผลงานของศิลปินไทยหลายคน อาทิ Alex face, Kult, Bonus, โลเล - ทวีศักดิ์ ศรีทองดี ฯลฯ
วันนี้เราเลือกถ่ายเฉพาะงานที่ไม่มีสามล้อจอดบังอยู่แล้วกัน 5555
ถัดจากส่องงานสตรีทอาร์ท เราก็เดินฝ่าแดดไปต่อกันที่วัดพระแม่ลูกประคำ กาลหว่าร์ เป็นโบสถ์คาทอลิกที่ตั้งอยู่ในโรงเรียนกุหลาบวิทยา เพื่อนคนไหน
เป็นคาทอลิกคงจะได้มาบ่อยๆ ตอนกลางคืนโบสถ์จะเปิดไฟสวยมาก เหมือนได้มาเที่ยวสวนสนุกดิสนี่ย์แลนด์เลยทีเดียว
ใช้เวลาเดินชิวๆจากเจริญกรุง 32 มาวัดกาลหว่าร์ ประมาณ 10 นาที ถ้าเดินช่วงบ่ายต้องใจกล้าซักหน่อย เพราะแดดร้อนมาก ใครไม่สตรองอาจจะเป็นลมได้ มีอีกวิธีคือนั่งรถเมล์สาย 1 มาลงป้ายตลาดน้อย เดินย้อนกลับมา 50 เมตรเลี้ยวขวาเข้าไปก็เจอวัดแล้วจ้า
เข้ามาในโบสถ์กาลหว่าร์ ปรากฏว่า ข้างในมืดมาก! เลยอดเก็บภาพความงดงามของโบสถ์มาให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน เรานั่งพักเหนื่อยกันซักพัก แล้วตกลงว่าจะเดินไปถ่ายรูปกันต่อที่กรมเจ้าท่า เพราะเดินไปแค่ 50 เมตรก็ถึงแล้ว
กรมเจ้าท่า หรือ กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี เป็นหน่วยงานที่ดูแลพื้นน้ำและการเดินทางทางน้ำ มีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี สมัยก่อนทำหน้าที่บังคับการจอดสมอเรือค้าขาย เก็บค่าธรรมเนียมเรือค้าขายที่เข้าและออกราชอาณาจักร โดยอยู่ในความปกครองของบังคับบัญชาของกรมพระคลัง
เราเดินไปต่อกันที่ศาลเจ้าเทียนฟ้า เพื่อขอพรจากเจ้าแม่กวนอิม ก่อนจะไปหาไรกินกันต่อที่เยาวราช
ไหว้เจ้าแม่กวนอิมกันแล้ว ก็เดินไปหาของอร่อยๆ กินกันที่เยาวราช ที่นี่จะพลุกพล่านไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ เวลาเดินแนะนำให้เก็บกระเป๋าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ให้ดี ไม่งั้นอาจจะโดนมิจฉาชีพขโมยเอาได้
ร้านอาหารบนถนนยาวราชเยอะมาก โดยเฉพาะร้านอาหารสไตล์คนจีน ร้านหูฉลาม และร้านเกาลัค ธุรกิจที่ได้รับความนิยมบนถนนเส้นนี้ก็คงหนีไม่พ้นร้านทอง เราสังเกตว่าร้านทองที่นี่คนเต็มทุกร้านเลย เพราะราคาจะถูกกว่าย่านอื่นนิดหน่อย
สรุปว่า ทุกคนหิวมากก ไม่มีใครถ่ายรูปตอนเราแวะกินข้าวกันเลย 5555
เติมพลังกันเรียบร้อย เราก็นั่งรถเมล์สาย 1 ไปลงหน้าสวนสราญรมย์ แล้วเดินต่อไปอีก 1.3 กิโลเมตรเพื่อไปเสาชิงช้า ที่นี่ถือเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเพื่อประกอบพิธีโล้ชิงช้า ของศาสนาศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แต่ปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว
พวกเรามาแถวนี้ทีไรก็อดไม่ได้ที่จะมาถ่ายรูป ถ้าจะให้ครบถ้วนกระบวนความ ก็ต้องเดินไปกินนมกันต่อที่ร้านมนต์นมสดด้วย อิอิ
แต่วันนี้เราไม่ได้ไป เพราะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า กรูอ้วนแล้ว!!
ตอนนั้นมีกลุ่มบัณฑิตมาถ่ายรูปรับปริญญา เราก็เลยนั่งรอจังหวะดีๆ เผื่อจะได้รูปสวยๆ กลับไปบ้าง ...
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง..
เพื่อนงอแงแล้วจ้า 5555
พวกเราก็เลยตกลงกันใหม่ว่าจะไปสวนรมณีนาถอีกซักที่ เป็นที่สุดท้ายของวันนี้ เพราะว่าแดดร่มลมตกพวกเราก็หมดแรงกันแล้วด้วย
สวนรมณีนาถ หรือที่บางคนเรียกว่าคุกเก่า ที่นี่ถูกปรับให้เป็นสวนสาธารณะเมื่อปี พ.ศ. 2535 ตอนเย็นๆ
ก็จะมีคนมาออกกำลังกายที่นี่ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
แล้วเราก็นั่งพัก ถ่ายรูปเล่นกันซักพักใหญ่ๆ พอดีวันนี้เราขี้เกียจแบกกล้องใหญ่มา
แล้วก้อยากจะลองทดสอบกล้องของ OPPO F1 ที่พึ่งซื้อมาดูซะหน่อยด้วย ปรากฏว่าดีเกินคาดจริงๆ
เราค่อนข้างประทับใจนะ ขาวฟรุ๊งฟริ๊งดี คุณภาพดีแบบนี้ วันหลังคงไม่ต้องแบกกล้องไปเที่ยวแล้วแหละ 5555
ไปแล้วจ้า!! ไว้ครั้งหน้าไปเที่ยวที่ไหนจะเก็บรูปมาฝากนะจ๊ะ ก่อนกลับวันนี้ขอเซลฟี่กันซะหน่อย