สวัสดีครับ ผมเป็นคนไทยเชื้อสายจีน อายุ 34 ปี เป็นภูมิแพ้ตั้งแต่เด็กครับ แพ้อากาศ แพ้ฝุ่น แพ้ฝน เวลาอากาศเปลี่ยนจะรู้สึกไม่สบายทันที หรือถ้าโดนฝุ่นหรือฝนโดยตรงก็จะรู้สึกเจ็บคอทันที และผมจะเป็นหวัดแบบเจ็บคอ คออักเสบค่อนข้างบ่อย (ปีนึงเป็น 4-5 ครั้ง) แต่ช่วง 4-5 ปีหลังเริ่มออกกำลังกายประจำ ก็รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่ยังเป็นหวัดเจ็บคออยู่ปีละ 2-3 ครั้ง
ตั้งแต่เด็กแล้วเวลาผมขึ้นเครื่องบินผมจะมีอาการหูอื้อมากกว่าคนอื่นๆ โดยเฉพาะเวลาที่กัปตันเปลี่ยนเพดานบินบ่อยๆหรือเร็วๆ ผมจะปวดมากเหมือนมีแท่งอะไรทิ่มทะลุหูเข้าไปถึงสมองเลยครับ ปวดจนน้ำตาไหล หลังจากเครื่องลงต้องใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงอาการถึงจะค่อยๆดีขึ้นเป็นปกติ ทีนี้เมื่อช่วงปีใหม่ 57-58 ผมไปเที่ยวญี่ปุ่น ขาไปก็หูอื้อมาก แต่หลังเครื่องลง 2-3 ชม.ก็หาย ขากลับก็เป็นหนัก แต่พอเครื่องลงซักพักแล้วก็ไม่หายครับ ความรู้สึกจะเหมือนมีอะไรตันๆในหูเรา ซึ่งจะไม่ได้เป็นตลอดเวลา บางครั้งก็ไม่เป็น หรือเป็นน้อยมากจนไม่รู้สึก
ผ่านไปเกือบ 2 อาทิตย์ก็ยังเป็นอยู่ ผมเลยไปหาหมอที่รพ.หู คอ จมูก หลังจากเล่าอาการและสาเหตุ รวมถึงเข้ารับการตรวจสอบการได้ยิน (ผลการตรวจ 2 ข้างได้ยินปกติ) หมอก็สันนิษฐานว่าเป็นเพราะท่อปรับความดันอักเสบ และจ่ายยาพ่นจมูกมา ผมก็ใช้ยาจนหมด ในช่วงที่ใช้ยาตลอดจนยาหมด อาการยังเป็นเหมือนเดิมครับคือรู้สึกหูอื้อ เป็นบ้างไม่เป็นบ้าง แต่รู้สึกเหมือนเป็นน้อยลง หลังจากยาหมดผมไม่ได้ไปหาหมออีก เพราะหมอก็บอกว่าใช้เวลานานกว่าจะหาย แต่อาการน่าจะค่อยๆดีขึ้น
ช่วงกลางปี 58 ผมก็ยังไม่หาย คือยังรู้สึกตันๆในหู ก็เลยไปหาหมอที่รพ.ศิริราช เป็นหมอที่คลีนิคพิเศษ หมอก็ให้ตรวจการได้ยินอีกครั้ง ผลก็เหมือนเดิมคือปกติทั้ง 2 ข้าง ซึ่งหมอก็สันนิษฐานตามหมอที่รพ.หู คอ จมูก และจ่ายยาพ่นจมูกให้ (คนละตัวกับที่รพ.หู คอ จมูก) พอเป็นยังงี้ผมเลยไม่แน่ใจละ เพราะตอนต้นปีผมก็ใช้ยาพ่นจนหมดแต่ก็ยังไม่หาย ก็เลยไปหาหมออีกท่านนึงที่รพ.บำรุงราษฎร์ ขั้นตอนการวินิจฉัยโรคก็เหมือนเดิมคือให้ตรวจสอบการได้ยิน ผลก็เหมือนเดิมคือปกติ 2 ข้าง (ข้างที่รู้สึกอื้อได้ยินดีกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ) หมอก็จ่ายยาพ่นจมูกให้เหมือนเดิม และก็บอกเหมือนหมอท่านอื่นว่าอาการนี้หายช้า
ผมพ่นยาไปประมาณ 1 เดือนก็หยุด เพราะรู้สึกว่ายาไม่ช่วยให้ดีขึ้น ผมหันมาใช้วิธีออกกำลังให้มากขึ้น และพักผ่อนให้มากขึ้นแทน (วันไหนที่นอนน้อย จะรู้สึกอื้อนานกว่าวันที่นอนปกติครับ) แต่ก็ยังคงมีอาการอยู่ จนบางครั้งผมรู้สึกชาชินไปแล้ว จนลืมความรู้สึกก่อนหน้าที่จะเริ่มหูอื้อแล้วด้วยซ้ำ
ช่วงปีใหม่ 58-59 ผมไปเที่ยว ตปท กับครอบครัว ด้วยแอบหวังว่าการขึ้นเครื่องบินอีกครั้งอาจจะช่วยให้หายขาดได้ รอบนี้แม้ว่าตอนเครื่องขึ้น-ลงผมจะไม่ได้เจ็บหูมาก แต่อาการก็เป็นเหมือนเดิมคือรู้สึกหูอื้อๆตันๆในบางช่วงบางเวลา บางช่วงก็เป็นเยอะ บางช่วงก็เป็นน้อย ทีนี้พอเข้าเดือน ก.พ. ผมรู้สึกว่าเป็นบ่อยและนานขึ้น ประกอบกับอ่านเจอบทความในเน็ตเกี่ยวกับมะเร็งหลังโพรงจมูก ซึ่งอาการที่สังเกตได้ของโรคก็ตรงกับที่ผมเป็นอยู่ดังนี้
1. หูอื้อข้างเดียว (แต่ผลตรวจการได้ยินของผมเป็นปกติ แม้จะรู้สึกหูอื้อตลอดเวลาก็ตาม)
2. เลือดกำเดาไหล อันนี้ผมเป็นมานานแล้ว ก่อนจะหูอื้อ เพราะเพดานกั้นจมูกของผมคด (หมอหลายคนเคยตรวจตอนที่ผมไปหาหมอเพราะเป็นหวัด) ทำให้เลือดกำเดาออกง่ายกว่าปกติ ผมเป็นไม่บ่อย เท่าที่เห็นเลือดไหลออกมาเลยก็ไม่น่าเกินปีละ 5-6 ครั้ง
3. รู้สึกเหมือนกลืนลำบาก โดยเฉพาะเวลาที่รู้สึกหูอื้อ ซึ่งผมเคยปรึกษาหมอแล้ว แต่หมอบอกว่าน่าจะคิดไปเอง เพราะหมอคลำไม่เจอก้อนผิดปกติที่คอ
4. อันนี้ไม่รู้ว่าเกี่ยวมั้ย แต่เวลาที่ผมก้มหัวสระผม จังหวะที่น้ำจากฝักบัวกระทบโดนศีรษะบริเวณหลังใบหูข้างที่รู้สึกอื้อ ผมจะได้ยินเสียงน้ำกระทบชัดมาก เหมือนเสียงสะท้อนก้องๆ (อีกข้างไม่เป็น)
ผมตั้งใจจะไปตรวจที่คลีนิคพิเศษที่ศิริราชอีกครั้งในเดือน มี.ค. ซึ่งถ้าหมอยังวินิจฉัยเหมือนเดิมคือท่อปรับความดันอักเสบหรือทำงานผิดปกติ ผมจะบอกหมอไปเลยดีมั้ยครับว่าผมสงสัยว่าจะเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก (อาจจะพูดซอฟท์ๆหน่อยโดยบอกหมอว่า เป็นไปได้มั้ยว่าจะมีก้อนเนื้อหรือเส้นเลือดอุดตัน) เพราะไม่แน่ใจว่าถ้าผมพูดแบบนั้น มันจะกลายเป็นการชี้นำหมอรึเปล่า และจะกลายเป็นว่าผมจะโดนตรวจชิ้นเนื้อ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ต้องเจ็บตัว ทั้งที่จริงแล้วความเป็นไปได้ที่จะเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกมันต่ำมากรึเปล่า
กังวลมากว่าตัวเองจะเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกรึเปล่าครับ
ตั้งแต่เด็กแล้วเวลาผมขึ้นเครื่องบินผมจะมีอาการหูอื้อมากกว่าคนอื่นๆ โดยเฉพาะเวลาที่กัปตันเปลี่ยนเพดานบินบ่อยๆหรือเร็วๆ ผมจะปวดมากเหมือนมีแท่งอะไรทิ่มทะลุหูเข้าไปถึงสมองเลยครับ ปวดจนน้ำตาไหล หลังจากเครื่องลงต้องใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงอาการถึงจะค่อยๆดีขึ้นเป็นปกติ ทีนี้เมื่อช่วงปีใหม่ 57-58 ผมไปเที่ยวญี่ปุ่น ขาไปก็หูอื้อมาก แต่หลังเครื่องลง 2-3 ชม.ก็หาย ขากลับก็เป็นหนัก แต่พอเครื่องลงซักพักแล้วก็ไม่หายครับ ความรู้สึกจะเหมือนมีอะไรตันๆในหูเรา ซึ่งจะไม่ได้เป็นตลอดเวลา บางครั้งก็ไม่เป็น หรือเป็นน้อยมากจนไม่รู้สึก
ผ่านไปเกือบ 2 อาทิตย์ก็ยังเป็นอยู่ ผมเลยไปหาหมอที่รพ.หู คอ จมูก หลังจากเล่าอาการและสาเหตุ รวมถึงเข้ารับการตรวจสอบการได้ยิน (ผลการตรวจ 2 ข้างได้ยินปกติ) หมอก็สันนิษฐานว่าเป็นเพราะท่อปรับความดันอักเสบ และจ่ายยาพ่นจมูกมา ผมก็ใช้ยาจนหมด ในช่วงที่ใช้ยาตลอดจนยาหมด อาการยังเป็นเหมือนเดิมครับคือรู้สึกหูอื้อ เป็นบ้างไม่เป็นบ้าง แต่รู้สึกเหมือนเป็นน้อยลง หลังจากยาหมดผมไม่ได้ไปหาหมออีก เพราะหมอก็บอกว่าใช้เวลานานกว่าจะหาย แต่อาการน่าจะค่อยๆดีขึ้น
ช่วงกลางปี 58 ผมก็ยังไม่หาย คือยังรู้สึกตันๆในหู ก็เลยไปหาหมอที่รพ.ศิริราช เป็นหมอที่คลีนิคพิเศษ หมอก็ให้ตรวจการได้ยินอีกครั้ง ผลก็เหมือนเดิมคือปกติทั้ง 2 ข้าง ซึ่งหมอก็สันนิษฐานตามหมอที่รพ.หู คอ จมูก และจ่ายยาพ่นจมูกให้ (คนละตัวกับที่รพ.หู คอ จมูก) พอเป็นยังงี้ผมเลยไม่แน่ใจละ เพราะตอนต้นปีผมก็ใช้ยาพ่นจนหมดแต่ก็ยังไม่หาย ก็เลยไปหาหมออีกท่านนึงที่รพ.บำรุงราษฎร์ ขั้นตอนการวินิจฉัยโรคก็เหมือนเดิมคือให้ตรวจสอบการได้ยิน ผลก็เหมือนเดิมคือปกติ 2 ข้าง (ข้างที่รู้สึกอื้อได้ยินดีกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ) หมอก็จ่ายยาพ่นจมูกให้เหมือนเดิม และก็บอกเหมือนหมอท่านอื่นว่าอาการนี้หายช้า
ผมพ่นยาไปประมาณ 1 เดือนก็หยุด เพราะรู้สึกว่ายาไม่ช่วยให้ดีขึ้น ผมหันมาใช้วิธีออกกำลังให้มากขึ้น และพักผ่อนให้มากขึ้นแทน (วันไหนที่นอนน้อย จะรู้สึกอื้อนานกว่าวันที่นอนปกติครับ) แต่ก็ยังคงมีอาการอยู่ จนบางครั้งผมรู้สึกชาชินไปแล้ว จนลืมความรู้สึกก่อนหน้าที่จะเริ่มหูอื้อแล้วด้วยซ้ำ
ช่วงปีใหม่ 58-59 ผมไปเที่ยว ตปท กับครอบครัว ด้วยแอบหวังว่าการขึ้นเครื่องบินอีกครั้งอาจจะช่วยให้หายขาดได้ รอบนี้แม้ว่าตอนเครื่องขึ้น-ลงผมจะไม่ได้เจ็บหูมาก แต่อาการก็เป็นเหมือนเดิมคือรู้สึกหูอื้อๆตันๆในบางช่วงบางเวลา บางช่วงก็เป็นเยอะ บางช่วงก็เป็นน้อย ทีนี้พอเข้าเดือน ก.พ. ผมรู้สึกว่าเป็นบ่อยและนานขึ้น ประกอบกับอ่านเจอบทความในเน็ตเกี่ยวกับมะเร็งหลังโพรงจมูก ซึ่งอาการที่สังเกตได้ของโรคก็ตรงกับที่ผมเป็นอยู่ดังนี้
1. หูอื้อข้างเดียว (แต่ผลตรวจการได้ยินของผมเป็นปกติ แม้จะรู้สึกหูอื้อตลอดเวลาก็ตาม)
2. เลือดกำเดาไหล อันนี้ผมเป็นมานานแล้ว ก่อนจะหูอื้อ เพราะเพดานกั้นจมูกของผมคด (หมอหลายคนเคยตรวจตอนที่ผมไปหาหมอเพราะเป็นหวัด) ทำให้เลือดกำเดาออกง่ายกว่าปกติ ผมเป็นไม่บ่อย เท่าที่เห็นเลือดไหลออกมาเลยก็ไม่น่าเกินปีละ 5-6 ครั้ง
3. รู้สึกเหมือนกลืนลำบาก โดยเฉพาะเวลาที่รู้สึกหูอื้อ ซึ่งผมเคยปรึกษาหมอแล้ว แต่หมอบอกว่าน่าจะคิดไปเอง เพราะหมอคลำไม่เจอก้อนผิดปกติที่คอ
4. อันนี้ไม่รู้ว่าเกี่ยวมั้ย แต่เวลาที่ผมก้มหัวสระผม จังหวะที่น้ำจากฝักบัวกระทบโดนศีรษะบริเวณหลังใบหูข้างที่รู้สึกอื้อ ผมจะได้ยินเสียงน้ำกระทบชัดมาก เหมือนเสียงสะท้อนก้องๆ (อีกข้างไม่เป็น)
ผมตั้งใจจะไปตรวจที่คลีนิคพิเศษที่ศิริราชอีกครั้งในเดือน มี.ค. ซึ่งถ้าหมอยังวินิจฉัยเหมือนเดิมคือท่อปรับความดันอักเสบหรือทำงานผิดปกติ ผมจะบอกหมอไปเลยดีมั้ยครับว่าผมสงสัยว่าจะเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก (อาจจะพูดซอฟท์ๆหน่อยโดยบอกหมอว่า เป็นไปได้มั้ยว่าจะมีก้อนเนื้อหรือเส้นเลือดอุดตัน) เพราะไม่แน่ใจว่าถ้าผมพูดแบบนั้น มันจะกลายเป็นการชี้นำหมอรึเปล่า และจะกลายเป็นว่าผมจะโดนตรวจชิ้นเนื้อ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ต้องเจ็บตัว ทั้งที่จริงแล้วความเป็นไปได้ที่จะเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกมันต่ำมากรึเปล่า