สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องบอกว่าเขียนรีวิวท่องเที่ยวไม่เก่งนัก และไม่คุ้นเคยกับห้องบลูเท่าไร
หากมีอะไรผิดพลาด ก็ขออภัยด้วยครับ
คำเตือน : ภาพส่วนหนึ่งในรีวิวเป็นภาพอาหาร โปรดอ่านกระทู้นี้ในช่วงเวลาที่จะไม่เดือดร้อนเมื่อหิว
เข้าเรื่องครับ การจะเข้าเมืองทวาย เราจะเข้าที่ด้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี
*ไปเที่ยวทวายจะสบายหน่อยตรงที่ไม่ต้องใช้วีซ่าหรือพาสปอร์ต ถ้าไปไม่เกิน 7 วัน เราทำใบผ่านแดนเข้าไปได้เลยครับ
(ใช้แค่บัตรประชาชนทำเรื่องเข้า)
ฟรีโซนระหว่างชายแดนไทย-พม่า
สำหรับทริปนี้เป็นทริป 3 วัน 2 คืน เดินทางด้วยรถตู้ มีไกด์ที่ท้องถิ่นที่พูดได้ 2 ภาษา(พม่า & ไทย) ไปกับกรุ๊บทัวร์ครับ
วันแรก : เน้นเที่ยววัดเป็นส่วนใหญ่
หลังจากผ่านด่านเข้าไปเขตพม่าแล้ว เดินทางบนภูเขาประมาณ 3 ชม. (ใครที่เมารถ หลังผ่านด่านแนะนำให้หาตัวช่วยรอไว้ได้เลย)
จากนั้นพักรถ จิบชากลางป่า ชาพม่าหอมดีครับ เสริฟคู่กับขนมปังหน้าตาคล้ายๆ ขนมปังปิ้ง แต่ที่นี่ใช้ทอดครับ
ชาพม่า รสชาติไม่เหมือนชาไทยจริงๆ แต่ก็อร่อยไปอีกแบบ
แท่งยาวๆ ด้านบน คล้ายๆ ปาท่องโก๋บ้านเรา
เสร็จแล้วเดินทางต่ออีกประมาณ 1 ชม. ก็จะถึงตัวเมืองทวาย บรรยากาศของที่นั่นคล้ายกับเมืองไทยเมื่อ 30-40 ปีก่อน
(ทริปนี้มากับคุณพ่อครับ ท่านบอกมาแบบนี้ก็เชื่อ เพราะผมเกิดไม่ทัน)
เข้าเมืองมา ก็จัดมื้อเที่ยงกัน
*ทริปนี้อาหารรสชาติจะใกล้เคียงกับอาหารไทยนะครับ ไม่ใช่อาหารพื้นเมือง เห็นว่าส่วนใหญ่จะทานอาหารพื้นเมืองกันไม่ไหว
ถัดมาก็ขึ้นไปที่วัดเชตะโบที่อยู่บนภูเขา ไหว้พระศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองทวาย โดยจุดนี้เป็นจุดที่สูงที่สุดของเมืองทวาย มองเห็นวิวตัวเมืองด้านล่าง ภูเขา ทุ่งนา คือเห็นหมดครับ เป็นจุดชมวิวหลักเลยทีเดียว
ลงจากเขา ต่อด้วยวัดนัตโบโบจี
สิงห์หน้าประตูในแบบของพม่า
หลวงพ่อทันใจ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด
ถัดมา วัดชเวธาลยัง คอมู ที่นี่มีพระนอนที่ใหญ่ที่สุดในทวาย และใหญ่อันดับ 3 ของพม่าเลยล่ะครับ
ถ่ายกับคนนี่ คนเหลือตัวแค่นี้เอง
ช่วงเย็น เช็คอินเข้าที่พัก แล้วก็ไปทานมื้อเย็น
จากนั้นเป็นคิวของพระเจดีย์ชเวตองจา ที่นี่มีเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในทวาย ไหว้พระมหามุณีที่เขาว่าศักดิ์สิทธิ์เทียบเท่าพระมหามุณีที่มัณฑะเลย์ และตบท้ายด้วยพิพิธภัณฑ์ประจำเมือง
พระมหามุณีแห่งเมืองทวาย มีคนมากราบไหว้ไม่ขาดสาย
เทพผมยาว ขึ้นชื่อเรื่องรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ใครปวดเมื่อยตรงไหนก็ให้นวดๆ ถูๆ ตรงนั้น แล้วอาการจะหายไป
อันนี้ของในพิพิธภัณฑ์ จริงๆ มีอีกเยอะแต่ไม่ได้ถ่ายไว้
วัดในทวายจะแปลกกว่าของไทยหน่อยตรงที่เปิดรับคนช่วงกลางคืนด้วย เห็นแบบนี้ก็เป็นวันธรรมดานะครับ ไม่ได้มีงานวัดหรือเทศกาล
(บ้านเราถ้าไม่ใช่ช่วงที่มีงานวัด วัดช่วงกลางคืนจะดูวังเวงมาก
)
วันที่ 2 : จะเน้นไปทางทะเลครับ
มื้อเช้า ก็อาหารโรงแรมครับ
จัดการมื้อเช้าเสร็จแล้ว แวะไปที่วัดเชนทเว ไหว้พระโบราณอายุหลายร้อยปี
(รู้สึกว่าพระพุทธรูปของที่นี่ ถ้าไม่ถึงร้อยปีก็เฉียดๆ ทั้งนั้นครับ)
ทีนี้นั่งรถยาวๆ(ไกลมาก) เข้าไปชมหาดนาปูเล จะพบชายหาดใสๆ ที่ยาวเหยียดหลายกิโลเมตร
ชาดหาดทวายนี่ใสจริงๆ ครับ ด้วยความที่ไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยล่ะมั้ง สิ่งแวดล้อมก็เลยยังอยู่ในสภาพดี
แต่ที่เข้ามาตั้งไกล เรามาเยี่ยมชมโครงการท่าเรือน้ำลึก ที่จะเป็นจุดที่ใช้ค้าขายกับไทยในอนาคตครับ
*ขออภัยที่ไม่มีภาพตรงนี้ กำลังเมารถได้ที่ครับ ไม่มีอารมณ์ถ่ายรูป
(ทริปนี้ผมลืมหยิบยาแก้เมารถมา ทั้งๆ ที่ตัวเองเมารถง่ายพอสมควร)
ปิดท้ายด้วยวัดมเยนจี เป็นวัดบนเขา ริมทะเล วิวสวยมากครับ
หมดช่วงปุเลงๆ ชมโครงการเสร็จแล้ว ก็กลับมาพบกับช่วงเวลาแห่งความสุข
ครับ...มื้อเที่ยงครับ เป็นมื้อพิเศษด้วย ซีฟู้ดมื้อใหญ่ที่สุดในทริปอยู่ตรงนี้ล่ะครับ
(พิมพ์ไปหิวไป มันนึกถึง
)
น้ำมะพร้าวอ่อน เฉาะสดๆ ตรงนั้นเลย
กุ้งมังกรก็มา ถึงจะไม่ได้ใหญ่แบบกุ้งตัวละพันสองพันของบ้านเรา แต่เนื้อสดดี อร่อยครับ
นอกจากมื้อเที่ยงแล้ว ก็ซึมซับบรรยากาศทะเล ปตท. กันหน่อย โดยรวมบรรยากาศไม่ต่างจากในไทยมากครับ สิ่งปลูกสร้างริมทะเลคล้ายกับของบ้านเรา
แต่ถ้าจะมีอะไรแปลกๆ บ้างก็คงเป็นคนหาบของ
หลังจากอิ่มกันได้ที่แล้ว สถานีต่อไปคือวัดเหม่วยิท เป็นวัดบนเกาะ
ที่นี่มีตำนานของนางเงือก ที่ชาวทวายนิยมมาขอพรด้านความรักกันด้วยครับ
อุ้ย โฟกัสผิดจุด
ช่วงเย็น เช็คอินที่รีสอร์ทริมหาดมอมะกัน พักผ่อนซักพักจนถึงเย็น (ระหว่างเดินทาง เห็นทะเลหมอกด้วย แต่ไม่มีจุดชมวิวให้ถ่ายรูป)
ถึงแล้วรออะไรล่ะครับ... ทะเลรอคุณอยู่ !
ทะเลที่นี่ใสดีจริงๆ
อิ่มทะเลกันเรียบร้อย ก็มาอิ่มกับซีฟู้ดมื้อค่ำต่อ
ทริปนี้ผมยังไม่เจอหน้าหมูไก่เลย เล่นแต่กุ้งหอยปูปลา
วันที่ 3 : ชมเมือง ชมตลาด
จริงๆ ในกำหนดการณ์จะพาชมตลาดปลาตอนตี 5 แต่ทริปผมตกลงกันว่า...ไม่ไปครับ ขี้เกียจตื่นไปดู
ตอนเช้าก็เลยไปเดินชมตลาดเซจี เป็นตลาดร้อยปีของที่นี่ครับ
ก่อนเดินตลาด แวะจิบชาชื่อดังของที่นี่ก่อน
ชาที่นี่ก็เป็นชาชักนะครับ แต่ชักใส่แก้วเล็กๆ นี่แหละ ชักได้แม่นมาก (ของไทยต้องชักใส่กระบอกใหญ่ๆ)
เสียดายที่มาตอนเกือบๆ 8 โมง ร้านจะปิดแล้ว ของกินหลายๆ อย่างก็หมดแล้ว ถ่ายไว้เท่าที่เห็นนะครับ
อันนี้คล้ายๆ โรตีบ้านเรา แต่มีแกงไว้กินคู่กันด้วย
ขนมอื่นๆ ที่ได้ชิม
จากนั้นเดินตลาดร้อยปี
รถม้าครับ คนที่นี่ใช้กันเป็นปกติ บนถนนก็ยังมีให้เห็น ไม่ได้เอาไว้รับนักท่องเที่ยวอย่างเดียวแบบของบ้านเรา
ปลาแห้ง
ปลาสดก็มี
เฉาก๊วยยักษ์
หมากแห้ง ของที่คนพม่าขาดไม่ได้ (คนพม่าชอบกินหมาก)
ร้านในตลาด
ก่อนกลับปิดท้ายด้วยวัดยัตตามุ ไหว้พระยืนของที่นี่ก่อนกลับ
ยัง... ยังไม่หมด
ถ้าเป็นหนัง นี่ก็คงเป็น After credit ในระหว่างเดินทางกลับ ก็แวะกินข้าวเที่ยงแบบพม่าสไตล์
ร้านเดียวกับชากลางป่าตอนขามาล่ะครับ แต่ขามาไกด์ให้ดื่มชากับขนมอย่างเดียว เพราะมีมื้อเที่ยงในเมืองรออยู่
แต่ก็ดีแล้ว... ไม่งั้นขาดทุนแย่
อาหารพื้นบ้านของที่นี่คล้ายๆ ของไทยครับ แต่กลิ่นเครื่องเทศจะไม่คุ้นลิ้นเราเท่าไร
แค่เจอซุปกระเจี๊ยบก็งงแล้วครับ อย่างว่า..คนมันไม่เคย
จากนั้นก็นั่งรถต่อ กลับเข้าฝั่งไทยโดยสวัสดิภาพครับ
สรุปการทัวร์ทวายในทริปนี้
จุดสนใจ
- เที่ยวได้โดยไม่ต้องง้อวีซ่าหรือพาสปอร์ต (อย่าเที่ยวเกิน 7 วันก็พอ)
- ไปกับทัวร์ ไม่ต้องพกเงินก็อยู่ได้
- พระที่นี่อลังการจริงๆ ใหญ่ๆ ทั้งนั้น คนทวายนิยมเข้าวัดครับ
- เที่ยววัดกลางคืน ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เทศกาล
- ทะเลใส อากาศดี ซีฟู้ดสดมาก
จุดที่อยากบ่น
- ระหว่างเดินทางข้ามประเทศค่อนข้างโหดร้ายกับคนเมารถ แนะนำให้เตรียมตัวไว้ด้วย
- ถนนบางส่วนในทวายไม่ค่อยดี
- อาหารพื้นบ้าน ไม่ค่อยถูกปากคนไทย(ตามทริปคือมื้อสุดท้าย)
รู้สึกว่าเป็นรีวิวที่เขียนยาวมาก เอาเป็นว่ารีวิวเที่ยวเมืองทวายแบบกรุ๊ปทัวร์ก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ
ขอบคุณที่กลั้นใจอ่านกันจนจบครับ
[CR] ลองของแปลก - สัมผัสทวาย เมืองตอนใต้ของพม่าที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ
หากมีอะไรผิดพลาด ก็ขออภัยด้วยครับ
คำเตือน : ภาพส่วนหนึ่งในรีวิวเป็นภาพอาหาร โปรดอ่านกระทู้นี้ในช่วงเวลาที่จะไม่เดือดร้อนเมื่อหิว
เข้าเรื่องครับ การจะเข้าเมืองทวาย เราจะเข้าที่ด้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี
*ไปเที่ยวทวายจะสบายหน่อยตรงที่ไม่ต้องใช้วีซ่าหรือพาสปอร์ต ถ้าไปไม่เกิน 7 วัน เราทำใบผ่านแดนเข้าไปได้เลยครับ
(ใช้แค่บัตรประชาชนทำเรื่องเข้า)
ฟรีโซนระหว่างชายแดนไทย-พม่า
สำหรับทริปนี้เป็นทริป 3 วัน 2 คืน เดินทางด้วยรถตู้ มีไกด์ที่ท้องถิ่นที่พูดได้ 2 ภาษา(พม่า & ไทย) ไปกับกรุ๊บทัวร์ครับ
วันแรก : เน้นเที่ยววัดเป็นส่วนใหญ่
หลังจากผ่านด่านเข้าไปเขตพม่าแล้ว เดินทางบนภูเขาประมาณ 3 ชม. (ใครที่เมารถ หลังผ่านด่านแนะนำให้หาตัวช่วยรอไว้ได้เลย)
จากนั้นพักรถ จิบชากลางป่า ชาพม่าหอมดีครับ เสริฟคู่กับขนมปังหน้าตาคล้ายๆ ขนมปังปิ้ง แต่ที่นี่ใช้ทอดครับ
ชาพม่า รสชาติไม่เหมือนชาไทยจริงๆ แต่ก็อร่อยไปอีกแบบ
แท่งยาวๆ ด้านบน คล้ายๆ ปาท่องโก๋บ้านเรา
เสร็จแล้วเดินทางต่ออีกประมาณ 1 ชม. ก็จะถึงตัวเมืองทวาย บรรยากาศของที่นั่นคล้ายกับเมืองไทยเมื่อ 30-40 ปีก่อน
(ทริปนี้มากับคุณพ่อครับ ท่านบอกมาแบบนี้ก็เชื่อ เพราะผมเกิดไม่ทัน)
เข้าเมืองมา ก็จัดมื้อเที่ยงกัน
*ทริปนี้อาหารรสชาติจะใกล้เคียงกับอาหารไทยนะครับ ไม่ใช่อาหารพื้นเมือง เห็นว่าส่วนใหญ่จะทานอาหารพื้นเมืองกันไม่ไหว
ถัดมาก็ขึ้นไปที่วัดเชตะโบที่อยู่บนภูเขา ไหว้พระศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองทวาย โดยจุดนี้เป็นจุดที่สูงที่สุดของเมืองทวาย มองเห็นวิวตัวเมืองด้านล่าง ภูเขา ทุ่งนา คือเห็นหมดครับ เป็นจุดชมวิวหลักเลยทีเดียว
ลงจากเขา ต่อด้วยวัดนัตโบโบจี
สิงห์หน้าประตูในแบบของพม่า
หลวงพ่อทันใจ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด
ถัดมา วัดชเวธาลยัง คอมู ที่นี่มีพระนอนที่ใหญ่ที่สุดในทวาย และใหญ่อันดับ 3 ของพม่าเลยล่ะครับ
ถ่ายกับคนนี่ คนเหลือตัวแค่นี้เอง
ช่วงเย็น เช็คอินเข้าที่พัก แล้วก็ไปทานมื้อเย็น
จากนั้นเป็นคิวของพระเจดีย์ชเวตองจา ที่นี่มีเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในทวาย ไหว้พระมหามุณีที่เขาว่าศักดิ์สิทธิ์เทียบเท่าพระมหามุณีที่มัณฑะเลย์ และตบท้ายด้วยพิพิธภัณฑ์ประจำเมือง
พระมหามุณีแห่งเมืองทวาย มีคนมากราบไหว้ไม่ขาดสาย
เทพผมยาว ขึ้นชื่อเรื่องรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ใครปวดเมื่อยตรงไหนก็ให้นวดๆ ถูๆ ตรงนั้น แล้วอาการจะหายไป
อันนี้ของในพิพิธภัณฑ์ จริงๆ มีอีกเยอะแต่ไม่ได้ถ่ายไว้
วัดในทวายจะแปลกกว่าของไทยหน่อยตรงที่เปิดรับคนช่วงกลางคืนด้วย เห็นแบบนี้ก็เป็นวันธรรมดานะครับ ไม่ได้มีงานวัดหรือเทศกาล
(บ้านเราถ้าไม่ใช่ช่วงที่มีงานวัด วัดช่วงกลางคืนจะดูวังเวงมาก )
วันที่ 2 : จะเน้นไปทางทะเลครับ
มื้อเช้า ก็อาหารโรงแรมครับ
จัดการมื้อเช้าเสร็จแล้ว แวะไปที่วัดเชนทเว ไหว้พระโบราณอายุหลายร้อยปี
(รู้สึกว่าพระพุทธรูปของที่นี่ ถ้าไม่ถึงร้อยปีก็เฉียดๆ ทั้งนั้นครับ)
ทีนี้นั่งรถยาวๆ(ไกลมาก) เข้าไปชมหาดนาปูเล จะพบชายหาดใสๆ ที่ยาวเหยียดหลายกิโลเมตร
ชาดหาดทวายนี่ใสจริงๆ ครับ ด้วยความที่ไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยล่ะมั้ง สิ่งแวดล้อมก็เลยยังอยู่ในสภาพดี
แต่ที่เข้ามาตั้งไกล เรามาเยี่ยมชมโครงการท่าเรือน้ำลึก ที่จะเป็นจุดที่ใช้ค้าขายกับไทยในอนาคตครับ
*ขออภัยที่ไม่มีภาพตรงนี้ กำลังเมารถได้ที่ครับ ไม่มีอารมณ์ถ่ายรูป
(ทริปนี้ผมลืมหยิบยาแก้เมารถมา ทั้งๆ ที่ตัวเองเมารถง่ายพอสมควร)
ปิดท้ายด้วยวัดมเยนจี เป็นวัดบนเขา ริมทะเล วิวสวยมากครับ
หมดช่วงปุเลงๆ ชมโครงการเสร็จแล้ว ก็กลับมาพบกับช่วงเวลาแห่งความสุข
ครับ...มื้อเที่ยงครับ เป็นมื้อพิเศษด้วย ซีฟู้ดมื้อใหญ่ที่สุดในทริปอยู่ตรงนี้ล่ะครับ
(พิมพ์ไปหิวไป มันนึกถึง )
น้ำมะพร้าวอ่อน เฉาะสดๆ ตรงนั้นเลย
กุ้งมังกรก็มา ถึงจะไม่ได้ใหญ่แบบกุ้งตัวละพันสองพันของบ้านเรา แต่เนื้อสดดี อร่อยครับ
นอกจากมื้อเที่ยงแล้ว ก็ซึมซับบรรยากาศทะเล ปตท. กันหน่อย โดยรวมบรรยากาศไม่ต่างจากในไทยมากครับ สิ่งปลูกสร้างริมทะเลคล้ายกับของบ้านเรา
แต่ถ้าจะมีอะไรแปลกๆ บ้างก็คงเป็นคนหาบของ
หลังจากอิ่มกันได้ที่แล้ว สถานีต่อไปคือวัดเหม่วยิท เป็นวัดบนเกาะ
ที่นี่มีตำนานของนางเงือก ที่ชาวทวายนิยมมาขอพรด้านความรักกันด้วยครับ
อุ้ย โฟกัสผิดจุด
ช่วงเย็น เช็คอินที่รีสอร์ทริมหาดมอมะกัน พักผ่อนซักพักจนถึงเย็น (ระหว่างเดินทาง เห็นทะเลหมอกด้วย แต่ไม่มีจุดชมวิวให้ถ่ายรูป)
ถึงแล้วรออะไรล่ะครับ... ทะเลรอคุณอยู่ !
ทะเลที่นี่ใสดีจริงๆ
อิ่มทะเลกันเรียบร้อย ก็มาอิ่มกับซีฟู้ดมื้อค่ำต่อ
ทริปนี้ผมยังไม่เจอหน้าหมูไก่เลย เล่นแต่กุ้งหอยปูปลา
วันที่ 3 : ชมเมือง ชมตลาด
จริงๆ ในกำหนดการณ์จะพาชมตลาดปลาตอนตี 5 แต่ทริปผมตกลงกันว่า...ไม่ไปครับ ขี้เกียจตื่นไปดู
ตอนเช้าก็เลยไปเดินชมตลาดเซจี เป็นตลาดร้อยปีของที่นี่ครับ
ก่อนเดินตลาด แวะจิบชาชื่อดังของที่นี่ก่อน
ชาที่นี่ก็เป็นชาชักนะครับ แต่ชักใส่แก้วเล็กๆ นี่แหละ ชักได้แม่นมาก (ของไทยต้องชักใส่กระบอกใหญ่ๆ)
เสียดายที่มาตอนเกือบๆ 8 โมง ร้านจะปิดแล้ว ของกินหลายๆ อย่างก็หมดแล้ว ถ่ายไว้เท่าที่เห็นนะครับ
อันนี้คล้ายๆ โรตีบ้านเรา แต่มีแกงไว้กินคู่กันด้วย
ขนมอื่นๆ ที่ได้ชิม
จากนั้นเดินตลาดร้อยปี
รถม้าครับ คนที่นี่ใช้กันเป็นปกติ บนถนนก็ยังมีให้เห็น ไม่ได้เอาไว้รับนักท่องเที่ยวอย่างเดียวแบบของบ้านเรา
ปลาแห้ง
ปลาสดก็มี
เฉาก๊วยยักษ์
หมากแห้ง ของที่คนพม่าขาดไม่ได้ (คนพม่าชอบกินหมาก)
ร้านในตลาด
ก่อนกลับปิดท้ายด้วยวัดยัตตามุ ไหว้พระยืนของที่นี่ก่อนกลับ
ยัง... ยังไม่หมด
ถ้าเป็นหนัง นี่ก็คงเป็น After credit ในระหว่างเดินทางกลับ ก็แวะกินข้าวเที่ยงแบบพม่าสไตล์
ร้านเดียวกับชากลางป่าตอนขามาล่ะครับ แต่ขามาไกด์ให้ดื่มชากับขนมอย่างเดียว เพราะมีมื้อเที่ยงในเมืองรออยู่
แต่ก็ดีแล้ว... ไม่งั้นขาดทุนแย่
อาหารพื้นบ้านของที่นี่คล้ายๆ ของไทยครับ แต่กลิ่นเครื่องเทศจะไม่คุ้นลิ้นเราเท่าไร
แค่เจอซุปกระเจี๊ยบก็งงแล้วครับ อย่างว่า..คนมันไม่เคย
จากนั้นก็นั่งรถต่อ กลับเข้าฝั่งไทยโดยสวัสดิภาพครับ
สรุปการทัวร์ทวายในทริปนี้
จุดสนใจ
- เที่ยวได้โดยไม่ต้องง้อวีซ่าหรือพาสปอร์ต (อย่าเที่ยวเกิน 7 วันก็พอ)
- ไปกับทัวร์ ไม่ต้องพกเงินก็อยู่ได้
- พระที่นี่อลังการจริงๆ ใหญ่ๆ ทั้งนั้น คนทวายนิยมเข้าวัดครับ
- เที่ยววัดกลางคืน ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เทศกาล
- ทะเลใส อากาศดี ซีฟู้ดสดมาก
จุดที่อยากบ่น
- ระหว่างเดินทางข้ามประเทศค่อนข้างโหดร้ายกับคนเมารถ แนะนำให้เตรียมตัวไว้ด้วย
- ถนนบางส่วนในทวายไม่ค่อยดี
- อาหารพื้นบ้าน ไม่ค่อยถูกปากคนไทย(ตามทริปคือมื้อสุดท้าย)
รู้สึกว่าเป็นรีวิวที่เขียนยาวมาก เอาเป็นว่ารีวิวเที่ยวเมืองทวายแบบกรุ๊ปทัวร์ก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ
ขอบคุณที่กลั้นใจอ่านกันจนจบครับ