หลายคนคงเผชิญกับปัญหาไม่มีเงินเก็บ เงินเดือนได้มาก็เอาไปเที่ยวใช้จ่ายหมด รายจ่ายท่วมท้น รายรับที่ได้มาหายไปไหนหมด ไปแผงหนังสือก็มีแต่คนเขียนบอกว่า รวยเป็นล้านง่ายนิดเดียว แต่หันมามองเงินในกระเป๋าตนเอง ทำไมยังไม่มีเงินเก็บออมสักที ปัญหานี้คงเป็นสิ่งที่หลายๆคนเจอกับตนเองอยู่บ่อยๆ
เพื่อปลูกฝังการเก็บออม เราจึงมีวิธีการเริ่มต้นการเก็บเงินง่ายๆที่จะนำคุณไปสู่ความมั่งคั่งในอนาคตได้ และเราอยากให้คุณได้เริ่มทำตั้งแต่วันนี้ จากแรงบันดาลใจในหนังสือ Secrets of Millionaire Mind ของ T. Harv Eker มีข้อคิดดีๆสอนเราว่า “ถ้าคุณอยากมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม คุณต้องเต็มใจยอมปล่อยวางวิธีคิด และการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ แล้วนำวิธีคิดแบบใหม่เข้ามาสู่ชีวิต แล้วคุณจะประจักษ์ถึงผลที่ตามมาในที่สุด”
วิธีการจัดการออมเงินแบบง่ายที่สุดที่เราอยากแนะนำคือ "the JARs System"
เริ่มต้นง่ายๆ เพียงคุณไปหาขวดโหล แก้วน้ำมีฝาปิด หรือ กระปุกมาทั้งหมด 6 ใบ ซึ่งสูตรลับนี้ ความจริงแล้วไม่ได้อยู่ที่กระปุก หรือ ขวดโหลใดๆ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่สิ่งที่จะทำให้การออมเงินของคุณครั้งนี้สำเร็จได้คือ ความมีวินัยในการจัดการเงินของคุณ ที่จะมีตั้งแต่วันที่คุณได้เริ่มปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
ขวดที่ 1: NECCESSITY ACCOUNT (NEC - 55%)
“ขวดจำเป็น” แน่นอนว่าในชีวิตคุณต้องมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นตลอดเวลา ขวดแรกนี้เราจะใช้สำหรับ เก็บเงินสำหรับค่าใช้จ่ายสิ่งของที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย ค่าเช่า ค่าภาษีต่างๆ เป็นต้น
ขวดที่ 2: PLAY ACCOUNT (PLAY - 10%)
“ขวดเที่ยวเล่น” เพื่อไม่ให้เครียดกับการเก็บเงินมากเกินไป และเป็นรางวัลชีวิตในทุกๆ เดือน เราจึงมีขวดนี้ให้เก็บเงินสำหรับการ กิน เที่ยว ดื่ม ช๊อป หรือพูดง่ายๆ คือ นำเงินนี้ไปปรนเปรอคุณซะ อย่าลืมว่า ทำงานมาหนักแล้ว ก็ต้องเที่ยวสนุกให้มีความสุขกับชีวิตบ้าง
ขวดที่ 3: FINANCIAL FREEDOM ACCOUNT (FFA - 10%)
“ขวดเงินต่อเงิน” ขวดนี้เราจะเก็บเงินเพื่อการลงทุนต่อยอด คุณคงเคยได้ยินหลายคนพูดถึง อิสรภาพทางเงิน หรือเข้าใจง่ายๆคือ การปล่อยให้เงินทำงาน ดังนั้นเงินในกระปุกนี้ เราขอให้คุณเอาไปลงทุนเท่านั้น ไม่ว่าจะไปฝากธนาคารให้ได้ดอกเบี้ย ซื้อสลากออมสิน ลงทุนในตลาดหุ้น ซื้อสินทรัพย์ที่ก่อรายได้ เอาไปลงทุนอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เงินงอกเงย ที่สำคัญเงินในกระปุกนี้ ”ห้ามใช้” หรือถ้าคุณจะใช้เงินในกระปุกนี้ก็ต้องแน่ใจว่าคุณมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว หรือถ้าคันอยากแงะออกมาใช้จริงๆ ก็ให้ใช้เพียงเงินที่ได้จากกำไร ปันผล หรือดอกเบี้ยจากการลงทุนเท่านั้น
ขวดที่ 4: EDUCATION ACCOUNT (EDU - 10%)
“ขวดเพิ่มความรู้” ขวดนี้เราจะเก็บเงินเพื่อต่อยอดความรู้ให้งอกเงย เพราะยิ่งคุณมีความรู้มากขึ้น คุณยิ่งสามารถต่อยอดความรู้ของคุณให้งอกเงยเป็นเงินเป็นทองได้ จำไว้ว่าความรู้ไม่จำกัดอายุ คุณสามารถนำเงินในกระปุกนี้ไปซื้อหนังสือเพิ่มความรู้ ไปลงเรียนคอร์สเพิ่มเทคนิคเฉพาะตัว หรือสัมมนาต่างๆ ที่สามารถพัฒนาทักษะความรู้ของคุณได้
ขวดที่ 5: LONG-TERM SAVING FOR SPENDING ACCOUNT (LTS - 10%)
“ขวดเก็บเพื่อใช้” ขวดนี้เราอยากให้คุณเก็บเงินไว้เพื่อใช้ในอนาคต หรือสิ่งที่ควรจะมี เพื่อให้ชีวิตสบายขึ้น อาจจะเป็นเงินที่เก็บเพื่อซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ๆ ทีวีรุ่นเจ๋งๆ หรือการออมเงินเพื่อการท่องเที่ยวยุโรป เก็บเงินไว้ให้เพื่อการศึกษาของลูก ซื้อรถใหม่ ซึ่งคุณเองก็สามารถมีกระปุก LTS ได้หลายใบตามแผนการซื้อของ หรือเก็บออมเพื่ออนาคตของคุณได้
ขวดที่ 6: GIVE ACCOUNT ( GIVE - 5%)
“ขวดเก็บเพื่อให้” คุณฟังไม่ผิด ขวดนี้เราเก็บไว้ให้คนอื่น เช่น ให้ครอบครัว ให้เงินพ่อแม่ในวันเกิด ซื้อของขวัญให้เพื่อน นำไปบริจาค ซื้อของให้เด็กยากไร้ เงินก้อนนี้เราขอให้คุณเก็บไว้เพื่อทำให้คนอื่นมีความสุขบ้าง
เรามีตัวอย่างง่ายๆ เบื้องต้นให้คุณลองทำตามกัน
สมมติว่าคุณมีเงินเดือน เดือนละ 15,000 บาท เราจะแบ่งสัดส่วนเงินที่ได้ลงไปในขวดแต่ละขวด ตามค่าใช้จ่ายและเงินออมด้านบน (คิดแบบเบื้องต้นยังไม่รวมเรื่องดอกเบี้ยเงินฝาก) ยกตัวอย่าง จากเงินเดือนที่คุณได้รับ จะแบ่งเก็บ 10% ในทุกๆเดือนในขวด FFA เพื่อเป็นเงินออมเพื่อการลงทุน ดังนั้นหากคุณทำแบบนี้ไปจนครบ 1 ปี คุณจะมีเงินเก็บทั้งหมด 18,000 บาท ซึ่งตามแผนการ คุณต้องนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนต่อยอด ไม่ว่าจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเช่น ฝากธนาคาร ซื้อสลากออมสิน หรือลงทุนในหุ้น ส่วนใครจะไม่รอให้ครบปี แล้วทยอยลงทุนในแต่ละเดือนก็ไม่ว่ากัน
บางคนอาจคิดว่า ฉันไม่ได้มีเงินรายจ่ายจำเป็นเยอะขนาดนั้น และอยากลดค่าใช้จ่าย เพื่อไปเติมในการลงทุน บอกได้เลยว่าเราไม่มีกฏที่ตายตัว ทำได้เลย ยิ่งคุณเพิ่ม FFA มากขึ้น นั่นหมายความว่าคุณจะมีเงินที่งอกเงยขึ้น
ลองดูอีกตัวอย่าง เพียงแค่คุณลดค่าใช้จ่ายจำเป็น มาหยอดในขวดโหล FFA เพิ่มขึ้นเป็น 20% คุณก็จะมีเงินเก็บเพิ่มมากขึ้นเป็น 36,000 บาททีเดียว และยิ่งถ้าคุณนำไปออมเงินต่อ แน่นอนว่าคุณจะรวยขึ้นกว่าเดิม
เห็นมั้ยค่ะ ว่าจริงๆแล้วการที่เราจะเริ่มเก็บออมเงินนั้นไม่ยากเลย ขอแค่เรามีระเบียบวินัย ในตนเอง แล้วเริ่มวางแผนการเงินกันตั้งแต่วันนี้ รูปแบบ JARs System ที่เก็บเงินในขวดเหล่านี้เป็นเพียงเครื่องมือที่จะย้ำเตือนให้คุณรู้จักอดออม คุณอาจไม่จำเป็นต้องมีขวดโหลใดๆเลยก็ได้ ถ้าคุณมีวินัยมากพอ และสัดส่วนในแต่ละโถนั้นก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามกำลัง ความสามารถจัดการการเงินของแต่ละบุคคล คุณอาจจะเปลี่ยนเป็นรายวัน รายสัปดาห์ก็ได้ไม่ว่ากัน
ที่สำคัญที่สุด คืออย่าลืมว่า "เริ่มก่อน รวยก่อน" อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปแล้วมารู้ตัวอีกทีตอนแก่ว่า "ไม่มีตังค์" นะคะ ใครมีวิธีการออมเงินดีๆมาแบ่งปันจะยินดีมากๆเลยค่ะ
ที่มา: งงหุ้น (www.facebook.com/stockwhat) และ www.unlockmen.com
แชร์สูตรวิธีการออมเงินง่ายๆ แบบ JARS SYSTEM
หลายคนคงเผชิญกับปัญหาไม่มีเงินเก็บ เงินเดือนได้มาก็เอาไปเที่ยวใช้จ่ายหมด รายจ่ายท่วมท้น รายรับที่ได้มาหายไปไหนหมด ไปแผงหนังสือก็มีแต่คนเขียนบอกว่า รวยเป็นล้านง่ายนิดเดียว แต่หันมามองเงินในกระเป๋าตนเอง ทำไมยังไม่มีเงินเก็บออมสักที ปัญหานี้คงเป็นสิ่งที่หลายๆคนเจอกับตนเองอยู่บ่อยๆ
เพื่อปลูกฝังการเก็บออม เราจึงมีวิธีการเริ่มต้นการเก็บเงินง่ายๆที่จะนำคุณไปสู่ความมั่งคั่งในอนาคตได้ และเราอยากให้คุณได้เริ่มทำตั้งแต่วันนี้ จากแรงบันดาลใจในหนังสือ Secrets of Millionaire Mind ของ T. Harv Eker มีข้อคิดดีๆสอนเราว่า “ถ้าคุณอยากมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม คุณต้องเต็มใจยอมปล่อยวางวิธีคิด และการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ แล้วนำวิธีคิดแบบใหม่เข้ามาสู่ชีวิต แล้วคุณจะประจักษ์ถึงผลที่ตามมาในที่สุด”
วิธีการจัดการออมเงินแบบง่ายที่สุดที่เราอยากแนะนำคือ "the JARs System"
เริ่มต้นง่ายๆ เพียงคุณไปหาขวดโหล แก้วน้ำมีฝาปิด หรือ กระปุกมาทั้งหมด 6 ใบ ซึ่งสูตรลับนี้ ความจริงแล้วไม่ได้อยู่ที่กระปุก หรือ ขวดโหลใดๆ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่สิ่งที่จะทำให้การออมเงินของคุณครั้งนี้สำเร็จได้คือ ความมีวินัยในการจัดการเงินของคุณ ที่จะมีตั้งแต่วันที่คุณได้เริ่มปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
ขวดที่ 1: NECCESSITY ACCOUNT (NEC - 55%)
“ขวดจำเป็น” แน่นอนว่าในชีวิตคุณต้องมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นตลอดเวลา ขวดแรกนี้เราจะใช้สำหรับ เก็บเงินสำหรับค่าใช้จ่ายสิ่งของที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย ค่าเช่า ค่าภาษีต่างๆ เป็นต้น
ขวดที่ 2: PLAY ACCOUNT (PLAY - 10%)
“ขวดเที่ยวเล่น” เพื่อไม่ให้เครียดกับการเก็บเงินมากเกินไป และเป็นรางวัลชีวิตในทุกๆ เดือน เราจึงมีขวดนี้ให้เก็บเงินสำหรับการ กิน เที่ยว ดื่ม ช๊อป หรือพูดง่ายๆ คือ นำเงินนี้ไปปรนเปรอคุณซะ อย่าลืมว่า ทำงานมาหนักแล้ว ก็ต้องเที่ยวสนุกให้มีความสุขกับชีวิตบ้าง
ขวดที่ 3: FINANCIAL FREEDOM ACCOUNT (FFA - 10%)
“ขวดเงินต่อเงิน” ขวดนี้เราจะเก็บเงินเพื่อการลงทุนต่อยอด คุณคงเคยได้ยินหลายคนพูดถึง อิสรภาพทางเงิน หรือเข้าใจง่ายๆคือ การปล่อยให้เงินทำงาน ดังนั้นเงินในกระปุกนี้ เราขอให้คุณเอาไปลงทุนเท่านั้น ไม่ว่าจะไปฝากธนาคารให้ได้ดอกเบี้ย ซื้อสลากออมสิน ลงทุนในตลาดหุ้น ซื้อสินทรัพย์ที่ก่อรายได้ เอาไปลงทุนอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เงินงอกเงย ที่สำคัญเงินในกระปุกนี้ ”ห้ามใช้” หรือถ้าคุณจะใช้เงินในกระปุกนี้ก็ต้องแน่ใจว่าคุณมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว หรือถ้าคันอยากแงะออกมาใช้จริงๆ ก็ให้ใช้เพียงเงินที่ได้จากกำไร ปันผล หรือดอกเบี้ยจากการลงทุนเท่านั้น
ขวดที่ 4: EDUCATION ACCOUNT (EDU - 10%)
“ขวดเพิ่มความรู้” ขวดนี้เราจะเก็บเงินเพื่อต่อยอดความรู้ให้งอกเงย เพราะยิ่งคุณมีความรู้มากขึ้น คุณยิ่งสามารถต่อยอดความรู้ของคุณให้งอกเงยเป็นเงินเป็นทองได้ จำไว้ว่าความรู้ไม่จำกัดอายุ คุณสามารถนำเงินในกระปุกนี้ไปซื้อหนังสือเพิ่มความรู้ ไปลงเรียนคอร์สเพิ่มเทคนิคเฉพาะตัว หรือสัมมนาต่างๆ ที่สามารถพัฒนาทักษะความรู้ของคุณได้
ขวดที่ 5: LONG-TERM SAVING FOR SPENDING ACCOUNT (LTS - 10%)
“ขวดเก็บเพื่อใช้” ขวดนี้เราอยากให้คุณเก็บเงินไว้เพื่อใช้ในอนาคต หรือสิ่งที่ควรจะมี เพื่อให้ชีวิตสบายขึ้น อาจจะเป็นเงินที่เก็บเพื่อซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ๆ ทีวีรุ่นเจ๋งๆ หรือการออมเงินเพื่อการท่องเที่ยวยุโรป เก็บเงินไว้ให้เพื่อการศึกษาของลูก ซื้อรถใหม่ ซึ่งคุณเองก็สามารถมีกระปุก LTS ได้หลายใบตามแผนการซื้อของ หรือเก็บออมเพื่ออนาคตของคุณได้
ขวดที่ 6: GIVE ACCOUNT ( GIVE - 5%)
“ขวดเก็บเพื่อให้” คุณฟังไม่ผิด ขวดนี้เราเก็บไว้ให้คนอื่น เช่น ให้ครอบครัว ให้เงินพ่อแม่ในวันเกิด ซื้อของขวัญให้เพื่อน นำไปบริจาค ซื้อของให้เด็กยากไร้ เงินก้อนนี้เราขอให้คุณเก็บไว้เพื่อทำให้คนอื่นมีความสุขบ้าง
เรามีตัวอย่างง่ายๆ เบื้องต้นให้คุณลองทำตามกัน
สมมติว่าคุณมีเงินเดือน เดือนละ 15,000 บาท เราจะแบ่งสัดส่วนเงินที่ได้ลงไปในขวดแต่ละขวด ตามค่าใช้จ่ายและเงินออมด้านบน (คิดแบบเบื้องต้นยังไม่รวมเรื่องดอกเบี้ยเงินฝาก) ยกตัวอย่าง จากเงินเดือนที่คุณได้รับ จะแบ่งเก็บ 10% ในทุกๆเดือนในขวด FFA เพื่อเป็นเงินออมเพื่อการลงทุน ดังนั้นหากคุณทำแบบนี้ไปจนครบ 1 ปี คุณจะมีเงินเก็บทั้งหมด 18,000 บาท ซึ่งตามแผนการ คุณต้องนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนต่อยอด ไม่ว่าจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเช่น ฝากธนาคาร ซื้อสลากออมสิน หรือลงทุนในหุ้น ส่วนใครจะไม่รอให้ครบปี แล้วทยอยลงทุนในแต่ละเดือนก็ไม่ว่ากัน
บางคนอาจคิดว่า ฉันไม่ได้มีเงินรายจ่ายจำเป็นเยอะขนาดนั้น และอยากลดค่าใช้จ่าย เพื่อไปเติมในการลงทุน บอกได้เลยว่าเราไม่มีกฏที่ตายตัว ทำได้เลย ยิ่งคุณเพิ่ม FFA มากขึ้น นั่นหมายความว่าคุณจะมีเงินที่งอกเงยขึ้น
ลองดูอีกตัวอย่าง เพียงแค่คุณลดค่าใช้จ่ายจำเป็น มาหยอดในขวดโหล FFA เพิ่มขึ้นเป็น 20% คุณก็จะมีเงินเก็บเพิ่มมากขึ้นเป็น 36,000 บาททีเดียว และยิ่งถ้าคุณนำไปออมเงินต่อ แน่นอนว่าคุณจะรวยขึ้นกว่าเดิม
เห็นมั้ยค่ะ ว่าจริงๆแล้วการที่เราจะเริ่มเก็บออมเงินนั้นไม่ยากเลย ขอแค่เรามีระเบียบวินัย ในตนเอง แล้วเริ่มวางแผนการเงินกันตั้งแต่วันนี้ รูปแบบ JARs System ที่เก็บเงินในขวดเหล่านี้เป็นเพียงเครื่องมือที่จะย้ำเตือนให้คุณรู้จักอดออม คุณอาจไม่จำเป็นต้องมีขวดโหลใดๆเลยก็ได้ ถ้าคุณมีวินัยมากพอ และสัดส่วนในแต่ละโถนั้นก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามกำลัง ความสามารถจัดการการเงินของแต่ละบุคคล คุณอาจจะเปลี่ยนเป็นรายวัน รายสัปดาห์ก็ได้ไม่ว่ากัน
ที่สำคัญที่สุด คืออย่าลืมว่า "เริ่มก่อน รวยก่อน" อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปแล้วมารู้ตัวอีกทีตอนแก่ว่า "ไม่มีตังค์" นะคะ ใครมีวิธีการออมเงินดีๆมาแบ่งปันจะยินดีมากๆเลยค่ะ
ที่มา: งงหุ้น (www.facebook.com/stockwhat) และ www.unlockmen.com