รู้สึกว่าทำไมบางบริษัทที่ประกาศรับสมัครงานทางเว็บ ทำไมเขาถึงไม่บอกข้อมูลให้ละเอียดหน่อย ข้อมูลบางอย่างสำคัญ แต่เขากลับไม่ใส่ข้อมูลนั้นลงไปในประกาศด้วย ทำอย่างกับว่าผู้สมัครเขาสามารถรู้เองได้ (บางคนอาจรู้เองได้ แค่บางคน)
วันนี้เราไปสัมภาษณ์งานมา ที่บริษัทแห่งหนึ่ง เราสมัครงานนี้ไว้ทางเว็บ ตำแหน่ง Customer Service แต่เขาไม่ได้บอกว่างานนี้ต้องทำเป็นกะ และวันหยุดก็ไม่ตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย พอไปสัมภาษณ์แล้วถึงได้รู้ ว่ามีตั้ง 3 กะ ทำตลอด 24 ชม. อย่างกับเซเว่น คนที่สัมภาษณ์งานก็พูดเหมือนว่ามันเป็นเรื่องธรรมดามากๆที่งาน Customer Service จะต้องเข้ากะและหยุดไม่ตรงเสาร์-อาทิตย์ แต่จริงๆแล้วเราเห็นหลายบริษัทตำแหน่ง Customer Service ก็ไม่ต้องเข้ากะ และได้หยุดเหมือนกับพนักงานออฟฟิศทั่วไป
บางทีเราอาจโง่เองที่ไม่ได้ถามเขาก่อน ตอนที่เขาโทรมานัดเราสัมภาษณ์ เราก็ไม่ได้ถามเขาเรื่องนี้ เพราะไม่คิดว่างานจะต้องเข้ากะด้วย ในเมื่อไม่ใช่ห้าง โรงพยาบาล หรือโรงแรม ถ้าเขาไม่ได้บอกเรื่องเวลาทำงานไว้ในเว็บ เราก็คิดว่าทำงานเป็นเวลาเหมือนพนักงานทั่วๆไป คือเข้างานตอนเช้า แล้วเลิกงานตอนเย็น
แต่ถ้าเรารู้ข้อมูลนี้ก่อน เราก็จะไม่ไปสัมภาษณ์ เพราะที่พักเราอยู่ไกลจากที่ทำงาน(ต้องเดินทางด้วยรถสองแถว,รถเมล์,รถไฟใต้ดิน ใช้เวลารวมๆแล้วก็ประมาณ 2 ชั่วโมง ถ้ารวมทั้งตอนไปและกลับก็ 4 ชั่วโมง) และเราไม่มีรถส่วนตัว ไม่มีคนไปรับส่ง และบริษัทก็ไม่มีรถรับส่งพนักงานด้วย นอกจากนี้เรายังต้องการงานที่มีวันหยุดตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย
เราไม่ได้รู้สึกโกรธ แค่รู้สึกเสียเวลาเท่านั้น(แต่อย่างน้อยเราก็มีโอกาสได้ไปเห็นออฟฟิศสวยๆของเขา) ก่อนหน้านี้เราเคยเจอเหตุการณ์แย่กว่านี้อีก คือตอนไปสมัครงาน Customer Service ของห้างดังแห่งหนึ่งในไทย ตอนที่เขาประกาศรับสมัคร เขาไม่ได้บอกไว้ว่าจะสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ เราเองก็ไม่รู้ เพราะตอนนั้นเรากำลังทำงาน Customer Service อีกที่นึง ตอนสัมภาษณ์ก็พูดแต่ภาษาไทย ตอนทำงานก็ใช้แต่ภาษาไทย นานๆจึงจะได้ใช้ภาษาอังกฤษแบบงูๆปลาๆบ้าง เราอ่อนภาษาอังกฤษ ถ้ารู้ว่าอีกที่นึงเขาจะสัมภาษณ์เราเป็นภาษาอังกฤษ เราคงไม่สมัครงานที่นั่น แต่เราไม่รู้ ก็เลยซวย เพราะเราฟังกรรมการพูดไม่รู้เรื่องเลย แถมโดนกรรมการดูถูกกลับมาอีก และกรรมการยังบอกอีกว่าผู้สมัครต้องมีผลคะแนน TOEIC ด้วย แต่เราไม่มีไง เพราะเขาไม่ได้บอกไว้ตอนประกาศรับสมัคร ถ้าเรารู้ก็ไม่สมัครหรอก กรรมการก็คนไทยนี่แหละ เหตุการณ์วันนั้นฝังใจเราจนเราไม่คิดจะไปสมัครงานที่นั่นอีกไม่ว่าจะตำแหน่งอะไรก็ตาม ต่อให้เขามาเปิดสาขาอยู่ติดกับบ้านเรา เราก็ไม่ยอมไปสมัครงานที่นั่นอีก
นี่เราโง่เองอีกแล้วใช่ไหม กับการสัมภาษณ์งาน ==
วันนี้เราไปสัมภาษณ์งานมา ที่บริษัทแห่งหนึ่ง เราสมัครงานนี้ไว้ทางเว็บ ตำแหน่ง Customer Service แต่เขาไม่ได้บอกว่างานนี้ต้องทำเป็นกะ และวันหยุดก็ไม่ตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย พอไปสัมภาษณ์แล้วถึงได้รู้ ว่ามีตั้ง 3 กะ ทำตลอด 24 ชม. อย่างกับเซเว่น คนที่สัมภาษณ์งานก็พูดเหมือนว่ามันเป็นเรื่องธรรมดามากๆที่งาน Customer Service จะต้องเข้ากะและหยุดไม่ตรงเสาร์-อาทิตย์ แต่จริงๆแล้วเราเห็นหลายบริษัทตำแหน่ง Customer Service ก็ไม่ต้องเข้ากะ และได้หยุดเหมือนกับพนักงานออฟฟิศทั่วไป
บางทีเราอาจโง่เองที่ไม่ได้ถามเขาก่อน ตอนที่เขาโทรมานัดเราสัมภาษณ์ เราก็ไม่ได้ถามเขาเรื่องนี้ เพราะไม่คิดว่างานจะต้องเข้ากะด้วย ในเมื่อไม่ใช่ห้าง โรงพยาบาล หรือโรงแรม ถ้าเขาไม่ได้บอกเรื่องเวลาทำงานไว้ในเว็บ เราก็คิดว่าทำงานเป็นเวลาเหมือนพนักงานทั่วๆไป คือเข้างานตอนเช้า แล้วเลิกงานตอนเย็น
แต่ถ้าเรารู้ข้อมูลนี้ก่อน เราก็จะไม่ไปสัมภาษณ์ เพราะที่พักเราอยู่ไกลจากที่ทำงาน(ต้องเดินทางด้วยรถสองแถว,รถเมล์,รถไฟใต้ดิน ใช้เวลารวมๆแล้วก็ประมาณ 2 ชั่วโมง ถ้ารวมทั้งตอนไปและกลับก็ 4 ชั่วโมง) และเราไม่มีรถส่วนตัว ไม่มีคนไปรับส่ง และบริษัทก็ไม่มีรถรับส่งพนักงานด้วย นอกจากนี้เรายังต้องการงานที่มีวันหยุดตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย
เราไม่ได้รู้สึกโกรธ แค่รู้สึกเสียเวลาเท่านั้น(แต่อย่างน้อยเราก็มีโอกาสได้ไปเห็นออฟฟิศสวยๆของเขา) ก่อนหน้านี้เราเคยเจอเหตุการณ์แย่กว่านี้อีก คือตอนไปสมัครงาน Customer Service ของห้างดังแห่งหนึ่งในไทย ตอนที่เขาประกาศรับสมัคร เขาไม่ได้บอกไว้ว่าจะสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ เราเองก็ไม่รู้ เพราะตอนนั้นเรากำลังทำงาน Customer Service อีกที่นึง ตอนสัมภาษณ์ก็พูดแต่ภาษาไทย ตอนทำงานก็ใช้แต่ภาษาไทย นานๆจึงจะได้ใช้ภาษาอังกฤษแบบงูๆปลาๆบ้าง เราอ่อนภาษาอังกฤษ ถ้ารู้ว่าอีกที่นึงเขาจะสัมภาษณ์เราเป็นภาษาอังกฤษ เราคงไม่สมัครงานที่นั่น แต่เราไม่รู้ ก็เลยซวย เพราะเราฟังกรรมการพูดไม่รู้เรื่องเลย แถมโดนกรรมการดูถูกกลับมาอีก และกรรมการยังบอกอีกว่าผู้สมัครต้องมีผลคะแนน TOEIC ด้วย แต่เราไม่มีไง เพราะเขาไม่ได้บอกไว้ตอนประกาศรับสมัคร ถ้าเรารู้ก็ไม่สมัครหรอก กรรมการก็คนไทยนี่แหละ เหตุการณ์วันนั้นฝังใจเราจนเราไม่คิดจะไปสมัครงานที่นั่นอีกไม่ว่าจะตำแหน่งอะไรก็ตาม ต่อให้เขามาเปิดสาขาอยู่ติดกับบ้านเรา เราก็ไม่ยอมไปสมัครงานที่นั่นอีก