Evangelion 2.0 : You can (not) advance
หรือชื่อไทย อีวานเกเลี่ยน 2.0 อุบัติการณ์วันล้างโลก
เป็นอนิเมะฉบับฉายโรงที่Rebuildหรือสร้างใหม่โดยอ้างอิงมาจาก Neon Genesis Evangelion อนิเมะ TV series ในตำนานเมื่อปี 1995 ซึ่งภาคนี้เป็นภาคต่อจากภาค 1.0 เข้าฉายเมื่อปี 2009
ทำรายได้อย่างถล่มทลาย 4พันล้านเยน (ประมาณ 1,260 ล้านบาท) ได้รับการนำไปเข้าฉายตามเทศกาลต่างชาติมาหลายเเห่งเเละได้รับเสียงปรบมือเเละเสียงตอบรับชื่นชมอย่างท่วมท้นจากทั้งนักวิจารณ์เเละคนดูอย่างล้นหลาม
(เว็บ IMDb ให้คะเเนนไป 8.1/10 เกือบยอดเยี่ยมเทียบเท่าภาค The End of Evangelion)
เนื้อเรื่อง : หลังจากเหตุการณ์ในภาค 1.0... "อิคาริ ชินจิ" เด็กหนุ่มอายุ14ปี นักบินประจำหุ่นรบอีวานเกเลี่ยน หมายเลข01 ที่ต้องขึ้นขับมันเพื่อต่อกรกับเหล่าเทวฑูตที่จ้องจะทำลายล้างโลกใบนี้ โดยมี "อายานามิ เรย์" เด็กสาวผู้เงียบขรึมไร้อารมณ์ นักบินประจำอีวานเกเลี่ยน หมายเลข00 เเละ "ชิกินามิ อาสึกะ เเลงเรย์" เด็กสาวผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูง นักบินประจำอีวานเกเลี่ยน หมายเลย 02 คอยเป็นผู้ร่วมรบกับเขา.. ท่ามกลางสงครามที่มีชะตากรรมของโลกเป็นเดิมพัน ระหว่างทางหนุ่มสาวเหล่านี้ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เเละหาคำตอบที่เเท้จริงเพื่อก้าวข้ามกำเเพงของจิตใจตนเองไปให้ได้ สงครามนี้จะลงเอยในรูปแแบบใด คงมีเเต่เด็กเหล่านี้เท่านั้นที่จะให้คำตอบได้...
ความเห็นหลังชม : เห้ย!!! เชี่ย!!! คือ.. มันดีอ่ะ ดีมากๆถึงมากที่สุดเลย มันลงตัวทุกอย่าง Perfectสุดๆ Beyondมากๆ บอกไม่ถูกเลยครับ มันทั้งผิดคาด ตะลึง เเละก็ตื้นตันใจมากๆเลยครับ เเหม.. เอาเเต่ชมอยู่เเบบนี้ เขียนทั้งวันก็คงไม่เข้าใจครับ งั้นผมจะไล่ไปทีละจุดทีละจุดเเล้วกันนะครับ
* การดำเนินเรื่อง
เป็นที่รู้ๆกันดีครับ ว่า อนิเมะชุดอีวานเกเลี่ยนนั้น เป็น 1 ในอนิเมะในตำนานไม่กี่เรื่องเท่านั้น ที่มีการดำเนินเรื่องที่เเหวกเเนวไม่เหมือนใคร เเละดำดิ่งลึกลงต่ำใจทรามจิตน่าปวดหัวอย่างที่สุดครับ จนถึงขนาดมีคนเกลียดสุดๆเเละกล่าวว่าอนิเมะเรื่องนี้เป็นอนิเมะที่ดูเเล้วเสียสุขภาพจิตเปล่าๆก็มีครับ <ไม่เเปลกครับ 5555>
เเต่เดี๋ยว!!! ช้าก่อน!!! อย่าพึ่งด่วนสรุปไปครับ...
หากภาค TV series คือ การเเหกกฏวงการอนิเมะในยุคนั้น
ภาค 2.0 นี้ ก็คือ การเเหกกฏอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองครับ
ในภาค 2.0นี้ หนังได้เลือกที่จะไม่เดินตามทางเดิมของตนเองที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมเเบบตลอดเรื่องเหมือนต้นฉบับ (เเนวPsychology หรือ เเนวจิตวิทยา) เเต่กลับหาอะไร ใส่เข้ามาในระหว่างเรื่องเเทน ซึ่งสิ่งที่ใส่เข้ามานั้น มันเป็นสิ่งที่ใหม่เเบบที่เราคาดไม่ถึงเเละก็ดันโอเคเอามากๆซะด้วย
ในภาค2.0นี้ หนังได้เดินเรื่อง จากความสดใสสู่ความหดหู่เเล้วทะยานกลับมาฮึดสู้อีกครั้งก่อนจะจบลงด้วยความซาบซึ้งสุดอลังการวินาศกรรม <งงป่ะ 5555> นอกจากการเดินเรื่องที่พลิกโฉมต้นฉบับเเบบสุดๆเเล้ว การดำเนินเรื่องของมันยังดูเป็นสากลตามสไตล์อนิเมะเอามากๆครับ มีทั้งอารมณ์ขำขันเฮฮา มีวิวธรรมชาติ ให้เห็นชีวิตประจำวันของตัวละคร มีเรื่องรักๆโรเเมนติกของชายหญิง ดราม่าชีวิต เเอคชั่นสุดมันส์เลือดพล่าน <มันส์จริงๆครับ> เเละที่ขาดไม่ได้คือ ฉากเซอร์วิสสุดหื่น เอ้ย ตื่นตาตื่นใจ <เเค่ตา&ใจนะ อิอิ> ที่ตัวหนังบรรจงใส่เข้ามาเเบบไม่ยั้งเลยครับ^^
ด้วยความหลากหลายเเละดูเป็นสากลนี้เอง ทำให้มันสามารถเข้าถึงคนดูได้หลากหลายมากครับ
หรือพูดง่ายๆก็คือ เเม้คุณจะไม่ใช่เเฟนอนิเมะเรื่องนี้ ไม่รู้จัก ไม่รู้เรื่อง ไม่เคยดูภาคก่อนหน้านี้ หรือไม่เข้าใจอะไรเลย คุณก็ยังสามารถดูมันได้อย่างสนุกสนานบันเทิงเริงรมณ์อย่าง Absolutly สุดๆครับ เผลอๆนะ หลังจากดูภาค2.0นี้จบ คุณอาจจะอยากไปค้นภาคก่อนหน้านี้ หรือ หลังจากนี้มาดู จนในที่สุด คุณก็กลายเป็นเเฟนอีวาไปโดยไม่รู้ตัว <เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน อิอิ>
* ด้านตัวละคร
ไหนๆป๋าฮิเดอากิ อันโนะ (ผู้กำกับเเละผู้เขียนบทของซีรี่ส์ชุดนี้) เขาก็พลิกโฉมเนื้อเรื่องไปเเล้วอ่ะ เเล้วไฉนป๋าเเกจะไม่ลองพลิกตัวละครจากหลังมือเป็นหน้ามือดูบ้างล่ะ ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นครับ ป๋าอันโนะ ได้ทำให้ตัวละครหลักทุกตัวในเรื่องมีพัฒนาการไปเเบบก้าวกระโดดเลยครับ ซึ่งมันดีมากๆเลย เพราะ เราจะได้เห็นตัวละครเหล่านี้ที่มีอารมณ์ที่หลากหลายในรูปแบบของความสดใสครับ <ภาคออริจินัลเเมร่งมีเเต่รูปแบบจิตๆ 5555>
- อิคาริ ชินจิ ..พระเอกของเรื่อง ที่เหล่านักรักอนิเมะหลายคน ไม่อาจกล้าเรียกเขาคนนี้เป็นพระเอกได้อย่างเต็มปากจริงๆ เพราะ คนนี้เขาช่างอ่อนเเอ ไม่มั่นใจในตนเอง เอาเเต่ใจ ขี้เเย ชอบหนี โวยวาย โอ๊ย!!! เเทบจะหาจุดที่เป็นพระเอกจริงๆไปเจอเลยครับ
เเต่ช้าก่อน... เพราะ ในภาค2.0นี้ พี่ชินจิของเรา จะยิ้มเก่ง มีมนุษยสัมพันธ์ดีขึ้น มั่นใจในตนเอง มีเป้าหมายที่เเน่นอน ซึ่งพลิกกันเเบบสุดๆมากครับ โดยเฉพาะในฉาก 18 นาทีสุดท้ายของหนัง ที่เมื่อคุณรับชมจบไปเเล้วนั้น ผมเชื่อเลยว่า นอกจากคุณจะกล้าเรียกบักชินจิว่า เป็นพระเอก ได้อย่างเต็มปากเต็มคำเเล้วนั้น คุณจะยังรู้สึกได้ทันทีเลยครับว่า ชินจิคือเป็นพระเอกเต็มตัวเเล้วจริงๆ!!!
- อายานามิ เรย์ ..นางรอง(รึนางเอกหว่า เออ ช่างเหอะ) ที่เงียบขรึม ไร้อารมณ์ใดๆ ทำอะไรตามคำสั่งราวกับตุ๊กตา เรียกได้ว่า เป็น1ในตัวละครที่เหมือนหุ่นยนต์ที่สุดตัวนึงในเรื่องเลยก็ว่าได้
หากเเต่... ในภาค2.0นี้ ป๋าอันโนะ ได้จัดการเปลี่ยนโฉม ให้เรย์ของผม(เฮ้ยๆ ของใครนะ!!!) กล้าผูกมิตร กล้าเข้าหาผู้อื่น เริ่มเเสดงสีหน้าท่าทางด้านอารมณ์ออกมามากขึ้น เเละ กล้าขัดคำสั่งคนอื่นเพื่อทำในสิ่งที่ตนต้องการ เรียกได้ว่า เปลี่ยนลุคไปอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียวครับ ซึ่งบ่องตงๆเยย เรย์นั๊ลร๊ากมากคร้าบ โดยเฉพาะฉาก 10 นาทีสุดของหนังที่สุดซาบซึ้งเเละอาจทำให้คุณหลงรักเรย์ขึ้นมานิดๆนึง ก็เป็นได้นะครับ (ดาเมจตาสีเเดงของเธอมันช่างรุนเเรงเหลือเกิน)
- ชิกินามิ อาสึกะ เเลงเลย์ ..นางเอก(อ้างอิงจากออริจินัล) ที่ทั้งขี้โม้ โอ้อวด คุยโว้ หลงตัวเอง มีความเชื่อเเละมุ่งมั่นในตัวเองสูงจนน่ามั่นไส้ เรียกได้ว่า เป็นอีก1ตัวละครหญิงที่บางทีก็เเอบรำคาญมันมากเอาการเลยเเหละ
เเต่เเล้ว.. ในภาค2.0นี้ บทของเธอก็มีการตัดอดีตอันโหดร้ายออกไป ทำให้เธอมีเวลาในการเเสดงอารมณ์ความรู้สึกเเสนอ่อนไหวที่เธอก็มีมาตั้งเเต่ภาคออริจินัลเเล้ว เพียงเเต่ในภาคนั้น ผู้กำกับยังดึงออกมาใช้ไม่มาก เพราะ มัวเเต่ไปเน้นด้านจิตวิทยา พอมาในภาคนี้ ป๋าเเกเลยจัดงัดเอาไม้เด็ดสุดน่ารักของเธอออกมา จนทำเอาจากที่ผมเกลียดยัยนี่เอามากๆ ตอนนี้ผมรักนางเเหละ (รู้เเหละ ทำไมเเฟนอีวาเขาเถียงกัน 5555) พอเธออ่อนไหว เธอก็เเสดงความอ่อนเเอเเละอาการขี้อ้อนออกมา ซึ่งฉากนอนร่วมห้องนั่นสามารถสื่อออกมาได้ดีมาก โอ๊ย ฟิน~ เเต่ไม่ว่าจะฟินเเค่ไหน สุดท้าย เราก็จะได้ฟินไม่นานหรอกครับ เพราะ การจากลา มันไม่เคยมาเตือนล่วงหน้า...
* ด้านภาพ
ด้านภาพถือเป็นงานที่ซีรี่ส์ชุดนี้มีเอกลักษณ์มาตั้งเเต่ไหนเเต่ไรเเล้วครับ โดยเฉพาะความละเอียดต่างๆ ที่สตูดิโอนี้เอาบรรจงเรียบเรียงนำเสนอมันออกมาได้อย่างสะดุดตาเเละน่าสงสัย(เเฟนๆอีวารู้กันดีครับ 5555) เเละพอมาในภาค2.0นี้ เขาก็ยังคงรักษามาตราฐานของตัวเองไว้ได้เป็นอย่างดีครับ มีความละเอียดมากๆ (โดยเฉพาะในฉากเเอคชั่นต่างๆ) มีการจัดเเสงที่สวยงาม หู้ย!!! มันอร่ามตามากครับ คือ ผมดูเเล้วก็รู้สึกเลยอ่ะครับ ว่า ตำนานกลับมาเเล้วจริงๆหว่ะ (ขนลุกเลย 5555)
* ด้านดนตรีประกอบ
ด้านนี้ไม่พูดถึงไม่ได้ครับ ไม่ใช่เพราะเเค่ นี้มันเป็นด้านที่เป็นเอกลักษณ์ของซีรี่ส์ชุดนี้ที่สามารถบรรเลงบทเพลงต่างๆได้อย่างยอดเยี่ยม เข้าอารมณ์ อินโทรจิตใจเท่านั้นครับ
เเต่เพราะ Evangelion 2.0 : You can (not) advance สามารถคว้ารางวัล Best Music(ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม) จาก Tokyo Anime Award ประจำปี 2009 มาครองได้ครับ <ปรบมือสิครับ 👏🏻👏🏻👏🏻👏🏻👏🏻> ซึ่งผู้ที่มารับรางวัลนี้ ก็คือ อีกตำนานของวงการนักประพันธ์ดนตรีประกอบเเห่งญี่ปุ่นครับ
"ชิโร่ ซางิสุ" ผู้ที่ประพันธ์ดนตรีประกอบให้กับอนิเมะชุดอีวานเกเลี่ยนมาอย่างยาวนาน เมื่อได้ข่าวว่าจะมีการสานต่อตำนานให้คนรุ่นใหม่ได้รับชม ลุงชิโร่ก็ไม่พลาดที่จะมาร่วมสานต่อด้วย ซึ่งคอนเซ็ปของภาคสร้างใหม่นี้ก็คือ "ยิ่งใหญ่" เมื่อได้ยิ่งดังนั้นเเล้ว ลุงชิโร่ก็จัดการเเต่งเพลง คอรัส สุดอลังการงานสร้างที่บอกได้เลยครับว่า มันเข้ากับทุกฉากเเอคชั่นจนน่าขนลุก จังหวะมันเป๊ะมากๆจริงครับ ตอนผมดูนี่ขนลุกมากเลยครับ โดยเฉพาะฉากที่เพลง The Final Dicision We Must All Take ขึ้นเนี่ย หู้ย~ ต้องบอกเลยครับว่า สมควรได้รางวัลจริงๆ ต้องบอกเลยครับว่า ดนตรีประกอบในเรื่องนี้ มันช่วยผลักดันเเละให้อารมณ์ร่วมไปกับหนังได้ดีมากๆจริงๆครับ มันสุดยอดมาก
รับฟัง Tokyo anime award 2009 : Best Music ของ ชิโร่ ซางิสุ ได้ที่นี้ครับ
* ด้านเพลงประกอบ
ถือเป็นครั้งที่2ครับของซีรี่ส์ชุดนี้ ที่มีการนำ ธีมเพลงมาใช้ประกอบในส่วนเนื้อหาของหนัง
ซึ่งส่วนนี้ขอชื่นชมคนหาเพลงเเละจังหวะการนำเสนอมากครับ หู้!!! เเมร่งโคตรเป๊ะอ่ะครับ จังหวะเเต่ละล็อคของมัน ยังกะว่าผู้กำกับเขาจดสตอรี่บอร์ดมาไว้อย่างดีอ่ะครับ เเมร่งเป๊ะจนขนตรูดลุกเลยครับ(เมิ่งก็เว่อไป) เเละเพลงก้บฉากในหนังมันก็เศร้าอยู่เเล้วนะ พอมาตัดจังหวะจนลงล็อคเป๊ะเเบบนี้เเล้ว มันยิ่งเศร้าเข้าไปใหญ่เลยคร้บ T^T
สรุป : ผมยกให้เป็น อีวานเกเลี่ยนภาคที่ดีที่สุดของผม ณ ตอนนี้เลยครับ ทุกอย่างคือความลงตัว มันสมบูรณ์เเบบจริงๆครับ หากภาค2.0นี้ คือ การกล่าวประกาศว่า "ตำนานกลับมาเเล้ว"
ผมก็ขอกลับน้อมรับอย่างเต็มปากเต็มคำเลยครับว่า "ใช่.. มันกลับมาเเล้วจริงๆ"
[CR] "Evangelion 2.0" อนิเมะที่เเหกเอกลักษณ์ของตนเองสู่ความยอดเยี่ยมในรูปแบบใหม่
หรือชื่อไทย อีวานเกเลี่ยน 2.0 อุบัติการณ์วันล้างโลก
เป็นอนิเมะฉบับฉายโรงที่Rebuildหรือสร้างใหม่โดยอ้างอิงมาจาก Neon Genesis Evangelion อนิเมะ TV series ในตำนานเมื่อปี 1995 ซึ่งภาคนี้เป็นภาคต่อจากภาค 1.0 เข้าฉายเมื่อปี 2009
ทำรายได้อย่างถล่มทลาย 4พันล้านเยน (ประมาณ 1,260 ล้านบาท) ได้รับการนำไปเข้าฉายตามเทศกาลต่างชาติมาหลายเเห่งเเละได้รับเสียงปรบมือเเละเสียงตอบรับชื่นชมอย่างท่วมท้นจากทั้งนักวิจารณ์เเละคนดูอย่างล้นหลาม
(เว็บ IMDb ให้คะเเนนไป 8.1/10 เกือบยอดเยี่ยมเทียบเท่าภาค The End of Evangelion)
เนื้อเรื่อง : หลังจากเหตุการณ์ในภาค 1.0... "อิคาริ ชินจิ" เด็กหนุ่มอายุ14ปี นักบินประจำหุ่นรบอีวานเกเลี่ยน หมายเลข01 ที่ต้องขึ้นขับมันเพื่อต่อกรกับเหล่าเทวฑูตที่จ้องจะทำลายล้างโลกใบนี้ โดยมี "อายานามิ เรย์" เด็กสาวผู้เงียบขรึมไร้อารมณ์ นักบินประจำอีวานเกเลี่ยน หมายเลข00 เเละ "ชิกินามิ อาสึกะ เเลงเรย์" เด็กสาวผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูง นักบินประจำอีวานเกเลี่ยน หมายเลย 02 คอยเป็นผู้ร่วมรบกับเขา.. ท่ามกลางสงครามที่มีชะตากรรมของโลกเป็นเดิมพัน ระหว่างทางหนุ่มสาวเหล่านี้ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เเละหาคำตอบที่เเท้จริงเพื่อก้าวข้ามกำเเพงของจิตใจตนเองไปให้ได้ สงครามนี้จะลงเอยในรูปแแบบใด คงมีเเต่เด็กเหล่านี้เท่านั้นที่จะให้คำตอบได้...
ความเห็นหลังชม : เห้ย!!! เชี่ย!!! คือ.. มันดีอ่ะ ดีมากๆถึงมากที่สุดเลย มันลงตัวทุกอย่าง Perfectสุดๆ Beyondมากๆ บอกไม่ถูกเลยครับ มันทั้งผิดคาด ตะลึง เเละก็ตื้นตันใจมากๆเลยครับ เเหม.. เอาเเต่ชมอยู่เเบบนี้ เขียนทั้งวันก็คงไม่เข้าใจครับ งั้นผมจะไล่ไปทีละจุดทีละจุดเเล้วกันนะครับ
* การดำเนินเรื่อง
เป็นที่รู้ๆกันดีครับ ว่า อนิเมะชุดอีวานเกเลี่ยนนั้น เป็น 1 ในอนิเมะในตำนานไม่กี่เรื่องเท่านั้น ที่มีการดำเนินเรื่องที่เเหวกเเนวไม่เหมือนใคร เเละดำดิ่งลึกลงต่ำใจทรามจิตน่าปวดหัวอย่างที่สุดครับ จนถึงขนาดมีคนเกลียดสุดๆเเละกล่าวว่าอนิเมะเรื่องนี้เป็นอนิเมะที่ดูเเล้วเสียสุขภาพจิตเปล่าๆก็มีครับ <ไม่เเปลกครับ 5555>
เเต่เดี๋ยว!!! ช้าก่อน!!! อย่าพึ่งด่วนสรุปไปครับ...
หากภาค TV series คือ การเเหกกฏวงการอนิเมะในยุคนั้น
ภาค 2.0 นี้ ก็คือ การเเหกกฏอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองครับ
ในภาค 2.0นี้ หนังได้เลือกที่จะไม่เดินตามทางเดิมของตนเองที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมเเบบตลอดเรื่องเหมือนต้นฉบับ (เเนวPsychology หรือ เเนวจิตวิทยา) เเต่กลับหาอะไร ใส่เข้ามาในระหว่างเรื่องเเทน ซึ่งสิ่งที่ใส่เข้ามานั้น มันเป็นสิ่งที่ใหม่เเบบที่เราคาดไม่ถึงเเละก็ดันโอเคเอามากๆซะด้วย
ในภาค2.0นี้ หนังได้เดินเรื่อง จากความสดใสสู่ความหดหู่เเล้วทะยานกลับมาฮึดสู้อีกครั้งก่อนจะจบลงด้วยความซาบซึ้งสุดอลังการวินาศกรรม <งงป่ะ 5555> นอกจากการเดินเรื่องที่พลิกโฉมต้นฉบับเเบบสุดๆเเล้ว การดำเนินเรื่องของมันยังดูเป็นสากลตามสไตล์อนิเมะเอามากๆครับ มีทั้งอารมณ์ขำขันเฮฮา มีวิวธรรมชาติ ให้เห็นชีวิตประจำวันของตัวละคร มีเรื่องรักๆโรเเมนติกของชายหญิง ดราม่าชีวิต เเอคชั่นสุดมันส์เลือดพล่าน <มันส์จริงๆครับ> เเละที่ขาดไม่ได้คือ ฉากเซอร์วิสสุดหื่น เอ้ย ตื่นตาตื่นใจ <เเค่ตา&ใจนะ อิอิ> ที่ตัวหนังบรรจงใส่เข้ามาเเบบไม่ยั้งเลยครับ^^
ด้วยความหลากหลายเเละดูเป็นสากลนี้เอง ทำให้มันสามารถเข้าถึงคนดูได้หลากหลายมากครับ
หรือพูดง่ายๆก็คือ เเม้คุณจะไม่ใช่เเฟนอนิเมะเรื่องนี้ ไม่รู้จัก ไม่รู้เรื่อง ไม่เคยดูภาคก่อนหน้านี้ หรือไม่เข้าใจอะไรเลย คุณก็ยังสามารถดูมันได้อย่างสนุกสนานบันเทิงเริงรมณ์อย่าง Absolutly สุดๆครับ เผลอๆนะ หลังจากดูภาค2.0นี้จบ คุณอาจจะอยากไปค้นภาคก่อนหน้านี้ หรือ หลังจากนี้มาดู จนในที่สุด คุณก็กลายเป็นเเฟนอีวาไปโดยไม่รู้ตัว <เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน อิอิ>
* ด้านตัวละคร
ไหนๆป๋าฮิเดอากิ อันโนะ (ผู้กำกับเเละผู้เขียนบทของซีรี่ส์ชุดนี้) เขาก็พลิกโฉมเนื้อเรื่องไปเเล้วอ่ะ เเล้วไฉนป๋าเเกจะไม่ลองพลิกตัวละครจากหลังมือเป็นหน้ามือดูบ้างล่ะ ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นครับ ป๋าอันโนะ ได้ทำให้ตัวละครหลักทุกตัวในเรื่องมีพัฒนาการไปเเบบก้าวกระโดดเลยครับ ซึ่งมันดีมากๆเลย เพราะ เราจะได้เห็นตัวละครเหล่านี้ที่มีอารมณ์ที่หลากหลายในรูปแบบของความสดใสครับ <ภาคออริจินัลเเมร่งมีเเต่รูปแบบจิตๆ 5555>
- อิคาริ ชินจิ ..พระเอกของเรื่อง ที่เหล่านักรักอนิเมะหลายคน ไม่อาจกล้าเรียกเขาคนนี้เป็นพระเอกได้อย่างเต็มปากจริงๆ เพราะ คนนี้เขาช่างอ่อนเเอ ไม่มั่นใจในตนเอง เอาเเต่ใจ ขี้เเย ชอบหนี โวยวาย โอ๊ย!!! เเทบจะหาจุดที่เป็นพระเอกจริงๆไปเจอเลยครับ
เเต่ช้าก่อน... เพราะ ในภาค2.0นี้ พี่ชินจิของเรา จะยิ้มเก่ง มีมนุษยสัมพันธ์ดีขึ้น มั่นใจในตนเอง มีเป้าหมายที่เเน่นอน ซึ่งพลิกกันเเบบสุดๆมากครับ โดยเฉพาะในฉาก 18 นาทีสุดท้ายของหนัง ที่เมื่อคุณรับชมจบไปเเล้วนั้น ผมเชื่อเลยว่า นอกจากคุณจะกล้าเรียกบักชินจิว่า เป็นพระเอก ได้อย่างเต็มปากเต็มคำเเล้วนั้น คุณจะยังรู้สึกได้ทันทีเลยครับว่า ชินจิคือเป็นพระเอกเต็มตัวเเล้วจริงๆ!!!
- อายานามิ เรย์ ..นางรอง(รึนางเอกหว่า เออ ช่างเหอะ) ที่เงียบขรึม ไร้อารมณ์ใดๆ ทำอะไรตามคำสั่งราวกับตุ๊กตา เรียกได้ว่า เป็น1ในตัวละครที่เหมือนหุ่นยนต์ที่สุดตัวนึงในเรื่องเลยก็ว่าได้
หากเเต่... ในภาค2.0นี้ ป๋าอันโนะ ได้จัดการเปลี่ยนโฉม ให้เรย์ของผม(เฮ้ยๆ ของใครนะ!!!) กล้าผูกมิตร กล้าเข้าหาผู้อื่น เริ่มเเสดงสีหน้าท่าทางด้านอารมณ์ออกมามากขึ้น เเละ กล้าขัดคำสั่งคนอื่นเพื่อทำในสิ่งที่ตนต้องการ เรียกได้ว่า เปลี่ยนลุคไปอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียวครับ ซึ่งบ่องตงๆเยย เรย์นั๊ลร๊ากมากคร้าบ โดยเฉพาะฉาก 10 นาทีสุดของหนังที่สุดซาบซึ้งเเละอาจทำให้คุณหลงรักเรย์ขึ้นมานิดๆนึง ก็เป็นได้นะครับ (ดาเมจตาสีเเดงของเธอมันช่างรุนเเรงเหลือเกิน)
- ชิกินามิ อาสึกะ เเลงเลย์ ..นางเอก(อ้างอิงจากออริจินัล) ที่ทั้งขี้โม้ โอ้อวด คุยโว้ หลงตัวเอง มีความเชื่อเเละมุ่งมั่นในตัวเองสูงจนน่ามั่นไส้ เรียกได้ว่า เป็นอีก1ตัวละครหญิงที่บางทีก็เเอบรำคาญมันมากเอาการเลยเเหละ
เเต่เเล้ว.. ในภาค2.0นี้ บทของเธอก็มีการตัดอดีตอันโหดร้ายออกไป ทำให้เธอมีเวลาในการเเสดงอารมณ์ความรู้สึกเเสนอ่อนไหวที่เธอก็มีมาตั้งเเต่ภาคออริจินัลเเล้ว เพียงเเต่ในภาคนั้น ผู้กำกับยังดึงออกมาใช้ไม่มาก เพราะ มัวเเต่ไปเน้นด้านจิตวิทยา พอมาในภาคนี้ ป๋าเเกเลยจัดงัดเอาไม้เด็ดสุดน่ารักของเธอออกมา จนทำเอาจากที่ผมเกลียดยัยนี่เอามากๆ ตอนนี้ผมรักนางเเหละ (รู้เเหละ ทำไมเเฟนอีวาเขาเถียงกัน 5555) พอเธออ่อนไหว เธอก็เเสดงความอ่อนเเอเเละอาการขี้อ้อนออกมา ซึ่งฉากนอนร่วมห้องนั่นสามารถสื่อออกมาได้ดีมาก โอ๊ย ฟิน~ เเต่ไม่ว่าจะฟินเเค่ไหน สุดท้าย เราก็จะได้ฟินไม่นานหรอกครับ เพราะ การจากลา มันไม่เคยมาเตือนล่วงหน้า...
* ด้านภาพ
ด้านภาพถือเป็นงานที่ซีรี่ส์ชุดนี้มีเอกลักษณ์มาตั้งเเต่ไหนเเต่ไรเเล้วครับ โดยเฉพาะความละเอียดต่างๆ ที่สตูดิโอนี้เอาบรรจงเรียบเรียงนำเสนอมันออกมาได้อย่างสะดุดตาเเละน่าสงสัย(เเฟนๆอีวารู้กันดีครับ 5555) เเละพอมาในภาค2.0นี้ เขาก็ยังคงรักษามาตราฐานของตัวเองไว้ได้เป็นอย่างดีครับ มีความละเอียดมากๆ (โดยเฉพาะในฉากเเอคชั่นต่างๆ) มีการจัดเเสงที่สวยงาม หู้ย!!! มันอร่ามตามากครับ คือ ผมดูเเล้วก็รู้สึกเลยอ่ะครับ ว่า ตำนานกลับมาเเล้วจริงๆหว่ะ (ขนลุกเลย 5555)
* ด้านดนตรีประกอบ
ด้านนี้ไม่พูดถึงไม่ได้ครับ ไม่ใช่เพราะเเค่ นี้มันเป็นด้านที่เป็นเอกลักษณ์ของซีรี่ส์ชุดนี้ที่สามารถบรรเลงบทเพลงต่างๆได้อย่างยอดเยี่ยม เข้าอารมณ์ อินโทรจิตใจเท่านั้นครับ
เเต่เพราะ Evangelion 2.0 : You can (not) advance สามารถคว้ารางวัล Best Music(ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม) จาก Tokyo Anime Award ประจำปี 2009 มาครองได้ครับ <ปรบมือสิครับ 👏🏻👏🏻👏🏻👏🏻👏🏻> ซึ่งผู้ที่มารับรางวัลนี้ ก็คือ อีกตำนานของวงการนักประพันธ์ดนตรีประกอบเเห่งญี่ปุ่นครับ
"ชิโร่ ซางิสุ" ผู้ที่ประพันธ์ดนตรีประกอบให้กับอนิเมะชุดอีวานเกเลี่ยนมาอย่างยาวนาน เมื่อได้ข่าวว่าจะมีการสานต่อตำนานให้คนรุ่นใหม่ได้รับชม ลุงชิโร่ก็ไม่พลาดที่จะมาร่วมสานต่อด้วย ซึ่งคอนเซ็ปของภาคสร้างใหม่นี้ก็คือ "ยิ่งใหญ่" เมื่อได้ยิ่งดังนั้นเเล้ว ลุงชิโร่ก็จัดการเเต่งเพลง คอรัส สุดอลังการงานสร้างที่บอกได้เลยครับว่า มันเข้ากับทุกฉากเเอคชั่นจนน่าขนลุก จังหวะมันเป๊ะมากๆจริงครับ ตอนผมดูนี่ขนลุกมากเลยครับ โดยเฉพาะฉากที่เพลง The Final Dicision We Must All Take ขึ้นเนี่ย หู้ย~ ต้องบอกเลยครับว่า สมควรได้รางวัลจริงๆ ต้องบอกเลยครับว่า ดนตรีประกอบในเรื่องนี้ มันช่วยผลักดันเเละให้อารมณ์ร่วมไปกับหนังได้ดีมากๆจริงๆครับ มันสุดยอดมาก
รับฟัง Tokyo anime award 2009 : Best Music ของ ชิโร่ ซางิสุ ได้ที่นี้ครับ
* ด้านเพลงประกอบ
ถือเป็นครั้งที่2ครับของซีรี่ส์ชุดนี้ ที่มีการนำ ธีมเพลงมาใช้ประกอบในส่วนเนื้อหาของหนัง
ซึ่งส่วนนี้ขอชื่นชมคนหาเพลงเเละจังหวะการนำเสนอมากครับ หู้!!! เเมร่งโคตรเป๊ะอ่ะครับ จังหวะเเต่ละล็อคของมัน ยังกะว่าผู้กำกับเขาจดสตอรี่บอร์ดมาไว้อย่างดีอ่ะครับ เเมร่งเป๊ะจนขนตรูดลุกเลยครับ(เมิ่งก็เว่อไป) เเละเพลงก้บฉากในหนังมันก็เศร้าอยู่เเล้วนะ พอมาตัดจังหวะจนลงล็อคเป๊ะเเบบนี้เเล้ว มันยิ่งเศร้าเข้าไปใหญ่เลยคร้บ T^T
สรุป : ผมยกให้เป็น อีวานเกเลี่ยนภาคที่ดีที่สุดของผม ณ ตอนนี้เลยครับ ทุกอย่างคือความลงตัว มันสมบูรณ์เเบบจริงๆครับ หากภาค2.0นี้ คือ การกล่าวประกาศว่า "ตำนานกลับมาเเล้ว"
ผมก็ขอกลับน้อมรับอย่างเต็มปากเต็มคำเลยครับว่า "ใช่.. มันกลับมาเเล้วจริงๆ"