สวัสดีค่ะ วันนี้มาจะเขียนรีวิวแก้ไขจมูกคะ และเป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกนะคะ
ดิฉันเคยทำจมูกมาแล้วประมาณ 9 ปี ใจอยากแก้มาตั้งนานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาส ด้วยฤกษ์งาม ยามดีอะไรไม่รู้นึกครึ้มอกครึ้มใจอยากทำขึ้นมาทันดี ก้อเลยหาๆข้อมูลต่างๆเพิ่มเติม เพราะตั้งการอยากได้จมูกที่นิ่มและบิดได้ที่ราคาไม่แพงจนเกินกำลังไปนัก หาหลายที่มาก ดูรีวิวจากหลายๆที่ ได้สอบถามราคาแล้ว ราคาเกือบสามหมืนอัพทั้งนั้นเลย มีอยู่ที่หนึ่งราคา 26000 ซิลิโคนเกาหลี+หยดน้ำ ก็ตั้งใจจะไปทำที่นี้แล้วละ แต่เผอิญเห็นซิลิโคนแบบแมนทิสก็เลยเกิดความสงสัยและสนใจขึ้นมา ก็เลยเปิด google หา ข้อดีข้อเสียของซิลิโคนตัวนี้ จนได้เจอรีวิวของ คลีนิกที่หนึ่งแถวศรีนครินทร์ เลยตัดสินใจว่าจะเสริมด้วยซิลิโคนตัวนี้แหละ คลีนิคก็อยู่แถวใกล้บ้านด้วย จึงแอดไลน์คุยกับแอดมินของคลีนิกเพื่อสอบถามราคา คุยกันนานมากเป็นชั่วโมงๆ แอดมินเขาน่ารักดีคะ ให้คำแนะนำและอธิบายดี ประกอบกับคลีนิคมีโปรโมชั่นเสริมจมูกของซิลิโคนตัวนี้พอดี ราคารวมแก้แล้วก้ออยู่ที่ 21299( 15999+แก้ 5000+ค่ายา300 ) เย็นวันที่ 18 ก.พ. เลยรีบไปโอนมัดจำเพื่อจองคิวได้คิวทำวันที่ 20 ก.พ. 59 บ่ายโมง ด้วยความที่กลัวเจ็บเพราะเป็นเคสแก้ เลยถามทางแอดมินว่า เขาฉีดยาชา หรือยานอนหลับ เพราะจากที่อ่านๆเวปมาเขาบอกว่าฉีดยาชานี่เจ็บมากกก พอแอดมินบอกว่าฉีดยาชาเท่านั้นแหละเราถึงกับมือสั่นใจฝ่อเลยทีเดียว เราก็นั่งคิดเขาจะฉีดแบบสดๆเข้าจมูกเราเลยเหรอเนี่ย อยากจิร้องไห้ ดีนะแอดมินเขาบอกว่ามีการแปะยาชาก่อนที่จะฉีดยาชาเข้าที่จมูก
วันที่ไปทำเราไปช้าประมาณ 15 นาที ไปถึงก็กรอกประวัติ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เรียกไปแปะยาชา และก็กับคุณหมอเอารูปให้คุณหมอดูว่าอยากได้แบบนี้(เอารูปใหม่ดาวิกาให้หมอดู) แต่ด้วยเราเป็นคนเนื้อจมูกน้อยเลยโด่งได้ไม่มากนัก(แอบทำใจไว้แล้วละ) คุณหมอบอกว่าตรงสันคงได้เท่าเดิมนะแต่จะเน้นปลายให้โด่งขึ้นอีกนิด และจะทำให้ดูพุ่งๆหน่อย สูงกว่านี้ไม่ได้ละ มันจะตึงเกินไป เพราะเนื้อตรงสันจมูกบางมาก แปะยาชาสักประมาณ 20 นาทีได้มั้ง ผู้ช่วยหมอก็เรียกเข้าห้องผ่าตัด คุณหมอก็ถ่ายรูปก่อนทำ จากนั้นนอนลงบนเตียง ผู้ช่วยทำความสะอาดหน้ากับจมูกเสร็จ คุณหมอก็เริ่มลงมือฉีดยาชา ถึงจะแปะยาชามาแล้วก้อยังรู้สึกเจ็บจี๊ดๆแต่พอทนได้คะ จากนั้นฟังพี่ๆในห้องผ่าตัดเค้าคุยกันเพื่อรอยาชาออกฤทธิ์ คุณหมอก็เอาซิลิโคนตัวเทสไซส์มาทาบๆเพื่อกะขนาดไซส์ของซิลิโคนที่จะใช้กับจมูกของเรา ได้แอบเห็นตัวซิลิโคนที่จะใช้กับเราด้วยมันรู้สึกดีนะคะที่เราได้ยลโฉมเจ้าซิลิโคนก่อนที่มันจะเข้าไปอยู่ในจมูกของเรา ต่างจากตอนทำครั้งแรกที่ไม่เคยได้เห็นเลย จากนั้นคุณหมอก็บอกว่ากำลังจะลงมีดแล้วนะครับ (แอบเสียวเล็กน้อยกลัวว่ายามันจะชาทันกับใบมีดของหมอ) ความกลัวเกร็งก็หมดไปคะเพราะตอนคุณหมอลงมีดไม่เจ็บเลยคะ แต่เคสเราน่าจะเป็นเคสยากเคสหินของคุณหมอเขานะคะ เพราะอะไรน่ะหรือคะ? ก็ซิลิโคนเก่าน่ะมันเอาไม่ออกอะจิ คุณหมอดึงอยู่นานมาก จนซิลิโคนหลุดหลุ่ยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแต่ก็ยังออกไม่หมด โดนเฉพาะช่วงสันจมูก ได้ยินหมอบอกว่าซิลิโคนนี่โดนบั่นๆอย่างกับหนวดปลาหมึก(แอบสงสารคุณหมอเลย) หลังจากที่แอบสงสารคุณหมอคราวนี้มาสงสารตัวเองบ้าง เพราะคุณหมอบอกต้องกรีดเปิดจมูกอีกข้าง เพราะว่าเอาเจ้าซิลิโคนเจ้ากรรมนี้ออกไม่ออกจริงๆ โดนฉีดยาชาเข้าอีกข้างสิคะ ที่ปลายจมูกด้านซ้าย เจ็บจี๊ดเลยทีเดียว เข้าเนื้อจมูกมั้งลงคอบ้างอร่อยกันไปเลย ไม่รู้กะเพาะเรามันจะชาด้วยหรือเปล่านะ ส่วนยาชาที่เข้าตรงดั้งส่วนบนและปลายจมูกด้านขวาก้อเริ่มจะหมด คุณหมอก้อยื้อยุดฉุดกระชากอยู่สักแป๊บ ก็หลุดพรึดออกมาสักทีเจ้าซิลิโคน ความรู้สึกตอนที่ซิลิโคนหลุดออก เรารู้สึกได้เลยว่าเลือดต้องกระจายแน่ๆ พอเอาออกได้แล้วคิดว่า โอ้...โล่งแล้วฉัน แต่ยังคะ...คุณหมอก้อดึงๆ ควานๆหาอยู่เผื่อเศษเล็กเศษน้อยอาจจะหลงเหลืออยู่ เมื่อไม่มีแล้วก็ ถึงคราวที่ต้องขูดพังพรืดที่ดั้งแล้วสิ(ในความคิดนะก่อนที่มาทำไม่เคยคิดว่าเราจะต้องขูดพังผืดด้วย นึกว่าเฉพาะเคสที่ฉีดฟิลเลอร์เท่านั้น) อย่างที่บอกอะคะ ยาชาเริ่มหมด ก้อเริ่มรู้สึกเจ็บแล้วสิคะ ยอมปล่อยให้คุณหมอขูดไปจนเสร็จเจ็บก็เจ็บนะ แต่เราปากแข็งไงเกรงใจคุณหมอ แต่สุดท้ายละมันไม่ไหวจริงๆเลยต้องบอกคุณหมอว่าเริ่มเจ็บแล้วคะ คุณหมอเลยฉีดยาชาเพิ่มให้ จากนั้นก้อเอาซิลิโคนใหม่มาทาบๆ แล้วถึงใส่เข้าไป แต่มันคงยังไม่โอมั้งคะ คุณหมอเลยถอดออกมาเหลาปรับรูปนิดนึง คราวนี้สิยาชาด้านซ้ายเริ่มใกล้หมดละ เพราะเริ่มจะแสบแผลแล้ว คุณหมอเหลาอยู่แป๊บนุง ใจก็คิดนะ ให้คุณหมอเหลาเร็วๆหน่อย ยาชามันจะหมดแล้วจะทันเย็บไหมเนี่ย กลัวจะเจ็บแผล ก่อนที่ยาชาจะหมดคุณหมอก็เย็บปากแผลทั้งสองข้างเสร็จพอดี หลังจากเย็บเสร็จความเจ็บปวดเริ่มเข้าเล่นงาน เจ็บจนพูดไม่ออกจริง หลังจากลุกขึ้นนั่งก็มองไปรอบๆห้อง โอ้ว...เลือดออกเยอะเหมือนกันนะเนี่ย เพราะคุณหมอเองก็บอกว่าเลือดออกเยอะมากเลยนะ รู้สึกใช้ไหมตอนกลืนน่ะ จากนั้นหมอก็เข้ามาถ่ายรูปหลังทำ ก่อนจะออกจากห้อง เราจึงขอเขาดูซิลิโคนเก่าแล้วเอากลับมาด้วยเลยไว้เป็นที่ระลึกที่อยู่ด้วยกันมาตั้ง 9 ปี เห็นซิลิโคนแล้วเข้าใจเลยอะว่าทำไมมันเอาออกยากเย็นนัก จ่ายเงินรับยา ฟังคำแนะนำ จากนั้นก้อกลับบ้านคะ
ปล.หลังทำยังดูทรงไม่ค่อยออกอะคะ ว่าจะออกมาในแบบที่เราตั้งใจไว้หรือไง หรือไม่ยังไง ใกล้เคียงก็ยังดี ถือซะว่ามาเปลี่ยนซิลิโคนใหม่ที่ดีกว่าอันเดิมละกัน พูดปลอบใจตัวเองไว้ก่อน
ว่างๆจะทยอยอัพรูปให้ดูนะคะ
พิมพ์ตกๆหล่นๆยังไงต้องขออภัยด้วยนะคะ มือใหม่หัดรีวิวคะ
[CR] แก้จมูกใหม่ด้วยซิลิโคนแมนทิส
ดิฉันเคยทำจมูกมาแล้วประมาณ 9 ปี ใจอยากแก้มาตั้งนานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาส ด้วยฤกษ์งาม ยามดีอะไรไม่รู้นึกครึ้มอกครึ้มใจอยากทำขึ้นมาทันดี ก้อเลยหาๆข้อมูลต่างๆเพิ่มเติม เพราะตั้งการอยากได้จมูกที่นิ่มและบิดได้ที่ราคาไม่แพงจนเกินกำลังไปนัก หาหลายที่มาก ดูรีวิวจากหลายๆที่ ได้สอบถามราคาแล้ว ราคาเกือบสามหมืนอัพทั้งนั้นเลย มีอยู่ที่หนึ่งราคา 26000 ซิลิโคนเกาหลี+หยดน้ำ ก็ตั้งใจจะไปทำที่นี้แล้วละ แต่เผอิญเห็นซิลิโคนแบบแมนทิสก็เลยเกิดความสงสัยและสนใจขึ้นมา ก็เลยเปิด google หา ข้อดีข้อเสียของซิลิโคนตัวนี้ จนได้เจอรีวิวของ คลีนิกที่หนึ่งแถวศรีนครินทร์ เลยตัดสินใจว่าจะเสริมด้วยซิลิโคนตัวนี้แหละ คลีนิคก็อยู่แถวใกล้บ้านด้วย จึงแอดไลน์คุยกับแอดมินของคลีนิกเพื่อสอบถามราคา คุยกันนานมากเป็นชั่วโมงๆ แอดมินเขาน่ารักดีคะ ให้คำแนะนำและอธิบายดี ประกอบกับคลีนิคมีโปรโมชั่นเสริมจมูกของซิลิโคนตัวนี้พอดี ราคารวมแก้แล้วก้ออยู่ที่ 21299( 15999+แก้ 5000+ค่ายา300 ) เย็นวันที่ 18 ก.พ. เลยรีบไปโอนมัดจำเพื่อจองคิวได้คิวทำวันที่ 20 ก.พ. 59 บ่ายโมง ด้วยความที่กลัวเจ็บเพราะเป็นเคสแก้ เลยถามทางแอดมินว่า เขาฉีดยาชา หรือยานอนหลับ เพราะจากที่อ่านๆเวปมาเขาบอกว่าฉีดยาชานี่เจ็บมากกก พอแอดมินบอกว่าฉีดยาชาเท่านั้นแหละเราถึงกับมือสั่นใจฝ่อเลยทีเดียว เราก็นั่งคิดเขาจะฉีดแบบสดๆเข้าจมูกเราเลยเหรอเนี่ย อยากจิร้องไห้ ดีนะแอดมินเขาบอกว่ามีการแปะยาชาก่อนที่จะฉีดยาชาเข้าที่จมูก
วันที่ไปทำเราไปช้าประมาณ 15 นาที ไปถึงก็กรอกประวัติ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เรียกไปแปะยาชา และก็กับคุณหมอเอารูปให้คุณหมอดูว่าอยากได้แบบนี้(เอารูปใหม่ดาวิกาให้หมอดู) แต่ด้วยเราเป็นคนเนื้อจมูกน้อยเลยโด่งได้ไม่มากนัก(แอบทำใจไว้แล้วละ) คุณหมอบอกว่าตรงสันคงได้เท่าเดิมนะแต่จะเน้นปลายให้โด่งขึ้นอีกนิด และจะทำให้ดูพุ่งๆหน่อย สูงกว่านี้ไม่ได้ละ มันจะตึงเกินไป เพราะเนื้อตรงสันจมูกบางมาก แปะยาชาสักประมาณ 20 นาทีได้มั้ง ผู้ช่วยหมอก็เรียกเข้าห้องผ่าตัด คุณหมอก็ถ่ายรูปก่อนทำ จากนั้นนอนลงบนเตียง ผู้ช่วยทำความสะอาดหน้ากับจมูกเสร็จ คุณหมอก็เริ่มลงมือฉีดยาชา ถึงจะแปะยาชามาแล้วก้อยังรู้สึกเจ็บจี๊ดๆแต่พอทนได้คะ จากนั้นฟังพี่ๆในห้องผ่าตัดเค้าคุยกันเพื่อรอยาชาออกฤทธิ์ คุณหมอก็เอาซิลิโคนตัวเทสไซส์มาทาบๆเพื่อกะขนาดไซส์ของซิลิโคนที่จะใช้กับจมูกของเรา ได้แอบเห็นตัวซิลิโคนที่จะใช้กับเราด้วยมันรู้สึกดีนะคะที่เราได้ยลโฉมเจ้าซิลิโคนก่อนที่มันจะเข้าไปอยู่ในจมูกของเรา ต่างจากตอนทำครั้งแรกที่ไม่เคยได้เห็นเลย จากนั้นคุณหมอก็บอกว่ากำลังจะลงมีดแล้วนะครับ (แอบเสียวเล็กน้อยกลัวว่ายามันจะชาทันกับใบมีดของหมอ) ความกลัวเกร็งก็หมดไปคะเพราะตอนคุณหมอลงมีดไม่เจ็บเลยคะ แต่เคสเราน่าจะเป็นเคสยากเคสหินของคุณหมอเขานะคะ เพราะอะไรน่ะหรือคะ? ก็ซิลิโคนเก่าน่ะมันเอาไม่ออกอะจิ คุณหมอดึงอยู่นานมาก จนซิลิโคนหลุดหลุ่ยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแต่ก็ยังออกไม่หมด โดนเฉพาะช่วงสันจมูก ได้ยินหมอบอกว่าซิลิโคนนี่โดนบั่นๆอย่างกับหนวดปลาหมึก(แอบสงสารคุณหมอเลย) หลังจากที่แอบสงสารคุณหมอคราวนี้มาสงสารตัวเองบ้าง เพราะคุณหมอบอกต้องกรีดเปิดจมูกอีกข้าง เพราะว่าเอาเจ้าซิลิโคนเจ้ากรรมนี้ออกไม่ออกจริงๆ โดนฉีดยาชาเข้าอีกข้างสิคะ ที่ปลายจมูกด้านซ้าย เจ็บจี๊ดเลยทีเดียว เข้าเนื้อจมูกมั้งลงคอบ้างอร่อยกันไปเลย ไม่รู้กะเพาะเรามันจะชาด้วยหรือเปล่านะ ส่วนยาชาที่เข้าตรงดั้งส่วนบนและปลายจมูกด้านขวาก้อเริ่มจะหมด คุณหมอก้อยื้อยุดฉุดกระชากอยู่สักแป๊บ ก็หลุดพรึดออกมาสักทีเจ้าซิลิโคน ความรู้สึกตอนที่ซิลิโคนหลุดออก เรารู้สึกได้เลยว่าเลือดต้องกระจายแน่ๆ พอเอาออกได้แล้วคิดว่า โอ้...โล่งแล้วฉัน แต่ยังคะ...คุณหมอก้อดึงๆ ควานๆหาอยู่เผื่อเศษเล็กเศษน้อยอาจจะหลงเหลืออยู่ เมื่อไม่มีแล้วก็ ถึงคราวที่ต้องขูดพังพรืดที่ดั้งแล้วสิ(ในความคิดนะก่อนที่มาทำไม่เคยคิดว่าเราจะต้องขูดพังผืดด้วย นึกว่าเฉพาะเคสที่ฉีดฟิลเลอร์เท่านั้น) อย่างที่บอกอะคะ ยาชาเริ่มหมด ก้อเริ่มรู้สึกเจ็บแล้วสิคะ ยอมปล่อยให้คุณหมอขูดไปจนเสร็จเจ็บก็เจ็บนะ แต่เราปากแข็งไงเกรงใจคุณหมอ แต่สุดท้ายละมันไม่ไหวจริงๆเลยต้องบอกคุณหมอว่าเริ่มเจ็บแล้วคะ คุณหมอเลยฉีดยาชาเพิ่มให้ จากนั้นก้อเอาซิลิโคนใหม่มาทาบๆ แล้วถึงใส่เข้าไป แต่มันคงยังไม่โอมั้งคะ คุณหมอเลยถอดออกมาเหลาปรับรูปนิดนึง คราวนี้สิยาชาด้านซ้ายเริ่มใกล้หมดละ เพราะเริ่มจะแสบแผลแล้ว คุณหมอเหลาอยู่แป๊บนุง ใจก็คิดนะ ให้คุณหมอเหลาเร็วๆหน่อย ยาชามันจะหมดแล้วจะทันเย็บไหมเนี่ย กลัวจะเจ็บแผล ก่อนที่ยาชาจะหมดคุณหมอก็เย็บปากแผลทั้งสองข้างเสร็จพอดี หลังจากเย็บเสร็จความเจ็บปวดเริ่มเข้าเล่นงาน เจ็บจนพูดไม่ออกจริง หลังจากลุกขึ้นนั่งก็มองไปรอบๆห้อง โอ้ว...เลือดออกเยอะเหมือนกันนะเนี่ย เพราะคุณหมอเองก็บอกว่าเลือดออกเยอะมากเลยนะ รู้สึกใช้ไหมตอนกลืนน่ะ จากนั้นหมอก็เข้ามาถ่ายรูปหลังทำ ก่อนจะออกจากห้อง เราจึงขอเขาดูซิลิโคนเก่าแล้วเอากลับมาด้วยเลยไว้เป็นที่ระลึกที่อยู่ด้วยกันมาตั้ง 9 ปี เห็นซิลิโคนแล้วเข้าใจเลยอะว่าทำไมมันเอาออกยากเย็นนัก จ่ายเงินรับยา ฟังคำแนะนำ จากนั้นก้อกลับบ้านคะ
ปล.หลังทำยังดูทรงไม่ค่อยออกอะคะ ว่าจะออกมาในแบบที่เราตั้งใจไว้หรือไง หรือไม่ยังไง ใกล้เคียงก็ยังดี ถือซะว่ามาเปลี่ยนซิลิโคนใหม่ที่ดีกว่าอันเดิมละกัน พูดปลอบใจตัวเองไว้ก่อน
ว่างๆจะทยอยอัพรูปให้ดูนะคะ
พิมพ์ตกๆหล่นๆยังไงต้องขออภัยด้วยนะคะ มือใหม่หัดรีวิวคะ