ความหมายและความสำคัญ
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic media) หมายถึง สื่อที่บันทึกสารสนเทศด้วย วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อาจอยู่ในรูปของ สื่อบันทึกข้อมูลประเภทสารแม่เหล็ก เช่น แผ่นจานแม่เหล็ก
ชนิดอ่อน (floppy disk) และสื่อประเภทจานแสง(optical disk)บันทึกอักขระแบบดิจิตอลไม่สามารถอ่านได้ด้วยตาเปล่า ต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์บันทึกและอ่านข้อมูล
เป็นสื่อการเรียนการสอนที่เกิดจากวิวัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโทรคมนาคม การใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ในการเรียนการสอนจะออกมาในลักษณะของสื่อประสม หรือมัลติมีเดีย (Multimedia) แสดงผลออกมาหลายรูปแบบตามที่โปรแกรมไว้ เช่น มีเสียง เป็นภาพเคลื่อนไหว สามารถให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์
ประเภทของสื่ออิเล็กทรอนิกส์
1.คอมพิวเตอร์ช่วยสอน CAI
CAI ย่อมาจากคำว่า COMPUTER-ASSISTED หมายถึง สื่อการเรียนการสอนทางคอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่ง ซึ่งใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการนำเสนอสื่อประสม ได้แก้ ข้อความ ภาพนิ่ง กราฟิก แผนภูมิ กราฟ วีดีทัศน์ ภาพเคลื่อนไหวและเสียง
2.WBI (Web-based Instruction)
คือ บทเรียนที่สร้างขึ้นสำหรับการเรียนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยนำจุดเด่นของวิธีการให้บริการข้อมูลแบบ www มาประยุกต์ใช้Web Base Instructionจึงเป็นบทเรียนประเภท CAI แบบ On-line ในที่นี้หมายความว่า ผู้เรียนเรียนอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ติดต่อผ่านเครือกับเครื่องแม่ข่ายที่บรรจุบทเรียน
3.การเรียนอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Learning
เป็นการศึกษาเรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ตหรืออินทราเน็ตเป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผู้เรียนจะได้เรียนตามความสามารถและความสนใจของตนโดยเนื้อหาของบทเรียนซึ่งประกอบด้วยข้อความ รูปภาพ เสียง วีดีโอ มัลติมีเดียอื่นๆ
4.E-book
เป็นคำภาต่างประเทศ ย่อมาจากคำว่า electronic book หมายถึง หนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์โดยปกติมักจะเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถอ่านเอกสารทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์
5. E-Training
E-Training หมายถึง กระบวนการการฝึกอบรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นกระบวนการจัดการฝึกทักษะ เพิ่มพูนสาระความรู้ ที่เน้นให้ผู้เข้ารับการอบรมนั้นเรียนรู้ด้วยตนเอง ผู้เข้าอบรมมีอิสระในการเข้าศึกษา เรียนรู้ตามเวลา โอกาสที่ผู้ฝึกอบรมต้องการโดยเนื้อหาขององค์ความรู้จะถูกออกแบบมาให้ศึกษาเรียนรู้ได้โดยง่าย ในรูปแบบมัลติมีเดียซึ่งประกอบด้วยสื่อที่เป็นข้อความรูป หรืออาจมีภาพเคลื่อนไหว
6.Learning Object
หมายถึง การจัดรูปแบบสาระการเรียนรู้เป็นหน่วยที่เป็นอิสระใช้เวลาสำหรับการเรียนรู้ เป็นช่วงสั้นๆ ประมาณ 2 ถึง 15 นาที และถึงแม้ว่าจะเป็นการเรียนรู้แบบหน่วยย่อยก็ตาม Learning Object จะมีความสมบรูณ์ในตัวเอง ซึ่งในแต่ละเนื้อหาจะประกอบชื่อเรื่อง คำอธิบาย คำสำคัญ วัตถุประสงค์การเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ และการประเมินผล ประการหนึ่งคือ ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเมล (E-mail)
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) คือ การส่งข้อความหรือข่าวสารจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลอื่นๆ ผ่านทางคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายเหมือนกับการส่งจดหมาย แต่อยู่ในรูปแบบของสัญญาณข้อมูลที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ โดยเปลี่ยนการนำส่งจดหมายจากบุรุษไปรษณีย์มาเป็นโปรแกรม และเปลี่ยนจากการใช้เส้นทางจราจรคมนาคมทั่วไปมาเป็นช่องสัญญาณรูปแบบต่างๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะตรงเข้ามาสู่ Mail Box ที่ถูกจัดสรรใน Server ของผู้รับปลายทางทันที
1. แนวทางการใช้งานจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ มีขั้นตอนดังนี้
1.1. ผู้เขียนต้องพิมพ์อีเมลแอดเดรสของผู้ที่เราจะส่งไปในช่องสำหรับผู้รับ
1.2. กรณีที่ต้องการจะส่งอีเมลไปหาหลายๆคนในเวลาเดียวกันให้พิมพ์อีเมลแอดเดรสของคนเหล่านั้นในช่อง Cc: (Carbon Copy) คั่นด้วยเครื่องหมายเซมิโคลอน (;) จนครบตามจำนวนที่ต้องการ
1.3. พิมพ์ข้อความที่เป็นหัวเรื่องในช่อง Subject ไม่ควรส่งอีเมลแบบไม่มีชื่อเรื่องไป
1.4.พิมพ์ข้อความที่ต้องการส่งเมื่อพิมพ์ข้อความเสร็จแล้วสามารถส่งอีเมลได้ทันที โดยคลิกที่ปุ่ม Send ทั้งนี้จะต้องมีการเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว
1.5. หากต้องการส่งข้อความอื่นๆ ที่มีขนาดยาวหรือมีภาพประกอบซึ่งทำจากโปรแกรมวาดภาพ ก็สามารถส่งไปพร้อมกับอีเมลได้โดยใช้วิธีการแนบไฟล์ คลิกเมาส์ที่ปุ่ม Attach ไปกับอีเมล
2.แนวทางการใช้ภาษาเพื่อการเขียนจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ได้ดังนี้
2.1. เริ่มต้นด้วยการทักทาย เช่น สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ
2.2. หากเป็นการส่งอีเมลถึงผู้รับในครั้งแรก ควรแนะนำว่าตนเองเป็นใคร บอกชื่อ ชื่อสถาบันหรือที่ทำงาน และความเกี่ยวข้องกับผู้รับสาร
2.3. เขียนเนื้อหาให้ตรงประเด็น
2.4. สรุปจบ ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณในความช่วยเหลือ
เฟซบุ๊ก (Facebook)
Facebook คือ บริการบนอินเทอร์เน็ตบริการหนึ่ง ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถติดต่อสื่อสารและร่วมทำกิจกรรมใดกิจกรรม หนึ่งหรือหลายๆ กิจกรรมกับผู้ใช้ Facebook คนอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งประเด็นถามตอบในเรื่องที่สนใจ โพสต์รูปภาพ โพสต์คลิปวิดีโอ เขียนบทความหรือบล็อก แชทคุยกันแบบสดๆ เล่นเกมส์แบบเป็นกลุ่ม (เป็นที่นิยมกันอย่างมาก) และยังสามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ผ่านแอพลิเคชั่นเสริม (Applications) ที่มีอยู่อย่างมากมาย ซึ่งแอพลิเคชั่นดังกล่าวได้ถูกพัฒนาเข้ามาเพิ่ม เติมอยู่เรื่อยๆ
1. แนวทางการใช้งานเฟซบุ๊ก ได้ดังนี้
1.1. เข้าไปที่ www.facebook.com จากนั้นจะมีช่องให้สำหรับกรอกข้อมูลการสมัครเชื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อ นามสกุล(Full Name) อีเมล (ใช้สำหรับยืนยันในการเปิดใช้บริการครั้งแรก) เพศ วัน เดือน ปีเกิด รหัสผ่าน ตามลำดับ จากนั้นกดปุ่ม ลงทะเบียน
1.2. เมื่อกดปุ่มแล้วมีหน้าจอสำหรับใส่รหัส ให้พิมพ์เหมือนกับในช่องที่มีตัวอักษร เมื่อใส่เสร็จแล้วให้กดปุ่ม Log In หรือเข้าสู่ระบบ
1.3. ระบบแจ้งว่า ให้ตรวจสอบอีเมลที่ได้ลงทะเบียนเอาไว้
1.4. เมื่อเปิดอีเมลทาง Facebook ส่งมาให้แล้ว ให้คลิกที่ลิงก์ที่อยู่ในเมลนั้น เพื่อยืนยันสถานะการลงทะเบียน จากนั้นจะมาที่จอสำหรับค้นหาเพื่อนจากอีเมล
1.5. ขั้นตอนต่อมาเป็นขั้นตอนสำหรับใส่ประวัติการศึกษา สามารถเลือกชื่อสถานศึกษา ปีที่สำเร็จการศึกษา ซึ่งต่อมาระบบจะค้นหารายชื่อเพื่อนๆให้โดยอัตโนมัติ
1.6. ขั้นตอนสุดท้ายให้เลือกประเทศ เมือง หรือจังหวัด เพื่อระบบจะช่วยค้นหารายชื่อคนที่เล่น Facebook ในประเทศนั้นให้
1.7. เมื่อทำตามขั้นตอนต่างๆเรียบร้อยแล้ว ก็มาที่หน้าแรกของ Facebook ซึ่งในตอนแรกยังคงเป็นหน้าว่างๆให้คลิก Profile จากนั้นให้คลิกคำว่า Add photos ซึ่งสามารถสร้างอัลบั้มต่างๆเองได้ รวมไปถึงกำหนดสิทธิ์ได้ว่าอนุญาตให้ใครดูอัลบั้มรูปของเราได้บ้าง
1.8. การเขียนบันทึกให้เพื่อนๆได้อ่านหรือเก็บไว้เตือนความจำ ผ็ใช้สามารถเขียนเรื่องราวความทรงจะ ความประทับใจ โดยใกล้ๆคำว่า Add Video จะมีคำว่า Write Note ให้คลิกที่คำนี้ จากนั้นจะมีช่องสำหรับใส่ชื่อเรื่อง(Title) และเนื้อหา (Body) เมื่อเสร็จเรียบร้อย ให้กดปุ่ม Post
2. แนวทางการใช้ภาษาเขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ได้ดังนี้
2.1. หากเป็นเรื่องส่วนตัวควรใช้วิธีส่งข้อความทางแมสแสจ (message) แทนการเขียนไว้หรือโพสต์บนวอลล์ (Wall)
2.2. คิดให้รอบคอบทุกครั้งว่าสิ่งที่เขียน จะทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด
2.3. หากเป็นเรื่องเร่งด่วน หรือมีความสำคัญควรใช้การติดต่อช่องทางอื่น
2.4.ไม่ควรเขียแสเงความคิดเห็นมากเกินไป อาจทำให้คนอื่นเกิดความเข้าใจผิดได้
2.5. การส่งข้อความด้วยภาษาเขียน ควรเลือกใช้คำที่แปลความหมายได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่ควรใช้ถ้อยคำที่มีความหมายแฝง
2.6. ไม่ควรเขียนอัพเดต (Update) สถานะของตนเองมากเกินไป
2.7. หลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์แต่ในเฉพาะในด้านลบ
2.8. หลีกเลี่ยงการส่งต่อจดหมายลูกโซ่
ขอขอบคุณที่มา
https://sites.google.com/site/webkarkheiynpheuxphansux/2-naewthang-kar-kheiyn-pheux-phan-sux-xilekthrxniks/2-3-thwi-t-texr-twitter
การเขียนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ความหมายและความสำคัญ
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic media) หมายถึง สื่อที่บันทึกสารสนเทศด้วย วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อาจอยู่ในรูปของ สื่อบันทึกข้อมูลประเภทสารแม่เหล็ก เช่น แผ่นจานแม่เหล็ก
ชนิดอ่อน (floppy disk) และสื่อประเภทจานแสง(optical disk)บันทึกอักขระแบบดิจิตอลไม่สามารถอ่านได้ด้วยตาเปล่า ต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์บันทึกและอ่านข้อมูล
เป็นสื่อการเรียนการสอนที่เกิดจากวิวัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโทรคมนาคม การใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ในการเรียนการสอนจะออกมาในลักษณะของสื่อประสม หรือมัลติมีเดีย (Multimedia) แสดงผลออกมาหลายรูปแบบตามที่โปรแกรมไว้ เช่น มีเสียง เป็นภาพเคลื่อนไหว สามารถให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์
ประเภทของสื่ออิเล็กทรอนิกส์
1.คอมพิวเตอร์ช่วยสอน CAI
CAI ย่อมาจากคำว่า COMPUTER-ASSISTED หมายถึง สื่อการเรียนการสอนทางคอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่ง ซึ่งใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการนำเสนอสื่อประสม ได้แก้ ข้อความ ภาพนิ่ง กราฟิก แผนภูมิ กราฟ วีดีทัศน์ ภาพเคลื่อนไหวและเสียง
2.WBI (Web-based Instruction)
คือ บทเรียนที่สร้างขึ้นสำหรับการเรียนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยนำจุดเด่นของวิธีการให้บริการข้อมูลแบบ www มาประยุกต์ใช้Web Base Instructionจึงเป็นบทเรียนประเภท CAI แบบ On-line ในที่นี้หมายความว่า ผู้เรียนเรียนอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ติดต่อผ่านเครือกับเครื่องแม่ข่ายที่บรรจุบทเรียน
3.การเรียนอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Learning
เป็นการศึกษาเรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ตหรืออินทราเน็ตเป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผู้เรียนจะได้เรียนตามความสามารถและความสนใจของตนโดยเนื้อหาของบทเรียนซึ่งประกอบด้วยข้อความ รูปภาพ เสียง วีดีโอ มัลติมีเดียอื่นๆ
4.E-book
เป็นคำภาต่างประเทศ ย่อมาจากคำว่า electronic book หมายถึง หนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์โดยปกติมักจะเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถอ่านเอกสารทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์
5. E-Training
E-Training หมายถึง กระบวนการการฝึกอบรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นกระบวนการจัดการฝึกทักษะ เพิ่มพูนสาระความรู้ ที่เน้นให้ผู้เข้ารับการอบรมนั้นเรียนรู้ด้วยตนเอง ผู้เข้าอบรมมีอิสระในการเข้าศึกษา เรียนรู้ตามเวลา โอกาสที่ผู้ฝึกอบรมต้องการโดยเนื้อหาขององค์ความรู้จะถูกออกแบบมาให้ศึกษาเรียนรู้ได้โดยง่าย ในรูปแบบมัลติมีเดียซึ่งประกอบด้วยสื่อที่เป็นข้อความรูป หรืออาจมีภาพเคลื่อนไหว
6.Learning Object
หมายถึง การจัดรูปแบบสาระการเรียนรู้เป็นหน่วยที่เป็นอิสระใช้เวลาสำหรับการเรียนรู้ เป็นช่วงสั้นๆ ประมาณ 2 ถึง 15 นาที และถึงแม้ว่าจะเป็นการเรียนรู้แบบหน่วยย่อยก็ตาม Learning Object จะมีความสมบรูณ์ในตัวเอง ซึ่งในแต่ละเนื้อหาจะประกอบชื่อเรื่อง คำอธิบาย คำสำคัญ วัตถุประสงค์การเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ และการประเมินผล ประการหนึ่งคือ ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเมล (E-mail)
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) คือ การส่งข้อความหรือข่าวสารจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลอื่นๆ ผ่านทางคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายเหมือนกับการส่งจดหมาย แต่อยู่ในรูปแบบของสัญญาณข้อมูลที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ โดยเปลี่ยนการนำส่งจดหมายจากบุรุษไปรษณีย์มาเป็นโปรแกรม และเปลี่ยนจากการใช้เส้นทางจราจรคมนาคมทั่วไปมาเป็นช่องสัญญาณรูปแบบต่างๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะตรงเข้ามาสู่ Mail Box ที่ถูกจัดสรรใน Server ของผู้รับปลายทางทันที
1. แนวทางการใช้งานจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ มีขั้นตอนดังนี้
1.1. ผู้เขียนต้องพิมพ์อีเมลแอดเดรสของผู้ที่เราจะส่งไปในช่องสำหรับผู้รับ
1.2. กรณีที่ต้องการจะส่งอีเมลไปหาหลายๆคนในเวลาเดียวกันให้พิมพ์อีเมลแอดเดรสของคนเหล่านั้นในช่อง Cc: (Carbon Copy) คั่นด้วยเครื่องหมายเซมิโคลอน (;) จนครบตามจำนวนที่ต้องการ
1.3. พิมพ์ข้อความที่เป็นหัวเรื่องในช่อง Subject ไม่ควรส่งอีเมลแบบไม่มีชื่อเรื่องไป
1.4.พิมพ์ข้อความที่ต้องการส่งเมื่อพิมพ์ข้อความเสร็จแล้วสามารถส่งอีเมลได้ทันที โดยคลิกที่ปุ่ม Send ทั้งนี้จะต้องมีการเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว
1.5. หากต้องการส่งข้อความอื่นๆ ที่มีขนาดยาวหรือมีภาพประกอบซึ่งทำจากโปรแกรมวาดภาพ ก็สามารถส่งไปพร้อมกับอีเมลได้โดยใช้วิธีการแนบไฟล์ คลิกเมาส์ที่ปุ่ม Attach ไปกับอีเมล
2.แนวทางการใช้ภาษาเพื่อการเขียนจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ได้ดังนี้
2.1. เริ่มต้นด้วยการทักทาย เช่น สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ
2.2. หากเป็นการส่งอีเมลถึงผู้รับในครั้งแรก ควรแนะนำว่าตนเองเป็นใคร บอกชื่อ ชื่อสถาบันหรือที่ทำงาน และความเกี่ยวข้องกับผู้รับสาร
2.3. เขียนเนื้อหาให้ตรงประเด็น
2.4. สรุปจบ ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณในความช่วยเหลือ
เฟซบุ๊ก (Facebook)
Facebook คือ บริการบนอินเทอร์เน็ตบริการหนึ่ง ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถติดต่อสื่อสารและร่วมทำกิจกรรมใดกิจกรรม หนึ่งหรือหลายๆ กิจกรรมกับผู้ใช้ Facebook คนอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งประเด็นถามตอบในเรื่องที่สนใจ โพสต์รูปภาพ โพสต์คลิปวิดีโอ เขียนบทความหรือบล็อก แชทคุยกันแบบสดๆ เล่นเกมส์แบบเป็นกลุ่ม (เป็นที่นิยมกันอย่างมาก) และยังสามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ผ่านแอพลิเคชั่นเสริม (Applications) ที่มีอยู่อย่างมากมาย ซึ่งแอพลิเคชั่นดังกล่าวได้ถูกพัฒนาเข้ามาเพิ่ม เติมอยู่เรื่อยๆ
1. แนวทางการใช้งานเฟซบุ๊ก ได้ดังนี้
1.1. เข้าไปที่ www.facebook.com จากนั้นจะมีช่องให้สำหรับกรอกข้อมูลการสมัครเชื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อ นามสกุล(Full Name) อีเมล (ใช้สำหรับยืนยันในการเปิดใช้บริการครั้งแรก) เพศ วัน เดือน ปีเกิด รหัสผ่าน ตามลำดับ จากนั้นกดปุ่ม ลงทะเบียน
1.2. เมื่อกดปุ่มแล้วมีหน้าจอสำหรับใส่รหัส ให้พิมพ์เหมือนกับในช่องที่มีตัวอักษร เมื่อใส่เสร็จแล้วให้กดปุ่ม Log In หรือเข้าสู่ระบบ
1.3. ระบบแจ้งว่า ให้ตรวจสอบอีเมลที่ได้ลงทะเบียนเอาไว้
1.4. เมื่อเปิดอีเมลทาง Facebook ส่งมาให้แล้ว ให้คลิกที่ลิงก์ที่อยู่ในเมลนั้น เพื่อยืนยันสถานะการลงทะเบียน จากนั้นจะมาที่จอสำหรับค้นหาเพื่อนจากอีเมล
1.5. ขั้นตอนต่อมาเป็นขั้นตอนสำหรับใส่ประวัติการศึกษา สามารถเลือกชื่อสถานศึกษา ปีที่สำเร็จการศึกษา ซึ่งต่อมาระบบจะค้นหารายชื่อเพื่อนๆให้โดยอัตโนมัติ
1.6. ขั้นตอนสุดท้ายให้เลือกประเทศ เมือง หรือจังหวัด เพื่อระบบจะช่วยค้นหารายชื่อคนที่เล่น Facebook ในประเทศนั้นให้
1.7. เมื่อทำตามขั้นตอนต่างๆเรียบร้อยแล้ว ก็มาที่หน้าแรกของ Facebook ซึ่งในตอนแรกยังคงเป็นหน้าว่างๆให้คลิก Profile จากนั้นให้คลิกคำว่า Add photos ซึ่งสามารถสร้างอัลบั้มต่างๆเองได้ รวมไปถึงกำหนดสิทธิ์ได้ว่าอนุญาตให้ใครดูอัลบั้มรูปของเราได้บ้าง
1.8. การเขียนบันทึกให้เพื่อนๆได้อ่านหรือเก็บไว้เตือนความจำ ผ็ใช้สามารถเขียนเรื่องราวความทรงจะ ความประทับใจ โดยใกล้ๆคำว่า Add Video จะมีคำว่า Write Note ให้คลิกที่คำนี้ จากนั้นจะมีช่องสำหรับใส่ชื่อเรื่อง(Title) และเนื้อหา (Body) เมื่อเสร็จเรียบร้อย ให้กดปุ่ม Post
2. แนวทางการใช้ภาษาเขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ได้ดังนี้
2.1. หากเป็นเรื่องส่วนตัวควรใช้วิธีส่งข้อความทางแมสแสจ (message) แทนการเขียนไว้หรือโพสต์บนวอลล์ (Wall)
2.2. คิดให้รอบคอบทุกครั้งว่าสิ่งที่เขียน จะทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด
2.3. หากเป็นเรื่องเร่งด่วน หรือมีความสำคัญควรใช้การติดต่อช่องทางอื่น
2.4.ไม่ควรเขียแสเงความคิดเห็นมากเกินไป อาจทำให้คนอื่นเกิดความเข้าใจผิดได้
2.5. การส่งข้อความด้วยภาษาเขียน ควรเลือกใช้คำที่แปลความหมายได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่ควรใช้ถ้อยคำที่มีความหมายแฝง
2.6. ไม่ควรเขียนอัพเดต (Update) สถานะของตนเองมากเกินไป
2.7. หลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์แต่ในเฉพาะในด้านลบ
2.8. หลีกเลี่ยงการส่งต่อจดหมายลูกโซ่
ขอขอบคุณที่มา https://sites.google.com/site/webkarkheiynpheuxphansux/2-naewthang-kar-kheiyn-pheux-phan-sux-xilekthrxniks/2-3-thwi-t-texr-twitter