***
ขอบคุณทุกๆกำลังใจ ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นนะครับ ***
เข้ากระทู้มาอีกที ก็เพราะเห็นเพื่อนผมแชร์ใน facebook
ผมและแฟน มีกำลังใจขึ้นเยอะมากๆเลยครับ และดีใจมากๆที่ CASE ของผมเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังประสบปัญหา สู้ๆนะครับ
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
"แล้วคุณจะบอกผมเมื่อไหร่?"
เป็นคำถามสุดท้าย หลังจากที่เขาตอบว่ามีเชื้อ HIV
ผมเพิ่งคบกับแฟนคนนี้ได้ไม่นานครับ ทุกครั้งที่มี SEX กัน จะใช้ถุงยางอนามัยตลอด นอนคืนแรกๆ ยังไม่มีอะไรกันนะครับ
ครั้งแรกที่เจอกัน ตัวผมเองบอกเขาก่อนว่าผมมีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และกินยาต้านไวรัส Tenofovir อยู่
สัปดาห์แรกผมสังเกตุว่าเขากินยาอะไรบางอย่างทุกวัน และก็เป็นเวลาเดิมๆ เนื่องจากเขาจะตั้งนาฬิกาปลุกเตือนไว้ตลอดว่าให้กินยา ซึ่งผมก็ยังไม่คิดอะไรมาก
บังเอิญผมเจอใบรับรองแพทย์ระบุว่าเขาเป็นไวรัสตับอักเสบบี ก็เลยคิดว่าคงเป็นยาต้าน Hepatitis B แต่เขาก็ยังไม่บอกผม จนมาเจอยาต้านไวรัสชนิดอื่นๆอีก 2 ชนิด (เขาลอกฉลากยาออกหมด) ซึ่งอีก 2 ชนิดที่เหลือ คือ Lamivudine , Efavirenz
ขุ่นพระ !!!!!!
ครบเซ็ท จัดเต็มขนาดนี้ ต้องใช่ HIV แน่ๆ แต่ผมก็ยังไม่เชื่อ 100% นะครับ เพราะว่า ก่อนหน้าที่ผมจะกิน Tenofovir หมอให้ผมกิน Lamivudine มาก่อน ยาสองชนิดนี้ใช้รักษาทั้ง Hepatitis B และ HIV ผมจึงหาข้อมูลตัวยา Efavirenz ซึ่งใช้รักษา HIV ร่วมกับยาอีกสองตัวข้างต้น
แต่ผมก็ยังไม่เชื่อ 100% อีกเหมือนเดิม 555+
ปกติหมอนัดตรวจผมและรับยาทุกเดือนอยู่แล้ว เดือนนี้ผมจึงเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาหมอด้วย หมอบอกว่าเป็นยารักษา HIV แน่นอน แล้วก็สอบสวนผมพักใหญ่ ว่าผมมีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อ HIV หรือไม่ เดือนหน้าค่อยมาเจาะเลือดตรวจ
หลังจากพบหมอแล้ว ผมเงิบครับ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง ผมไม่รู้จะคุยกับเขาจะถามเขาว่ายังไง กลัวมากครับ รวบรวมความกล้าอยู่พักนึง กลับมาถึงบ้าน จึงถามเขาตรงๆว่า
"คุณมีเชื้อ HIV ใช่ไหม"
เขาเงียบครับ ไม่ยอมตอบ จนผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ท้ายสุดบอกได้คุยกับหมอแล้ว นั่นละครับ เขาถึงยอมรับว่ามีเชื้อและรักษาอยู่
"แล้วคุณจะบอกผมเมื่อไหร่?"
"ถ้าบอกแล้วคุณรับไม่ได้แล้วทิ้งกันไปล่ะ"
"ผมไม่ได้โง่นะ หลักฐานการติดเชื้อ HIV ขนาดนี้ ถ้าผมทิ้งคุณผมทิ้งไปตั้งนานแล้ว"
"คุณไม่กลัวติดเชื้อไปด้วยเหรอ?"
"ไม่กลัว"
"ไอ้บ้า บ้าไปแล้วป่ะเนี่ย HIV นะ ไม่ใช่ไข้หวัด"
"5555+"
ถามว่ากลัวไม๊... ผมกลัวครับ กลัวมากด้วย แต่ผมเป็นห่วงเขามากกว่า ตอบกวนๆเพื่อให้เขาสบายใจ
ทุกวันนี้ผมทำตัวปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง กินข้าวด้วยกัน อาบน้ำด้วยกัน นอนด้วยกัน ต่างคนต่างทำงาน กลับมาบ้านใช้ชีวิตด้วยกันตามปกติ
ผมอายุ 29 และเขาอายุ 30 แล้ว ตั้งแต่แรกๆที่คบกัน ผมรู้สึกว่าผมอยากดูแลเขาไปตลอด ยิ่งพอมารู้ความจริงแบบนี้ ผมยิ่งอยากดูแลเขาให้มากกว่าเดิม เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะอยู่ดูแลเขาไปได้นานเท่าไหร่ ผมอาจจะไปก่อนก็ได้
ที่ผมมาเล่า ผมอยากจะบอกกับทุกคนว่า HIV ในปัจจุบัน มียาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการแตกตัวของไวรัสได้ดีมากๆแล้วครับ ตรวจเจอ รักษาเร็ว มีโอกาสหายได้ครับ อยากให้ทุกคนเปิดใจว่าคนที่ติดเชื้อ HIV ไม่ได้น่ารังเกียจเลยครับ แต่ก่อนผมโดนหาว่า ยังไม่เจอกับตัวก็พูดได้นี่นา แต่ตอนนี้ผมเจอกับตัวเองแล้วครับ
เมื่อผมรู้ว่าแฟนผมมีเชื้อ HIV และรับยาต้านไวรัสอยู่
เข้ากระทู้มาอีกที ก็เพราะเห็นเพื่อนผมแชร์ใน facebook
ผมและแฟน มีกำลังใจขึ้นเยอะมากๆเลยครับ และดีใจมากๆที่ CASE ของผมเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังประสบปัญหา สู้ๆนะครับ
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
"แล้วคุณจะบอกผมเมื่อไหร่?"
เป็นคำถามสุดท้าย หลังจากที่เขาตอบว่ามีเชื้อ HIV
ผมเพิ่งคบกับแฟนคนนี้ได้ไม่นานครับ ทุกครั้งที่มี SEX กัน จะใช้ถุงยางอนามัยตลอด นอนคืนแรกๆ ยังไม่มีอะไรกันนะครับ
ครั้งแรกที่เจอกัน ตัวผมเองบอกเขาก่อนว่าผมมีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และกินยาต้านไวรัส Tenofovir อยู่
สัปดาห์แรกผมสังเกตุว่าเขากินยาอะไรบางอย่างทุกวัน และก็เป็นเวลาเดิมๆ เนื่องจากเขาจะตั้งนาฬิกาปลุกเตือนไว้ตลอดว่าให้กินยา ซึ่งผมก็ยังไม่คิดอะไรมาก
บังเอิญผมเจอใบรับรองแพทย์ระบุว่าเขาเป็นไวรัสตับอักเสบบี ก็เลยคิดว่าคงเป็นยาต้าน Hepatitis B แต่เขาก็ยังไม่บอกผม จนมาเจอยาต้านไวรัสชนิดอื่นๆอีก 2 ชนิด (เขาลอกฉลากยาออกหมด) ซึ่งอีก 2 ชนิดที่เหลือ คือ Lamivudine , Efavirenz
ขุ่นพระ !!!!!!
ครบเซ็ท จัดเต็มขนาดนี้ ต้องใช่ HIV แน่ๆ แต่ผมก็ยังไม่เชื่อ 100% นะครับ เพราะว่า ก่อนหน้าที่ผมจะกิน Tenofovir หมอให้ผมกิน Lamivudine มาก่อน ยาสองชนิดนี้ใช้รักษาทั้ง Hepatitis B และ HIV ผมจึงหาข้อมูลตัวยา Efavirenz ซึ่งใช้รักษา HIV ร่วมกับยาอีกสองตัวข้างต้น
แต่ผมก็ยังไม่เชื่อ 100% อีกเหมือนเดิม 555+
ปกติหมอนัดตรวจผมและรับยาทุกเดือนอยู่แล้ว เดือนนี้ผมจึงเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาหมอด้วย หมอบอกว่าเป็นยารักษา HIV แน่นอน แล้วก็สอบสวนผมพักใหญ่ ว่าผมมีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อ HIV หรือไม่ เดือนหน้าค่อยมาเจาะเลือดตรวจ
หลังจากพบหมอแล้ว ผมเงิบครับ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง ผมไม่รู้จะคุยกับเขาจะถามเขาว่ายังไง กลัวมากครับ รวบรวมความกล้าอยู่พักนึง กลับมาถึงบ้าน จึงถามเขาตรงๆว่า
"คุณมีเชื้อ HIV ใช่ไหม"
เขาเงียบครับ ไม่ยอมตอบ จนผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ท้ายสุดบอกได้คุยกับหมอแล้ว นั่นละครับ เขาถึงยอมรับว่ามีเชื้อและรักษาอยู่
"แล้วคุณจะบอกผมเมื่อไหร่?"
"ถ้าบอกแล้วคุณรับไม่ได้แล้วทิ้งกันไปล่ะ"
"ผมไม่ได้โง่นะ หลักฐานการติดเชื้อ HIV ขนาดนี้ ถ้าผมทิ้งคุณผมทิ้งไปตั้งนานแล้ว"
"คุณไม่กลัวติดเชื้อไปด้วยเหรอ?"
"ไม่กลัว"
"ไอ้บ้า บ้าไปแล้วป่ะเนี่ย HIV นะ ไม่ใช่ไข้หวัด"
"5555+"
ถามว่ากลัวไม๊... ผมกลัวครับ กลัวมากด้วย แต่ผมเป็นห่วงเขามากกว่า ตอบกวนๆเพื่อให้เขาสบายใจ
ทุกวันนี้ผมทำตัวปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง กินข้าวด้วยกัน อาบน้ำด้วยกัน นอนด้วยกัน ต่างคนต่างทำงาน กลับมาบ้านใช้ชีวิตด้วยกันตามปกติ
ผมอายุ 29 และเขาอายุ 30 แล้ว ตั้งแต่แรกๆที่คบกัน ผมรู้สึกว่าผมอยากดูแลเขาไปตลอด ยิ่งพอมารู้ความจริงแบบนี้ ผมยิ่งอยากดูแลเขาให้มากกว่าเดิม เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะอยู่ดูแลเขาไปได้นานเท่าไหร่ ผมอาจจะไปก่อนก็ได้
ที่ผมมาเล่า ผมอยากจะบอกกับทุกคนว่า HIV ในปัจจุบัน มียาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการแตกตัวของไวรัสได้ดีมากๆแล้วครับ ตรวจเจอ รักษาเร็ว มีโอกาสหายได้ครับ อยากให้ทุกคนเปิดใจว่าคนที่ติดเชื้อ HIV ไม่ได้น่ารังเกียจเลยครับ แต่ก่อนผมโดนหาว่า ยังไม่เจอกับตัวก็พูดได้นี่นา แต่ตอนนี้ผมเจอกับตัวเองแล้วครับ