พาน้องปลาทองหงายท้องไปหาหมอ

สวัสดีคะ ยิ้ม

    วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์พาน้องปลาทองไปหาหมอมาคะ (พิมพ์ในมือถือ ผิด-ตก ขออภัยคะ) เราเลี้ยงปลาทั้งหมด 5 ตัวคะ เป็นปลาทอง 3 ตัว ปลารักเร่ 2 ตัว แต่ละตัวชื้อมาในราคา 5-15 บาท ตามตลาดจตุจักรมีนบุรีคะ เลี้ยงมาประมาณ 1-3 ปี (บางตัวชื้อมาที่หลัง) ตั้งแต่เลี้ยงมาก็มีตายบ้างอะไรบ้าง จนเริ่มจับทางถูกเหลือผู้รอดมา 5 ตัว ตัวที่เลี้ยงมาแต่เนินๆ ตอนนี้ตัวใหญ่จะเท่าฝ่ามือแล้ว อ้วนๆน่ารักดี 555 แต่เมื่อประมาน 1-2 สัปดาห์ที่แล้ว กลับบ้านมาเจอพี่ใหญ่ในตู้ดันนอนหงายท้องสะงั้น นึกว่าตายพอไปเคาะๆตู้ดูมันก็พลิกตัวมาว่ายดุกดิกๆเหมือนเดิม พอมันอยู่นิ่งๆก็หงายท้องลอยตุบป่อง ก็เลยลองเข้ามาถามอากู๋ดูว่าปลามันเป็นอะไร จากที่สังเกตดูมันน่าจะเป็นอาการถุงลมอักเสบต้องพาไปหาหมอเท่านั้น!!!! ทีนี้เราก็เศร้าเลย เพราะโรงบาลสัตว์ที่รักษาปลา มีน้อยมากกกกก ใน กทม. ก็มี โรงพยาบาลสัตว์เล็กจุฬารงกรณ์ ถ.อังรีดูนังต์ (ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ) กับโรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เท่านั้น แม่เจ้าาาา บ้านเราอยู่ลาดกระบังคะ ไม่ค่อยขับรถเข้าตัวเมืองด้วยถ้าไม่จำเป็น ได้แต่อุทาน here เอาไงดีวะ เลยถามอากู๋อีกรอบหาวิธีรักษาเบื้องต้น หวังว่ามันจะหายเอง ไม่ว่าจะแยกเดี่ยว อัดอ๊อก ใส่เกลือ อดอาหารก็แล้ว ยังเหมือนเดิมคะ หนักกว่าเดิมด้วย ทีนี้พลิกเองไม่ไหวแล้วลอยอย่างเดียวเลย เวลาให้อาหารเราต้องไปพลิกตัวปลาแล้วพยุงให้มันกินอาหาร เวลามันพยายามจะพลิกตัวว่ายลงมันจะใช้แรงเยอะมาก แต่ได้แค่หมุนตัว เราเห็นแล้วรู้สึกทรมานมากกก น้ำตาจิไหล สงสารสุดๆ เลยตัดสินใจจะพาไปหาหมอวันจันทร์คะ ที่ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ จุฬา เพราะคุ้นทางกว่าไปบางเขน แต่ก็ต้องเปิด map นำทางคะ ก่อนไปเราก็เลยต้องไปหาชื้ออ๊อกเลื่อนที่แบบใส่ถ่านมา  เพราะเดินทางไกล รถติด เผื่อหลงอีก 555 ชื้อมา 150บาทคะ (หาชื้อได้ตามร้านขายปลาทั่วไป) ไม่รวมถ่านนะคะ ใช้ถ่านใหญ่ 2ก้อน ก็ 20กว่าบาทคะ


จากนั้นก็หาพาชนะที่เหมาะสมคะ เราไม่รู้จะใส่อะไรไป นั้งคิดอยู่นานเหลือบไปเห็นกระติกน้ำแข็ง เลยเอาวะกระติกน้ำแข็กนี้แหละ แข็งแรงดีทรงสูงน้ำไม่กระฉอกด้วย

อ๊อดพร้อม กระติกพร้อม. let's go!!


เราไปตอนเช้าคะ รถติดสุดๆ ออกบ้านตอน 7โมงเช้า ไปถึงตอนเกือบๆ 9โมง พอไปถึงก็ตรงไปที่ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ เลยค่าาา อยู่ตรงอาคาร 60ปี ชั้น 2 ตรงแลกบัตรขึ้นไปคะ บรรยากาศวังแวงๆ เงียบมากคะ คนไม่มีเลย เหมือนจะเป็นเดียวที่พาปลาไปหาหมอ - -"
เจ้าหน้าที่ น่ารักคะ เค้าจะมารับปลาไปให้อ๊อก แล้วให้เรากรอกรายละเอียดของปลาคะ จากนั้นก็นั้งรออออ เพราะหมอมา 9โมง รอไม่นานคะ หมอก็มา หมอเค้าจะถามลายละเอียดทั่วไปคะ ให้อาหารยังไง เปลี่ยนน้ำยังไง เป็นนานรึยัง บลาๆๆๆๆ จากนั้นหมอก็เข้าไปตรวจรักษาหาเชื้อปรสิต ผลปรากฏว่า มีปรสิตเกาะตัวปลาอยู่ มันจะคล้ายๆ เห็บเกาะหมา เมื่อไหร่ที่ปลาเริ่มอ่อนแอ ก็จะเกิดโรคต่างๆ กับปลาคะ ในกรณีนี้คือถุงลมอักเสบ และทำให้ภายในอักเสบ หมอบอกมา และเนื้องจากไม่ได้น้ำน้องปลามารักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ตอนนี้อาการแย่คะ รักษาแล้วโอกาสกลับมาเป็นแบบเดิมสูง เนื่องจากความยืดหยุดของถุงลมทำงานไม่ปกติแล้ว (เศร้า TT) หมอก็พูดตอนนี้อาการอยู่ในขั้นเฝ้าระวัง แต่ให้ความรู้สึกว่าต้องทำใจยังไงก็ไม่รู้...... หมอจ่ายค่าฆ่าปรสิตมาคะ ให้เอากลับมาแช่ทั้งตู้เลย เปลี่ยนถ่ายน้ำ 50% พร้อมหยอดยา ทุกๆ 3วัน 3ครั้ง


ค่ารักษาหมดไป 520บาท (ไม่รวมกะที่โดนจีพีเอสหลอกให้ขึ้นทางด่วนโดนไป 2ด่าน555 อันนี้ไม่เกี่ยว)


พอกลับมาถึงบ้านก็ทำงานล้างตู้ปลาเปลี่ยนน้ำใส่ยา หันมาดูในถุงปลาที่หมอแพ็คอัดอ๊อกมาให้ พี่แกดันลอยตัวขึ้นมาอีกสะงั้น (ตอนแรกมันนอนจมตะแขงท้องแฟบอยู่) เอาละงั้ย กลับมาเป็นเร็วไปไหม!??? พอเอาลงตู้มันพลิกตัวว่ายน้ำได้ ดีดกว่าเดิมดูมีแรก แต่ก็กลับมาลอยอยู่ดี หรือแค่เสียศูนย์?? เราเลยรอดูอาการก่อนคะ ตกเย็นมา มันก็ลอยเหมือนเดิม ที่นี้ท้องมันลอยขึ้นมาเหนือน้ำเลยคะ


จะโทรหาหมอก็เลยเวลาแล้ว ต้องรออีกวันแต่ก็ดันมีธุระแต่เช้าตรู่ทั้งวันเลย ตอนนี้ก็เลยได้แต่นั้งมองไม่รู้จะทำไงดีคะ TT


เศร้าอะ สงสาร เลี้ยงกว่าจะโตได้ขนาดนี้ TT เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าปลาป่วยควรรีบพาไปพบแพทย์ ปลาทองเป็นอะไรที่บอบบางคะ ถ้าได้ป่วยแล้ว ไม่รีบพาไปหาหมอโอกาสรอดน้อยมาก ตอนนี้ก็ได้แค่หวังว่าจะแค่พิการว่ายน้ำไม่ปกติเท่านั้น.....

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านคะ ใครมีคำแนะนำใดๆ ก็ช่วยชี้แนะทีคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่