สืบเนื่องจากกระทู้เมื่อวานนี้ของผม รู้สึกมีเพื่อนสมาชิกหลายคนที่ยังสับสนอยู่กับเรื่องของเสียงส่วนใหญ่กันเรื่องของความถูกต้อง วันนี้ผมจึงถือโอกาสขออนุญาตชี้แจงให้เพื่อนสมาชิกเข้าใจจุดประสงค์ของกระทู้เมื่อวานนี้นะครับ
ก่อนอื่นคงต้องทำความเข้าใจกับเพื่อนๆก่อนนะครับ เมื่อกระทู้นั้นตั้งในห้องการเมือง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของการเมืองเพียงอย่างเดียว หวังว่าคงไม่มีใครนำไปผสมปนเปกับเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น เสียงส่วนใหญ่ที่พรหมพิราม เป็นต้น
เพื่อนๆครับ เสียงส่วนใหญ่ไม่ใช่เสียงที่ถูกต้องเสมอไปอย่างแน่นอนครับ เพราะมีหลายครั้งจากปัจจัยหลายอย่าง หรือ จากความเชื่อที่ตกทอดกันมาช้านาน อาจทำให้คนส่วนใหญ่ในแต่ละพื้นที่ อาจมีความเชื่อที่แตกต่างกันไป อาจจะถูกหรือผิดก็เป็นไปได้
ยกตัวอย่างเช่น คนส่วนใหญ่ในสมัยก่อน ต่างก็มีความเชื่อว่า โลกแบน ซึ่งก็เป็นความเข้าใจผิดมาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อในเวลาต่อมา เมื่อวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ให้รู้ว่า โลกกลม นั่นแหละครับ เสียงส่วนน้อยจึงสามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของคนส่วนใหญ่ได้ในที่สุด
แต่ทางการเมืองเสียงส่วนใหญ่ย่อมต้องถูกต้องเสมอไปครับ เพราะมันเป็นกติกาไงครับ ยิ่งเป็นกติกาที่ผ่านความเห็นชอบจากทุกฝ่าย ยิ่งเป็นกติกาที่ได้รับความชอบธรรมโดยผ่านประชามติมาแล้ว มันจึงควรเป็นความถูกต้องที่ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติ เพื่อขจัดความขัดแย้งที่เกิดจากความคิดเห็นต่างไงครับ
ยกตัวอย่างเช่น การเลือกตั้งผู้ว่าฯที่ผ่านมา ทั้งๆที่ 4 ปีก่อนกับผลงานกล้องดัมมี่ สนามฟุตซอลที่สร้างไม่เสร็จ หรือการต่อสัญญาบีทีเอสล่วงหน้า 30 ปี ทั้งๆที่ยังเหลือสัญญาอีกตั้ง 13 ปี เป็นต้น
แต่เมื่อคนกรุงเทพยังคงเลือกให้นั่งในตำแหน่งต่อไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เมื่อสามารถชนะการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะชนะกันด้วยคะแนนเสียงหลักแสน หลักพัน หรือแม้กระทั่งหลักร้อย คนแพ้ทำได้แค่ขอให้นับคะแนนใหม่ และเมื่อแพ้ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ จะมาอ้างเรื่องความถูกต้องหรือถูกใจคงไม่ได้ใช่ไหมครับ
ความถูกต้องของเสียงส่วนใหญ่ในที่นี้ จึงเป็นความถูกต้องตามกติกา ส่วนจะเลือกถูกหรือผิด นั่นขึ้นอยู่กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ เสียงส่วนใหญ่อาจเลือกผิดได้ เสียงส่วนน้อยก็ไม่แน่ว่าจะเลือกถูก เพราะยังไม่มีโอกาสพิสูจน์ฝีมือให้คนทั้งหมดได้เห็น
แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะพลาดไปแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ก็ต้องดำเนินไปตามกติกาที่กำหนด นั่นคือปล่อยให้ทำหน้าที่จะครบวาระ สำหรับข้อกล่าวหาต่างๆก็ปล่อยไปตามกระบวนการที่มีอยู่ ประเทศก็จะไม่วุ่นวาย บ้านเมืองก็จะไม่ขัดแย้ง
เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ ถ้าคนส่วนใหญ่ยังคงให้โอกาสผู้ว่าฯคนเดิม ก็ยังคงต้องเป็นไปตามนั้น ไม่ว่าคนส่วนน้อยจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม จำเป็นต้องยอมรับตามกติกาต่อไป ไม่ใช่อ้างเหตุผลเสียงส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องถูกต้องเสมอไป หรือตั้งข้อกล่าวหาร้ายแรงต่างๆที่ยังไม่ผ่านการพิสูจน์ แล้วออกมาเย้วๆขับไล่ อย่างนี้มีแต่สร้างสังคมอันธพาลที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ดังที่พวกเราได้ประสบกันมากว่าสิบปีไงล่ะครับ
เพื่อนๆครับ เพราะไม่ยึดมั่นความต้องการของคนส่วนใหญ่
วันนี้คนส่วนน้อยจึงได้อำนาจไป
เพื่อนๆครับ เพราะไม่ศรัทธาการเลือกตั้ง
วันนี้เราจึงไม่รู้ว่าจะมีเลือกตั้งเมื่อไหร่กันแน่
เพื่อนๆครับ เพราะเราหลงเชื่ออำนาจประชาชนมีเพียงไม่กี่วิ ตอนเข้าคูหา
วันนี้เราจึงไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวที่สามารถออกความเห็นต่าง
เพื่อนๆครับ เพราะเราไม่เคารพกติกา
วันหน้าเราอาจได้กติกาที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน
และสุดท้าย เพราะไม่เชื่อถือเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้องตามกติกา
เราจึงไม่มีทางรู้ว่า เมื่อไหร่เราจึงจะมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริงไงล่ะครับเพื่อนๆสมาชิก
ขออนุญาตชี้แจงเรื่องเสียงส่วนใหญ่ กับ ความถูกต้องนะครับ----------------ทวดเอง
ก่อนอื่นคงต้องทำความเข้าใจกับเพื่อนๆก่อนนะครับ เมื่อกระทู้นั้นตั้งในห้องการเมือง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของการเมืองเพียงอย่างเดียว หวังว่าคงไม่มีใครนำไปผสมปนเปกับเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น เสียงส่วนใหญ่ที่พรหมพิราม เป็นต้น
เพื่อนๆครับ เสียงส่วนใหญ่ไม่ใช่เสียงที่ถูกต้องเสมอไปอย่างแน่นอนครับ เพราะมีหลายครั้งจากปัจจัยหลายอย่าง หรือ จากความเชื่อที่ตกทอดกันมาช้านาน อาจทำให้คนส่วนใหญ่ในแต่ละพื้นที่ อาจมีความเชื่อที่แตกต่างกันไป อาจจะถูกหรือผิดก็เป็นไปได้
ยกตัวอย่างเช่น คนส่วนใหญ่ในสมัยก่อน ต่างก็มีความเชื่อว่า โลกแบน ซึ่งก็เป็นความเข้าใจผิดมาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อในเวลาต่อมา เมื่อวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ให้รู้ว่า โลกกลม นั่นแหละครับ เสียงส่วนน้อยจึงสามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของคนส่วนใหญ่ได้ในที่สุด
แต่ทางการเมืองเสียงส่วนใหญ่ย่อมต้องถูกต้องเสมอไปครับ เพราะมันเป็นกติกาไงครับ ยิ่งเป็นกติกาที่ผ่านความเห็นชอบจากทุกฝ่าย ยิ่งเป็นกติกาที่ได้รับความชอบธรรมโดยผ่านประชามติมาแล้ว มันจึงควรเป็นความถูกต้องที่ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติ เพื่อขจัดความขัดแย้งที่เกิดจากความคิดเห็นต่างไงครับ
ยกตัวอย่างเช่น การเลือกตั้งผู้ว่าฯที่ผ่านมา ทั้งๆที่ 4 ปีก่อนกับผลงานกล้องดัมมี่ สนามฟุตซอลที่สร้างไม่เสร็จ หรือการต่อสัญญาบีทีเอสล่วงหน้า 30 ปี ทั้งๆที่ยังเหลือสัญญาอีกตั้ง 13 ปี เป็นต้น
แต่เมื่อคนกรุงเทพยังคงเลือกให้นั่งในตำแหน่งต่อไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เมื่อสามารถชนะการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะชนะกันด้วยคะแนนเสียงหลักแสน หลักพัน หรือแม้กระทั่งหลักร้อย คนแพ้ทำได้แค่ขอให้นับคะแนนใหม่ และเมื่อแพ้ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ จะมาอ้างเรื่องความถูกต้องหรือถูกใจคงไม่ได้ใช่ไหมครับ
ความถูกต้องของเสียงส่วนใหญ่ในที่นี้ จึงเป็นความถูกต้องตามกติกา ส่วนจะเลือกถูกหรือผิด นั่นขึ้นอยู่กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ เสียงส่วนใหญ่อาจเลือกผิดได้ เสียงส่วนน้อยก็ไม่แน่ว่าจะเลือกถูก เพราะยังไม่มีโอกาสพิสูจน์ฝีมือให้คนทั้งหมดได้เห็น
แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะพลาดไปแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ก็ต้องดำเนินไปตามกติกาที่กำหนด นั่นคือปล่อยให้ทำหน้าที่จะครบวาระ สำหรับข้อกล่าวหาต่างๆก็ปล่อยไปตามกระบวนการที่มีอยู่ ประเทศก็จะไม่วุ่นวาย บ้านเมืองก็จะไม่ขัดแย้ง
เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ ถ้าคนส่วนใหญ่ยังคงให้โอกาสผู้ว่าฯคนเดิม ก็ยังคงต้องเป็นไปตามนั้น ไม่ว่าคนส่วนน้อยจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม จำเป็นต้องยอมรับตามกติกาต่อไป ไม่ใช่อ้างเหตุผลเสียงส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องถูกต้องเสมอไป หรือตั้งข้อกล่าวหาร้ายแรงต่างๆที่ยังไม่ผ่านการพิสูจน์ แล้วออกมาเย้วๆขับไล่ อย่างนี้มีแต่สร้างสังคมอันธพาลที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ดังที่พวกเราได้ประสบกันมากว่าสิบปีไงล่ะครับ
เพื่อนๆครับ เพราะไม่ยึดมั่นความต้องการของคนส่วนใหญ่
วันนี้คนส่วนน้อยจึงได้อำนาจไป
เพื่อนๆครับ เพราะไม่ศรัทธาการเลือกตั้ง
วันนี้เราจึงไม่รู้ว่าจะมีเลือกตั้งเมื่อไหร่กันแน่
เพื่อนๆครับ เพราะเราหลงเชื่ออำนาจประชาชนมีเพียงไม่กี่วิ ตอนเข้าคูหา
วันนี้เราจึงไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวที่สามารถออกความเห็นต่าง
เพื่อนๆครับ เพราะเราไม่เคารพกติกา
วันหน้าเราอาจได้กติกาที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน
และสุดท้าย เพราะไม่เชื่อถือเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้องตามกติกา
เราจึงไม่มีทางรู้ว่า เมื่อไหร่เราจึงจะมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริงไงล่ะครับเพื่อนๆสมาชิก