ขอบคุณนะคะที่ให้ความสนใจกันในกระทู้ "ฝึกทักษะภาษาอังกฤษ ฉบับ โลกไม่สวย"
http://ppantip.com/topic/34812172
เราเองก็พิมพ์ไปตาม Feeling ตามประสบการณ์ ใช้ภาษาแบบกันเองบ้างก็อย่าถือสากันนะยะ.แล้วก็มาเห็นคนแชร์กันเยอะใน Facebook ซึ่งก็ตกใจและค่อนข้างดีใจมากทีเดียวที่สามารถทำให้หลายๆคนเปลี่ยน Attitude ในการฝึกภาษา จริงๆไม่ใช่แค่ภาษาอังกฤษ มันก็สามารถเอาไปใช้ได้หลายภาษาเลย ขอบคุณมากๆที่ชื่นชอบและแชร์กันต่อๆไป
**ขอบคุณ อาจารย์ต้น แห่ง สถาบันสอนภาษาอาจารย์ต้นนะคะ ที่อุตส่าห์ยกให้เป็น IDOL เลยทีเดียว น่าหยิกแก้มจริงๆ
จากกระทู้ที่แล้วที่แนะนำให้ลองตั้ง Status กันเป็นภาษาอังกฤษ
เดาว่าคงมีหลายคนที่แบบ เออมันเป็นเทคนิคที่เริ่ดนะ แต่ก็อดหมันไส้ไม่ได้ อยากจะแก้ อยากจะcorrect ให้ถูกต้อง มันรำคาญลูกกะตา นั้นโน้นนี่บ่นไปโน้น วันนี้เลยอยากมาเขียนเกี่ยวกับ
How to Correct Someone without Embarrassing / offending them!
1. หล่อนควรสนับสนุนเค้าค่ะ ไม่ใช่ไปเม้นตอบว่าแบบ
"โอ้โห เดี๋ยวนี้อัพเตตัสเป็นภาษาอังกฤษ" อะอีนี่ ____ เช็คสติตัวเองก่อน แล้วไปรับยาระงับต่อมความอิจฉาของคนที่กำลังจะเก่งภาษาอังกฤษนะคะ! หรือ "หล่อนเช็คแกรมม่ากับตัวสะกดก่อนโพสมะ ดีออก!" เดี๋ยวก่อน! หล่อนพิมพ์ภาษาไทยยังผิดเลย ยังมีหน้าไปบอกให้เค้าแก้ภาษาอังกฤษให้ถูกก่อนโพส หล่อนนี่ หน้าหวดด้วยหยวกกล้วย
ไม่เอานะคะ ไม่ฆ่า เพื่อนๆ
2.ถ้าหล่อนอยากจะแก้ให้จริงๆด้วยความหวังดีล่ะก็ อ่านสิ่งที่เราจะพิมพ์ให้ต่อไปนี้ค่ะ
*** ว่าด้วยเรื่องการ ติ การใช้ภาษาอังกฤษที่ดีและถูกต้อง
จะว่าไปมันเป็นเรื่องที่ดีนะ ที่คุณพยายามจะสอน หรือ ช่วยแก้ไขในสิ่งที่คนอื่นบกพร่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่พยายามจะใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันเพื่อทำความคุ้นเคย กับมันเพราะอยากจะเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้น พวกหล่อนควรทำบุญด้วยวิธีนี้นะยะ
**แต่คุณรู้ไหมว่าการที่คุณบอกกล่าวตรงๆ "หล่อนแบบนี้มันผิดย่ะ หล่อนห้ามใช้" มันค่อนข้างดูรุนแรงและโหดร้ายไปหน่อยสำหรับชาวไทยที่ค่อนข้างอ่อนไหวอย่างเราๆ
ซึ่งดีไม่ดี คุณได้ทำลายความมั่นใจของเค้าไปอย่างเต็ม100% แล้ว
บาปนะคะ ดีออก!!
ฝรั่งจะถือเลยว่า "Correcting people's mistakes is rude."
ซึ่งเอาจริงๆ เราไม่ได้โกรธนะ ไม่เคยโกรธด้วย เวลาใครมาบอกเราว่า เออหล่อนพูดผิดนะ หล่อน ร้องเพลงผิดนะ ซึ่งเป็นแต่ก่อนเราคงจะไม่พูดภาษาอังกฤษให้คนๆนั้นได้ยินอีก แค่นั้น หรือดีไม่ดี ไม่พูดดีกว่า
เดี๋ยวจะโดนแก้ Grammar กลางอากาศ อายค่ะ
แต่ตอนนี้เฉยๆแล้วค่ะ ก็จะขอบคุณด้วยซ้ำไป
คราวนี้เข้าใจเจตนาดีว่า หวังดีอยากให้เพื่อนหรือคนที่ใช้ภาษาอังกฤษผิดพูดถูก จะช่วยเค้า correct ยังไง
สมมุติ
A : I really want to take a bath right now.
B : You can't say take a bath dude because you are going to take a shower.
เอ้า!! ตึงเลย ! งานหน้าเด้งหน้าตึง งานยิ้มอ่อนมาเลยค่ะทีนี้ .อันตรายนะคะสำหรับความรู้สึก ในสถานการณ์ที่คุณๆก็รู้กันอยู่แล้วว่าที่บ้านไม่มีอ่างอาบน้ำ มีแต่ฝักบัวค่ะ หรูสุดก็ตักน้ำจากขันอาบ ซึ่ง Bath กับ Shower ก็ค่อนข้างแตกต่างกัน แต่ ถามว่า เข้าใจไหม ?
YES , TOTALLY!!!!
ลองเปลี่ยนวิธี เช่น
A : I really want to
take a bath right now.
B : oh well so do I,
Let's take a shower.
เห็นมะ อีที่พูดผิด นางจะแบบ เอ้า! ทำไมหล่อนใช้คำนี้ล่ะ .
นางจะเริ่มสังเกตเอง และถ้านางถาม ค่อยตอบ ค่อยอธิบายค่ะ
ลองพูดทวนคำถาม หรือ พูดทวนประโยคที่นางตอบ ถ้าเรามั่นใจว่าเราแก้ให้เค้าได้เนอะ
A : so I guess
he don't like me
B : oh
he doesn't like you , why?
เห็นปะอันนี้ตัวอย่างชัดเจนเลยค่ะ เป็นการ Correct Grammar ที่ดี และมีมารยาท ให้เค้าคิดได้เอง ให้เค้าได้กล้าที่จะพูดกับคุณอีก ให้เค้ารู้ว่าคุณจะไม่ติ หรือ ไม่ทำให้เค้าเสียความมั่นใจ รับรองว่าคุณจะเป็นเพื่อน ครู พ่อแม่ หรือ คนแปลกหน้าที่น่ารักมากๆๆๆ และไม่ได้ทำให้รู้สึกอยากจะจับหัวกระแทกชักโครกเพราะความหมันไส้ ถูกไหมคะ?
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเพื่อนมาถามเราว่า เออ ถูกไหม เออ ยังไง หล่อนค่อยบอกค่ะ มันไม่ถือว่าเป็นการทำลายความมั่นใจ
นอกจากนั้น การออกเสียงทวน คำศัพท์ที่เพื่อนเราออกผิด ก็เป็นการแก้ไขที่ดีให้เพื่อนออกเสียงให้ถูก แต่ไม่ต้องไปบอกเค้าตรงๆนะคะเช่น
A : He
like you
B: really? he
likes me? no บลาๆๆๆๆๆ
เราขอยกตัวอย่างจาก บทความใน Website นึงที่แสดงความคิดเห็นกันเกี่ยวกับเรื่องการ Correct grammar's people
Non-native speakers will often make errors. I usually don't correct grammar in conversation unless the person asks to be corrected. It tends to interrupt thought flow to bring grammar into conversation unless asked to do so; also, often a person with normally good written grammar may speak with poor grammar but realises their mistakes (and just needs more experience/practice); in this case it may embarrass them a little bit to point out mistakes unless asked to do so, especially if 3 or more people are conversing together. However, many non-native speakers will ask you to correct them if you get to know them as a friend, at which point it is of course not rude anymore.
In the case of native speakers, there are grammatical errors that have become part of dialect or colloquial speech, depending on where the speaker comes from, such as "I ain't got no ..." or "what up" or "I'm going to lay down" or "Does the student have their stuff". Unless we're talking about a situation that mandates formal English such as a speech, I wouldn't propose corrections to these in conversation. I don't see a necessity for everyone to speak proper high English all the time; in fact I'd say almost everyone makes different grammatical errors based on where they come from, so I'd say pointing out the errors of other native speakers in colloquial situations is a bit high-flown and rude.
REMEMBER!!!
"A gentleman never corrects another person's grammar - unless he is teaching an English class."
https://www.quora.com/Is-it-rude-to-correct-someones-grammar
จบ ปึ้งง !
ยังไงถ้ามีอะไรสงสัย ก็ถามมาหลังไมค์ก็ได้นะคะ ยิ่งแชร์กันไปเยอะๆจะดีใจมาก เพราะว่า ถ้าคนเราตัดความอายกับความกลัวออกไปได้ รับรองเลยว่าคุณจะพูดภาษาอังกฤษได้แบบไม่อายใคร ไม่ใช่แค่ภาษาอังกฤษนะคะ ภาษาอื่นๆก็ด้วย
เราอยู่อิตาลี พูด อิตาเลียนผิด คนอิตาเลียนแท้ๆ ไม่เคยด่า หรือ ไม่เคยแก้ให้เราแบบตรงๆเลยนะ
เค้าจะแก้แบบ พูดทวนประโยคเรา อีกครั้งแบบ ว่า คุณต้องการจะพูดอย่างนี้ใช่ไหม?
แต่ถ้าเพื่อนกัน ก็จะถามว่าพูดถูกไหมแล้วนางก็จะแก้ให้
ภาษาอังกฤษ หรือ เพื่อนเราที่มาจากประเทศ ที่ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาแม่ก็เหมือนกันค่ะ
เราต้องคอยย้ำเสมอว่า "bitch ! you better correct me"
ก็ขำๆกันไป
แต่ก็ใช่ว่าชาวต่างชาติทุกคนจะคิดแบบนี้นะคะ เอาเป็นว่าส่วนมากดีกว่า
ภาษาที่เราใช้อาจจะไม่สุภาพนักนะ Don't take it seriously นะคะ แต่ก็คิดซะว่า เราเป็นเพื่อนเธอคนนึงนะคะ
***ขอ Mention เรื่องของโลกสวยหรือไม่สวยนิดนึงนะคะ จากกระทู้ที่เเล้วเราว่าเราอาจจะใช้คำที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้
ซึ่งคำว่าโลกสวยมันไม่ได้มีแบบแผน แต่อยากให้ลองมองในส่วนของความเป็นจริงมากกว่า ไม่ใช่นั่งฝัน ว่าวันนึงชั้นจะพูดภาษาต่างชาติได้โดยที่แค่นั่งดูหนังฟังเพลง หรือนั่งท่องศัพท์วันละ หลายๆคำ ซึ่งจริงๆแล้วคุณต้องเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่าง ฝ่าฟันอะไรหลายๆด้านกว่าคุณจะสำเร็จถูกไหมคะ บางคนเสียเงินทองไปมากมายหลายบาท บางคนต้องยอมเปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเองเพื่อให้ตัวเองเก่ง บางคนต้องทำตัวให้ชินกับการดูถูกก่อนจะเก่งได้ ซึ่งถ้าพูดตามตรงคนที่เก่งหลายๆภาษา หรือ พูด อ่าน เขียน ได้อย่างคล่องแคล่ว ดิฉันว่าเค้า ไม่ได้ เอาแต่ดูหนัง ฟังเพลงหรือท่องศัพท์อย่างเดียวเเน่ๆ เค้าต้องอดทนแลก หรือเปลี่ยน อะไรสักอย่างก็ตามที่ทำให้เค้าเก่งขึ้น ซึ่งเรามองว่ามันเป็นความพยายามที่เหนื่อยก่อนจะไปถึงจุดที่สวยงามนะคะ หรือถ้าคุณโชคดีเกิดมาเรียนรู้ได้ไว อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องนึงที่คุณสามารถเข้าใจอะไรได้อย่างรวดเร็ว.
เราว่าโลกไม่สวยสำหรับเรา คือความจริงค่ะ ที่คุณต้องยอมลำบากทั้ง กายและใจ เพื่อให้คุณได้ในสิ่งที่คุณปรารถนา
ฝึกทักษะ ภาษาอังกฤษ ฉบับ โลกไม่สวย กับ How to Correct Someone without Embarrassing !!!
http://ppantip.com/topic/34812172
เราเองก็พิมพ์ไปตาม Feeling ตามประสบการณ์ ใช้ภาษาแบบกันเองบ้างก็อย่าถือสากันนะยะ.แล้วก็มาเห็นคนแชร์กันเยอะใน Facebook ซึ่งก็ตกใจและค่อนข้างดีใจมากทีเดียวที่สามารถทำให้หลายๆคนเปลี่ยน Attitude ในการฝึกภาษา จริงๆไม่ใช่แค่ภาษาอังกฤษ มันก็สามารถเอาไปใช้ได้หลายภาษาเลย ขอบคุณมากๆที่ชื่นชอบและแชร์กันต่อๆไป
**ขอบคุณ อาจารย์ต้น แห่ง สถาบันสอนภาษาอาจารย์ต้นนะคะ ที่อุตส่าห์ยกให้เป็น IDOL เลยทีเดียว น่าหยิกแก้มจริงๆ
จากกระทู้ที่แล้วที่แนะนำให้ลองตั้ง Status กันเป็นภาษาอังกฤษ
เดาว่าคงมีหลายคนที่แบบ เออมันเป็นเทคนิคที่เริ่ดนะ แต่ก็อดหมันไส้ไม่ได้ อยากจะแก้ อยากจะcorrect ให้ถูกต้อง มันรำคาญลูกกะตา นั้นโน้นนี่บ่นไปโน้น วันนี้เลยอยากมาเขียนเกี่ยวกับ
How to Correct Someone without Embarrassing / offending them!
1. หล่อนควรสนับสนุนเค้าค่ะ ไม่ใช่ไปเม้นตอบว่าแบบ
"โอ้โห เดี๋ยวนี้อัพเตตัสเป็นภาษาอังกฤษ" อะอีนี่ ____ เช็คสติตัวเองก่อน แล้วไปรับยาระงับต่อมความอิจฉาของคนที่กำลังจะเก่งภาษาอังกฤษนะคะ! หรือ "หล่อนเช็คแกรมม่ากับตัวสะกดก่อนโพสมะ ดีออก!" เดี๋ยวก่อน! หล่อนพิมพ์ภาษาไทยยังผิดเลย ยังมีหน้าไปบอกให้เค้าแก้ภาษาอังกฤษให้ถูกก่อนโพส หล่อนนี่ หน้าหวดด้วยหยวกกล้วย ไม่เอานะคะ ไม่ฆ่า เพื่อนๆ
2.ถ้าหล่อนอยากจะแก้ให้จริงๆด้วยความหวังดีล่ะก็ อ่านสิ่งที่เราจะพิมพ์ให้ต่อไปนี้ค่ะ
*** ว่าด้วยเรื่องการ ติ การใช้ภาษาอังกฤษที่ดีและถูกต้อง
จะว่าไปมันเป็นเรื่องที่ดีนะ ที่คุณพยายามจะสอน หรือ ช่วยแก้ไขในสิ่งที่คนอื่นบกพร่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่พยายามจะใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันเพื่อทำความคุ้นเคย กับมันเพราะอยากจะเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้น พวกหล่อนควรทำบุญด้วยวิธีนี้นะยะ
**แต่คุณรู้ไหมว่าการที่คุณบอกกล่าวตรงๆ "หล่อนแบบนี้มันผิดย่ะ หล่อนห้ามใช้" มันค่อนข้างดูรุนแรงและโหดร้ายไปหน่อยสำหรับชาวไทยที่ค่อนข้างอ่อนไหวอย่างเราๆ ซึ่งดีไม่ดี คุณได้ทำลายความมั่นใจของเค้าไปอย่างเต็ม100% แล้ว
บาปนะคะ ดีออก!!
ฝรั่งจะถือเลยว่า "Correcting people's mistakes is rude."
ซึ่งเอาจริงๆ เราไม่ได้โกรธนะ ไม่เคยโกรธด้วย เวลาใครมาบอกเราว่า เออหล่อนพูดผิดนะ หล่อน ร้องเพลงผิดนะ ซึ่งเป็นแต่ก่อนเราคงจะไม่พูดภาษาอังกฤษให้คนๆนั้นได้ยินอีก แค่นั้น หรือดีไม่ดี ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวจะโดนแก้ Grammar กลางอากาศ อายค่ะ
แต่ตอนนี้เฉยๆแล้วค่ะ ก็จะขอบคุณด้วยซ้ำไป
คราวนี้เข้าใจเจตนาดีว่า หวังดีอยากให้เพื่อนหรือคนที่ใช้ภาษาอังกฤษผิดพูดถูก จะช่วยเค้า correct ยังไง
สมมุติ
A : I really want to take a bath right now.
B : You can't say take a bath dude because you are going to take a shower.
เอ้า!! ตึงเลย ! งานหน้าเด้งหน้าตึง งานยิ้มอ่อนมาเลยค่ะทีนี้ .อันตรายนะคะสำหรับความรู้สึก ในสถานการณ์ที่คุณๆก็รู้กันอยู่แล้วว่าที่บ้านไม่มีอ่างอาบน้ำ มีแต่ฝักบัวค่ะ หรูสุดก็ตักน้ำจากขันอาบ ซึ่ง Bath กับ Shower ก็ค่อนข้างแตกต่างกัน แต่ ถามว่า เข้าใจไหม ?
YES , TOTALLY!!!!
ลองเปลี่ยนวิธี เช่น
A : I really want to take a bath right now.
B : oh well so do I, Let's take a shower.
เห็นมะ อีที่พูดผิด นางจะแบบ เอ้า! ทำไมหล่อนใช้คำนี้ล่ะ . นางจะเริ่มสังเกตเอง และถ้านางถาม ค่อยตอบ ค่อยอธิบายค่ะ
ลองพูดทวนคำถาม หรือ พูดทวนประโยคที่นางตอบ ถ้าเรามั่นใจว่าเราแก้ให้เค้าได้เนอะ
A : so I guess he don't like me
B : oh he doesn't like you , why?
เห็นปะอันนี้ตัวอย่างชัดเจนเลยค่ะ เป็นการ Correct Grammar ที่ดี และมีมารยาท ให้เค้าคิดได้เอง ให้เค้าได้กล้าที่จะพูดกับคุณอีก ให้เค้ารู้ว่าคุณจะไม่ติ หรือ ไม่ทำให้เค้าเสียความมั่นใจ รับรองว่าคุณจะเป็นเพื่อน ครู พ่อแม่ หรือ คนแปลกหน้าที่น่ารักมากๆๆๆ และไม่ได้ทำให้รู้สึกอยากจะจับหัวกระแทกชักโครกเพราะความหมันไส้ ถูกไหมคะ?
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเพื่อนมาถามเราว่า เออ ถูกไหม เออ ยังไง หล่อนค่อยบอกค่ะ มันไม่ถือว่าเป็นการทำลายความมั่นใจ
นอกจากนั้น การออกเสียงทวน คำศัพท์ที่เพื่อนเราออกผิด ก็เป็นการแก้ไขที่ดีให้เพื่อนออกเสียงให้ถูก แต่ไม่ต้องไปบอกเค้าตรงๆนะคะเช่น
A : He like you
B: really? he likes me? no บลาๆๆๆๆๆ
เราขอยกตัวอย่างจาก บทความใน Website นึงที่แสดงความคิดเห็นกันเกี่ยวกับเรื่องการ Correct grammar's people
Non-native speakers will often make errors. I usually don't correct grammar in conversation unless the person asks to be corrected. It tends to interrupt thought flow to bring grammar into conversation unless asked to do so; also, often a person with normally good written grammar may speak with poor grammar but realises their mistakes (and just needs more experience/practice); in this case it may embarrass them a little bit to point out mistakes unless asked to do so, especially if 3 or more people are conversing together. However, many non-native speakers will ask you to correct them if you get to know them as a friend, at which point it is of course not rude anymore.
In the case of native speakers, there are grammatical errors that have become part of dialect or colloquial speech, depending on where the speaker comes from, such as "I ain't got no ..." or "what up" or "I'm going to lay down" or "Does the student have their stuff". Unless we're talking about a situation that mandates formal English such as a speech, I wouldn't propose corrections to these in conversation. I don't see a necessity for everyone to speak proper high English all the time; in fact I'd say almost everyone makes different grammatical errors based on where they come from, so I'd say pointing out the errors of other native speakers in colloquial situations is a bit high-flown and rude.
REMEMBER!!!
"A gentleman never corrects another person's grammar - unless he is teaching an English class."
https://www.quora.com/Is-it-rude-to-correct-someones-grammar
จบ ปึ้งง !
ยังไงถ้ามีอะไรสงสัย ก็ถามมาหลังไมค์ก็ได้นะคะ ยิ่งแชร์กันไปเยอะๆจะดีใจมาก เพราะว่า ถ้าคนเราตัดความอายกับความกลัวออกไปได้ รับรองเลยว่าคุณจะพูดภาษาอังกฤษได้แบบไม่อายใคร ไม่ใช่แค่ภาษาอังกฤษนะคะ ภาษาอื่นๆก็ด้วย
เราอยู่อิตาลี พูด อิตาเลียนผิด คนอิตาเลียนแท้ๆ ไม่เคยด่า หรือ ไม่เคยแก้ให้เราแบบตรงๆเลยนะ
เค้าจะแก้แบบ พูดทวนประโยคเรา อีกครั้งแบบ ว่า คุณต้องการจะพูดอย่างนี้ใช่ไหม?
แต่ถ้าเพื่อนกัน ก็จะถามว่าพูดถูกไหมแล้วนางก็จะแก้ให้
ภาษาอังกฤษ หรือ เพื่อนเราที่มาจากประเทศ ที่ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาแม่ก็เหมือนกันค่ะ
เราต้องคอยย้ำเสมอว่า "bitch ! you better correct me"
ก็ขำๆกันไป
แต่ก็ใช่ว่าชาวต่างชาติทุกคนจะคิดแบบนี้นะคะ เอาเป็นว่าส่วนมากดีกว่า
ภาษาที่เราใช้อาจจะไม่สุภาพนักนะ Don't take it seriously นะคะ แต่ก็คิดซะว่า เราเป็นเพื่อนเธอคนนึงนะคะ
***ขอ Mention เรื่องของโลกสวยหรือไม่สวยนิดนึงนะคะ จากกระทู้ที่เเล้วเราว่าเราอาจจะใช้คำที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้
ซึ่งคำว่าโลกสวยมันไม่ได้มีแบบแผน แต่อยากให้ลองมองในส่วนของความเป็นจริงมากกว่า ไม่ใช่นั่งฝัน ว่าวันนึงชั้นจะพูดภาษาต่างชาติได้โดยที่แค่นั่งดูหนังฟังเพลง หรือนั่งท่องศัพท์วันละ หลายๆคำ ซึ่งจริงๆแล้วคุณต้องเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่าง ฝ่าฟันอะไรหลายๆด้านกว่าคุณจะสำเร็จถูกไหมคะ บางคนเสียเงินทองไปมากมายหลายบาท บางคนต้องยอมเปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเองเพื่อให้ตัวเองเก่ง บางคนต้องทำตัวให้ชินกับการดูถูกก่อนจะเก่งได้ ซึ่งถ้าพูดตามตรงคนที่เก่งหลายๆภาษา หรือ พูด อ่าน เขียน ได้อย่างคล่องแคล่ว ดิฉันว่าเค้า ไม่ได้ เอาแต่ดูหนัง ฟังเพลงหรือท่องศัพท์อย่างเดียวเเน่ๆ เค้าต้องอดทนแลก หรือเปลี่ยน อะไรสักอย่างก็ตามที่ทำให้เค้าเก่งขึ้น ซึ่งเรามองว่ามันเป็นความพยายามที่เหนื่อยก่อนจะไปถึงจุดที่สวยงามนะคะ หรือถ้าคุณโชคดีเกิดมาเรียนรู้ได้ไว อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องนึงที่คุณสามารถเข้าใจอะไรได้อย่างรวดเร็ว.
เราว่าโลกไม่สวยสำหรับเรา คือความจริงค่ะ ที่คุณต้องยอมลำบากทั้ง กายและใจ เพื่อให้คุณได้ในสิ่งที่คุณปรารถนา