มนุษย์เป็นสัตว์สังคม แบ่งงานกันทำ พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันเป็นสังคม พระก็เป็นส่วนหนึ่งในสังคม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า กำหนดให้พระภิกษุบิณฑบาตเลี้ยงชีพจากญาติโยมผู้ศรัทธา ไม่ให้แยกตัวจากสังคม เก็บผลไม้หาหัวเผือกหัวมันกินเอง อย่างฤาษี ดาบสทั้งหลาย
การที่เราจะมีความสุข ความปลอดภัย มีความเจริญในชีวิตได้ มาจากสิ่งแวดล้อมที่ดี สิ่งแวดล้อมนั้นคือบุคคลต่างที่อยู่รอบตัวเรา ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดี คือ มีพ่อแม่คอยอบรมสั่งสอนมาดี มีครูดี มีเพื่อนดี มีภรรยาหรือสามีที่ดี มีลูกน้องที่ดี ตรงกันข้าม ความทุกข์ ภัยอันตราย ก็มาจากบุคคลรอบตัวเช่นกัน เช่น พ่อแม่ไม่เลี้ยงดูอบรม ครูไม่สอน เพื่อนชวนแต่ทางเสื่อม ภรรยา หรือสามีก็นอกใจ บุคคลที่อยู่รอบตัวเรานี้ เป็นส่วนที่เล็กที่สุดของสังคม เรียกว่าทิศ 6 (สิงคาลกสูตร)
การแก้ไขหากอยากจะมีชีวิตอยู่ในสังคมที่ดี พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนให้ทำหน้าที่ของตนให้ดี เมื่อทำหน้าที่ของตนดีแล้ว จะไปกระตุ้นให้บุคคลที่อยู่รอบตัวเรา ทำหน้าที่ของตนบ้าง เมื่อทุกคนต่างทำหน้าที่ของตนแล้ว สังคมโดยรวมก็พลอยดีมีความสุขตาม เราซึ่งเป็นคนหนึ่งในสังคมก็ดีตามไปด้วย
ในกรณีของพระสงฆ์และฆราวาสในขณะนี้ แทนที่จะด่าว่ากันไปมาว่าเลวอย่างนั้นอย่างนี้ คำถามคือ รู้มั้ยว่าหน้าที่ของพระที่มีต่อโยมคืออะไร หน้าที่ของโยมที่มีต่อพระคืออะไร ซึ่งหากแต่ละฝ่ายทำหน้าที่ของตนให้อย่างเต็มที่แล้ว ฝั่งพระก็จะมี โยมที่ดีคอยสนับสนุนการบวช เช่นเดียวกันกับฆราวาส ก็จะได้มีพระที่ดีสนับสนุนให้ดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องดีงาม (กรุณาเปิดดูคำเต็มที่ก็อปมาจากพระไตรปิฎกอยู่ในสปอยล์นะครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สิงคาลกสูตร
[๒๐๔] ดูกรคฤหบดีบุตร สมณพราหมณ์ผู้เป็นทิศเบื้องบน อันกุลบุตรพึงบำรุงด้วย สถาน ๕ คือ
ด้วยกายกรรมประกอบด้วยเมตตา ๑
ด้วยวจีกรรมประกอบด้วยเมตตา ๑
ด้วยมโนกรรม ประกอบด้วยเมตตา ๑
ด้วยความเป็นผู้ไม่ปิดประตู ๑
ด้วยให้อามิสทานเนืองๆ ๑ ฯ
ดูกรคฤหบดีบุตร สมณพราหมณ์ผู้เป็นทิศเบื้องบน อันกุลบุตรบำรุงด้วยสถาน ๕ เหล่านี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรด้วยสถาน ๖ คือ
ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว ๑
ให้ตั้งอยู่ในความดี ๑
อนุเคราะห์ด้วยน้ำใจอันงาม ๑
ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง ๑
ทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่มแจ้ง ๑
บอกทางสวรรค์ให้ ๑ ฯ
ดูกรคฤหบดีบุตร สมณพราหมณ์ผู้เป็นทิศเบื้องบน อันกุลบุตรบำรุงด้วยสถาน ๕ เหล่านี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรด้วยสถาน ๖ เหล่านี้ ทิศเบื้องบนนั้น ชื่อว่าอันกุลบุตร ปกปิดให้เกษมสำราญ ให้ไม่มีภัย ด้วยประการฉะนี้ ฯ .
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๑ สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ข.204 น.146
หน้าที่ของฆราวาสต่อพระภิกษุ
หลักๆ คือสนับสนุนให้พระมีกำลังกายกำลังใจ ในการศึกษาปฏิบัติธรรม บำเพ็ญศาสนกิจ มี 5 ประการคือ
คืด พูด ทำ สิ่งต่าง ๆ ด้วยความปรารถนาดี
อยากให้ท่าน มีความสุข มีความสะดวก ในการศึกษาและปฏิบัติธรรม
ยินดีต้อนรับ
เพราะการต้อนรับจะเป็นโอกาส ให้ได้ฟังธรรม ได้สอบถามความสงสัย
ทำบุญถวายปัจจัย 4 ต่างๆ
เพื่อท่านสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้ในสมณะเพศ ทำไมต้อง ๆ บ่อย ๆ เพราะพระต้องฉันทุกวัน
ทำแบบนี้แล้วได้อะไร ?
พระก็จะเกิดกำลังใจ และความปลอดกังวลในเรื่องต่าง ๆ เช่น การแสวงหาอาหาร จึงลุยศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่ และทำหน้าที่ของพระภิกษุที่มีต่อฆราวาส 6 ประการคืนดังต่อไปนี้
หน้าที่ของพระภิกษุที่มีต่อฆราวาส
ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว
สมัยนี้ยิ่งถ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะมีใครกล้ามาห้าม แต่พระที่ดีห้ามครับ อาจจะไม่ถูกใจแต่ท่านทำหน้าที่ของท่านแล้ว
ให้ตั้งอยู่ในความดี
โรงเรียนก็สอนเรื่องทำมาหากิน ถ้าพระไม่สอนเรื่องความดีใครจะสอนครับ แล้วใครจะบอกได้ว่าอะไรดีอะไรชั่วเพราะอะไร
อนุเคราะห์ด้วยนำใจอันงาม
อำนวยความสะดวกในการสั่งสมบุญปฏิบัติธรรม หรือนำธรรมะไปแก้ปัญหาในชีวิต เช่น โยมไม่สบายมากอยากฟังธรรม พระก็ไปเยี่ยมไปเล่าธรรมะไปให้กำลังใจ ปิดเทอมเด็กอยู่บ้านไม่ได้ทำอะไรพ่อแม่ต้องทำงาน พระก็จัดบวชสามเณรภาคฤดูร้อนเป็นต้น
ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
เทศน์สอนบอก ว่า อะไรกุศล อะไรอกุศล อะไรเป็นประโยชน์ อะไรเป็นโทษ อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ
ทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่มแจ้ง
อธิบายว่าทำไม มีอานิสงส์ อย่างไร จะนำไปปฏิบัติให้เกิดผลอย่างไร
บอกทางสวรรค์ให้
สอนเรื่องกฎแห่งกรรมทำดีได้ดี สอนเรื่องชีวิตหลังความตายให้มีเป้าหมายชีวิต ไปสวรรค์ไปนิพพาน
สิ่งที่ผมได้จากการอ่านพระสูตรนี้คือ
สถานะและบทบาทของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผมขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบ เช่นถ้ามีลูกแล้วลูกเรียนหนังสือไม่เก่ง จึงไม่อยากเรียนหนังสือ วิธีแก้ไขคุณคิดว่าด่ามัน ประจานมัน เจอใครก็เล่าให้ฟัง ว่าลูกมันโง่แค่ไหน ตีมัน ไม่ให้เงินมันใช้ ขังมันไว้ในห้องไม่ให้ไปไหนให้อ่านหนังสืออย่างเดียว จะทำให้เด็กขยันเรียนหนังสือ เรียนเก่งขึ้น รักในการศึกษาเรียนรู้ใช่ไหม หรือว่าดีไม่ดีอาจเตลิดเปิดเปิง หนีโรงเรียน เกลียดการเรียนไปเลยก็เป็นได้
ตรงกันข้าม หากเข้าใจ ให้กำลังใจ สนับสนุนให้ลูกแสวงหาความถนัด ความชอบของตนเองให้เจอ แล้วส่งเสริมให้เรียนไปทางนั้น เอาดีทางนั้น คุณคิดว่าอย่างไหนดีกว่ากัน พระกับโยมก็เช่นเดียวกัน การบวชพระเป็นไปด้วยความสมัครใจ มาด้วยอุดมการณ์ หากแต่วันนี้ท่านยังไม่หมดกิเลส ท่านยังคุ้นชินอยู่กับความเป็นฆราวาส เหมือนมะม่วงเด็ดมายังไม่ทิ้งยาง คุณคิดว่าด่าพระไปเรื่อย ๆ มาก ๆ แล้วจะแก้ปัญหาได้หรือ มีแต่จะทำให้พระดี ๆ เบื่อระอาหนีหาย สุดท้ายคนที่เสียประโยชน์ก็คือฆราวาส ต้องอยู่ในสังคมที่ปราศจากความดี
การทำหน้าที่ของตนให้ครบถ้วนท่านเรียกว่าป้องกันภัยในทิศทั้งหลาย เพราะจะทำให้เราได้รับแต่สิ่งดีจากบุคคลที่อยู่รอบตัวของเรา เป็นประหนึ่งเกราะเพชรล้อมรอบทั้ง 6 ทิศ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ กลับมามองดูตัวเราเองว่า ถ้าเป็นพระก็ทำหน้าที่ของตนต่อโยมสมบูรณ์ แล้วหรือยังถ้าเป็นโยม ก็มองว่าทำหน้าที่ของตนสมบูรณ์แล้วหรือยัง ที่แน่ ๆ คือไม่มีหน้าที่ด่า เพื่อรักษาพระศาสนาแน่นอน หากจะรักษาพระพุทธศาสนาต้องใช้ปัญญา ทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ครับ
หน้าที่พระ หน้าที่ฆราวาส คุณรู้หน้าที่ของคุณแล้วหรือยัง ?
การที่เราจะมีความสุข ความปลอดภัย มีความเจริญในชีวิตได้ มาจากสิ่งแวดล้อมที่ดี สิ่งแวดล้อมนั้นคือบุคคลต่างที่อยู่รอบตัวเรา ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดี คือ มีพ่อแม่คอยอบรมสั่งสอนมาดี มีครูดี มีเพื่อนดี มีภรรยาหรือสามีที่ดี มีลูกน้องที่ดี ตรงกันข้าม ความทุกข์ ภัยอันตราย ก็มาจากบุคคลรอบตัวเช่นกัน เช่น พ่อแม่ไม่เลี้ยงดูอบรม ครูไม่สอน เพื่อนชวนแต่ทางเสื่อม ภรรยา หรือสามีก็นอกใจ บุคคลที่อยู่รอบตัวเรานี้ เป็นส่วนที่เล็กที่สุดของสังคม เรียกว่าทิศ 6 (สิงคาลกสูตร)
การแก้ไขหากอยากจะมีชีวิตอยู่ในสังคมที่ดี พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนให้ทำหน้าที่ของตนให้ดี เมื่อทำหน้าที่ของตนดีแล้ว จะไปกระตุ้นให้บุคคลที่อยู่รอบตัวเรา ทำหน้าที่ของตนบ้าง เมื่อทุกคนต่างทำหน้าที่ของตนแล้ว สังคมโดยรวมก็พลอยดีมีความสุขตาม เราซึ่งเป็นคนหนึ่งในสังคมก็ดีตามไปด้วย
ในกรณีของพระสงฆ์และฆราวาสในขณะนี้ แทนที่จะด่าว่ากันไปมาว่าเลวอย่างนั้นอย่างนี้ คำถามคือ รู้มั้ยว่าหน้าที่ของพระที่มีต่อโยมคืออะไร หน้าที่ของโยมที่มีต่อพระคืออะไร ซึ่งหากแต่ละฝ่ายทำหน้าที่ของตนให้อย่างเต็มที่แล้ว ฝั่งพระก็จะมี โยมที่ดีคอยสนับสนุนการบวช เช่นเดียวกันกับฆราวาส ก็จะได้มีพระที่ดีสนับสนุนให้ดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องดีงาม (กรุณาเปิดดูคำเต็มที่ก็อปมาจากพระไตรปิฎกอยู่ในสปอยล์นะครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หน้าที่ของฆราวาสต่อพระภิกษุ
หลักๆ คือสนับสนุนให้พระมีกำลังกายกำลังใจ ในการศึกษาปฏิบัติธรรม บำเพ็ญศาสนกิจ มี 5 ประการคือ
คืด พูด ทำ สิ่งต่าง ๆ ด้วยความปรารถนาดี
อยากให้ท่าน มีความสุข มีความสะดวก ในการศึกษาและปฏิบัติธรรม
ยินดีต้อนรับ
เพราะการต้อนรับจะเป็นโอกาส ให้ได้ฟังธรรม ได้สอบถามความสงสัย
ทำบุญถวายปัจจัย 4 ต่างๆ
เพื่อท่านสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้ในสมณะเพศ ทำไมต้อง ๆ บ่อย ๆ เพราะพระต้องฉันทุกวัน
ทำแบบนี้แล้วได้อะไร ?
พระก็จะเกิดกำลังใจ และความปลอดกังวลในเรื่องต่าง ๆ เช่น การแสวงหาอาหาร จึงลุยศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่ และทำหน้าที่ของพระภิกษุที่มีต่อฆราวาส 6 ประการคืนดังต่อไปนี้
หน้าที่ของพระภิกษุที่มีต่อฆราวาส
ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว
สมัยนี้ยิ่งถ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะมีใครกล้ามาห้าม แต่พระที่ดีห้ามครับ อาจจะไม่ถูกใจแต่ท่านทำหน้าที่ของท่านแล้ว
ให้ตั้งอยู่ในความดี
โรงเรียนก็สอนเรื่องทำมาหากิน ถ้าพระไม่สอนเรื่องความดีใครจะสอนครับ แล้วใครจะบอกได้ว่าอะไรดีอะไรชั่วเพราะอะไร
อนุเคราะห์ด้วยนำใจอันงาม
อำนวยความสะดวกในการสั่งสมบุญปฏิบัติธรรม หรือนำธรรมะไปแก้ปัญหาในชีวิต เช่น โยมไม่สบายมากอยากฟังธรรม พระก็ไปเยี่ยมไปเล่าธรรมะไปให้กำลังใจ ปิดเทอมเด็กอยู่บ้านไม่ได้ทำอะไรพ่อแม่ต้องทำงาน พระก็จัดบวชสามเณรภาคฤดูร้อนเป็นต้น
ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
เทศน์สอนบอก ว่า อะไรกุศล อะไรอกุศล อะไรเป็นประโยชน์ อะไรเป็นโทษ อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ
ทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่มแจ้ง
อธิบายว่าทำไม มีอานิสงส์ อย่างไร จะนำไปปฏิบัติให้เกิดผลอย่างไร
บอกทางสวรรค์ให้
สอนเรื่องกฎแห่งกรรมทำดีได้ดี สอนเรื่องชีวิตหลังความตายให้มีเป้าหมายชีวิต ไปสวรรค์ไปนิพพาน
สิ่งที่ผมได้จากการอ่านพระสูตรนี้คือ
สถานะและบทบาทของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผมขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบ เช่นถ้ามีลูกแล้วลูกเรียนหนังสือไม่เก่ง จึงไม่อยากเรียนหนังสือ วิธีแก้ไขคุณคิดว่าด่ามัน ประจานมัน เจอใครก็เล่าให้ฟัง ว่าลูกมันโง่แค่ไหน ตีมัน ไม่ให้เงินมันใช้ ขังมันไว้ในห้องไม่ให้ไปไหนให้อ่านหนังสืออย่างเดียว จะทำให้เด็กขยันเรียนหนังสือ เรียนเก่งขึ้น รักในการศึกษาเรียนรู้ใช่ไหม หรือว่าดีไม่ดีอาจเตลิดเปิดเปิง หนีโรงเรียน เกลียดการเรียนไปเลยก็เป็นได้
ตรงกันข้าม หากเข้าใจ ให้กำลังใจ สนับสนุนให้ลูกแสวงหาความถนัด ความชอบของตนเองให้เจอ แล้วส่งเสริมให้เรียนไปทางนั้น เอาดีทางนั้น คุณคิดว่าอย่างไหนดีกว่ากัน พระกับโยมก็เช่นเดียวกัน การบวชพระเป็นไปด้วยความสมัครใจ มาด้วยอุดมการณ์ หากแต่วันนี้ท่านยังไม่หมดกิเลส ท่านยังคุ้นชินอยู่กับความเป็นฆราวาส เหมือนมะม่วงเด็ดมายังไม่ทิ้งยาง คุณคิดว่าด่าพระไปเรื่อย ๆ มาก ๆ แล้วจะแก้ปัญหาได้หรือ มีแต่จะทำให้พระดี ๆ เบื่อระอาหนีหาย สุดท้ายคนที่เสียประโยชน์ก็คือฆราวาส ต้องอยู่ในสังคมที่ปราศจากความดี
การทำหน้าที่ของตนให้ครบถ้วนท่านเรียกว่าป้องกันภัยในทิศทั้งหลาย เพราะจะทำให้เราได้รับแต่สิ่งดีจากบุคคลที่อยู่รอบตัวของเรา เป็นประหนึ่งเกราะเพชรล้อมรอบทั้ง 6 ทิศ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ กลับมามองดูตัวเราเองว่า ถ้าเป็นพระก็ทำหน้าที่ของตนต่อโยมสมบูรณ์ แล้วหรือยังถ้าเป็นโยม ก็มองว่าทำหน้าที่ของตนสมบูรณ์แล้วหรือยัง ที่แน่ ๆ คือไม่มีหน้าที่ด่า เพื่อรักษาพระศาสนาแน่นอน หากจะรักษาพระพุทธศาสนาต้องใช้ปัญญา ทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ครับ