เทคนิคในการสอบ TOEIC ให้ได้ 800 up จากประสบการณ์ของตัวเองค่ะ

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ อยากจะมาเล่าถึงประสบการณ์สอบ TOEIC ของตัวเองพร้อมแบ่งปันเทคนิคดีๆ ที่เราใช้จากการสอบ TOEIC ให้เพื่อนๆในพันทิปค่ะ
ต้องบอกก่อนเลยว่าเราเพิ่งไปสอบ TOEIC มาครั้งแรกแบบงงๆมึนๆมาก คือไม่ได้เรียน หรืออ่านหนังสือไปก่อนเลย เพราะคิดว่าจะไปทดสอบตัวเองล้วนๆ พอสอบเสร็จก็เลยแบบรู้จุดบกพร่องของของตัว และคิดเทคนิคต่างๆที่จะช่วยให้เราได้คะแนนดีในครั้งต่อไปนะ

คะแนนของเราค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

มาเริ่มที่พาทแรก พาท listening กันเลยค่ะ
มีทั้งหมด 100 ข้อ คะแนนเต็ม 495 คะแนน เวลา 45 นาที ผู้เข้าสอบจะได้ฟังคำถาม และการสนทนาสั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษ แล้วตอบคำถามจากสิ่งที่ได้ยิน โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วนย่อย ดังนี้ค่ะ
Part 1: Photographs 10 ข้อ
สำหรับพาทนี้นะคะ ในข้อสอบจะมีรูปภาพมาให้ค่ะ แต่จะไม่มีช้อยมาให้นะคะ ส่วนใหญ่ภาพจะเป็นภาพแนว business นะคะ เช่นมีคนประชุม คนยืนคุยกันอะไรทำนองนี้ค่ะ โดยจะให้เราดูรูปภาพก่อน แล้วจะมีเสียงพูดช้อยให้ฟัง A B C D ค่ะแล้วให้เราเลือกช้อยที่ตรงกับรูปภาพมากที่สุดค่ะ แนะนำว่าให้สแกนดูรูปให้ละเอียดก่อนเลยค่ะ จากนั้นตอนที่เสียงพูดช้อยให้ทยอยตัดข้อที่ผิดไปทีละข้อนะคะ จากที่เราทำข้อสอบเนี่ย การฟังช้อยไม่ยากเท่าการมองภาพให้ออกค่ะ เพราะบางทีเราฟังช้อยรู้เรื่องหมดแต่ไม่รู้จริงๆว่าภาพนั้นคืออะไร

ปล. หากไม่รู้จริงๆให้มั่วไปเลยค่ะ เพราะต่อให้เว้นว่างไว้ก็ไม่สามารถกลับมาตอบได้ เพราะแน่นอนค่ะ เราจะจำช้อยไม่ได้ เค้าจะเปิดช้อยให้ฟังแค่รอบเดียวเท่านั้น

Part 2: Question-Response 30 ข้อ
พาทนี้เป็นพาทที่เราคิดว่าง่ายกว่าพาทรูปภาพค่ะ ส่วนนี้ควรพยายามเก็บคะแนนให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ โดยจะมีเสียงพูดคำถามมาค่ะ เช่น How old are you? จากนั้นจะมีเสียงช้อยมาให้คะ สมมุตินะคะ A : My name is Ammy.     B: I'm 25 years old.      C: I'm from Bangkok.
คือพูดง่ายๆนะคะ ช้อยจะค่อยข้างชัดเจนมากว่าข้อไหนถูกข้อไหนผิด ถ้าเป็นคนฟังเก่ง มีเต็มแน่นอนค่ะพาทนี้ แต่หากเราไม่ใช่คนฟังเก่งมาก แนะนำนะคะ พยายามจับให้ได้ว่าโจทย์ถาม Who, What, When, Where, Why, How เพื่อที่จะได้ได้สุ่มคำตอบได้ว่าควรตอบข้อไหน เพราะช้อยตค่อนข้างแตกต่างกันในเรื่องนี้มากพอสมควรค่ะ

อยากแนะนำเพิ่มสำหรับคนที่คิดว่าตัวเองไวนะคะ ตอนเราทำ เราเขียน A B C ไว้หลังเลขข้อเลยค่ะ แล้วพอฟังช้อยเสร็จเราก็เอาดินสอตัดๆ ไปเรื่อยๆ จนได้ข้อที่ถูกค่ะ อาจจะดูแบบเสียเวลาเขียนช้อยนะคะ แต่เรามีความรู้สึกว่าการทำแบบช่วยจริงๆค่ะ แต่หากให้ไม่ค่อยไวพอ ไม่ต้องทำก็ได้ค่ะ

Part 3: Conversations 30 ข้อ กับ Part 4: Short Talks 30 ข้อ
พาทนี้จะเป็นพาทที่มีเสียงบทสนทนาให้ฟังโดยพาท 3 จะสั้นกว่า พาท 4 ค่ะ 2 พาทนี้นะคะ เทคนิคคล้ายๆกันเลยคือ แนะนำว่าให้สแกนคำถามก่อนเลยในเวลาที่เค้าเว้นให้ค่ะ (เวลาในการสแกนคำถามนั้นไม่มากนะคะต้องรีบสแกนค่ะ) เพราะถ้าเราฟังบทสนทนาแล้วค่อยมาอ่านคำถามเนี่ย เราอาจจะลืมไปได้ค่ะว่าเค้าพูดถึงเรื่องอะไรกันบ้าง เพราะฉนั้นแสกนคำถามกันก่อนเลยค่ะ พร้อมกับวงสิ่งที่คำถามต้องการรู้ไว้ก่อนเลย แล้วพอเราฟังบทสนทนา เราจะได้รู้ว่าเราควรโฟกัสที่จุดไหนของบทสนทนานั้นๆค่ะ

พาท 2 ค่ะ พาทอ่าน (Reading Comprehension) มีทั้งหมด 100 ข้อ คะแนนเต็ม 495 คะแนน เวลา 75 นาที ในพาทอ่านนี้นะคะจะต่างจากพาทฟังตรงที่ พาทอ่านเนี่ย เราคือผู้กำหนดเวลาที่ใช้ในแต่ละข้อ แต่พาทฟังเราจะรู้ว่าเราควรเสร็จคำถามนี้แล้วไปทำคำถามต่อไปแล้วนะ เมื่อเสียงคำถามของข้อถัดไปเริ่มขึ้น เพราะฉนั้นพาทอ่านนี่ละค่ะ จะทำให้เราเกิดปัญหาที่เรานั้นใช้เวลาในข้อแรกๆเยอะเกิดไป จนทำไม่ทัน เพราะฉนั้นอย่าลืม manage เวลากันดีๆนะคะ

ผู้เข้าสอบจะต้องตอบคำถามจากสิ่งที่อ่าน โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนย่อย ดังนี้
Part 5: Incomplete Sentences 40 ข้อ ควรใช้เวลาไม่เกินข้อละ 30 วินาทีค่ะ
Part 6: Text Completion 12 ข้อ ควรใช้เวลาไม่เกินข้อละ 30 วินาทีค่ะ
Part 7: Reading Comprehension 48 ข้อ ควรใช้เวลาข้อละไม่เกิน 1 นาทีค่ะ

พาทอ่านนี่ยากกว่าพาทฟังค่ะ ไม่ค่อยมีเทคนิคอะไรมาก แต่ส่วนตัวเราคิดว่า พยายามทำ พาท 5 กับ 6 ให้ได้มากๆดีกว่าค่ะ เพราะพาท 7 นี่ค่อนข้างยากเลยทีเดียว พาท5 กับ 6 ให้เน้นพวก tense กับ พวก part of speech ให้มากๆนะคะ

ตัวอย่างข้อสอบค่ะ https://www.ets.org/Media/Tests/TOEIC/pdf/TOEIC_LR_sample_tests.pdf

โชคดีนะคะทุกๆคน

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ภาษาอังกฤษ TOEIC
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่