เป็นครั้งแรกที่ตั้งกระทู้ในพันทิพหลังจากสมัครสมาชิกมาก็หลายปี อาจจะใช้ภาษาหรือเขียนไม่เก่ง แต่อยากหาเพื่อนคุยหรือขอคำแนะนำบ้าง เวลาที่คิดอะไรไม่ออก สมองมันตื้อ หรืออาจจะได้รับคำแนะนำที่ดีๆ บ้างในช่วงเวลาที่เราได้รู้ว่าคนที่เรารักกำลังจะจากเราไปในเวลาอีกไม่นาน เราจะยื้อเวลาหรือทำอะไรได้บ้างในเวลาที่จำกัดแบบนี้ ซึ่งในชีวิตเคยเผื่อใจไว้ว่า ไม่ว่าเราจะรักใครหวงใครแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครอยู่กับเราไปตลอดชีวิต พอถึงเวลาจริงก็ทำใจลำบาก แม่เรามีอาชีพทำนา แต่แม่กับพ่อก็ทำงานหนักส่งลูกเรียนและมีการงานทำเลี้ยงดูครอบครัวได้กันทุกคน พอต้นปีนี้ พ่อกับแม่อายุเจ็ดสิบกว่ากันแล้ว พ่อกับแม่บอกเราว่าพ่อกับแม่จะเลิกทำนาแล้วนะ เราก็ดีใจ รับปากกับพ่อแม่ว่าเราจะทำนาเอง เพื่อให้พ่อกับแม่ได้พักผ่อนในบั้นปลายของชีวิต ความจริงก็อยากให้พ่อกับแม่เลิกทำงานมานานแล้ว แต่ด้วยความดื้อและเป็นคนขยันของพ่อกับแม่ยังทำงานหนักไม่หยุดซักที แต่เมื่อถึงเวลาพักผ่อนของพ่อกับแม่ กลับมาเหตุการณ์ร้ายเข้ามาในชีวิตของแม่
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมาเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ เมื่อได้รู้ว่า แม่ที่เลี้ยงลูกมาทั้งชีวิต เหนื่อยมาตลอดชีวิต เป็นมะเร็งท่อน้ำดีระยะสุดท้าย จากที่คุณหมอได้อัลตร้าซัาวด์ดูแล้ว คุณหมอก็บอกกับพี่สาวว่า เหมือนจะพบเนื้อร้ายในตับของแม่ คุณหมอก็ส่งต่อไป CT ในวันต่อมาซึ่งเป็นวันเสาร์ และวันอาทิตย์ก็กลับไปให้คุณหมอดูผล CT อีกครั้ง และคุณหมอก็ยืนยันว่าแม่เป็นมะเร็งท่อน้ำดี ระยะสุดท้าย คุณหมอบอกว่าคงทำอะไรไม่ได้แม่อายุมากแล้ว ก้อนเนื้อก็โตมาก และกำลังจะกระแสเลือด ครอบครัวเราเสียใจมาก เรากับพี่สาวร้องไห้เสียใจ เพราะตลอดเวลาพวกเราจะพาพ่อกับแม่ตรวจสุขภาพประจำปีทุกปี และพ่อกับแม่ก็สุขภาพดีมาโดยตลอด จากวันที่ 5 กุมภาพันธ์ จนถึงวันนี้พวกเราใช้เวลาทำใจและดูแลคุณแม่อย่างดีที่สุด สืบค้นในอินเตอร์เน็ตเรื่องการรักษาและวิธีการดูแลผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีระยะสุดท้าย ขณะนี้คุณหมอและพี่สาวซึ่งเป็นพยาบาลให้แม่ทานยาแก้ปวดและวิตามินสามเวลาหลังอาหารทุกวัน แม่ยังทานข้าวได้ทุกมื้อและขับถ่ายเป็นปกติ ปวดหลังน้อยลง แต่นอนมากขึ้น เดินไปมาได้ปกติ อาหารที่ให้แม่กินเน้นปลา ผัก และผลไม้ กินนมเอ็นชัวส์
อ่อ ลืมบอกไป คุณแม่รู้แล้วนะคะว่าตัวเองเป็นโรคอะไร สังเกตจากสีหน้าลูกหลังจากที่ลูกคุยกับคุณหมอ ก็เลยถามตรงๆ แม่บอกว่าแม่ไม่กลัวตาย แต่แม่กลัวความเจ็บปวด ตอนนี้ทุกวันจะนอนกับแม่ ก่อนนอนทุกวันสวดมนต์ให้แม่ฟัง หาธรรมะมาให้แม่ฟัง
ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ จะพยายามทำดีกับแม่ให้ถึงที่สุด ใครมีประสบการณ์หรือมีคำแนะนำอะไรดีๆ ช่วยแนะนำด้วยนะคะ
ชีวิตที่เหลือยู่ เมื่อรู้ว่าแม่เป็นมะเร็งท่อน้ำดีระยะสุดท้าย
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมาเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ เมื่อได้รู้ว่า แม่ที่เลี้ยงลูกมาทั้งชีวิต เหนื่อยมาตลอดชีวิต เป็นมะเร็งท่อน้ำดีระยะสุดท้าย จากที่คุณหมอได้อัลตร้าซัาวด์ดูแล้ว คุณหมอก็บอกกับพี่สาวว่า เหมือนจะพบเนื้อร้ายในตับของแม่ คุณหมอก็ส่งต่อไป CT ในวันต่อมาซึ่งเป็นวันเสาร์ และวันอาทิตย์ก็กลับไปให้คุณหมอดูผล CT อีกครั้ง และคุณหมอก็ยืนยันว่าแม่เป็นมะเร็งท่อน้ำดี ระยะสุดท้าย คุณหมอบอกว่าคงทำอะไรไม่ได้แม่อายุมากแล้ว ก้อนเนื้อก็โตมาก และกำลังจะกระแสเลือด ครอบครัวเราเสียใจมาก เรากับพี่สาวร้องไห้เสียใจ เพราะตลอดเวลาพวกเราจะพาพ่อกับแม่ตรวจสุขภาพประจำปีทุกปี และพ่อกับแม่ก็สุขภาพดีมาโดยตลอด จากวันที่ 5 กุมภาพันธ์ จนถึงวันนี้พวกเราใช้เวลาทำใจและดูแลคุณแม่อย่างดีที่สุด สืบค้นในอินเตอร์เน็ตเรื่องการรักษาและวิธีการดูแลผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีระยะสุดท้าย ขณะนี้คุณหมอและพี่สาวซึ่งเป็นพยาบาลให้แม่ทานยาแก้ปวดและวิตามินสามเวลาหลังอาหารทุกวัน แม่ยังทานข้าวได้ทุกมื้อและขับถ่ายเป็นปกติ ปวดหลังน้อยลง แต่นอนมากขึ้น เดินไปมาได้ปกติ อาหารที่ให้แม่กินเน้นปลา ผัก และผลไม้ กินนมเอ็นชัวส์
อ่อ ลืมบอกไป คุณแม่รู้แล้วนะคะว่าตัวเองเป็นโรคอะไร สังเกตจากสีหน้าลูกหลังจากที่ลูกคุยกับคุณหมอ ก็เลยถามตรงๆ แม่บอกว่าแม่ไม่กลัวตาย แต่แม่กลัวความเจ็บปวด ตอนนี้ทุกวันจะนอนกับแม่ ก่อนนอนทุกวันสวดมนต์ให้แม่ฟัง หาธรรมะมาให้แม่ฟัง
ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ จะพยายามทำดีกับแม่ให้ถึงที่สุด ใครมีประสบการณ์หรือมีคำแนะนำอะไรดีๆ ช่วยแนะนำด้วยนะคะ