ถ้าหลังนั้นเค้าประกาศขาย+เช่าด้วยอย่างนี้ลองเช่าดูซัก 2-3 เดือนก็ดีครับ
แต่ว่าถ้าเช่าแค่ในหมู่บ้านเดียวกัน ถึงเวลาซื้อก็ต้องซื้อคนละหลัง ถ้าอย่างนี้ไม่แนะนำครับ
เพราะถึงเวลาคุณไปอยู่จริงๆ ข้างบ้านหลังบ้านก็ต้องเปลี่ยน เกิดเฮงขึ้นมาเจอคนประหลาดก้ต้องอพยพอีกรอบ
ถ้าซื้อบ้านเดี่ยวผมว่าต้องถามเซลล์ครับ ว่าข้างบ้านหลังบ้านมีคนซื้อหรือยัง ถ้าซื้อแล้วยังไม่ย้ายมาอยู่ก็ถามตรงๆไปเลยครับ
เช่นคนซื้อเป็นคนโสด หรือครอบครัวเล็กหรือใหญ่ บางทีอาจถามไปถึงว่าทำงานอะไร
จะได้กลับมาประกอบการตัดสินใจ เช่นถ้าครอบครัวเค้าใหญ่หน่อยมี 5-6 คน เรื่องที่จอดรถพอไหม
เพราะบ้านเดี่ยวเรื่องที่จอดรถบางทีเจอคนประหลาด ในบ้านไม่จอด มาจอดหน้าบ้านตัวเอง (อย่างนี้ยังพอทน)
แต่ถ้าเจอจอดหน้าบ้านคนอื่น อย่างนี้ความทุกข์มาแน่ๆ

แต่ถ้าคุณไปซื้อทีหลังคือข้างบ้านหลังบ้านมีคนมาอยู่แล้ว อย่างนี้คูณแวะไปดูโครงการทั้งวันธรรมดาช่วงเย็น+เสาร์อาทิตย์ช่วงสายๆ
บางทีคุณก็อาจจะพอรู้อุปนิสัยได้บ้าง เช่นถ้าคุณไปเจอข้างบ้านที่ชอบจอดรถหน้าบ้านไหม หรือเจอแบบในบ้านหน้าบ้านตัวเองต้องโล่ง
รถไปจอดหน้าบ้านคนอื่น หรือบ้านที่ยังขายอยู่ เลี้ยงหมาพันธ์ใหญ่หรือเล็ก หมาในบ้านเห่าตลอด+เสียงดังหรือเปล่า
ข้างบ้านหลังบ้านถ้าต่อเติมบ้านต่อแบบไหน ต่อปิดทึบเว้น 50 ซม.ไหม ต่อหลังคาแค่ถึงแนวเขตที่ดินของเค้า+ทำรางน้ำหรือเปล่า
ถ้าเจอต่อแบบไม่เกรงใจ ถูก(ใจ)แค่ไหนก็อย่าซื้อ เพราะปัญหามาแน่ๆ

ส่วนบ้านราคา 4-5 ล้าน อาจจะกรองคนซื้อได้ระดับนึงครับ ที่เหลือก็ลุ้นเอา
ถ้าเจอต่างคนต่างอยู่ เคารพสิทธิ์กัน ก็ถูกรางวัลใหญ่แล้ว เพื่อนผมซื้อบ้าน 4 ล้านกว่าๆ มาอยู่ก่อน
หลังบ้านมาถึงต่อเติมต่อครัวทำปล่องควันด้านหลัง ควันเข้าห้องนอนด้านหลัง เพราะครัวต่อชิดกำแพงเลยควันขึ้นมาก็เข้าห้องเลย
ไปพูดคุยก็ไม่มีผลสุดท้ายก็ต้องขายทิ้งเปลี่ยนที่อยู่กันใหม่ (ถ้ามีเงินเวลาขายขาดทุนก็ไม่เจ็บมาก)
แต่ถ้าต้องติดขัดกู้แบงค์หลายๆอย่างจะเปลี่ยนมันก็จะลำบาก
เพื่อนอีกคนซื้อ3 ล้าน หมู่บ้านเงียบสงบ ต่างคนต่างอยู่ อย่างนี้ก็โชคดีกันไป

ขอให้เจ้าของกระทู้โชคดีในการซื้อบ้านหลังใหม่ ให้เป็นบ้านที่อยู่สงบ ปลอดภัย มีความสุขมากๆครับ