เที่ยวโตเกียวครั้งแรก
ส่วนใหญ่ก็หาข้อมูลใน pantip นี่แหละ
กลับมาแล้วเขียนสรุปไว้เผื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ บ้าง

ครั้งแรกที่ไปโตเกียว วางแผนหลวมๆ จากกรุงเทพฯ
จองห้องพักล่วงหน้าไว้ 8 คืน (โตเกียว 2 คืน+Kawaguchiko 1 คืน+โตเกียว 2 คืน+Naeba 1 คืน+โตเกียว 2 คืน)

วันที่ 1
บินแอร์เอเชีย เครื่องออก 10.40 น. (กินข้าวกลางวันบนเครื่องบิน) ถึงสนามบินนาริตะ 19.00 น.(เวลาญี่ปุ่นแล้ว)
ออกมาซื้อบัตรรถไฟฟ้า pasmo 10,000 เยน(เป็นค่ามัดจำบัตรไปซะ 500 เยน)
นั่งรถไฟไปโรงแรมใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง ถึงก็เข้าพัก(Horidome Hotel) ออกมากินอาหารเย็นร้านใกล้ๆ โรงแรม แล้วก็หลับยาว...

วันที่ 2
ตื่นมาสายๆ ไปเที่ยวโตเกียวเล็กน้อยโดยใช้รถไฟฟ้า เลือกสถานที่ที่อยากไป เช่น วัดอาซากุสะ(กินข้าวมื้อแรกที่นี่), ชิบุยะ, ชินจูกุ(กินข้าวเย็นที่นี่) ค่ำๆ ก็กลับเข้าที่พัก(Horidome Hotel) รีบนอนหน่อย...

วันที่ 3
เช็คเอาท์ตั้งแต่เช้า( 8โมงได้มั้ง) +ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม เดินทางโดยรถไฟฟ้าไปชินจูกุ ไปสถานีรถบัสเพื่อเดินทางไป Kawaguchiko แต่ปรากฏว่า รถบัสเต็ม เลยต้องนั่งรถไฟฟ้าไป ประมาณเที่ยงก็ถึงสถานี Kawaguchiko รีบซื้อรถบัสขากลับก่อนเลยกันผิดพลาดอีก(รอบพรุ่งนี้ห้าโมงเย็น) ซื้อตั๋ว retro bus แบบเหมา 2 วัน+กระเช้าคาจิคาจิ+เรือล่องทะเลสาป โชคยังไม่เอื้ออำนวยเพราะมีเมฆเยอะ เลยต้องหนีไปเที่ยวถ้ำน้ำแข็ง(กินอาหารกลางวันที่นี่) หมู่บ้านหลังคามุงจาก(หิมะตกหนักด้วย) กลับมากินมื้อเย็นที่สถานี Kawaguchiko(กินอุด้งใส่เนื้อม้า) แล้วนั่งรถไปที่พัก (Sunnide Resort) แช่ออนเซ็น, นอน ตั้งนาฬิกาปลุก 6 โมงเช้า

วันที่ 4
ตื่นมาหกโมง ฟ้าใส ภูเขาฟูจิสวยมาก ออกมาถ่ายรูป อุณภูมิ -7 องศา มือแข็งไปหมด ภาพสวยสะใจ กลับมานอนต่อจนเก้าโมง ตื่นมาออนเซ็นโดยมีวิวฟูจิแบบชัดๆ เช็คเอาท์สิบโมง รถโรงแรมไปส่งสถานี Kawaguchiko นั่งรถ retro bus เที่ยวต่อ ขึ้นเขาคาจิคาจิ(กินอาหารกลางวันร้านตรงทางขึ้น) ฟ้าใสเมฆสวย ได้วิวฟูจิเต็มๆ เลยวันนี้ โชคดีมาก ลงมาก็ล่องเรือต่อ วิวฟูจิสวยอีกแล้ว หลังจากนั้นก็เที่ยวยิบย่อยพวกร้านสมุนไพร ตอนกลับนั่งรถผิดคันเลยไปเที่ยวบ้านหลังคามุงจากอีกรอบ(ติดใจสตรอเบอรี่ที่นี่มากๆ) แล้วนั่งรถ metro bus กลับถึงสถานี Kawaguchiko ทันเวลา นั่งรถบัสกลับมาชินจูกุ แล้วนั่งรถไฟฟ้ามาโรงแรม(Horidome Hotel) เพื่อมาเอากระเป๋าที่ฝากไว้ แล้วก็เดินทางไปอีกโรงแรมนึง(Red planet) ที่สถานีอาซากุสะ เช็คอินแล้วออกมาหาอาการเย็นกินใกล้ๆ โรงแรม กลับไปนอนแบบเหนื่อยๆ นอนดึกๆ ทรมานเลย

วันที่ 5
ตื่นมา 11 โมง สบายเลย จริงๆ กะจะเที่ยวดิสนี่ย์ซี แต่ดันตื่นสายซะแล้ว เลยนั่งรถไฟไปสถานี Ueno เพื่อซื้อบัตรรถ JR TOKYO wide pass แบบ 3 วัน(จะเริ่มใช้พรุ่งนี้) แล้วต่อไปเที่ยวโอไดบะพวก divercity(ที่มีหุ่นกันดั้มยักษ์หน้าห้าง)(กินอาหารกลางวันที่ food center-อาหารหลากหลายมาก), ขึ้นชิงช้าสวรรค์อันสูงๆ (เสียวมากๆ) เอ้าท์เลทข้างๆ ของถูกมากจนเหลือเชื่อ(เช่น เสื้อ Zara ตัวละ 400 เยน) เที่ยวเสร็จก็กลับมาพักโรงแรมแบบวันสบายๆ(มื้อเย็นกินคัพนูดเดิ้ลรสต้มยำ สะใจมาก-เริ่มเอียนอาหารญี่ปุ่น)

วันที่ 6
เช็คเอาท์จากโรงแรม(Red planet) ตั้งแต่หกโมงเช้า นั่งชินคันเซ็นไปสถานี echigoyuzawa(ใช้ JR TOKYO wide pass วันแรก) แล้วนั่งรถบัสต่อไป  Naeba Prince Hotel ที่ Naeba Ski Resort เช็คอินเรียบร้อยออกมาเช่าสกีเล่น(ไม่เคยเล่นมาก่อนแอบดูเค้าสอนเล่นกันแล้วมาหัดเอง) จนบ่ายๆ เหนื่อย กลับมาที่ห้องพักกินอาหารที่พกมาจากโตเกียว(เบนโตะ + แมคโดนัล) แล้วหลับ ตื่นมาอีกทีห้าโมงเย็น เดินเที่ยวรอบๆ สกีรีสอร์ท สำรวจที่สำหรับฝึกเล่นสกีต่อพรุ่งนี้ ตกเย็นกินที่ร้านพิซซ่า ไปแช่ออนเซ็น(ดูวิวคนเล่นสกีไปด้วย) แล้วก็เข้านอน

วันที่ 7
ตื่นมาเก้าโมง รีบอาบน้ำแต่งตัวเช็คเอ้าท์, ฝากกระเป๋า กินกาแฟ+ซาลาเปาที่ฟู๊ดเซ็นเตอร์ แล้วก็มาเล่นสกีต่อ เหนื่อยก็มาพักกินอาหารกลางวัน แล้วกลับไปเล่นสกีต่อ วันนี้เล่นสกีเริ่มสนุกเพราะเริ่มเล่นเป็น จนเวลาเริ่มกระชั้นเข้ามา ก็ไปแช่ออนเซ็นต่อ(ถือว่าได้อาบน้ำก่อนกลับ) นั่งรถรับส่งของโรงแรมรอบสุดท้ายตอนสี่โมงครึ่งไปสถานี echigoyuzawa นั่งชินคันเซ็น(ใช้ JR TOKYO wide pass วันที่สอง)กลับมาสถานี Ueno นั่งรถไฟฟ้าต่อกลับมาที่พัก(Red planet) เช็คอินอีกรอบ แล้วมื้อเย็นก็เป็น คัพนูดเดิ้ลรสต้มยำอีกรอบนึงก่อนนอน

วันที่ 8
รีบตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าไปสถานี Ueno เพื่อนั่งรถต่อไป Kawazu(ใช้ JR TOKYO wide pass วันที่สาม) นั่งรถนานมาก กินเบนโต๊ะในรถด้วย มาถึงก็เดินเล่นชมซากุระ กินของจุกจิกตามข้างทาง(มีเทศกาลเลยมีของขายเยอะ) ฝนตกนิดๆ ไม่ได้พกร่มเลยเปียกซะ แวะกินข้าวร้านข้างๆ ออนเซ็น แวะออนเซ็นท่ามกลางบรรยากาศซากุระ แล้วก็เดินกลับมาขึ้นรถกลับมาสถานีโตเกียว เดินเล่นชั้นใต้ดินสถานีโตเกียว เดินห้างไดมารูเล็กน้อย เดินทางกลับมาที่พัก เก็บของใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย

วันที่ 9
ตื่นตีสี่ อาบน้ำแต่งตัว เช็คเอาท์ นั่งรถไฟฟ้ามาสนามบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพก่อนกลับแวะกินฮอทด็อกกับกาแฟที่สนามบินใกล้ๆ ทางขึ้นเครื่อง
เครื่องออก 9.55 น. ถึงดอนเมือง 13.55 น.(เวลาประเทศไทย)

สรุปค่าใช้จ่าย
1 ที่จ่ายจากกรุงเทพ(รวม 37,425 บาท)
-ค่าตั๋วเครื่องบิน+ห้องพักที่ Horidome Hotel 2 คืน สำหรับสองคน 20,575 บาท(จองผ่าน airasiago.com)
-ค่าโหลดกระเป๋าขากลับ 20 กก. 700 บาท(เที่ยวไปใช้คูปองฟรี)
-ค่าห้องพักที่ Red Planet Hotel 4 คืน รวม 16,150 บาท(จองผ่าน agoda.com)

2 ค่าใช้จ่ายที่ญี่ปุ่น 211,000 เยน (66,149 บาท)
ประกอบด้วยรายการคร่าวๆ
-ค่าบัตรรถไฟฟ้าเติมเงินไป 2 ใบ ใบละ 10,000 เยน(x2)
-ค่าบัตร JR Widepass 3 วัน คนละ  10,000 เยน(x2)
-ค่าห้องพักที่ Sunnide Resort 18,000 เยน(จองกับเว็บ japanican.com จ่ายตอนเช็คเอาท์)
-ค่าห้องพักที่ Naeba Prince Hotel ราคา 16,956 เยน บวกค่าเช็คอินก่อนเวลา 3,000 เยน รวม 19,956 เยน(จองตรงกับเว็บโรงแรม จ่ายตอนเช็คอิน)
-ค่าตั๋วเมโทรบัส 2 วัน+กระเช้า+เรือ ที่ Kawaguchiko คนละ 2,300 เยน(x2)
-ค่ารถบัสกลับจาก Kawaguchiko จำราคาไม่ได้แระ
-ค่าเช่าอุปกรณ์เล่นสกีสองวันคนละ 9,500 เยน(x2)
-ค่ากินและค่าช็อปปิ้งแบบเบาๆ

รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับทริปนี้ 2 คน = 37,425+66,149 = 103,574 บาท
เฉลี่ยคนละ 51,787 บาท

สรุปบทเรียน
-โปรแกรมแน่นเกินไป เหนื่อย น่าตัดวันที่ไป Kawazu ออก
-น่าพกมาม่าไปเยอะๆ เพราะวันหลังๆ จะเอียนอาหารญี่ปุ่นมาก
-รถบัสไป Kawaguchiko ควรซื้อก่อนล่วงหน้าเพราะถูกกว่าและเร็วกว่ารถไฟฟ้ามาก
-เสื้อผ้าไม่ต้องเอาไปเยอะ ที่โรงแรมมีเครื่องซักและอบเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน
-สกีรีสอร์ทคืนเดียวน้อยไปนิดถ้าได้อีกวันนึงจะขึ้นไปไหลมาจากยอดเขาได้เลยเชียว(แต่โปรแกรมก็แน่นแล้ว)
-ไป Kawazu ขึ้นรถไฟที่สถานี Tokyo จะมีรถตรงไปทอดเดียวเร็วกว่า(และแน่นอนว่าใช้ JR Toryo wide pass ได้ฟรีตลอดเส้นทาง)  
-จากสถานี Asakusa เข้า Asakusa line ไปสนามบินนาริตะ รถเที่ยวแรกออก 6.05 วิ่งชั่วโมงเดียวถึง สะดวกมาก
-สถานี Asakusa รถไฟสาย Asakusa line กับ Ginza line มันคนละที่กันแต่เดินไปไม่ไกล
-ถ้าไฟลท์ออกเช้า คืนสุดท้ายน่าลองไปนอนใกล้ๆ สนามบินท่าจะดีกว่านะ