คือตอนเนี้ยวงการ tattoo บ้านเรามันมีดราม่ากันอยู่ เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าร้านสักบางร้านนิยมออกโปรโมชั่นบ่อย โดยอ้างว่าเป็นช่างหัดใหม่ อายุงานยังไม่ถึงปี เลยไม่กล้าคิดราคาแพงๆ เริ่มต้นกันที่ 500-1000 บาทก็มีงานมินิมัลหรืองานไซส์ไม่เกินบัตรเครดิตไปครอบครองแล้ว มีทั้งราคามาตรฐานและราคาในช่วงโปรโมชั่นพิเศษที่ทำออกมาตามเทศกาลต่างๆ หรือโปรโมชั่นประจำแต่ละเดือน เช่น โปรวาเลนไทน์ คู่รักพากันมาสัก ไซส์ไม่เกินบัตรเครดิต เหมาไปเลย 2000 บาท แบบนี้เป็นต้น
เนื่องจากเราอยากได้ความเห็นจากคนนอกวงการสักด้วย เลยจะขอทำความเข้าใจก่อนว่าช่างที่สักมานานแล้วหลายๆคนคิดราคาเป็นชั่วโมง เขาจะมีตัวจับเวลาติดที่เข็มสัก เลขที่หน้าปัทม์ดิจิตอลจะเดินเมื่อเข็มขยับ ถ้าเข็มหยุดเลขก็หยุดเช่นกัน ช่างที่โปรฯแล้วค่าตัวอย่างต่ำๆก็ 3000-4000 ต่อชั่วโมง เพราะงั้นบางลายแม้ขนาดเท่าบัตรเครดิตแต่ลงสีลงเงาเยอะ ลายมีความละเอียดหรือยิ่งเป็นภาพเหมือนก็จะยิ่งใช้เวลานาน ราคาออกมา 6000-7000 ก็มี บางทีงานไซส์ใหญ่หน่อยอย่างต้นแขน ต้นขา หรือหลัง ก็ทำเสร็จไม่ได้ในวันเดียว เดินเส้นไปก่อนในวันแรก รอจนแผลลอกหายสนิทดีถึงมาลงสี ซึางลายยิ่งใหญ่ ความละเอียดเยอะ ก็ต้องมาทำหลายที ก็จะยิ่งแพง หรืองานแบบเหมาก็พอมี แต่ส่วนมากเป็นเคสที่ช่างเขาออกแบบลายไว้เองแล้ว ใครสนใจก็มาสักได้ คิดราคาตามที่ตั้งไว้ 4000-5000 ว่ากันไป ลายออกแบบไว้ยังไงก็เอาตามนั้น ไม่ใช่ไอเดียของลูกค้าเอง ใครเห็นว่ามันสวยดี เหมาะกับตัวเองก็ตกลงนัดวันกันไป ทีนี้ย้อนกลับมาที่ช่างหัดใหม่บ้าง เขาก็อ้างว่าเขาเพิ่งหัดใหม่ จะให้คิดราคาเดียวกับช่างมือโปรฯจะไหวเหรอ ใครจะยอมจ่ายเงินแพงๆเพื่อมาสักกับคนที่ฝีมือไม่ได้แก่กล้าอะไร ในฐานะคนนอกคุณฟังแล้วคิดว่ามันฟังขึ้นปะละ เหตุผลพอรับได้มั้ย ทีนี้ดราม่ามันเกิดขึ้นเมื่อช่างกลุ่มโปรฯออกมาต่อว่าช่างหัดใหม่ว่าทำไมคิดราคาถูกแบบนี้ สักงานขนาดเท่า A4 แต่ราคาแค่ 3000 เอง แบบนี้ดูถูกศิลปะ เป็นการตัดราคา ลูกค้าเลยไม่ยอมจ่ายเงินแพงๆกับช่างโปรฯ แล้วแห่ไปอุดหนุนช่างฝึกหัดที่คิดราคาถูกๆกันหมด ลามไปถึงว่าถ้าช่างฝึกหัดยังทำแบบนี้ต่อไป ร้านของช่างโปรฯจะอยู่ไม่ได้ เพราะลูกค้าแห่ไปหาร้านถูกๆเพื่อสัก ไม่สนใจงานช่างโปรฯอีกต่อไปแม้งานจะดีกว่าแต่ก็ต้องจ่ายแพง
เราในฐานะคนมีรอยสักและรักสอยสักคนนึงรู้สึกงงกับเรื่องนี้มากนะ อยากให้คนนอกวงการลองคิดกันดูบ้าง ช่วยมองจากมุมคนนอกหน่อยสิว่าแล้วจะให้ช่างหัดใหม่ทำยังไง ควรจะตั้งราคาแบบไหนดี ถ้าตั้งราคาเทียบเท่าช่างโปรฯ เป็นคุณเองคุณจะจ่ายราคานั้นมั้ยละเพื่อสักกับเขา จ่ายให้คนที่คุณไม่ชัวร์ว่าฝีมือจะออกมาเป๊ะแค่ไหน ถ้าคนไม่ยอมจ่าย เขาจะหาลูกค้าที่ไหนมาเป็นสนามให้เขาฝึกหัดซะ จะให้ไปใช้หนังหมู ส้มเปลือกหนา หรือหนังสังเคราะห์อะไรมาฝึกอย่างเดียวมันก็ไม่ใช่ ยังไงฝึกกับคนจริงก็คือวิธีการที่ถูกต้องที่สุด ในเมื่อไม่ให้คิดราคาถูกแล้วจะมีทางออกอะไรได้อีก ต้องคิดราคาให้ต่ำกว่าช่างโปรฯ แต่ไม่ใช่ราคาที่ถูกจนเกินไป จนดูว่าทำลายศิลปะอย่างงั้นเหรอ อะไรละคือราคาที่เหมาะสม พวกช่างโปรฯยกตัวอย่างชี้ชัดๆให้ดูไปเลยได้มั้ยละ ช่างหัดใหม่จะได้รู้ทั่วกันว่าคิดราคาแบบไหนถึงจะสมควร
การสักมันไม่ใช่ศิลปะแบบ pure นะ ถ้าศิลปะแบบเพียวเลยคือคุณสร้างชิ้นงานเองทั้งหมดตามความพึงพอใจตัวเองล้วนๆ แต่อันนี้คือลูกค้าเสียเงินจ้างให้ทำงานศิลปะ มันก็เท่ากับพาณิชย์ศิลป์แล้ว เมื่อมันมีความเป็นพาณิชย์เข้ามาเกี่ยว ไอ้เรื่องดีมานด์ซัพพลายเอย การตลาดเลย การขายแข่งกันมันก็ต้องตามมาแบบเลี่ยงไม่ได้ มันเป็นอะไรที่แฟร์ๆแล้วนะสำหรับโลกทุนนิยมอะ คนที่เขางบน้อย แล้วอาจจะใจร้อนอยากได้งานติดตัวไวๆ เขายอมได้อย่างเสียอย่างที่จะสักกับช่างหัดใหม่ มันก็โอเคแล้วหรือเปล่า ส่วนคนที่เงินเหลือเยอะ คิดว่าทุ่มได้กับสิ่งที่ดีที่สุดจากช่างโปรฯก็ใช่ว่าจะไม่มี หรือพวกที่เบี้ยน้อยแต่ยอมอดทนรอเป็นปีๆก็มีเหมือนกัน เราว่าปัญหามันอยู่พวกที่มีเงินแต่เจือกงกไม่ยอมจ่ายเนี่ยแหละ อยากได้งานดีๆเกรดมือโปรฯทำ แต่จะเอาราคาเท่าช่างหัดใหม่ ไม่ยอมได้อย่างเสียอย่าง ไอ้คนกลุ่มนี้ตะหากที่ก่อปัญหา เพราะหลายๆคนมีพฤติกรรมประเภทยอมเสียค่ามัดจำไปพันสองพันเพื่อเอาลายที่ช่างโปรฯออกแบบไว้ แล้วเบี้ยวนัดไปสักกับช่างฝึกหัดในราคาที่ถูกกว่า สมมติถ้าสักกับช่างโปรฯต้องทำสองชั่วโมง เสีย 8000 แต่ไปสักกับช่างหัดใหม่อาจจะเสียแค่ 2000 บวกกับอีที่ยอมเสียมัดจำเพื่อแฮ้บลายฝีมือช่างโปรฯมาก็แค่ 4000 เอง ยังไงก็ถูกกว่ากันครึ่งต่อครึ่ง อิคนพวกนี้สิที่มันทำผิด คนที่เขายอมเอาฝีมือแบบหัดใหม่แลกกับการจ่ายถูกเขาผิดตรงไหนเหรอ ช่างฝึกหัดที่เจียมตัว ไม่กล้าตั้งเรทแพงๆเพราะรู้ตัวว่าไม่ดีพอที่คนจะมาจ่ายให้ในราคานั้นเขาผิดมากเลยเหรอ
เราอยากฟังจากมุมมองของคนที่ทั้งสักและไม่สักนะ อยากรู้ว่ามีความเห็นยังไงกับกรณีนี้กันมั่ง ส่วนพวกแอนตี้เรื่องนี้ไม่ต้องสะเออะเข้ามา เพราะจะโดนด่ากลับแน่ๆแบบไม่มีออมปากออมคำ
ดราม่าร้อนๆจากวงการ tattoo บ้านเราจ้า อยากขอความเห็นจากคนไม่มีรอยสักด้วย
เนื่องจากเราอยากได้ความเห็นจากคนนอกวงการสักด้วย เลยจะขอทำความเข้าใจก่อนว่าช่างที่สักมานานแล้วหลายๆคนคิดราคาเป็นชั่วโมง เขาจะมีตัวจับเวลาติดที่เข็มสัก เลขที่หน้าปัทม์ดิจิตอลจะเดินเมื่อเข็มขยับ ถ้าเข็มหยุดเลขก็หยุดเช่นกัน ช่างที่โปรฯแล้วค่าตัวอย่างต่ำๆก็ 3000-4000 ต่อชั่วโมง เพราะงั้นบางลายแม้ขนาดเท่าบัตรเครดิตแต่ลงสีลงเงาเยอะ ลายมีความละเอียดหรือยิ่งเป็นภาพเหมือนก็จะยิ่งใช้เวลานาน ราคาออกมา 6000-7000 ก็มี บางทีงานไซส์ใหญ่หน่อยอย่างต้นแขน ต้นขา หรือหลัง ก็ทำเสร็จไม่ได้ในวันเดียว เดินเส้นไปก่อนในวันแรก รอจนแผลลอกหายสนิทดีถึงมาลงสี ซึางลายยิ่งใหญ่ ความละเอียดเยอะ ก็ต้องมาทำหลายที ก็จะยิ่งแพง หรืองานแบบเหมาก็พอมี แต่ส่วนมากเป็นเคสที่ช่างเขาออกแบบลายไว้เองแล้ว ใครสนใจก็มาสักได้ คิดราคาตามที่ตั้งไว้ 4000-5000 ว่ากันไป ลายออกแบบไว้ยังไงก็เอาตามนั้น ไม่ใช่ไอเดียของลูกค้าเอง ใครเห็นว่ามันสวยดี เหมาะกับตัวเองก็ตกลงนัดวันกันไป ทีนี้ย้อนกลับมาที่ช่างหัดใหม่บ้าง เขาก็อ้างว่าเขาเพิ่งหัดใหม่ จะให้คิดราคาเดียวกับช่างมือโปรฯจะไหวเหรอ ใครจะยอมจ่ายเงินแพงๆเพื่อมาสักกับคนที่ฝีมือไม่ได้แก่กล้าอะไร ในฐานะคนนอกคุณฟังแล้วคิดว่ามันฟังขึ้นปะละ เหตุผลพอรับได้มั้ย ทีนี้ดราม่ามันเกิดขึ้นเมื่อช่างกลุ่มโปรฯออกมาต่อว่าช่างหัดใหม่ว่าทำไมคิดราคาถูกแบบนี้ สักงานขนาดเท่า A4 แต่ราคาแค่ 3000 เอง แบบนี้ดูถูกศิลปะ เป็นการตัดราคา ลูกค้าเลยไม่ยอมจ่ายเงินแพงๆกับช่างโปรฯ แล้วแห่ไปอุดหนุนช่างฝึกหัดที่คิดราคาถูกๆกันหมด ลามไปถึงว่าถ้าช่างฝึกหัดยังทำแบบนี้ต่อไป ร้านของช่างโปรฯจะอยู่ไม่ได้ เพราะลูกค้าแห่ไปหาร้านถูกๆเพื่อสัก ไม่สนใจงานช่างโปรฯอีกต่อไปแม้งานจะดีกว่าแต่ก็ต้องจ่ายแพง
เราในฐานะคนมีรอยสักและรักสอยสักคนนึงรู้สึกงงกับเรื่องนี้มากนะ อยากให้คนนอกวงการลองคิดกันดูบ้าง ช่วยมองจากมุมคนนอกหน่อยสิว่าแล้วจะให้ช่างหัดใหม่ทำยังไง ควรจะตั้งราคาแบบไหนดี ถ้าตั้งราคาเทียบเท่าช่างโปรฯ เป็นคุณเองคุณจะจ่ายราคานั้นมั้ยละเพื่อสักกับเขา จ่ายให้คนที่คุณไม่ชัวร์ว่าฝีมือจะออกมาเป๊ะแค่ไหน ถ้าคนไม่ยอมจ่าย เขาจะหาลูกค้าที่ไหนมาเป็นสนามให้เขาฝึกหัดซะ จะให้ไปใช้หนังหมู ส้มเปลือกหนา หรือหนังสังเคราะห์อะไรมาฝึกอย่างเดียวมันก็ไม่ใช่ ยังไงฝึกกับคนจริงก็คือวิธีการที่ถูกต้องที่สุด ในเมื่อไม่ให้คิดราคาถูกแล้วจะมีทางออกอะไรได้อีก ต้องคิดราคาให้ต่ำกว่าช่างโปรฯ แต่ไม่ใช่ราคาที่ถูกจนเกินไป จนดูว่าทำลายศิลปะอย่างงั้นเหรอ อะไรละคือราคาที่เหมาะสม พวกช่างโปรฯยกตัวอย่างชี้ชัดๆให้ดูไปเลยได้มั้ยละ ช่างหัดใหม่จะได้รู้ทั่วกันว่าคิดราคาแบบไหนถึงจะสมควร
การสักมันไม่ใช่ศิลปะแบบ pure นะ ถ้าศิลปะแบบเพียวเลยคือคุณสร้างชิ้นงานเองทั้งหมดตามความพึงพอใจตัวเองล้วนๆ แต่อันนี้คือลูกค้าเสียเงินจ้างให้ทำงานศิลปะ มันก็เท่ากับพาณิชย์ศิลป์แล้ว เมื่อมันมีความเป็นพาณิชย์เข้ามาเกี่ยว ไอ้เรื่องดีมานด์ซัพพลายเอย การตลาดเลย การขายแข่งกันมันก็ต้องตามมาแบบเลี่ยงไม่ได้ มันเป็นอะไรที่แฟร์ๆแล้วนะสำหรับโลกทุนนิยมอะ คนที่เขางบน้อย แล้วอาจจะใจร้อนอยากได้งานติดตัวไวๆ เขายอมได้อย่างเสียอย่างที่จะสักกับช่างหัดใหม่ มันก็โอเคแล้วหรือเปล่า ส่วนคนที่เงินเหลือเยอะ คิดว่าทุ่มได้กับสิ่งที่ดีที่สุดจากช่างโปรฯก็ใช่ว่าจะไม่มี หรือพวกที่เบี้ยน้อยแต่ยอมอดทนรอเป็นปีๆก็มีเหมือนกัน เราว่าปัญหามันอยู่พวกที่มีเงินแต่เจือกงกไม่ยอมจ่ายเนี่ยแหละ อยากได้งานดีๆเกรดมือโปรฯทำ แต่จะเอาราคาเท่าช่างหัดใหม่ ไม่ยอมได้อย่างเสียอย่าง ไอ้คนกลุ่มนี้ตะหากที่ก่อปัญหา เพราะหลายๆคนมีพฤติกรรมประเภทยอมเสียค่ามัดจำไปพันสองพันเพื่อเอาลายที่ช่างโปรฯออกแบบไว้ แล้วเบี้ยวนัดไปสักกับช่างฝึกหัดในราคาที่ถูกกว่า สมมติถ้าสักกับช่างโปรฯต้องทำสองชั่วโมง เสีย 8000 แต่ไปสักกับช่างหัดใหม่อาจจะเสียแค่ 2000 บวกกับอีที่ยอมเสียมัดจำเพื่อแฮ้บลายฝีมือช่างโปรฯมาก็แค่ 4000 เอง ยังไงก็ถูกกว่ากันครึ่งต่อครึ่ง อิคนพวกนี้สิที่มันทำผิด คนที่เขายอมเอาฝีมือแบบหัดใหม่แลกกับการจ่ายถูกเขาผิดตรงไหนเหรอ ช่างฝึกหัดที่เจียมตัว ไม่กล้าตั้งเรทแพงๆเพราะรู้ตัวว่าไม่ดีพอที่คนจะมาจ่ายให้ในราคานั้นเขาผิดมากเลยเหรอ
เราอยากฟังจากมุมมองของคนที่ทั้งสักและไม่สักนะ อยากรู้ว่ามีความเห็นยังไงกับกรณีนี้กันมั่ง ส่วนพวกแอนตี้เรื่องนี้ไม่ต้องสะเออะเข้ามา เพราะจะโดนด่ากลับแน่ๆแบบไม่มีออมปากออมคำ