ทริป400บาทไทยเช้าไปเย็นกลับ นั้งรถไฟ ไปปั่นจักรยาน (อยุธยา)

ทริปนี้เริ่มต้นจาก....จาก จาก...........จากอะไรก็ไม่รู้
ก่อนเดินทางคืนนึงคิดแค่ว่าอยากนั้งรถไฟไปไหนสักที่
ไม่เล่าไม่บอกใครล่วงหน้า เพราะมันจะหาว่าเราบ้า เรยตั้งใจไว้ว่าจะไปคนเดียว
แต่มานึกๆว่ามีเพื่อนบ้าๆเหมือนกันอยู่คนนึง สรุปเอางี้ดีกว่าเราจะไม่บอกใครแต่เราจะไปกันสองคน
ลึกอะจะชวนมันไปถ่ายรูปให้แหละ แต่สรุปชวนมันมา เพื่อเป็นช่างภาพให้มัน แต่เอาเหอะเอาเป็นว่า Happy

เริ่มต้นการออกเดินทางจากที่นี้ละกัน หัวลำโพง เรามาถึงสถานีรถไฟประมาณ 6 โมง 45 นาที รีบตรงดิ่งไปซื้อตั๋ว
เรา : พี่ค่ะ ไปอยุธยาค่ะ
พนักงานขายตั๋ว : 20 บาท
เรา :รอบกี่โมงค่ะ 7 โมงใช่ไหม
พนักงานขายตั๋ว : คับ ซื้อตั๋วเสร็จรีบไปที่รถไฟเรยนะรถจะออกแล้วนะ
เราสองคน :โอเคค่ะ



วิ่งหาชานชลาที่ 9 รถไฟที่จะนำเราไปอยุธยา  ขึ้นนั้งรอเวลารถออกจากสถานี เลทนิดหน่อย 15นาทีพอให้ภัยได้
เช้านี้อากาศดีมากเหมาะกับการนั้งรถไฟไปเที่ยวที่สุด


รถไฟก็ยังคงเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ ในขณะที่เราสองคนตื่นเต้นกันตลอดเส้นทาง (ตื่นเต้นเพราะกลัวเรยสถานีด้วยแหละ55+)
พอดีพี่คนตรวจตั๋วผ่านมา
เรา : พี่ค่ะสถานีอยุธยาใกล้หรือยังค่ะ
พี่เค้าตอบ : สถานีหน้าครับ
เย้ๆถึงแล้ว เราถึงสถานีอยุธยาประมาณเกือบ 9 โมงเช้า


ลงรถไฟมาแวะทำธุระส่วนตัวเล็กน้อย แล้วเราก็ไปกันต่อค่ะ
เดินออกมาถามพี่คนขับสามล้อว่าท่าเรือไปทางไหน
พี่เค้าชี้มาฝั่งตรงข้ามสถานีเรยค่ะ
ข้ามถนนมาเดินตรงเข้ามาเรื่อยๆไม่ไกลเราก็จะเจอท่าเรือเพื่อข้ามไปอีกฝั่ง  ค่าโดยสารเรือข้ามฝากนี้คนละ 5 บาท



ก้าวขาขึ้นเรือมาปุ๊บจะเจอร้านเช่าจักรยานเรย เราหันหน้ามองกัน เช่าที่นี่แหละเนาะเราจะได้ไม่ต้องเดินหา
และขากลับเราจะได้คืนรถและข้ามเรือกลับได้เรย


ค่าเช่ารถจักรยาน วันละ 50 บาทค่ะ ได้ถึงเย็นเรย
พี่เค้าน่ารักและใจดีมากเลือกจักรยานให้ พี่เค้าบอก : เอาคันเบาๆเนาะ  จะได้ปั่นง่ายๆไม่เหนื่อย
แล้วก็เปิดแผนที่กางออก อธิบายเราว่าตอนนี้เราอยู่ตรงไหน จะไปไหนบ้าง อะไรยังไง
ก่อนจากกันพี่เค้าให้เบอร์โทรไว้ถ้าหลงโทรหาพี่นะ ถ้ายางแตกหรือมีปัญหาไรก็โทรตามพี่ได้เรย



เอาละช่วงเวลาแห่งความสนุกกำลังจะเริ่มขึ้น ลุยค่ะลุยสองคนกับจักรยานสองคัน ดูกันว่าวันนี้เราจะไปไหนทำอะไรบ้าง
ออกจากร้านเช้าจักรยานปั่นตรงมาเรื่อยๆข้ามแยก ข้ามสะพานมาก็จะถึงที่หมายแรกของเราวัดมหาธาตุ


เป็นความโชคดีของเราที่มาถึงกันแต่เช้ายังไม่มีคนเท่าไรนัก อากาศก็ไม่ร้อน เดินเล่นกันจนทั่ว
เพื่อนเราคอเดียวกัน พูดตลอดทาง อากาศดีอะ ชอบอะ มีความสุขอะ เดี๋ยวนะคุณเพื่อนจะมีความสุขเกินหน้าเกินตากันไปหน่อยไหม


จุดประสงค์ของการมาที่นี่คือการมาหาเศียรพระพุทธรูปในต้นโพธิ์ ที่เป็นมรดกโลกที่ใครๆต้องมาตามหา เราสองคนหันไปถามเจ้าหน้าที่ที่ดูแลที่นี่ที่เดินอยู่แถวนี้
พี่เค้าชี้มาทางต้นโพธิ์ด้านหน้า


เดินจนทั่วแล้วเรยเดินมาด้านข้างติดๆกันก็เป็นวัดราชบูรณะ จริงๆแล้วถ้าเราไม่ดูแผนที่แทบไม่รู้เรยว่าวัดไหนเป็นวัดไหน ใกล้กันมากจนเราแยกไม่ออก
ใช้เวลาที่นี้สักพักนึง ก็นึกได้
เฮ้ย!!เรายังไม่ได้กินข้าวเช้ากันเรย  ปะหาไรกินกัน
ปั่นไปร้านก๋วยเตี๋ยวเรือป้าเล็กร้านดังในอยุธยา อยู่ไม่ไกลกับวัดมหาธาตุ เราฝากท้องมื้อเช้ากันไว้ที่นี่
ค่าเสียหายมื้อนี้รวมน้ำดื่ม 136 บาทสำหรับสองคน


กินอิ่มแล้วปะเราไปกันต่อ กางแผนที่แล้วมองหน้ากันไปไหนกันต่อดี ปั่นจักรยานออกมาจุดหมายต่อไปบึงพระราม


วิวสวยๆลมเย็นๆเรานั้งพัก อัฟรูป เช็คอิน โพสโชว์ความบ้าของเราสองคนก่อน55+


เห็นวิวตรงหน้าแล้วอยากปูเสื่อนอน มันซะตรงนี้


จุดหมายต่อไปมาต่อกันที่ วิหารมงคลบพิตร หาที่จอดจักรยานคู่ใจของเราสองคน แล้วเดินเข้าไปไหว้พระ ทำบุญกันค่ะ



จากหน้าวิหารมงคลบพิตร เดินออกมาข้างด้านซ้ายมือจะเป็น วัดพระศรีสรรเพชญ



เดินชมความงดงามจนพอใจเราก็ไปกันต่อค่ะ วัดต่อไปคือวัดโลกยสุทธา (วัดพระนอน) จะอยู่ด้านหลังวิหารมงคลบพิตร
ตามวิถีของเราอยากรู้อะไรให้ถาม55 ถามแม่ค้าแถวนั้นเค้าบอกให้ออกไปด้านหลัง ข้ามสะพานไม้เล็กๆไปปากทาง
มีร้านก๋วยเตี๋ยวซอยนั้นเรย
เข้าซอยแรกๆแอบงงๆในซอยเแบบนี้จะมีวัดจริงหรอ เพราะซอยที่เราปั่นเข้าไปเป็นซอยเล็กๆ เราคิดเองนะว่ามันคงเป็นทางลัดที่คนพื้นที่จะรู้  


เย้ๆๆ ถึงแล้ว พระนอนองค์ใหญ่สูงตระหง้าน ไหว้พระ ทำบุญกันต่อค่ะ


ระหว่างที่ซื้อดอกไม้ไหว้พระ ก็มีคุณป้าที่ขายดอกไม้เค้าก็บอกเราว่าหนูๆตรงนั้นไปไหว้พระต่อได้
หนูต้องปั่นวนออกไปทางนั้นนะ พร้อมกับชี้มือบอกทางเรา
คุยกับป้าสักพักพร้อมขอบคุณ
ปั่นมาตามทางที่ป้าบอกไม่ถึง 5 นาทีก็เจอวัดวรเชษฐาราม


เป็นวัดที่คนไม่เยอะและค่อนข้างเงียบ อาจเพราะตัววัดไม่ได้ติดถนนใหญ่ แต่เรากลับชอบที่นี่นะสงบดี



เข้าไหว้พระเสร็จเราก็ออกมาวางแผนต่อว่าไปไหนกันอีก นั้งคุยๆกันแล้วได้ความว่าเราจะไป ปางช้าง

ปั่นจักรยานตามแผนที่ ที่ได้มากับพร้อมกับจักรยานและใช้ทักษะการสังเกตของเราสองคน

ถึงแล้วปางช้าง


ที่ปางช้างมีการแสดงและเก็บค่าเข้าชม ราคา 40 บาท พี่ที่นั้นเค้าบอกเราว่าแต่ก่อนไม่ได้เก็บค่าใช้จ่ายในการชม
แต่ด้วยจำนวนช้างที่จะต้องดูแล
และร่วมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆด้วย


ที่ต่อไปคือศาลหลักเมือง ซึ่งตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับปางช้างเรย ปั่นจักรยานข้ามถนนก็ถึง


เข้าไปไหว้และนั้งพักสักพักก่อนดูเวลา หะ!! จะบ่ายสองแล้ว หันไปถามเพื่อนหิวหรือยัง
ปะเราไปกินขนมหวานๆไอติมเย็นๆกันดีกว่า
ร้านสตางค์ไม่มีในแผนที่หรอกค่ะ งานนี้ต้องใช้ความจำบวกกับความสามารถส่วนตัวแล้ว55+
ถึงร้านได้จังหวะพอดี โต๊ะว่างได้นั้งด้านใน (ปรกติคนค่อนข้างเยอะต้องรอคิว)



อาหารมีทั้งคาวและหวาน แต่จะเน้นไปทางของหวานและเครื่องดื่มมากกว่า
เราก็ได้โอกาสนั้งชิลๆแอร์เย็นๆ ทานเสร็จเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวก่อนเดินทางต่อ
รวมแล้วมื้อนี้สองคน 258 บาท
ออกมานั้งน่าร้าน แล้วมองหน้ากันไปไหนต่อดีวะ ดูนาฬิกาอีกทีบ่ายสามแล้ว รถไฟอีกเที่ยว4โมงครึ่ง
รอบบ่ายสามครึ่งเราไม่น่าจะทัน ปะขับเล่นเรื่อยๆ ชิลๆไป ท่าเรือข้ามเรือกลับบ้านกัน


เดินข้ามถนนไปสถานีรถไฟ โชคดีอีกครั้ง ที่รถไปขบวนรอบสามโมงครึ่ง ยังไม่ออกจากสถานนี
เอ้า วิ่งค่ะวิ่ง และแล้วเราก็กลับทันรถไฟขบวนนี้


เกือบๆ 6 โมงเราก็ถึงสถานีรถไปหัวลำโพงแล้ว จบทริปรถไฟ เรือเมล์ จักรยาน สองเรา55+ เป็นทริปที่เพื่อนๆตั้งชื่อว่าทริปอินดี้ อยู่ดีๆก็ไป ไม่วางแผน  ขอบคุณความบ้าหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เราออกมาทำอะไรแบบนี้ มันมีความสุขมากจริงๆ
*******สรุปค่าใช้จ่ายต่อคน*******
ค่ารถไฟไปกลับ 40 บาท (เที่ยวละ20บาท)
ค่าเรือข้ามฝาก 10 บาท(เที่ยวละ5บาท)
ค่าเช่าจักรยาน 50 บาท
ค่าก๋วยเตี๋ยวเรือ 78 บาท (156 หารสองคน)
ค่าอาการร้านสตางค์ 129 บาท (258 หารสองคน)
รวม 385 บาท ไม่รวมค่าทำบุญหยอดตู้บริจาคตามศรัทธานะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่