เป็นความโชคดีของผมอย่างหนึ่งที่เคยได้มีโอกาสเจอและพูดคุยกับคุณสุลักษณ์เกือบจะสามสิบปีมาแล้วเห็นจะได้ ที่วัดโคนอน จังหวัดนนทบุรี ตอนนั้นผมเป็นสามเณรได้รับนิมนต์จากท่านรองเจ้าอาวาสให้ไปบรรยายเรื่องบทบาทของสามเณรกับสันติวิธี จริงๆ ไปเป็นแค่ตัวประกอบ “คั่นเวลา” บนเวทีระหว่างรอคุณ ศ.ศิวลักษณ์ขึ้นเวที แต่ก็ดีใจและตื่นเต้นนะ....แม้ช่วงนั้น ศ.ศิวลักษณ์ยังไม่ถึงจุดพีคเพราะ “รัศมี” ของคุณชายคึกฤทธิ์ ปราโมชบดบังแทบทุกกระเบียดนิ้วอยู่ ลงเวทีมาคุณศ. ชมผมว่า “เณรน้อยตัวนี้หัวแหลมดีนะ” (ชมหรือด่าก็ไม่รู้ลล่ะ? แต่ผมทึกทักเอาก็แล้วกันว่าชม อิ อิ อิ)
เวลาที่คุณ ศ. ไปบรรยายหรือเขียนหนังสือ/วารสารเกี่ยวกับพุทธศาสนา พระสงฆ์ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในสายตาของคุณศ . ที่มักจะเอ่ยชื่อเสมอๆ คือ พระภัทรมุนี (อดีตเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ) คุณ ศ. มีพระที่นับถือไม่กี่องค์ในเมืองไทย นอกจากพระภัทรมุนีแล้วก็เห็นจะเป็นท่านพระพรมคุณาภรณ์ หรือท่านเจ้าคุณประยุทธ์ ปยุตฺโต(อดีตสามเณรเปรียญธรรมเก้าประโยค) ที่สุดแห่งที่สุดแล้วคุณ ศ. แกนิยม “ของนอก” มากกว่าคือท่านศรัทธาพุทธศาสนาลัทธิวัชรยานมากกว่าเถรวาทของไทย องค์พระดาไล ลามะคือศรัทธาของคุณ ศ. ดังนั้นจะเห็นได้ว่า เวลาคุณ ศ. แกวิจารณ์พระสงฆ์ในเมืองไทยนี่ แกวิจารณ์แบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรมใดๆ ทั้งสิ้น(ถูกหรือผิดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหมือนที่เคยด่านายปรีดี พนมยงค์อย่างรุนแรงมาเป็นปีๆ แต่พอได้อ่านและได้ศึกษาอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น แกก็กลับใจมาขอโทษขอโพยทีหลัง)
จุดดึงดูดและน่าเชื่อถืออย่างหนึ่งของคุณ ศ. เวลาวิจารณ์/บรรยาย/เขียน เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา แกจะใช้ศัพท์พระยกอ้างคำบาลีที่ชาวบ้านอย่างเราๆ ท่านๆ แทบจะไม่คุ้นหู โดยทั่วๆ ไปเวลาใครยกอ้างคำ/ภาษิต/พุทธวจนะ ที่มีมาในพระไตรปิกฏและคงศัพท์เดิมไว้นั้น มักจะสร้างความประทับใจแก่คนฟัง(ทั้งๆ ที่อาจจะไม่เข้าใจศัพท์ถ่องแท้ บางครั้งคนพูดเองก็ไม่เข้าใจถ่องแท้เช่นกัน แต่ยกขึ้นมาอ้างให้มันขลังและน่าเชื่อถือไปอย่างนั้นแหละ) นี่คืออัตตลักษณ์ในการวิจารณ์ในเชิงพุทธศาสนาของคุณ ศ. แก ที่สร้างความประทับใจให้แก่คนฟังและอ่าน และเป็นฐานของ"ปราชญ์แห่งสยาม" ของแก
ไม่กี่วันมานี้....แกวิจารณ์เหตุการณ์กรณี “สังฆราช” ซะสนุกปาก ประหนึ่งว่าในสามโลกอันกว้างไกลนี้ ศ.ศิวลักษณ์คือหนึ่งเดียว(เสียดายที่คุณชายคึกฤทธิ์ไม่อยู่??) ด่าว่าสมเด็จช่วงไม่มี “วิหารธรรม” ไม่มีอุเบกขา (ปุ้โธ่!! ท่านปริปากเงียบไม่เออไม่ออซะขนาดนี้ยังโดนด่าอีกว่าไม่มีอุเบกขา? ถ้าขืนท่านออกมาพูดก็คงจะโดนด่าอีกแระว่าไม่สำรวมสมกับเป็นพระผู้ใหญ่ จริงไหมครับคุณ ศ.??)
ถ้าไล่อายุกันจริงๆ แล้ว ผมเป็นหลานคุณ ศ. เลยล่ะนะ......แต่แหม เห็นคนแก่ออกมาด่าพระด่าเจ้ากราดไปหมดอย่างนี้......อยากบอกว่าเรื่องด่าเรื่องวิจารณ์อะไรที่ “ปลายเหตุ” อย่างนี้ใครก็ทำได้นะครับคุณ ศ. (แม่ค้าแถวปากคลองตลาดเจ๋งกว่าด้วยอ่ะ) ....คือเห็นคุณทำอย่างนี้แล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ ว่าศักดิ์ศรีของคุณจะพอมีบ้างไหมครับ....และถ้าเป็น “ปราชญ์” ตัวจริงเขาไม่ด่าไม่วิจารณ์อะไรที่ปลายเหตุอย่างนี้หรอกครับ มันเหมือนคุณกำลังไปยืนด่านักวิ่งที่ปลายเส้นชัยอะไรทำนองนี้แหละครับ too late! ไหมล่ะนั่น??
ส่วนที่คุณ ศ. บอกว่า สมเด็จช่วงไม่มีเมตตาธรรมที่ไปปลดพระพรมสุธี(ที่พึ่งจะผูกคอตายในกุฏิไม่นานนี้)ออกจากเจ้าอาวาสวัดสระเกศ และปลดออกจากกรรมการเถรสมาคม นี่ไงครับ?? อย่างนี้แหละที่เรียกคุณ ศ. กำลังมายืนด่าเอาที่ปลายเหตุ ผมไม่อยากจะวิจารณ์ตรงนี้มากนักเพราะไหนๆ ท่านเจ้าคุณพรมสุธีก็มรณภาพไปแล้ว (ปล. ผมมีพระเณรที่เป็นเพื่อนเคยบวชเรียนมาด้วยกันจากวัดสระเกศหลายรูป ซึ่งผมพอจะรู้อยู่บ้างว่าที่สมเด็จช่วงปลดพระพรมสุธีจากเจ้าอาวาสวัดสระเกศนั้นด้วยเหตุผลอะไร)....แต่บอกได้เลยว่าคุณ ศ. ด่าสมเด็จช่วงที่ปลายเหตุ
คุณด่าพระสงฆ์ว่ามัวเมาลาภยศ และตำแหน่ง.....อ้าว! ไม่นานมานี้ก็เห็นร้องโย้วๆ สนับสนุนให้เจ้าคุณประยุทธ์ได้ตำแหน่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ไม่ใช่หรือครับคุณ ศ. ?? ทำไมพูดสับปรับอย่างนั้นล่ะที่นี้
คุณ ศ. บอกให้ยุบมหาเถรสมาคม แถมอวดภูมิโชว์ว่ามหาเถรสมาคมเป็นองค์กรเผด็จการที่ตั้งขึ้นมาโดยโดยเผด็จการปี 2505.....ด่าพระจนมึนไปแล้วล่ะครับ ศ. ...มหาเถรสมาตั้งขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลที่๕ ตามพระราชาบัญญัติสงฆ์ รศ. ๑๒๑ ครับ ไม่ใช่พึ่งจะมาตั้งปี๒๕๐๕
ผมพึ่งจะรู้จากปากคุณ ศ. ว่านายพลอูนุแห่งพม่าอยู่ในตำแหน่งไม่ได้เพราะรำคาญการเรียกร้องนู่นเรียกร้องนี่ของพระพม่าไม่ได้แล้วยกตำแหน่งให้นายเนวิน...สุดยอดจริงๆ ปราชญ์สยาม(เสียดายที่คุณชายคึกฤทธิ์ไม่อยู่)
ผมว่าคุณ ศ. ศิวรักษ์ควรพักผ่อนแบบยาวๆ ไปเลยดีกว่านะครับ เพราะเห็นคุณ “เก๊ก” เป็นปราชญ์สยามมานานแล้ว วาง “หน้ากาก” ลงแล้วกลับไปเป็นตัวของตัวเองสบายใจกว่า ไม้ใกล้ฝั่งแล้ว หาสัจจะรรมที่แท้จริงดีกว่า
.....ศ.ศิวรักษ์ (หน้ากาก)ปราชญ์แห่งสยาม??.....
เวลาที่คุณ ศ. ไปบรรยายหรือเขียนหนังสือ/วารสารเกี่ยวกับพุทธศาสนา พระสงฆ์ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในสายตาของคุณศ . ที่มักจะเอ่ยชื่อเสมอๆ คือ พระภัทรมุนี (อดีตเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ) คุณ ศ. มีพระที่นับถือไม่กี่องค์ในเมืองไทย นอกจากพระภัทรมุนีแล้วก็เห็นจะเป็นท่านพระพรมคุณาภรณ์ หรือท่านเจ้าคุณประยุทธ์ ปยุตฺโต(อดีตสามเณรเปรียญธรรมเก้าประโยค) ที่สุดแห่งที่สุดแล้วคุณ ศ. แกนิยม “ของนอก” มากกว่าคือท่านศรัทธาพุทธศาสนาลัทธิวัชรยานมากกว่าเถรวาทของไทย องค์พระดาไล ลามะคือศรัทธาของคุณ ศ. ดังนั้นจะเห็นได้ว่า เวลาคุณ ศ. แกวิจารณ์พระสงฆ์ในเมืองไทยนี่ แกวิจารณ์แบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรมใดๆ ทั้งสิ้น(ถูกหรือผิดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหมือนที่เคยด่านายปรีดี พนมยงค์อย่างรุนแรงมาเป็นปีๆ แต่พอได้อ่านและได้ศึกษาอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น แกก็กลับใจมาขอโทษขอโพยทีหลัง)
จุดดึงดูดและน่าเชื่อถืออย่างหนึ่งของคุณ ศ. เวลาวิจารณ์/บรรยาย/เขียน เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา แกจะใช้ศัพท์พระยกอ้างคำบาลีที่ชาวบ้านอย่างเราๆ ท่านๆ แทบจะไม่คุ้นหู โดยทั่วๆ ไปเวลาใครยกอ้างคำ/ภาษิต/พุทธวจนะ ที่มีมาในพระไตรปิกฏและคงศัพท์เดิมไว้นั้น มักจะสร้างความประทับใจแก่คนฟัง(ทั้งๆ ที่อาจจะไม่เข้าใจศัพท์ถ่องแท้ บางครั้งคนพูดเองก็ไม่เข้าใจถ่องแท้เช่นกัน แต่ยกขึ้นมาอ้างให้มันขลังและน่าเชื่อถือไปอย่างนั้นแหละ) นี่คืออัตตลักษณ์ในการวิจารณ์ในเชิงพุทธศาสนาของคุณ ศ. แก ที่สร้างความประทับใจให้แก่คนฟังและอ่าน และเป็นฐานของ"ปราชญ์แห่งสยาม" ของแก
ไม่กี่วันมานี้....แกวิจารณ์เหตุการณ์กรณี “สังฆราช” ซะสนุกปาก ประหนึ่งว่าในสามโลกอันกว้างไกลนี้ ศ.ศิวลักษณ์คือหนึ่งเดียว(เสียดายที่คุณชายคึกฤทธิ์ไม่อยู่??) ด่าว่าสมเด็จช่วงไม่มี “วิหารธรรม” ไม่มีอุเบกขา (ปุ้โธ่!! ท่านปริปากเงียบไม่เออไม่ออซะขนาดนี้ยังโดนด่าอีกว่าไม่มีอุเบกขา? ถ้าขืนท่านออกมาพูดก็คงจะโดนด่าอีกแระว่าไม่สำรวมสมกับเป็นพระผู้ใหญ่ จริงไหมครับคุณ ศ.??)
ถ้าไล่อายุกันจริงๆ แล้ว ผมเป็นหลานคุณ ศ. เลยล่ะนะ......แต่แหม เห็นคนแก่ออกมาด่าพระด่าเจ้ากราดไปหมดอย่างนี้......อยากบอกว่าเรื่องด่าเรื่องวิจารณ์อะไรที่ “ปลายเหตุ” อย่างนี้ใครก็ทำได้นะครับคุณ ศ. (แม่ค้าแถวปากคลองตลาดเจ๋งกว่าด้วยอ่ะ) ....คือเห็นคุณทำอย่างนี้แล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ ว่าศักดิ์ศรีของคุณจะพอมีบ้างไหมครับ....และถ้าเป็น “ปราชญ์” ตัวจริงเขาไม่ด่าไม่วิจารณ์อะไรที่ปลายเหตุอย่างนี้หรอกครับ มันเหมือนคุณกำลังไปยืนด่านักวิ่งที่ปลายเส้นชัยอะไรทำนองนี้แหละครับ too late! ไหมล่ะนั่น??
ส่วนที่คุณ ศ. บอกว่า สมเด็จช่วงไม่มีเมตตาธรรมที่ไปปลดพระพรมสุธี(ที่พึ่งจะผูกคอตายในกุฏิไม่นานนี้)ออกจากเจ้าอาวาสวัดสระเกศ และปลดออกจากกรรมการเถรสมาคม นี่ไงครับ?? อย่างนี้แหละที่เรียกคุณ ศ. กำลังมายืนด่าเอาที่ปลายเหตุ ผมไม่อยากจะวิจารณ์ตรงนี้มากนักเพราะไหนๆ ท่านเจ้าคุณพรมสุธีก็มรณภาพไปแล้ว (ปล. ผมมีพระเณรที่เป็นเพื่อนเคยบวชเรียนมาด้วยกันจากวัดสระเกศหลายรูป ซึ่งผมพอจะรู้อยู่บ้างว่าที่สมเด็จช่วงปลดพระพรมสุธีจากเจ้าอาวาสวัดสระเกศนั้นด้วยเหตุผลอะไร)....แต่บอกได้เลยว่าคุณ ศ. ด่าสมเด็จช่วงที่ปลายเหตุ
คุณด่าพระสงฆ์ว่ามัวเมาลาภยศ และตำแหน่ง.....อ้าว! ไม่นานมานี้ก็เห็นร้องโย้วๆ สนับสนุนให้เจ้าคุณประยุทธ์ได้ตำแหน่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ไม่ใช่หรือครับคุณ ศ. ?? ทำไมพูดสับปรับอย่างนั้นล่ะที่นี้
คุณ ศ. บอกให้ยุบมหาเถรสมาคม แถมอวดภูมิโชว์ว่ามหาเถรสมาคมเป็นองค์กรเผด็จการที่ตั้งขึ้นมาโดยโดยเผด็จการปี 2505.....ด่าพระจนมึนไปแล้วล่ะครับ ศ. ...มหาเถรสมาตั้งขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลที่๕ ตามพระราชาบัญญัติสงฆ์ รศ. ๑๒๑ ครับ ไม่ใช่พึ่งจะมาตั้งปี๒๕๐๕
ผมพึ่งจะรู้จากปากคุณ ศ. ว่านายพลอูนุแห่งพม่าอยู่ในตำแหน่งไม่ได้เพราะรำคาญการเรียกร้องนู่นเรียกร้องนี่ของพระพม่าไม่ได้แล้วยกตำแหน่งให้นายเนวิน...สุดยอดจริงๆ ปราชญ์สยาม(เสียดายที่คุณชายคึกฤทธิ์ไม่อยู่)
ผมว่าคุณ ศ. ศิวรักษ์ควรพักผ่อนแบบยาวๆ ไปเลยดีกว่านะครับ เพราะเห็นคุณ “เก๊ก” เป็นปราชญ์สยามมานานแล้ว วาง “หน้ากาก” ลงแล้วกลับไปเป็นตัวของตัวเองสบายใจกว่า ไม้ใกล้ฝั่งแล้ว หาสัจจะรรมที่แท้จริงดีกว่า