นี่ก็เพิ่งจบเทศกาลแห่งความรักมาหมาดๆ นะคะ
มีทั้งคนที่สมหวังกับความรักและมีอีกไม่น้อยก็ยังคงผิดหวังกับความรัก
ยังไง จขกท ก็ขอให้สู้ต่อไปนะคะ จำไว้ว่า ความรักไม่เคยผิดแต่คนต่างหากที่ใช้มันในทางที่ผิดเองเนอะ ^^
กระทู้นี้ก็ไม่มีไรมากค่ะ อยากเป็นกำลังใจให้คนมีรักและฝันที่จะมีครอบครัว มีงานแต่งงานของตัวเอง ได้มีกำลังใจมากขึ้น
สืบเนื่องจาก จขกท เอง สิงอยู่ในพันทิปมานานมาก เพื่อหาข้อมูลเรื่องการแต่งงาน ได้ข้อคิดหลายอย่างจากงานของเพื่อนๆ
ที่มาโพสไว้ (ขอบพระคุณไว้ ณ จุดนี้) ไม่มีจุดประสงค์จะอวดหรืออะไรทั้งนั้นค่ะ แค่อยากส่งต่อความรู้สึกดี ๆไปให้คู่รักคู่ต่อๆไป
เหตุนี้จึงอยากจะเล่าต่อประสบการณ์เรื่องการแต่งงานที่เพิ่งผ่านมาหยกๆ นี้ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน ถือว่าเป็นกำลังใจเล็ก ๆ ให้ทุกคนนะคะ
มาเริ่มกันที่เรื่องราวก่อนจะมาถึงงานนี้ จขกท และแฟนหนุ่ม (สามีผู้ให้ยืมลอคอิน 555) เราคบกันมาได้ 3 ปีแล้วล่ะค่ะ รวมระยะเวลาที่รู้จักกันก็ประมาณ 4 ปี ไม่มากไม่น้อย เราเข้ากันได้ดีค่ะจึงตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ซึ่งเรื่องมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะคะ เงินทองสมัยนี้หากันได้ง่าย ๆ ซะที่ไหน ><" ส่วนทางฝ่ายชายก็เครียดอยู่ไม่น้อยค่ะ เนื่องจากเคยคุยเรื่องสินสอดทองหมั้นแล้ว ถึงกับเครียดจนต้องเปลี่ยนหัวข้อสนทนากันเลยทีเดียว ขอเล่าก่อนนะคะพวกเราทั้งสองคนเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนกันค่ะ อยู่แบบพอมีพอกินแต่ไม่พอเก็บ 55 ซึ่งจะใช้เงินก้อนใหญ่แต่ละทีก็ถึงกับต้องกุมขมับ ดังนั้นเราจึงตกลงกันว่าเงินก้อนแรกที่เราเก็บได้ เราจะซื้อแหวนหมั้นไว้แลกกันก่อนในเบื้องต้นค่ะ ทีนี้รายละเอียดของการซื้อแหวนเราก็มีเท่าหางอึ่ง ก็ต้องถามอากู๋สิคะ ข้อมูลการเลือกเพชร ชนิดของเพชร กะรัตเพชร อะไรวุ่นวายไปหมด แต่โลกก็ไม่ใจร้ายเกินไปค่ะ มีข้อมูลในอินเตอร์เนตเพียบสำหรับคนที่จะซื้อครั้งแรก ให้ศึกษาข้อมูลให้ดีและเลือกซื้อกับผู้ขายหรือบูทที่ไว้ใจได้นะคะ ไม่แนะนำให้ซื้อกับคนรู้จัก เพราะมีหลายคนผิดหวังมาแล้วค่ะ
เงินก้อนแรกก็ตกเป็นแหวนของเจ้าสาวเองง ชิ้งงงงงงงง
ค่ะและจากนั้นอีกหลายเดือนอีเจ้าสาวถึงจะมีตังซื้อแหวนให้เจ้าบ่าวบ้างงง อิอิ
โจทย์คือเรียบง่ายใส่ได้ทุกโอกาส (ไปจบที่ร้านทองโอโรร่าค่ะ)
เมื่อเราได้แหวนหมั้นสำหรับกันและกันแล้ว ขั้นต่อไปเป็นตาของผู้ใหญ่บ้าง ทางฝ่ายเจ้าบ่าวจึงเป็นคนนัดวันเพื่อมาคุยกับที่บ้านอย่างเป็นทางการค่ะ
ส่วนเรื่องฤกษ์ยามวันที่จะแต่งเราก็ตกลงกันคร่าว ๆ ค่ะ ไม่ได้คุยลึกถึงรายละเอียด เวลาที่มาคุยกันนั้นเป็นช่วงกลางปี ซึ่งทางผู้ใหญ่ก็ตกลงกันว่าน่าจะเป็นช่วงปลายปี หรือไม่ก็ต้นปีหน้า (ซึ่งก็คือปีนี้) ค่ะ
ทีนี้พอทุกอย่างเริ่มเป็นรูปธรรม เราจึงดำเนินการจัดการเรื่องงานแต่งงานให้ครบสมบูรณ์ค่ะ เราคุยกันเรื่อยๆ ถึงเรื่องในหัว มีสิ่งที่ชอบและไม่ชอบอะไรก็เอามาแชร์กัน เราสองคนตกลงกันว่าคุยกันไว้ก่อนไม่เร็วไปหรอก เพราะพอถึงวันงานจริงๆ เราจะมีข้อมูลในหัวเยอะแยะทำให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด พองานประจำเยอะขึ้น เจ้าสาวเริ่มถอดใจค่ะ เริ่มหันเหไปทางจ้างออแกไนซ์ดีไหม เพราะทุ่นแรงเราไปได้เยอะ เจ้าบ่าวก็รับไว้พิจารณาค่ะ หาข้อมูลออแกไนซ์มาให้ดูหลายเจ้า แต่ละเจ้าราคาสูงลิบทั้งนั้น เลยตัดสินใจว่าจะทำกันเองดีกว่าค่ะ (ด้วยความงก) เจ้าสาวจึงรับหน้าที่ทำ Timeline สำหรับงานแต่งนี้ขึ้นมาเองค่ะ (อ่านยากหน่อยนะคะ เขียนแบบเข้าใจคนเดียว ถถถ)
จากนั้นเราก็ดำเนินการตาม Timeline ค่ะ เวลาประมาณ 8 -9 เดือน เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการจัดงานนะคะ
5-6 เดือน จขกท คิดว่ายังน้อยเกินไป เริ่มตั้งแต่การจองสถานที่ไปจนถึงหาเวลาสำหรับพรีเวดดิ้ง (กิจกรรมนี้เหนื่อยมากนะคะ ต้องใช้พลังอย่างมากยิ่งถ่ายนอกสถานที่ด้วยแล้วต้องพกแบตไปเพิ่มกันเลยทีเดียวว) ต้องคิดทีละกระบวนการอย่างละเอียดที่สุดให้เหมาะสมพอดีสำหรับทุกฝ่าย
ต้องหาของชำร่วยที่ชอบ (โจทย์คือใช้ประโยชน์ได้จริงและประหยัด) ของไหว้ , การ์ดแบบที่ชอบและตรงกับธีม เยอะแยะตาแปะไก่ไปหมดค่ะ
แต่นอกเหนือสิ่งอื่นใดแล้วถ้าหากจิตใจทั้งสองคนเข้มแข็งพอจะช่วยกันประคับประคองผ่านเรื่องนี้ไปได้ค่ะ ฮิ้ววววววว
เรื่องใหญ่อีกเรื่องคือเราคิดธีมเองค่ะ ปีนี้ Theme Eco , Rustic , little but more กำลังมาค่ะ เน้นแต่งน้อย แต่สวยเรียบประหยัด
เข้าทางเราพอดีตรงประหยัดเรียบง่ายค่ะ เจ้าสาวเลยเลือก Rustic theme ซึ่งโดยส่วนตัวชอบอยู่แล้วเป็นทุนเดิม มาเป็นธีมหลักในงานค่ะ
อีเจ้าสาวเป็นคนคิดแต่จะเป็นรูปเป็นร่างไม่ได้เลยถ้าขาดเจ้าบ่าวที่เป็นกำลังสำคัญ เราใช้ของที่มีอยู่แล้วมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ค่ะ
ไม้เก่าหลังบ้าน ประตูเก่าหลังบ้าน จับมายำให้หมดค่ะ อย่าให้เหลือ 5555 เราหาข้อมูลอ้างอิงในอินเตอร์เนตเยอะค่ะ อันไหนใช้ได้เราก็เลือกใช้
ให้ตรงกับธีม เก็บสิ่งของประดับประดาแบบเก็บเล็กผสมน้อย ซื้อบ้างขอเค้ามาบ้างก็ว่ากันไป
ทีนี้เมื่อแบลคดรอปเสร็จแล้วก็เป็นเรื่องขององค์ประกอบอื่นๆ ค่ะ ดอกไม้ แกนไฟฟ้า ไม้พาเลท เป็นสิ่งของที่เราต้องสะสมเพื่อใช้วันงาน
ช่วงนั้นสายตาเราหากินมาก เห็นอะไรก็นึกไปถึงจะเอาไปใช้ในงานได้ไหมอย่างเดียวเลย 55555
จากนั้นเป็นตาของการถ่ายพรีเวดดิ้งค่ะ เราเลือกแพคเกจที่ถ่ายในสตูดิโออย่างเดียว เพื่อใช้เป็นรูปหน้างานและรูปทำพรีเซนเทชั่นเวดดิ้ง
รวมกับชุดวันจริงทั้ง 4 ชุดด้วยค่ะ ได้ร้านที่ชอบรูปที่ชอบสวยงามตามท้องเรื่องกันเลยทีเดียว ^^
มาพูดถึงเรื่องของชำร่วยกันบ้างค่ะ เดี๋ยวนี้ร้านของชำร่วยมีให้เลือกเยอะมากๆ มีตั้งแต่ราคาาเรตต่ำ ๆ ไปจนถึงสูงลิบ
แต่ 80% ล้วนเป็นของที่ใช้ไม่ได้จริงและเอาไว้เก็บเพื่อความสวยงามได้อย่างเดียว เราสองคนจึงคุยกันว่าโจทย์คือใช้ประโยชน์ได้จริง
ของชำร่วยของเราสองคนจึงกลายเป็นกระเป๋าใส่เหรียญค่ะ วันหนึ่งถ้าใบเดิมเก่าแล้วก็หยิบใบนี้มาใช้ได้นะ ^^
โดยเราไปสั่งที่ร้านทำกระเป๋าตัดเย็บและติดป้ายเป็นชื่อเราเลือกฟร้อนท์ได้เองค่ะ ดีงามมมมมมมมม
และนี่คือของชำร่วยของเรา สนนราคา 13 บาทไทย
และนี่ก็คือการ์ดที่เราสั่งทางออนไลน์ (แต่เลือกรูปแบบและดีไซน์รูปเอง) สนนราคารวมซอง 12.50 บาทไทยค่ะ
ของประดับตกแต่งในงานที่เกณฑ์แรงงานคนในบ้านมาทำค่ะ 55555555555555
และแล้วก็ใกล้ถึงงานจริงเข้ามาทุกทีค่ะ เชื่อว่าคู่บ่าวสาวหลายคนไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่ เพราะวิตกกังวลซะมากกว่าใช่ไหมล่ะ
ยิ่งเป็นคู่ที่เตรียมงานเองแล้ว ความวิตกกังวลจะแทรกตัวเข้ามาแทนความตื่นเต้นจนหมดเลย 5555 กลัวงานจะออกมาไม่ดี ไม่สวย แขกจะตำหนิ
ต้องบอกก่อนว่างานที่บ้านเราจัดเป็นงานแรก (ลูกสาวคนโต) จึงเชิญแขกเยอะมากกก (แขกเช้าโต๊ะจีน 50 โต๊ะ และเย็นอีก 150 ) เยี่ยงงานประจำปี ><
เราเองเป็นอีกคนค่ะที่ไม่ค่อยตื่นเต้นกับการเป็นเจ้าสาวเท่าไหร่ แต่กลัวงานจะออกมาไม่ดีมากกว่า 555 แต่ใจพร้อมคนข้างๆ พร้อมสู้ก็ไม่มีอะไรจะมาหยุดเราได้ค่ะ
แต่ก็มีบางงานที่เราไม่สามารถจริง ๆ อย่างเรื่องพิธีเช้าที่เป็นงานดอกไม้ เราจ้างทีมงานทำฉากค่ะ (เลือกฉากที่ชอบและยอมจ่ายในสิ่งที่ทำไม่ได้)
ฉากของเราจึงออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ ต้องขอขอบคุณทีมงานมากที่ทำออกมาได้สวยสมใจเจ้าสาวจริง ๆ ^^
ทีนี้ในส่วนของงานเย็น หลังจากพิธีงานเช้าเสร็จ ทีมบ่าว-สาวก็มีภาระหน้าที่ต่อค่ะ ต้องไปจัดเตรียมสถานที่สำหรับงานเย็น
ร่างพังมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก (กอไก่ล้านตัว) อากาศร้อน หน้าเป็นผดผื่น ก็ต้องทนเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง
นี่คือแบบแปลนสำหรับงานเย็นที่เราเขียนไว้ค่ะ
และภาพจริงที่ออกมาเป็นแบบนี้ค๊าาาาา (ภูมิใจนำเสนอมากกกกกกกกกกกกก)
เย้ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ทีนี้ก็เป็นเรื่องของพิธีการและการรันคิวงานค่ะ เราเองเป็นคนเขียนสคริปต์และวางลำดับพิธีการไว้หมด โดยให้ทีมงานเพื่อนรักเป็นคนช่วยในเรื่องนี้
ดีใจจริง ๆ ที่มีคนช่วยงานที่ดีและเข้าใจในเนื้องานที่เราอยากให้เป็น (กราบ 300 ตลบ) ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีจนเสร็จสิ้นพิธีการฉลองมงคลสมรส
ในช่วงเย็นค่ะ ขออนุญาตเอาภาพมาฝากเล็กน้อยนะคะ เผื่อมีคนอยากเห็น อิอิ
ตัวอย่างภาพงานเช้า
ตัวอย่างภาพงานเย็น
ในที่สุดก็ผ่านไปด้วยดีกับงานแต่งงานที่ทำด้วยมือของเราทั้งสองคนจริง ๆ นะคะ
เพื่อนๆ คนไหนที่กำลังจะแพลนเรื่องงานแต่งงานสอบถามเราได้เลยนะ อยากให้ทุกคนสนุกกับมันและอย่ากลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ฝากเอาไว้ว่า ถ้าเราผ่านอุปสรรคทั้งหมดไปได้แล้ว ชีวิตคู่ของเราก็จะดำเนินไปได้ไม่ยากเลยนะคะ ^^
ปล. ฝาก Video Presentation ไว้ให้ดูกัน ถ่ายทำเอง / เขียนสคริปต์เอง / สัมภาษณ์สดไม่มีเตี๊ยม / เจ้าบ่าวตัดต่อเอง
https://www.youtube.com/watch?v=JGvWzOWfDX8
D.I.Y wedding งานแต่งงานของเรา^^
มีทั้งคนที่สมหวังกับความรักและมีอีกไม่น้อยก็ยังคงผิดหวังกับความรัก
ยังไง จขกท ก็ขอให้สู้ต่อไปนะคะ จำไว้ว่า ความรักไม่เคยผิดแต่คนต่างหากที่ใช้มันในทางที่ผิดเองเนอะ ^^
กระทู้นี้ก็ไม่มีไรมากค่ะ อยากเป็นกำลังใจให้คนมีรักและฝันที่จะมีครอบครัว มีงานแต่งงานของตัวเอง ได้มีกำลังใจมากขึ้น
สืบเนื่องจาก จขกท เอง สิงอยู่ในพันทิปมานานมาก เพื่อหาข้อมูลเรื่องการแต่งงาน ได้ข้อคิดหลายอย่างจากงานของเพื่อนๆ
ที่มาโพสไว้ (ขอบพระคุณไว้ ณ จุดนี้) ไม่มีจุดประสงค์จะอวดหรืออะไรทั้งนั้นค่ะ แค่อยากส่งต่อความรู้สึกดี ๆไปให้คู่รักคู่ต่อๆไป
เหตุนี้จึงอยากจะเล่าต่อประสบการณ์เรื่องการแต่งงานที่เพิ่งผ่านมาหยกๆ นี้ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน ถือว่าเป็นกำลังใจเล็ก ๆ ให้ทุกคนนะคะ
มาเริ่มกันที่เรื่องราวก่อนจะมาถึงงานนี้ จขกท และแฟนหนุ่ม (สามีผู้ให้ยืมลอคอิน 555) เราคบกันมาได้ 3 ปีแล้วล่ะค่ะ รวมระยะเวลาที่รู้จักกันก็ประมาณ 4 ปี ไม่มากไม่น้อย เราเข้ากันได้ดีค่ะจึงตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ซึ่งเรื่องมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะคะ เงินทองสมัยนี้หากันได้ง่าย ๆ ซะที่ไหน ><" ส่วนทางฝ่ายชายก็เครียดอยู่ไม่น้อยค่ะ เนื่องจากเคยคุยเรื่องสินสอดทองหมั้นแล้ว ถึงกับเครียดจนต้องเปลี่ยนหัวข้อสนทนากันเลยทีเดียว ขอเล่าก่อนนะคะพวกเราทั้งสองคนเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนกันค่ะ อยู่แบบพอมีพอกินแต่ไม่พอเก็บ 55 ซึ่งจะใช้เงินก้อนใหญ่แต่ละทีก็ถึงกับต้องกุมขมับ ดังนั้นเราจึงตกลงกันว่าเงินก้อนแรกที่เราเก็บได้ เราจะซื้อแหวนหมั้นไว้แลกกันก่อนในเบื้องต้นค่ะ ทีนี้รายละเอียดของการซื้อแหวนเราก็มีเท่าหางอึ่ง ก็ต้องถามอากู๋สิคะ ข้อมูลการเลือกเพชร ชนิดของเพชร กะรัตเพชร อะไรวุ่นวายไปหมด แต่โลกก็ไม่ใจร้ายเกินไปค่ะ มีข้อมูลในอินเตอร์เนตเพียบสำหรับคนที่จะซื้อครั้งแรก ให้ศึกษาข้อมูลให้ดีและเลือกซื้อกับผู้ขายหรือบูทที่ไว้ใจได้นะคะ ไม่แนะนำให้ซื้อกับคนรู้จัก เพราะมีหลายคนผิดหวังมาแล้วค่ะ
เงินก้อนแรกก็ตกเป็นแหวนของเจ้าสาวเองง ชิ้งงงงงงงง
ค่ะและจากนั้นอีกหลายเดือนอีเจ้าสาวถึงจะมีตังซื้อแหวนให้เจ้าบ่าวบ้างงง อิอิ
โจทย์คือเรียบง่ายใส่ได้ทุกโอกาส (ไปจบที่ร้านทองโอโรร่าค่ะ)
เมื่อเราได้แหวนหมั้นสำหรับกันและกันแล้ว ขั้นต่อไปเป็นตาของผู้ใหญ่บ้าง ทางฝ่ายเจ้าบ่าวจึงเป็นคนนัดวันเพื่อมาคุยกับที่บ้านอย่างเป็นทางการค่ะ
ส่วนเรื่องฤกษ์ยามวันที่จะแต่งเราก็ตกลงกันคร่าว ๆ ค่ะ ไม่ได้คุยลึกถึงรายละเอียด เวลาที่มาคุยกันนั้นเป็นช่วงกลางปี ซึ่งทางผู้ใหญ่ก็ตกลงกันว่าน่าจะเป็นช่วงปลายปี หรือไม่ก็ต้นปีหน้า (ซึ่งก็คือปีนี้) ค่ะ
ทีนี้พอทุกอย่างเริ่มเป็นรูปธรรม เราจึงดำเนินการจัดการเรื่องงานแต่งงานให้ครบสมบูรณ์ค่ะ เราคุยกันเรื่อยๆ ถึงเรื่องในหัว มีสิ่งที่ชอบและไม่ชอบอะไรก็เอามาแชร์กัน เราสองคนตกลงกันว่าคุยกันไว้ก่อนไม่เร็วไปหรอก เพราะพอถึงวันงานจริงๆ เราจะมีข้อมูลในหัวเยอะแยะทำให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด พองานประจำเยอะขึ้น เจ้าสาวเริ่มถอดใจค่ะ เริ่มหันเหไปทางจ้างออแกไนซ์ดีไหม เพราะทุ่นแรงเราไปได้เยอะ เจ้าบ่าวก็รับไว้พิจารณาค่ะ หาข้อมูลออแกไนซ์มาให้ดูหลายเจ้า แต่ละเจ้าราคาสูงลิบทั้งนั้น เลยตัดสินใจว่าจะทำกันเองดีกว่าค่ะ (ด้วยความงก) เจ้าสาวจึงรับหน้าที่ทำ Timeline สำหรับงานแต่งนี้ขึ้นมาเองค่ะ (อ่านยากหน่อยนะคะ เขียนแบบเข้าใจคนเดียว ถถถ)
จากนั้นเราก็ดำเนินการตาม Timeline ค่ะ เวลาประมาณ 8 -9 เดือน เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการจัดงานนะคะ
5-6 เดือน จขกท คิดว่ายังน้อยเกินไป เริ่มตั้งแต่การจองสถานที่ไปจนถึงหาเวลาสำหรับพรีเวดดิ้ง (กิจกรรมนี้เหนื่อยมากนะคะ ต้องใช้พลังอย่างมากยิ่งถ่ายนอกสถานที่ด้วยแล้วต้องพกแบตไปเพิ่มกันเลยทีเดียวว) ต้องคิดทีละกระบวนการอย่างละเอียดที่สุดให้เหมาะสมพอดีสำหรับทุกฝ่าย
ต้องหาของชำร่วยที่ชอบ (โจทย์คือใช้ประโยชน์ได้จริงและประหยัด) ของไหว้ , การ์ดแบบที่ชอบและตรงกับธีม เยอะแยะตาแปะไก่ไปหมดค่ะ
แต่นอกเหนือสิ่งอื่นใดแล้วถ้าหากจิตใจทั้งสองคนเข้มแข็งพอจะช่วยกันประคับประคองผ่านเรื่องนี้ไปได้ค่ะ ฮิ้ววววววว
เรื่องใหญ่อีกเรื่องคือเราคิดธีมเองค่ะ ปีนี้ Theme Eco , Rustic , little but more กำลังมาค่ะ เน้นแต่งน้อย แต่สวยเรียบประหยัด
เข้าทางเราพอดีตรงประหยัดเรียบง่ายค่ะ เจ้าสาวเลยเลือก Rustic theme ซึ่งโดยส่วนตัวชอบอยู่แล้วเป็นทุนเดิม มาเป็นธีมหลักในงานค่ะ
อีเจ้าสาวเป็นคนคิดแต่จะเป็นรูปเป็นร่างไม่ได้เลยถ้าขาดเจ้าบ่าวที่เป็นกำลังสำคัญ เราใช้ของที่มีอยู่แล้วมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ค่ะ
ไม้เก่าหลังบ้าน ประตูเก่าหลังบ้าน จับมายำให้หมดค่ะ อย่าให้เหลือ 5555 เราหาข้อมูลอ้างอิงในอินเตอร์เนตเยอะค่ะ อันไหนใช้ได้เราก็เลือกใช้
ให้ตรงกับธีม เก็บสิ่งของประดับประดาแบบเก็บเล็กผสมน้อย ซื้อบ้างขอเค้ามาบ้างก็ว่ากันไป
ทีนี้เมื่อแบลคดรอปเสร็จแล้วก็เป็นเรื่องขององค์ประกอบอื่นๆ ค่ะ ดอกไม้ แกนไฟฟ้า ไม้พาเลท เป็นสิ่งของที่เราต้องสะสมเพื่อใช้วันงาน
ช่วงนั้นสายตาเราหากินมาก เห็นอะไรก็นึกไปถึงจะเอาไปใช้ในงานได้ไหมอย่างเดียวเลย 55555
จากนั้นเป็นตาของการถ่ายพรีเวดดิ้งค่ะ เราเลือกแพคเกจที่ถ่ายในสตูดิโออย่างเดียว เพื่อใช้เป็นรูปหน้างานและรูปทำพรีเซนเทชั่นเวดดิ้ง
รวมกับชุดวันจริงทั้ง 4 ชุดด้วยค่ะ ได้ร้านที่ชอบรูปที่ชอบสวยงามตามท้องเรื่องกันเลยทีเดียว ^^
มาพูดถึงเรื่องของชำร่วยกันบ้างค่ะ เดี๋ยวนี้ร้านของชำร่วยมีให้เลือกเยอะมากๆ มีตั้งแต่ราคาาเรตต่ำ ๆ ไปจนถึงสูงลิบ
แต่ 80% ล้วนเป็นของที่ใช้ไม่ได้จริงและเอาไว้เก็บเพื่อความสวยงามได้อย่างเดียว เราสองคนจึงคุยกันว่าโจทย์คือใช้ประโยชน์ได้จริง
ของชำร่วยของเราสองคนจึงกลายเป็นกระเป๋าใส่เหรียญค่ะ วันหนึ่งถ้าใบเดิมเก่าแล้วก็หยิบใบนี้มาใช้ได้นะ ^^
โดยเราไปสั่งที่ร้านทำกระเป๋าตัดเย็บและติดป้ายเป็นชื่อเราเลือกฟร้อนท์ได้เองค่ะ ดีงามมมมมมมมม
และนี่คือของชำร่วยของเรา สนนราคา 13 บาทไทย
และนี่ก็คือการ์ดที่เราสั่งทางออนไลน์ (แต่เลือกรูปแบบและดีไซน์รูปเอง) สนนราคารวมซอง 12.50 บาทไทยค่ะ
ของประดับตกแต่งในงานที่เกณฑ์แรงงานคนในบ้านมาทำค่ะ 55555555555555
และแล้วก็ใกล้ถึงงานจริงเข้ามาทุกทีค่ะ เชื่อว่าคู่บ่าวสาวหลายคนไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่ เพราะวิตกกังวลซะมากกว่าใช่ไหมล่ะ
ยิ่งเป็นคู่ที่เตรียมงานเองแล้ว ความวิตกกังวลจะแทรกตัวเข้ามาแทนความตื่นเต้นจนหมดเลย 5555 กลัวงานจะออกมาไม่ดี ไม่สวย แขกจะตำหนิ
ต้องบอกก่อนว่างานที่บ้านเราจัดเป็นงานแรก (ลูกสาวคนโต) จึงเชิญแขกเยอะมากกก (แขกเช้าโต๊ะจีน 50 โต๊ะ และเย็นอีก 150 ) เยี่ยงงานประจำปี ><
เราเองเป็นอีกคนค่ะที่ไม่ค่อยตื่นเต้นกับการเป็นเจ้าสาวเท่าไหร่ แต่กลัวงานจะออกมาไม่ดีมากกว่า 555 แต่ใจพร้อมคนข้างๆ พร้อมสู้ก็ไม่มีอะไรจะมาหยุดเราได้ค่ะ
แต่ก็มีบางงานที่เราไม่สามารถจริง ๆ อย่างเรื่องพิธีเช้าที่เป็นงานดอกไม้ เราจ้างทีมงานทำฉากค่ะ (เลือกฉากที่ชอบและยอมจ่ายในสิ่งที่ทำไม่ได้)
ฉากของเราจึงออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ ต้องขอขอบคุณทีมงานมากที่ทำออกมาได้สวยสมใจเจ้าสาวจริง ๆ ^^
ทีนี้ในส่วนของงานเย็น หลังจากพิธีงานเช้าเสร็จ ทีมบ่าว-สาวก็มีภาระหน้าที่ต่อค่ะ ต้องไปจัดเตรียมสถานที่สำหรับงานเย็น
ร่างพังมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก (กอไก่ล้านตัว) อากาศร้อน หน้าเป็นผดผื่น ก็ต้องทนเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง
นี่คือแบบแปลนสำหรับงานเย็นที่เราเขียนไว้ค่ะ
และภาพจริงที่ออกมาเป็นแบบนี้ค๊าาาาา (ภูมิใจนำเสนอมากกกกกกกกกกกกก)
เย้ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ทีนี้ก็เป็นเรื่องของพิธีการและการรันคิวงานค่ะ เราเองเป็นคนเขียนสคริปต์และวางลำดับพิธีการไว้หมด โดยให้ทีมงานเพื่อนรักเป็นคนช่วยในเรื่องนี้
ดีใจจริง ๆ ที่มีคนช่วยงานที่ดีและเข้าใจในเนื้องานที่เราอยากให้เป็น (กราบ 300 ตลบ) ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีจนเสร็จสิ้นพิธีการฉลองมงคลสมรส
ในช่วงเย็นค่ะ ขออนุญาตเอาภาพมาฝากเล็กน้อยนะคะ เผื่อมีคนอยากเห็น อิอิ
ในที่สุดก็ผ่านไปด้วยดีกับงานแต่งงานที่ทำด้วยมือของเราทั้งสองคนจริง ๆ นะคะ
เพื่อนๆ คนไหนที่กำลังจะแพลนเรื่องงานแต่งงานสอบถามเราได้เลยนะ อยากให้ทุกคนสนุกกับมันและอย่ากลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ฝากเอาไว้ว่า ถ้าเราผ่านอุปสรรคทั้งหมดไปได้แล้ว ชีวิตคู่ของเราก็จะดำเนินไปได้ไม่ยากเลยนะคะ ^^
ปล. ฝาก Video Presentation ไว้ให้ดูกัน ถ่ายทำเอง / เขียนสคริปต์เอง / สัมภาษณ์สดไม่มีเตี๊ยม / เจ้าบ่าวตัดต่อเอง
https://www.youtube.com/watch?v=JGvWzOWfDX8