AMANOHASHIDATE ; KYOTO PART I
ออกเดินทางจาก Kyoto station Track 31 ไปยังสถานี FUKUCHIYAMA โดย จขบ ใช้ JR WIDE PASS และได้ทำการจองที่นั่งเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ( ได้ รถคันที่ 7 ) อย่างที่รู้กันว่ารถไฟของทาง JR. ไม่ได้วิ่งครอบคลุมไปถึงสถานี AMANOHASHIDATE ต้องใช้รถไฟของ TANGO ต่อ เราเลยวางแผนว่าจะซื้อ Amanohashidate Pass เอาไว้เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ( อ่านมาจากคนอื่นเค้าบอกว่าซื้อได้บนรถนี่แหละ )
มาเดินทางกันต่อเลยนะครับ เราเลือกนั่ง HASHIDATE 1 from KYOTO 9:25 ---> FUKUCHIYAMA 10:41 หน้าตาของเจ้าขบวนนี้ก็หล่อเอาเรื่องเลยทีเดียว
วันนี้โชคดีที่ยังพอมีหิมะให้เห็นอยู่บ้างเป็นระยะ ๆ
ทิวสนยาวตัดสลับกับหิมะ ที่โปรยลงมาดูแล้วสวยงามมาก นับได้ว่าเป็น รถไฟสายที่สามารถนั่งชมวิวได้สายหนึ่งเลยทีเดียว แถมเจ้า HASHIDATE ขบวนนี้ยังเป็น WIDE WINDOW อีกด้วยจึงยิ่งเพิ่มความประทับใจแบบ X 2
นั่งรถดูวิวเพลิน ๆ เผลอเดี๋ยวเดียวก็ได้ยินประกาศ ว่าใกล้ถึงแล้ว แต่มันดูชอบกลนะเห็นว่าจะมีการตัดขบวนด้วย เพื่อความปลอดภัยเลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ดู เจ้าหน้าที่เค้าใจดีบอกเราว่า ต้องย้ายที่นั่งนะ จาก ขบวนที่ 7 ที่เรานั่งอยู่ ไปยังขบวนที่ 4 เมื่อรถจอดที่สถานี FUKICHIYAMA ส่วน Amanohashidate Pass นั้นก็สามารถซื้อได้กับเจ้าหน้าที่ของ บริษัทเอกชน (TANGO) ที่เค้าวิ่งรถต่อ เจ้าหน้าที่ ของ JR. ไม่มีขายให้
พอถึงสถานี FUKUCHIYAMA เราก็รีบย้ายจากขบวนที่ 7 ไปยัง ขบวนที่ 4 ซึ่งเป็นรถแบบ Nonreserved ทันทีตามที่เจ้าหน้าที่เค้าแนะนำ
รถจะหยุดที่นี่เพื่อเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่ JR. จะลงจากรถไปแล้วเปลี่ยนให้เจ้าหน้าที่ของ เอกชน (TANGO) ขึ้นมาทำการเดินรถต่อไป ซึงใช้เวลาประมาณ 5 นาที รถก็เริ่มเคลื่อนที่ต่อไป มุ่งหน้าไปยัง Amanohashidate
แล้วเราก็ทำการซื้อ Amanohashidate Pass จากเจ้าหน้าที่ที่มาตรวจตั๋วได้สำเร็จ ราคาก็อยู่ที่ 1600 เยน โดยเจ้าหน้าที่เค้าจะออกเป็นใบเสร็จให้เราก่อน
โดยเราสามารถเอาไปเปลี่ยนเป็น Pass ได้เมื่อถึงสถานี Amanohashidate แล้ว เมื่อเทียบราคาที่จ่ายไป กับสิทธิต่าง ๆ นับว่าคุ้มมากมาย
ตาม Link --->
http://www.amanohashidate.jp/lang/en/wp-content/uploads/2015/12/KyotoSeaAreaPass.pdf
http://www.amanohashidate.jp/lang/en/kyoto-sea-area-pass/
Amanohashidate Pass นี้ครอบคลุมค่ารถไปในฝั่ง Amanohashidate ค่านั่งเรือ ค่าเช่าจักรยาน ค่านั่งกระเช้าฝั่ง Kasamatsu Park
นั่งไปสักพักก็จะถึงสถานี MIYAZU ซึ่งจากสถานีนี้รถจะวิ่งถอยหลังไปยังสถานี
Amanohashidate นั่งรถไปเพียงไม่กี่นาทีก็เริ่มมองเห็นวิวทะเล ความตื่นเต้นเริ่มกลับเข้ามาอีกครั้ง
ลงจากรถไฟเราก็เอาใบเสร็จที่ได้มาก่อนหน้านี้ไปเปลี่ยนเป็น Pass สวย ๆ
ที่ Office ของสถานีทันที
ที่ Pass จะระบุวันที่ใช้งานเอาไว้ สามารถใช้โชว์ให้แต่ละสถานที่ดูเพื่อรับสิทธิต่าง ๆ เราเดินออกจากสถานีก็มีหิมะมาต้อนรับขับสู้กันเลยทีเดียว คาดว่าเพิ่งตกลงมาเมื่อคืนที่ผ่านมาเพราะยังนุ่มอยู่มาก
การเดินทางในเมืองนี้ค่อนข้างง่าย เป้าหมายแรกของเราคือไปเช่าจักรยานปั่นไปยังฝั่ง Ine เราเดินออกจากสถานีรถไฟเลี้ยวขวาเดินตรงไปเรื่อย ๆ จนถึงสามแยก จากนั้นข้ามถนนเลี้ยวซ้ายเข้าซอยแล้วตรงไปเรื่อย ๆ ก็จะเห็นประตูทางเข้าวัด และ ซอยเล็ก ๆ ที่เห็นป้ายสีน้ำเงินซึ่งอยู่ติดกับวัดนี้ก็คือท่าเรือ AMANOHASHIDATE ที่เราจะมาเช่าจักรยานปั่นบนสันหลังมังกรกัน
เดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ก็พบว่ามีจักรยานอยู่แค่ 2 คัน ซึ่งไม่พอกับกลุ่มของเรา
เราเลยตัดสินใจที่จะขึ้นเรือไปยังฝั่ง Ine ก่อน แล้วขากลับค่อยเช่าจักรยานปั่นกลับเอา ที่ท่าเรือนี้จะมีเรือออกเรื่อย ๆ รอไม่นาน อีกทั้งวิวที่นี่ก็ทำให้เพลินแบบลืมเวลาไปเลย
น้ำที่นี่ใสสะอาดมากมาย มีนกนางนวลออกมาต้อนรับด้วย
เผลอเดี๋ยวเดียวเรือก็เข้ามาเทียบท่าแล้ว
เรือที่จะพาเราข้ามฟากไปมี 2 ชั้น ชั้นบนเป็นดาดฟ้าเรือเปิดโล่ง เราใช้ Amanohashidate Pass เลยไม่ต้องจ่ายเงินค่าเรือ.
ที่ท่าเรือ กับบนเรือจะมี ข้าวเกรียบกุ้ง คาลบี้ วางขายอยู่เราเลยซื้อมา 1 ถุง 100 เยน หยอดเงินลงกล่องที่วางไว้ได้เลย เอาไปทำอะไรเดี๋ยวมาดูกัน
พอเรือเริ่มออกจากท่าเรือ เหล่าบรรดานกนางนวลก็จะบินมาโฉบเฉี่ยว เรารีบแกะคาลบี้แล้วเริ่มให้อาหารนกกันอย่างสนุกสนาน ใกล้ชิดมาก
ประมาณ 9 นาทีเรือก็พาเรามายังฝั่ง Ine ที่ท่าเรือสามารถมองเห็นกระเช้า และจุดชมวิวได้อย่างชัดเจน
ลงจากเรือเราก็พบจักรยานมากมายที่จอดอยู่ในฝั่งนี้ พลางคิดในใจว่า ขากลับเราต้องได้ปั่นกลับชัวร์ 100% 5555
เดินออกจากท่าเรือเราตรงไปเรื่อย ๆ จะเป็นทางเข้า ศาลเจ้า Motoise Kono Shrine ซึ่งเป็น 1 ในศาลเจ้าสำคัญของศาสนาชินโต เราเลือกที่จะขึ้นไปที่จุดชมวิวก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงคนเยอะ เราเลยเดินเลี้ยวไปทางซ้าย แล้วข้ามถนนบริเวณแยก แล้วเดินตรงขึ้นเนินไปยังกระเช้าทันที
ระหว่างทางเดินขึ้นไปยัง Kasamatsu Park นั้นจะมีร้านค้าหลายร้านตั้งเรียงรายอยู่ ใครหิวก็สามารถมาหาซื้อกันได้
มีทั้ง ปลา จิกุวะ ลูกเกาลัก โอ้ย เยอะ แล้วกัน
ที่ Kasamatsu Park นี้สามารถใช้ Amanohashidate Pass และเลือกขึ้นได้ทั้ง
แชร์ลิฟท์ หรือ รถรางก็ได้ เราตั้งใจกันว่าจะนั่งแชร์ลิฟท์ แต่ดันมาช่วงฤดูหนาวซึ่งส่วนแชร์ลิฟท์จะงดให้บริการ เลยเป็นอันต้อง รับประทานแห้วไป สุดท้ายเลยต้องเดินคอตกไปขึ้นรถรางตามระเบียบ
รถรางจะใช้เวลาประมาณ 4 นาทีพาเราขึ้นมายังจุดชมวิว
ข้างบนนี้สวย และอากาศดีมาก มองเห็นแนวสันหลังมังกรได้อย่างสวยงาม
เรามาถึงช่วงเกือบบ่ายแล้วเลยทำให้ได้ภาพที่เป็นมุมย้อนแสง แต่ก็งามไปอีกแบบ
ลองถ่ายแบบกลับหัวซึ่งทุกคนที่มาที่นี่เค้าต้องทำท่าก้มมองลอดหว่างขา เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามเหมือนมังกรกำลังบินขึ้นสู่สวรรค์ ( เค้าว่ากันมา )
ใครอยากลองความแม่นก็ขอเชิญขว้างหิน ลอดห่วงกันดู เค้าว่าถ้าขว้างเข้าไปได้ จะสามารถขอพรได้ 1 อย่าง จขกท. เลยจัดไป 200 เยน 3 ลูกผลก็คงไม่ต้องบอกกันนะครับ ไม่อยากคุย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือ ทางเดินกระจก ระยะสั้น ๆ ที่ยื่นออกไปจากจุดชมวิว ที่คนกลัวความสูงไม่กล้าเดินแน่นอน เราใช้เวลาประมาณ 40 นาทีนั่งเล่น ถ่ายรูปจนหนำใจแล้วก็นั่งรถรางลงไปด้านล่าง
จากฐานด้านล่างเราเดินเลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปประมาณ 50 เมตรจากนั้นเลี้ยวขวาไปตามทางเล็ก ๆ เพื่อเข้าไปยัง ศาลเจ้า Motoise Kono Shrine
ศาลเจ้า Motoise Kono Shrine เป็นศาลเจ้าสำคัญของศาสนาชินโต ซึ่งภายในไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปเลยเก็บภาพมาได้เพียงเท่านี้ เดินออกมาเราก็ข้ามถนน
ท้องก็เริ่มหิวกันพอดี เราเลยตกลงกันว่าจะกิน อูด้งที่ร้านหัวมุมนี่แหละ
กลับมาที่ท่าเรือเพื่อเช่าจักรยานปั่นกลับฝั่ง Amanohashidate
การเช่าจักรยานก็ง่าย ๆ แค่เดินไปที่ Office แล้วยื่น Amanohashidate Pass ให้เจ้าหน้าที่ดู เจ้าหน้าที่เค้าจะ เก็บค่ามัดจำรถคันละ 500 เยน โดยจะคืนให้เราเมื่อเราเอาจักรยานไปคืนที่ฝั่งนู้น ภายในเวลาไม่เกิน 16.00 น.
หลังจากได้จักรยานมาแล้วเราก็ปั่นเลียบชายทะเลไปตามทางบนสันหลังมังกรกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศระหว่างทางนี้ดีมากเป็นแนวต้นสน หลายร้อยต้น ขนาบข้างทั้ง 2 ฝั่งด้วยทะเลสีฟ้าใสราวกับกระจก และศาลเจ้า Amanohashidate Shrine เราสามารถเจอคนญี่ปุ่นหลาย ๆ คนเค้าเดินข้ามฟากกัน บางคนก็มาวิ่งออกกำลังกาย ระหว่างทางที่ปัน จะมีห้องน้ำให้เป็นระยะ ๆ ไม่ต้องห่วงเลยทีเดียว
เราใช้เวลาปั่นกัน ประมาณ 30 นาที กับระยะทาง 3.6 กม.
ปั่นไปถ่ายรูปไป เดินเล่นริมทะเล ไป ก็มาถึงสะพาน สีแดง Kaisenkyou " The Ratating Briedge " นี้ซึ่งเป็นสะพานที่สามารถหมุนได้เพื่อเปิดให้เรือผ่านเข้า - ออก
ภาพจากอีกมุมจะสามารถมองเห็นฐานของสะพานที่สามารถหมุนได้
เดี๋ยวกลับมาเดินทางต่อนะครับ ...
[CR] AMANOHASHIDATE ; การเดินทางบนเส้นทางแห่งมังกร
ออกเดินทางจาก Kyoto station Track 31 ไปยังสถานี FUKUCHIYAMA โดย จขบ ใช้ JR WIDE PASS และได้ทำการจองที่นั่งเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ( ได้ รถคันที่ 7 ) อย่างที่รู้กันว่ารถไฟของทาง JR. ไม่ได้วิ่งครอบคลุมไปถึงสถานี AMANOHASHIDATE ต้องใช้รถไฟของ TANGO ต่อ เราเลยวางแผนว่าจะซื้อ Amanohashidate Pass เอาไว้เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ( อ่านมาจากคนอื่นเค้าบอกว่าซื้อได้บนรถนี่แหละ )
มาเดินทางกันต่อเลยนะครับ เราเลือกนั่ง HASHIDATE 1 from KYOTO 9:25 ---> FUKUCHIYAMA 10:41 หน้าตาของเจ้าขบวนนี้ก็หล่อเอาเรื่องเลยทีเดียว
วันนี้โชคดีที่ยังพอมีหิมะให้เห็นอยู่บ้างเป็นระยะ ๆ
ทิวสนยาวตัดสลับกับหิมะ ที่โปรยลงมาดูแล้วสวยงามมาก นับได้ว่าเป็น รถไฟสายที่สามารถนั่งชมวิวได้สายหนึ่งเลยทีเดียว แถมเจ้า HASHIDATE ขบวนนี้ยังเป็น WIDE WINDOW อีกด้วยจึงยิ่งเพิ่มความประทับใจแบบ X 2
นั่งรถดูวิวเพลิน ๆ เผลอเดี๋ยวเดียวก็ได้ยินประกาศ ว่าใกล้ถึงแล้ว แต่มันดูชอบกลนะเห็นว่าจะมีการตัดขบวนด้วย เพื่อความปลอดภัยเลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ดู เจ้าหน้าที่เค้าใจดีบอกเราว่า ต้องย้ายที่นั่งนะ จาก ขบวนที่ 7 ที่เรานั่งอยู่ ไปยังขบวนที่ 4 เมื่อรถจอดที่สถานี FUKICHIYAMA ส่วน Amanohashidate Pass นั้นก็สามารถซื้อได้กับเจ้าหน้าที่ของ บริษัทเอกชน (TANGO) ที่เค้าวิ่งรถต่อ เจ้าหน้าที่ ของ JR. ไม่มีขายให้
พอถึงสถานี FUKUCHIYAMA เราก็รีบย้ายจากขบวนที่ 7 ไปยัง ขบวนที่ 4 ซึ่งเป็นรถแบบ Nonreserved ทันทีตามที่เจ้าหน้าที่เค้าแนะนำ
รถจะหยุดที่นี่เพื่อเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่ JR. จะลงจากรถไปแล้วเปลี่ยนให้เจ้าหน้าที่ของ เอกชน (TANGO) ขึ้นมาทำการเดินรถต่อไป ซึงใช้เวลาประมาณ 5 นาที รถก็เริ่มเคลื่อนที่ต่อไป มุ่งหน้าไปยัง Amanohashidate
แล้วเราก็ทำการซื้อ Amanohashidate Pass จากเจ้าหน้าที่ที่มาตรวจตั๋วได้สำเร็จ ราคาก็อยู่ที่ 1600 เยน โดยเจ้าหน้าที่เค้าจะออกเป็นใบเสร็จให้เราก่อน
โดยเราสามารถเอาไปเปลี่ยนเป็น Pass ได้เมื่อถึงสถานี Amanohashidate แล้ว เมื่อเทียบราคาที่จ่ายไป กับสิทธิต่าง ๆ นับว่าคุ้มมากมาย
ตาม Link --->
http://www.amanohashidate.jp/lang/en/wp-content/uploads/2015/12/KyotoSeaAreaPass.pdf
http://www.amanohashidate.jp/lang/en/kyoto-sea-area-pass/
Amanohashidate Pass นี้ครอบคลุมค่ารถไปในฝั่ง Amanohashidate ค่านั่งเรือ ค่าเช่าจักรยาน ค่านั่งกระเช้าฝั่ง Kasamatsu Park
นั่งไปสักพักก็จะถึงสถานี MIYAZU ซึ่งจากสถานีนี้รถจะวิ่งถอยหลังไปยังสถานี
Amanohashidate นั่งรถไปเพียงไม่กี่นาทีก็เริ่มมองเห็นวิวทะเล ความตื่นเต้นเริ่มกลับเข้ามาอีกครั้ง
ลงจากรถไฟเราก็เอาใบเสร็จที่ได้มาก่อนหน้านี้ไปเปลี่ยนเป็น Pass สวย ๆ
ที่ Office ของสถานีทันที
ที่ Pass จะระบุวันที่ใช้งานเอาไว้ สามารถใช้โชว์ให้แต่ละสถานที่ดูเพื่อรับสิทธิต่าง ๆ เราเดินออกจากสถานีก็มีหิมะมาต้อนรับขับสู้กันเลยทีเดียว คาดว่าเพิ่งตกลงมาเมื่อคืนที่ผ่านมาเพราะยังนุ่มอยู่มาก
การเดินทางในเมืองนี้ค่อนข้างง่าย เป้าหมายแรกของเราคือไปเช่าจักรยานปั่นไปยังฝั่ง Ine เราเดินออกจากสถานีรถไฟเลี้ยวขวาเดินตรงไปเรื่อย ๆ จนถึงสามแยก จากนั้นข้ามถนนเลี้ยวซ้ายเข้าซอยแล้วตรงไปเรื่อย ๆ ก็จะเห็นประตูทางเข้าวัด และ ซอยเล็ก ๆ ที่เห็นป้ายสีน้ำเงินซึ่งอยู่ติดกับวัดนี้ก็คือท่าเรือ AMANOHASHIDATE ที่เราจะมาเช่าจักรยานปั่นบนสันหลังมังกรกัน
เดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ก็พบว่ามีจักรยานอยู่แค่ 2 คัน ซึ่งไม่พอกับกลุ่มของเรา
เราเลยตัดสินใจที่จะขึ้นเรือไปยังฝั่ง Ine ก่อน แล้วขากลับค่อยเช่าจักรยานปั่นกลับเอา ที่ท่าเรือนี้จะมีเรือออกเรื่อย ๆ รอไม่นาน อีกทั้งวิวที่นี่ก็ทำให้เพลินแบบลืมเวลาไปเลย
น้ำที่นี่ใสสะอาดมากมาย มีนกนางนวลออกมาต้อนรับด้วย
เผลอเดี๋ยวเดียวเรือก็เข้ามาเทียบท่าแล้ว
เรือที่จะพาเราข้ามฟากไปมี 2 ชั้น ชั้นบนเป็นดาดฟ้าเรือเปิดโล่ง เราใช้ Amanohashidate Pass เลยไม่ต้องจ่ายเงินค่าเรือ.
ที่ท่าเรือ กับบนเรือจะมี ข้าวเกรียบกุ้ง คาลบี้ วางขายอยู่เราเลยซื้อมา 1 ถุง 100 เยน หยอดเงินลงกล่องที่วางไว้ได้เลย เอาไปทำอะไรเดี๋ยวมาดูกัน
พอเรือเริ่มออกจากท่าเรือ เหล่าบรรดานกนางนวลก็จะบินมาโฉบเฉี่ยว เรารีบแกะคาลบี้แล้วเริ่มให้อาหารนกกันอย่างสนุกสนาน ใกล้ชิดมาก
ประมาณ 9 นาทีเรือก็พาเรามายังฝั่ง Ine ที่ท่าเรือสามารถมองเห็นกระเช้า และจุดชมวิวได้อย่างชัดเจน
ลงจากเรือเราก็พบจักรยานมากมายที่จอดอยู่ในฝั่งนี้ พลางคิดในใจว่า ขากลับเราต้องได้ปั่นกลับชัวร์ 100% 5555
เดินออกจากท่าเรือเราตรงไปเรื่อย ๆ จะเป็นทางเข้า ศาลเจ้า Motoise Kono Shrine ซึ่งเป็น 1 ในศาลเจ้าสำคัญของศาสนาชินโต เราเลือกที่จะขึ้นไปที่จุดชมวิวก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงคนเยอะ เราเลยเดินเลี้ยวไปทางซ้าย แล้วข้ามถนนบริเวณแยก แล้วเดินตรงขึ้นเนินไปยังกระเช้าทันที
ระหว่างทางเดินขึ้นไปยัง Kasamatsu Park นั้นจะมีร้านค้าหลายร้านตั้งเรียงรายอยู่ ใครหิวก็สามารถมาหาซื้อกันได้
มีทั้ง ปลา จิกุวะ ลูกเกาลัก โอ้ย เยอะ แล้วกัน
ที่ Kasamatsu Park นี้สามารถใช้ Amanohashidate Pass และเลือกขึ้นได้ทั้ง
แชร์ลิฟท์ หรือ รถรางก็ได้ เราตั้งใจกันว่าจะนั่งแชร์ลิฟท์ แต่ดันมาช่วงฤดูหนาวซึ่งส่วนแชร์ลิฟท์จะงดให้บริการ เลยเป็นอันต้อง รับประทานแห้วไป สุดท้ายเลยต้องเดินคอตกไปขึ้นรถรางตามระเบียบ
รถรางจะใช้เวลาประมาณ 4 นาทีพาเราขึ้นมายังจุดชมวิว
ข้างบนนี้สวย และอากาศดีมาก มองเห็นแนวสันหลังมังกรได้อย่างสวยงาม
เรามาถึงช่วงเกือบบ่ายแล้วเลยทำให้ได้ภาพที่เป็นมุมย้อนแสง แต่ก็งามไปอีกแบบ
ลองถ่ายแบบกลับหัวซึ่งทุกคนที่มาที่นี่เค้าต้องทำท่าก้มมองลอดหว่างขา เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามเหมือนมังกรกำลังบินขึ้นสู่สวรรค์ ( เค้าว่ากันมา )
ใครอยากลองความแม่นก็ขอเชิญขว้างหิน ลอดห่วงกันดู เค้าว่าถ้าขว้างเข้าไปได้ จะสามารถขอพรได้ 1 อย่าง จขกท. เลยจัดไป 200 เยน 3 ลูกผลก็คงไม่ต้องบอกกันนะครับ ไม่อยากคุย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือ ทางเดินกระจก ระยะสั้น ๆ ที่ยื่นออกไปจากจุดชมวิว ที่คนกลัวความสูงไม่กล้าเดินแน่นอน เราใช้เวลาประมาณ 40 นาทีนั่งเล่น ถ่ายรูปจนหนำใจแล้วก็นั่งรถรางลงไปด้านล่าง
จากฐานด้านล่างเราเดินเลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปประมาณ 50 เมตรจากนั้นเลี้ยวขวาไปตามทางเล็ก ๆ เพื่อเข้าไปยัง ศาลเจ้า Motoise Kono Shrine
ศาลเจ้า Motoise Kono Shrine เป็นศาลเจ้าสำคัญของศาสนาชินโต ซึ่งภายในไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปเลยเก็บภาพมาได้เพียงเท่านี้ เดินออกมาเราก็ข้ามถนน
ท้องก็เริ่มหิวกันพอดี เราเลยตกลงกันว่าจะกิน อูด้งที่ร้านหัวมุมนี่แหละ
กลับมาที่ท่าเรือเพื่อเช่าจักรยานปั่นกลับฝั่ง Amanohashidate
การเช่าจักรยานก็ง่าย ๆ แค่เดินไปที่ Office แล้วยื่น Amanohashidate Pass ให้เจ้าหน้าที่ดู เจ้าหน้าที่เค้าจะ เก็บค่ามัดจำรถคันละ 500 เยน โดยจะคืนให้เราเมื่อเราเอาจักรยานไปคืนที่ฝั่งนู้น ภายในเวลาไม่เกิน 16.00 น.
หลังจากได้จักรยานมาแล้วเราก็ปั่นเลียบชายทะเลไปตามทางบนสันหลังมังกรกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศระหว่างทางนี้ดีมากเป็นแนวต้นสน หลายร้อยต้น ขนาบข้างทั้ง 2 ฝั่งด้วยทะเลสีฟ้าใสราวกับกระจก และศาลเจ้า Amanohashidate Shrine เราสามารถเจอคนญี่ปุ่นหลาย ๆ คนเค้าเดินข้ามฟากกัน บางคนก็มาวิ่งออกกำลังกาย ระหว่างทางที่ปัน จะมีห้องน้ำให้เป็นระยะ ๆ ไม่ต้องห่วงเลยทีเดียว
เราใช้เวลาปั่นกัน ประมาณ 30 นาที กับระยะทาง 3.6 กม.
ปั่นไปถ่ายรูปไป เดินเล่นริมทะเล ไป ก็มาถึงสะพาน สีแดง Kaisenkyou " The Ratating Briedge " นี้ซึ่งเป็นสะพานที่สามารถหมุนได้เพื่อเปิดให้เรือผ่านเข้า - ออก
ภาพจากอีกมุมจะสามารถมองเห็นฐานของสะพานที่สามารถหมุนได้
เดี๋ยวกลับมาเดินทางต่อนะครับ ...