ผู้หญิงคนเดียวที่ต้องต่อสู้เพื่อความยุติธรรม เพื่อเด็กๆ 4 ขา กับการทำงานของข้าราชการเรื่องไฟไหม้..คือ......

กระทู้สนทนา
สวัสดีคะ เพื่อนๆทุกท่าน

                          ดิฉันมีเรื่องราวที่ดิฉันมาเล่าให้ฟังคะ ซึ่งบางท่านที่ไม่ชอบหมาเอาเสียเลย อาจมองว่า ที่ดิฉันเก็บเด็กๆ จากหลายๆที่ มารักษา จนหายและดูแลเขาตลอด คือเรื่องเดือดร้อนของเพื่อนบ้านใกล้เคียง แต่ในมุมของคนรักหมา ก็อาจดีใจที่เด็กๆ เหล่านี้มีคนดูแลและมีบ้านอยู่ ดิฉัน ขอบอกสภาพบ้านก่อนนะคะ บ้านดิฉัน มีเนื้อที่ 100 ตรว. ซ้ายขวาไป 3-4 หลัง เป็นบ้านร้าง หรือเป็นบ้านที่ไม่มีคนอยู่อาศัย ด้านหลังของบ้าน เป็นทุ่งนากว้าง จะมีแต่เพื่อนบ้านที่อยู่ตรงข้าม เท่านั้น

                           ตอนที่มาบ้านนี้ใหม่ๆ ก็ยังพูดคุยกับเพื่อนบ้านเหล่านั้นอยู่ แต่ภายหลัง เห็นอะไรมากมาย จึงเลือกที่จะไม่คุยด้วย หรือแม้แต่กระทั่งผู้นำหมู่บ้าน ก็ไม่อยากคุยด้วย เพราะผู้นำชุมชนเป็นผู้แนะนำ ให้เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม เป็นผู้ร้องเรียนว่า สุนัขดิฉันเห่าในเวลากลางวัน ทำให้เขานอนไม่หลับ เขาทำงานเป็นกะ ก็เลยต้องนอนกลางวัน เท่าที่เห็นคือ ผู้นำชุมชน ทำงานร่วมกับเทศบาล จึงสนิทสนมกับทางเทศบาล

                            แต่ตลอดเวลาที่ดิฉัน อยู่บ้านหลังนี้ คือ ผู้นำชุมชน มักมากินเหล้า กับสมาชิกหลายๆท่าน ที่บ้านคณะกรรมการหมู่บ้าน ที่อยู่เยื้องๆ บ้านดิฉัน เป็นประจำ อาทิตย์ละ หลายๆครั้ง เริ่มตั้งวงกันตั้งแต่เย็น บางคืนปาเข้าไป 5 ทุ่ม เที่ยงคืน เป็นประจำ ร้องเพลงคาราโอเกะ แฮปปี้เบิรดเดย์บ่อยมากๆ เดี๋ยวมีประชุม ตั้งวง ซึ่งดิฉันก็ไม่เคยร้องเรียน และเพื่อนบ้านฝั่งนั้นก็ไม่เคยร้องเรียน ไม่เสียงดัง กลับเป็นเสียงที่รื่นหู ไพเราะ แต่แค่เสียงหมาเห่าในเวลากลางวัน กลับกลายเป้นเรื่องรำคาญใจ พอดีที่บ้านจะเก็บๆเด็กๆ เข้ากรง และเข้าบ้าน 6 โมงเย็น เด็กๆ จะนอนในกรงที่กันยุง ทั้งหมด คะ กลางคืน เด็กๆ นอนหลับ เงียบสนิท แต่กลับกลายว่า มนุษย์นี่แหละ ที่เสียงดัง ในเวลากลางคืนเสียแทน แต่กลับไม่เคยมีปัญหา

                         และนี่คือเหตุผล ที่ดิฉันไม่อยากคุยกับเพื่อนบ้าน หรือ ผู้นำชุมชน มีคนในหมู่บ้านมาบอกว่า เขาหมั่นไส้ ดิฉันไม่คุยกับใคร ก็เลยหาเรื่องแกล้ง.... อันนี้ มีคนมาเล่านะคะ เท็จจริงอย่างไรก็ไม่ทราบได้คะ

                         แต่ที่อยากเล่าก็คือ เกิดเหตุบางเรื่องกับดิฉัน แต่เทศบาลไม่รับเรื่อง ผู้นำชุมชนก็ไม่สนใจ เป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตา พวกเขา แต่สำหรับ ดิฉัน คือ ชีวิตเด็กๆ 4 ขา อาจเกิดอันตรายต่อทรัพย์สิน และเด็กๆ 4ขา ที่บ้าน ซึ่ง เด็กๆ 4 ขาทั้งหมด ดิฉันเลี้ยงพวกเขาเหมือนครอบครัว เลี้ยงด้วยความรักจริงๆ ซึ่ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เหมือนแม่คนหนึ่ง ที่จะขอต่อสู้ เพื่อเด็กๆ 4 ขา ด้วยความรัก จริงๆคะ

                     เพื่อนบ้านดิฉัน ร้องเรียนเทศบาลหลายหน และเทศบาลก็มาหลายครั้งมากๆ แต่ละครั้ง เหมือนไม่ฟังคำพูดของดิฉัน เสมือนว่า ฟังความฝ่ายโน้นข้างเดียวจริง ล่าสุด เจ้าหน้าที่เทศบาลมาอีกครั้ง คือเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา อยู่ๆ ก็พูดว่า จะเอาไปอยุ่มูลนิธิ เอามั๊ย เดี๋ยวจะขนย้ายให้ ดิฉันถามว่ามูลนิธิที่ไหน ดิฉันเองก็เก็บหมาจาก สถานกักกันสุนัขจรจัดมาหลายตัว มีมูลนิธิที่ไหนที่เลี้ยงดี สุนัขที่บ้าน ฉีดวัคซีน 6 โรคทุกปี ฉีดเห็บหมัด นอนในห้องกันยุง กินผักทุกวัน ใส่นมผสมทุกวัน หน้าหนาวที่ผ้าอุ่นๆให้ซุก มูลนิธิ ที่คุณว่าทำได้ดี อย่างที่ดิฉันเลี้ยงมั๊ย ถึงเป็นหมาจร ที่ถูกทิ้ง แต่ดิฉันก็เลี้ยงอย่างดี ด้วยความรัก เทศบาลคิดว่า จะเลี้ยงเด็กๆ ทั้งหมด ได้เท่าดิฉันมั๊ย ถ้าได้ ดิฉันจะยินยอม แต่ถ้าเลี้ยงไม่ดี คุณจะรับผิดชอบมั๊ย แถมยังมาบอกว่า เพื่อนบ้านบอกเทศบาลอีกว่า ดิแัน รับจ้างเลี้ยงหมาอีก เอาเข้าไป ดิฉันเก็บเด็กๆมาจาก พันธุ์ทิพย์บ้าง จากเฟสบุ๊ค จากวัด จากสถานกักกันสุนัขจรจัด

                          และวันนั้น ดิฉัน ก้ร้องเรียนที่มีคนมาเผาต้นไม้บ้านร้างที่ติดบ้านดิฉัน วันที่มาเผา ดิฉันไม่ได้อยุ่บ้าน มาเห็นอีกที คือวันที่ดิฉันทำความสะอาดข้างน สายตามาเห็นใบมะม่วงที่บ้านแห้งเหี่ยวคาต้น สูงถึงสายไฟ ประมาณ 4-5 เมตรจากพื้น ตอนนั้นก็ตกใจมาก นึกภาพว่าตอนไฟไหม้ เด็กๆ 4 ขาที่อยู่รั้วด้านนั้นคงร้อนมากๆ เพราะกรงติดรั้ว ด้านนั้น กรงหมาอยู่ใต้ต้นมะม่วง ดิฉัน ได้เดินไปถามเพื่อนบ้านที่อยู่หน้าบ้านดิฉัน อาแป๊ะ ก็บอกแต่ว่า อั๊วไม่พูด อั๊วไม่รู้ ดิฉันก็เลยเดินไปถามเพื่อนบ้านที่ร้องเรียนสุนัขบ้านดิฉัน ว่า คุณได้มาเผาต้นไม้ ข้างบ้านมั๊ย เพราะ ก่อนหน้านั้น เห็นคุณมาตัดต้นไม้ข้างบ้าน บิกตรงฃๆ ว่าไม่ได้พูดว่า กุเลยนะ... เขาตอบว่า กุ ไม่ได้เป็นคนเผา เราก้เลยบอกว่า ไม่ได้เป้นคนเผาก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้เวรกรรมมีจริงไฟไหม้บ้านไอ้คนที่เผาแล้วกัน ไม่นึกหรือไงว่า หมาอยู่ตรงนั้น ไฟไหม้ แล้วใครจะไปช่วย

                          สุดท้าย เขาก็บอกง่า มึ..อยากรู้มั๊ย ว่าใครเผา บ้านตำรวจ มึ....จะกล้าถามมั๊ย แล้วเดี๋ยว มึ...กับกุ เจอกัน อันนี้ คือผู้ชายนะคะ เราเลยตอบว่า ก็ไม่ได้กลัวเหมือนกัน และเราก็เลยเดินไปถามตำรวจ เขาบอกว่า เขาไม่ได้เป้นคนเผา แต่เป็นคนเอาน้ำมาดับให้ จริงๆแล้ว ก็รู้ๆอยุ่ ใครจะมายอมรับละ ไม่มีหลักฐานยืนยัน

                          หลังจากนั้น 1 เดือน ก้มีคนมาเผาต้นไม้และขยะ บ้านถัดไปอีก วันนั้นต้องอัดคลิปไว้ เพราะลมแรงด้วย มีเพื่อน โทรมาถามว่า อยู่บ้านมั๊ย มันดูน่ากลัวจริงๆคะ หลังจากอัดคลิป ไปแล้ว ล่าสุด ก็เผาวันที่ 7 กุมภาอีก ดิฉัน ออกไปข้างนอก และกลับมาพร้อมเพื่อน มีกลุ่มควันบ้านร้างอีก แต่ไม่แรงเท่าที่วันอัดคลิปคะ และเช้าวันที่ 8 ไฟมันคุ มาบ้านติดดิฉัน ถึงจะไม่แรงมาก แต่ถ้ามีลม ก็ไม่แน่เหมือนกัน  ดิฉันได้บอกเรื่องราวแก่เจ้าหน้าที่มาในวันนั้น 5-6 คน เพื่อคุยเรื่องสุนัขเห่า แต่ทุกคนแค่ฟัง เท่านั้น พอเล่าจบก็ไม่คิดแม้แต่จะเดินไปดูให้ ได้แต่บอกว่า งั้นกลับมาพูดเรื่องสุนัขต่อ แล้วกัน เพราะมีผู้ร้องเรียน อันนี้ ทำให้ดิฉัน คิดว่า ตกลงไฟไหม้นี่ ไม่สำคัญเลยหรือ

                        สรุป สำหรับเรื่องหมา ก็คือ ให้ดิฉันคอยรับจดหมายจากเทศบาลอีกครั้ง ก็แล้วกัน

                        รุ่งเช้า ดิฉัน ก็โทรไปเทศบาลอีก โทรไปฝ่ายเดิม คือ สาธารณสุข และ สิ่งแวดล้อม ว่า ดิฉันขอร้องเรียนว่า มีผู้มาเผาขยะและต้นไม้บ้านร้าง หลายครั้ง ซึ่งคนรับสาย ก้คือ คนที่มาที่บ้านดิฉัน เมื่อวานนั่นเอง เป็นหมอคะ เขาบอกว่า ร้องเรียนไม่ได้เป้นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว เหมือนว่า ไฟมันไหม้ไปแล้วนะ อ้าว ตกลง คือ.....ดิฉัน ก็เลยถามว่า ถ้าเกิดเหตุอีก คุณจะมาทันทีมั๊ย เขาก็ตอบว่า มาได้แค่ จันทร์-ศุกร์ เสาร์-อาทิตย์ ก้เรียกดับเพลิงเอาแล้วกัน อันนี้ ทำให้มองไปอีกว่า ตกลง หมาเห่า กับไฟไหม้นี่ หมาเห่า เป้นเรื่องใหญ่ กว่าเรื่องไฟไหม้ หรือนี่ ทีเรื่องหมานี่ เอาเป็นเอาตาย มากี่ครั้ง ก็ได้ หรือ แต่เรื่องไฟไหม้ กลับเป็นเรื่องเล้ก สำหรับข้าราชการที่นี่หรือ

                        สุดท้าย ดิฉันได้โทรไปที่เทศบาลเมือง เพื่อหาข้อมูลว่า เรื่องแบบนี้ ร้องเรียนใคร ร้องเรียนได้มั๊ย เจ้าหน้าที่ โอนสายไปฝ่ายนิติกรไม่อยู่ ก้ดอนไปให้ฝ่ายสิ่งแวดล้อม เขาตอบว่า การทำงานของแต่ละที่ไม่เหมือนกัน อ้าวมันไม่มีมาตราฐาน เรื่องไฟ กันหรือไง สุดท้าย เขาถามว่า ดิฉันอยู่พื้นที่ไหน จะให้เบอร์โทรนายอำเภอ ให้โทรไปถามนายอำเภอเอาแล้วกัน ซึ่งดิฉันก็ได้ดทรไปหา นายอำเภอ ปรากฎว่า นายอำเภอไม่อยู่ และ เขาก็ให้เบอร์โทรคุณปลัดมา สุดท้าย ดิฉันก็ได้โทรคุยกับคุณปลัด และเล่าเรื่องราวที่เขียนมาเบื้องต้นให้ฟัง ซึ่ง คุณปลัด ก็บอกว่า พี่ครับ งั้นพี่ก็ถ่ายรูป มาให้ผมได้มั๊ยครับ เดี๋ยวผมไปดูให้ครับ แค่คำตอบแค่นี้ เราก็สบายใจที่ ยังพอมีข้าราชการดีๆ หลงเหลือ อยู่ ไม่เมินเฉย กับเรื่องไฟไหม้ และนั่นคือ สาเหตุ ทั้งหมด

                         และเป็นเหตุให้เราเขียนเป็นจดหมายแนบไปด้วย เพราะไม่อยากเล่าแล้ว ก็ขอเป็นจดหมายไปเลยแล้วกัน ซึ่ง ดิฉัน ก็จะให้เพื่อนๆ ได้อ่านต่อไป ส่วนใครจะมองว่าเป้นยังไง ก็แล้วแต่วิจารณาญาณกันนะคะ

                          ดิฉันไม่ได้ช่วยแต่สุนัขอย่างเดียวนะคะ แต่ดิฉันได้บริจาคโลหิต เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จนได้เข้าเฝ้า เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ดิฉันเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ขอได้ทำอะไรเพื่อคนอื่น เพื่อเด็กๆ 4 ขาด้วยความรักจริงๆ เด็กๆ ที่บ้านมีทั้งหมาแก่ถูกทิ้งพิการ เดินไม่ได้ หกล้มเดินไม่ได้ เป็นมะเร็ง ตาบอด หมาพันธืที่คนเอาไปทิ้งในที่ต่างๆ เอามารักษาจนหาย และดูแลพวกเขา ไม่เคยรับบริจาค แต่เคยขอรับบริจาคในช่วงรักษา เท่านั้น แต่ละเคสก็ประหยัดค่าใช้จ่ายสุดๆ รับมาดูแล ไม่เคยเสียค่าฝาก แต่หลังจากนั้น ดิฉันต้องทำงาน และเลี้ยงดูเด็กๆทั้งหมดเอง และไม่ได้มีเป็น ร้อยตัว แค่เลขหลัก 2 เท่านั้น ดิฉันรับเท่าที่ ดิฉันสามารถทำได้เท่านั้น บางตัวก้นอนเฉยๆ ลุกขึ้นไม่ได้ เป็นตัวเล้กๆ ก็เยอะ คะ

                          แต่ในความรัก ของดิฉัน หลายๆคนก็อาจไม่เห้นด้วย และคงมาคอมเม้นส์ว่า มันมากเกินไป แต่เด็กๆ ที่บ้าน ก็ไม่ได้เห่ามากมาย เพราะ เคยมีตำรวจและทนายความ เคยเอาหมาพิการมาฝากที่บ้านเหมือนกัน เขาก้บอกว่า ที่บ้านหมาก็แค่เห่า ตามประสาสุนัข สักพักก็เงียบ ทุกวันนี้ ทนายคนนี้ ก็คงให้กำลังใจเสมอ เพราะเขาเองก็เคยมาเจอด้วยตัวเองแล้ว และ ดิฉันก้ได้ปรึกษา เขาอยู่เสมอ

                           ดิฉัน ก็ไม่รู้เลยว่า เราจะอยู่กันนานแค่ไหน ลุกๆ ดิฉันก็จบ ทำงานกันแล้ว ดูแลกันเองได้แล้ว ดิฉัน จึงอยากทำอะไรให้เด็กๆ 4 ขา เพราะดิฉันเคยลำบาก ถึงขั้นไม่มีกิน วันที่เราทุกข์ เรายังอยากมีใครสักคนจับมือเรา ซึ่งสุนัขที่เคยมีเจ้าของ ก็คงเศร้าใจ ทุกข์ใจ เหมือนกัน หาก ความรัก และความเมตตา ของเรา อาจมีมากเกินไป เราก็ต้องขออภัย จริงๆคะ เราก็พยายาม แก้ไขทุกอย่าง จนสุดกำลังจริงๆคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่